มูลค่าการชำระเงินรวม (TPV): หมายถึงอะไร เหตุใดจึงมีความสำคัญ และวิธีใช้อย่างชาญฉลาด

Sigma
Sigma

ข้อมูลทางธุรกิจที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. TPV คืออะไร
  3. เหตุใด TPV จึงมีความสําคัญต่อแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลส
  4. ข้อจำกัดในการใช้ TPV เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จคืออะไร
  5. แพลตฟอร์มจะทำ TPV ให้เติบโตได้อย่างไรโดยไม่ทำให้กำไรลดลง
    1. ขยายการเข้าถึงโดยไม่ลดสถานะทางเศรษฐกิจ
    2. ปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าตลอดช่องทาง
    3. ปรับแต่งเพื่อการชำระเงินที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
    4. กระตุ้นการรักษาลูกค้าและการใช้จ่ายจากลูกค้าปัจจุบัน
    5. ปกป้องอัตรารายรับจากธุรกรรมเมื่อคุณขยายธุรกิจ

มูลค่าการชำระเงินรวม (TPV) มักใช้เป็นตัวเลขหลักที่บ่งชี้สัญญาณการเติบโต และเป็นตัวชี้วัดที่ให้ข้อมูลอย่างดีกับแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่มีการเคลื่อนย้ายเงินระหว่างผู้ใช้ แต่ตัวชี้วัดนี้อาจตีความผิดได้ง่าย เพราะไม่ใช่รายรับ ไม่ใช่กำไร และหากไม่มีบริบท ข้อมูลนี้ก็อาจได้แค่ขนาดมากกว่าความแข็งแกร่ง หากคุณรู้วิธีใช้ TPV และเข้าใจจุดอ่อนของมัน คุณก็จะถมองเห็นการเติบโตที่แท้จริงได้

ด้านล่างนี้เราจะอธิบายว่า TPV วัดอะไร มีจุดอ่อนอย่างไร และธุรกิจที่ชาญฉลาดจะสร้างตัวเลขนี้ให้เติบโตอย่างมีความรับผิดชอบได้อย่างไร

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • TPV คืออะไร
  • ทำไม TPV จึงสำคัญต่อแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลส
  • ข้อจำกัดในการใช้ TPV เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จคืออะไร
  • แพลตฟอร์มจะทำ TPV ให้เติบโตได้อย่างไรโดยไม่ทำให้กำไรลดลง

TPV คืออะไร

TPV วัดจำนวนเงินรวมของธุรกรรมที่ผ่านแพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์ หรือสภาพแวดล้อมในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นตัวเลขรวมก่อนค่าธรรมเนียม การคืนเงิน การดึงเงินคืน หรือเงินหัก หากแพลตฟอร์มการชำระเงินของคุณดำเนินการธุรกรรม 20,000 รายการที่มีมูลค่าเฉลี่ย 50 ดอลลาร์ต่อรายการ TPV ของคุณคือ 1 ล้านดอลลาร์ ไม่ว่าคุณจะได้รายรับจากเงินจำนวนนี้เท่าใดก็ตาม

บางแพลตฟอร์มเรียกตัวชี้วัดนี้ว่า ปริมาณดำเนินธุรกรรมรวม หรือ ปริมาณการชำระเงินรวม

TPV มักมีความหมายกับ

  • มาร์เก็ตเพลส ที่จัดเส้นทางการชำระเงินระหว่างลูกค้าและผู้ขาย

  • แพลตฟอร์มที่สร้างรายได้โดยเก็บเปอร์เซ็นต์จากแต่ละธุรกรรม

  • ผลิตภัณฑ์ฟินเทคที่เคลื่อนย้ายเงินทุนในนามของผู้ใช้

  • เครื่องของบริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) ที่มีระบบชำระเงินที่ผสานรวมในตัวเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจ

ในบริบทเหล่านี้ TPV ทำหน้าที่เป็นสัญญาณระดับภาพรวมของกิจกรรมทางธุรกรรมว่าแพลตฟอร์มขับเคลื่อนให้เกิดการค้าขายมากน้อยเพียงใด

อีกทั้งยังสะท้อนถึงความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อธุรกิจของคุณ ทุกดอลลาร์ที่เคลื่อนผ่านระบบของคุณแสดงถึงลูกค้าที่เลือกทำธุรกรรมผ่านโครงสร้างพื้นฐานของคุณ ยิ่ง TPV ของคุณใหญ่เท่าไหร่ ก็หมายความว่าลูกค้าไว้วางใจให้คุณจัดการการชำระเงินมากเท่านั้น

นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่มีการรายงาน TPV ข้อมูลผลกำไรและการอัปเดตข้อมูลแก่นักลงทุน เพราะข้อมูลนี้เป็นตัวแทนการเข้าถึงและความสำคัญว่ามีการใช้แพลตฟอร์มกว้างขวางเท่าใดและทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด เช่น Stripe มี TPV มากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2024 นั่นคือประมาณ 1.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลก

แม้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ แต่ TPV ก็ไม่ได้คำนึงถึงปริมาณการชำระเงินที่คุณเก็บไว้ได้ โครงสร้างต้นทุนเบื้องหลังแต่ละธุรกรรม การคืนเงิน การโต้แย้ง หรือการรั่วไหลจากการดำเนินงาน การรั่วไหลของรายรับ

เหตุใด TPV จึงมีความสําคัญต่อแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลส

TPV เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดของการขยายธุรกิจสําหรับธุรกิจอยู่ในศูนย์กลางของการชําระเงิน เช่น มาร์เก็ตเพลส แพลตฟอร์ม SaaS และฟินเทคครบวงจร TPV แสดงให้เห็นว่าเงินไหลผ่านระบบของคุณมากน้อยเพียงใด และแพลตฟอร์มของคุณอํานวยความสะดวกให้กับผู้อื่นในมูลค่ามากน้อยเพียงใด

TPV ที่เพิ่มขึ้นอาจกำลังส่งสัญญาณว่า

  • ลูกค้าทําธุรกรรมบนแพลตฟอร์มของคุณมากขึ้น

  • ลูกค้าปัจจุบันซื้อบ่อยขึ้นหรือซื้อในมูลค่าสูงขึ้น

  • ลูกค้าเห็นว่าแพลตฟอร์มของคุณเชื่อถือได้ในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

แพลตฟอร์มเหล่านี้ทําเงินจากการอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมโดยหักส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อย ซึ่ง TPV เป็นยอดรวมที่หล่อเลี้ยงกลไกรายรับนั้น แม้ว่าอัตรารายรับจากธุรกรรมของคุณจะอยู่ที่ 1% หรือ 2% การขยายฐานให้ใหญ่ขึ้น (มูลค่ารวมที่เงินผ่าน) เป็นสิ่งที่ทําให้ธุรกิจเติบโต

TPV มักถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้แรงส่งของธุรกิจโดยเฉพาะในระยะแรก ธุรกิจสตาร์ทอัพอาจยังไม่ทํากําไร แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของ TPV แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นโดนใจลูกค้าและขับเคลื่อนพฤติกรรมได้ ซึ่งมักเป็นสิ่งที่นักลงทุนและทีมภายในมองหาเป็นอันดับแรก

แนวโน้ม TPV กำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจได้

  • กรณีที่ TPV เติบโตอย่างรวดเร็วอาจทำให้ต้องอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานหรือมีการควบคุมความเสี่ยง

  • การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคอาจส่งสัญญาณว่าควรเพิ่มการปรับผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับที่ใด

  • ความผันผวนตามฤดูกาลอาจช่วยเรื่องการตัดสินใจจ้างงานและบริการสนับสนุน

สำหรับในองค์กร TPV ช่วยเรื่องการคาดการณ์และการวางแผน สำหรับภายนอกตัวเลขนี้ช่วยยืนยันความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์กับตลาด เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบประสิทธิภาพ หรือส่งสัญญาณเรื่องแรงส่งไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สิ่งที่ TPV บอกไม่ได้คืออัตรากําไร การรักษาลูกค้า การกระจายตัวของธุรกรรม หรือความเสี่ยง ตัวเลขนี้บอกว่าอะไรเกิดขึ้นมากแค่ไหน แต่ไม่ได้บอกว่าดีแค่ไหน

ข้อจำกัดในการใช้ TPV เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จคืออะไร

มูลค่าการชำระเงินรวมเป็นตัวชี้วัดที่ทรงพลังในกรณีที่มีบริบทเท่านั้น เพราะข้อมูลนี้บอกคุณว่ามีเงินเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มของคุณเท่าใดแต่บอกน้อยมากว่าคุณได้รับอะไรจากการเคลื่อนที่ดังกล่าว

TPV ไม่ได้บอก

  • ปริมาณที่คุณรักษาไว้เป็น รายรับ

  • ค่าใช้จ่ายในการทำให้เกิดปริมาณนั้น

  • ว่ากิจกรรมของคุณยั่งยืนหรือเพิ่มขึ้นจากการปรุงแต่ง

  • ว่าการเติบโตของคุณเป็นแบบกว้างหรือกระจุกอยู่กับลูกค้ารายใหญ่แค่ไม่กี่ราย

  • ว่าที่สุดแล้วมีการการคืนเงิน การโต้แย้ง หรือการดึงเงินคืนมากน้อยเท่าใดจากปริมาณนั้น

  • ลูกค้าเลิกใช้บริการเร็วแค่ไหน และอัตราการรักษาลูกค้า โดยรวมเป็นอย่างไร

สิ่งเหล่านี้คือบริบทหลายอย่างที่หายไป และในบางกรณีอาจเปลี่ยนการตีความหมายของตัวเลขอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสองแห่งอาจรายงาน TPV ที่ 100 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าแพลตฟอร์มหนึ่งมีอัตรารายได้จากธุรกรรม 1% และทำเงินได้ 1 ล้านดอลลาร์ ส่วนอีกแพลตฟอร์มมีอัตรารายได้จากธุรกรรม 5% และทำเงินได้ 5 ล้านดอลลาร์ แปลว่าทั้งสองแพลตฟอร์มทำธุรกิจในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การขาดความเชื่อมโยงลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับความสามารถในการทำไรด้วย โดยแพลตฟอร์มอาจจะมี TPV ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช้จ่ายไปกับการตลาด หรือแรงจูงใจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตเป็นอย่างมาก กิจกรรมดังกล่าวทำให้ตัวเลขและปริมาณธุรกรรมสูงขึ้นโดยไม่มีกำไร หรือถ้าแย่กว่านั้นคือปริมาณดังกล่าวเป็นการละลายเงินไปกับทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้น

นี่คือประเด็นที่อาจทำให้ TPV เสี่ยงที่จะกลายเป็นตัวชี้วัดที่แค่ดูดี ที่แม้จะไม่มีเจตนาทำให้เข้าใจผิดแต่อาจตีความผิดได้ TPV มีความเสี่ยงโดยเฉพาะกับธุรกิจระยะเริ่มต้นซึ่งการเติบโตของ TPV ที่น่าตื่นตาตื่นใจอาจปกปิดฐานะทางเศรษฐกิจอ่อนแอที่ซ่อนอยู่

เพื่อให้เข้าใจตัวชี้วัดนี้ คุณต้องพิจารณาคู่กับ

  • อัตรารายได้จากธุกรรมและรายรับสุทธิ

  • กำไรส่วนเกินจากต้นทุนผันแปร

  • ต้นทุนในการหาลูกค้า (CAC)

  • ตัวชี้วัดการรักษาลูกค้าและกลุ่มรุ่นลูกค้า

  • การคืนเงิน การโต้แย้ง และ อัตราการฉ้อโกง

ใช้ TPV เพื่อติดตามโมเมนตัมและเปรียบเทียบขนาด แต่ถ้าคุณต้องการเข้าใจสถานะของธุรกิจแพลตฟอร์ม คุณจะต้องเจาะลึกกว่ารายได้รวม

แพลตฟอร์มจะทำ TPV ให้เติบโตได้อย่างไรโดยไม่ทำให้กำไรลดลง

การเพิ่มปริมาณการชำระเงินทำได้ง่ายถ้าจ่ายเงินทำแคมเปญการตลาด ส่วนลด และนำเสนอบริการในราคาต่ำกว่าฟีเจอร์ แต่น้อยมากที่การเติบโตแบบนี้จะยั่งยืนหรือทำกำไร ดังนั้นความท้าทายคือการเพิ่ม TPV แบบที่ขยายทั้งปริมาณและอัตรากำไร ซึ่งทำได้โดยวิธีดังนี้

ขยายการเข้าถึงโดยไม่ลดสถานะทางเศรษฐกิจ

วิธีที่ตรงที่สุดในการเพิ่ม TPV คือการให้บริการลูกค้ามากขึ้นในที่ต่างๆ มากขึ้น ซึ่งนั่นอาจหมายถึง

  • การเปิดตัวในตลาดใหม่

  • รองรับโมเดลธุรกิจ หรือกลุ่มลูกค้าใหม่

  • การเพิ่มวิธีการชำระเงินหรือสกุลเงินที่รองรับในพื้นที่

คุณต้องทำแบบนี้โดยไม่ต้องไแข่งลดราคา เพราะการเติบโตควรมาจากการขยายจำนวนคนที่คุณให้บริการ ไม่ใช่จากการลดอัตรากําไรขั้นต้น

ปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าตลอดช่องทาง

คุณไม่จําเป็นต้องมีผู้ใช้งานมากขึ้นเพื่อขยาย TPV บางครั้งคุณก็แค่แค่ต้องการให้การชําระเงินที่ล้มเหลวน้อยลง ซึ่งอาจหมายถึง

  • การปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินของผู้ใช้ (UX)

  • ลดอุปสรรคในการชำระเงิน

  • นําเสนอวิธีการชำระเงินที่ผสมผสานกันอย่างเหมาะสมสําหรับกลุ่มเป้าหมาย

  • ลดการปฏิเสธที่เกิดจากความผิดพลาดและการอนุมัติที่ช้า

การปรับปรุงแค่เล็กน้อยในส่วนนี้ช่วยให้ปริมาณการชำระเงินเพิ่มขึ้นได้อย่างมากโดยคุณไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างค่าธรรมเนียมหรือกลยุทธ์การหาลูกค้า

ปรับแต่งเพื่อการชำระเงินที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

ไม่ใช่ทุกธุรกรรมที่ถูกนับรวมใน TPV เพราะธุรกรรมบางรายการไม่สำเร็จเนื่องจากติดตัวกรองการฉ้อโกงหรือปัญหาทางเทคนิค การได้ธุรกรรมเหล่านั้นกลับคืนมาต้องอาศัยการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานของคุณ ให้พิจารณา

  • ปรับปรุงความแม่นยําในการตรวจจับการฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อกลูกค้าที่ดี

  • การลงทุนการสำรองระบบและระยะเวลาให้บริการเพื่อป้องกันการหยุดทํางาน

  • การใช้การลองทำรายการซ้ำอัจฉริยะเพื่อแก้ไขการชำระเงินที่ไม่สำเร็จ

ทุกธุรกรรมที่ถูกต้องแต่ละรายการที่เพิ่มขึ้นมาทีี่คุณคุณสามารถอนุมัติ (และทำได้สำเร็จ) จะช่วยเพิ่ม TPV

กระตุ้นการรักษาลูกค้าและการใช้จ่ายจากลูกค้าปัจจุบัน

การสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งขึ้นมักมีค่าใข้จ่ายต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ หากลูกค้าปัจจุบันของคุณไว้วางใจแพลตฟอร์มของคุณและทําธุรกรรมบ่อยครั้ง TPV ก็จะเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ หากต้องการเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า ให้ลองทําดังนี้

  • ส่งเสริมการซื้อซ้ำด้วยสิ่งจูงใจที่คิดไว้เป็นอย่างดี

  • ขยายคุณค่าที่นำเสนอเพื่อให้ลูกค้าทําหลายอย่างผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้น

  • เสนอคุณฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มปริมาณธุรกรรมต่อลูกค้า

มูลค่าต่อลูกค้าที่มากขึ้นหมายถึง TPV ที่มากขึ้นโดยไม่ต้องแข่งขันกันหาลูกค้าด้วยอัตรา CAC ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

ปกป้องอัตรารายรับจากธุรกรรมเมื่อคุณขยายธุรกิจ

เมื่อคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็มักจะอยากให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมหรือแรงจูงใจมากๆ เพื่อเพิ่มลูกค้าใหม่ แต่การลดอัตรารายรับจากธุรกรรมเพียงเพื่อเพิ่ม TPV เป็นชัยชนะในระยะสั้นที่กัดกร่อนสถานะทางเศรษฐกิจของคุณในระยะยาว

ให้ขยายธุรกิจโดย

  • คิดค่าธรรมเนียมให้เหมาะกับความน่าเชื่อถือและคุณค่าของแพลตฟอร์ม

  • การสร้างโครงสร้างราคาที่ให้รางวัลกับปริมาณแต่ยังคงรักษาอัตรากำไรไว้

  • เปลี่ยนการทำงานเป็นระบบอัตโนมัติเพื่อลดต้นทุนของคุณเมื่อปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น

การเติบโตของ TPV เป็นเหมือนกงล้อ กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์ที่ดีทำให้มีธุรกรรมมากขึ้น ซึ่งนําไปสู่สถานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งนําไปสู่การลงทุนใหม่ในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนําไปสู่การเติบโตที่มากขึ้น เมื่อวงจรการตอบกลับทํางาน ขยายธุรกิจและความยั่งยืนจะเสริมสร้างซึ่งกันและกันทำให้การเติบโตที่ยาวนาน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Sigma

Sigma

Stripe Sigma ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ วิเคราะห์ข้อมูล Stripe ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ทีมงานได้รับข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

Stripe Docs เกี่ยวกับ Sigma

สืบค้นข้อมูลในบัญชีขององค์กร