โมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิกได้แพร่กระจายไปทั่วภาคธุรกิจที่มีการขยายตัวเป็นอย่างสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดว่าตลาดการสมัครสมาชิกจะมีมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 435% ในเวลาเพียง 9 ปี แต่ความท้าทายสําคัญก็มาพร้อมกับการเติบโตนี้ ความท้าทายหลักคือ: การเลิกใช้บริการ ในปี 2022 KBCM Technology Group รายงานว่าบริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS) ภาคเอกชนสูญเสียรายรับเฉลี่ยถึง 14% และสูญเสียลูกค้า 13% ต่อปี และบริษัทยังประสบกับอัตราที่การไม่ต่ออายุ 10% โดยเฉลี่ย
การเลิกใช้บริการจากการสมัครสมาชิกอาจเป็นปัญหาสําคัญสําหรับธุรกิจ การเลิกใช้บริการจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าของธุรกิจ ซึ่งสร้างความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางการเงินต่อบริษัทที่ไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหา ขณะที่ธุรกิจหันมาใช้โมเดลการสมัครสมาชิกมากขึ้น วิธีการแก้ไขปัญหาการเลิกใช้บริการก็ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในการรักษาลูกค้า ในบทความนี้ เราจะสํารวจการเลิกใช้บริการในเชิงลึก เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่ธุรกิจของคุณจําเป็นต้องใช้เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้และคงความได้เปรียบในการแข่งขัน
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การเลิกใช้บริการคืออะไร
- ทําไมการเลิกใช้บริการนี้จึงสําคัญต่อธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
- ประเภทของการเลิกใช้บริการ
- วิธีคํานวณการเลิกใช้บริการ
- วิธีลดอัตราการเลิกใช้บริการ
การเลิกใช้บริการคืออะไร
ในบริบทของธุรกิจแบบสมัครสมาชิก การเลิกใช้บริการหมายถึงอัตราที่ลูกค้าหรือผู้สมัครใช้บริการหยุดการสมัครใช้บริการภายในระยะเวลาที่กําหนด อัตรานี้ระบุเปอร์เซ็นต์ของผู้สมัครใช้บริการที่หยุดใช้บริการเทียบกับฐานลูกค้าโดยรวม
ทําไมการเลิกใช้บริการนี้จึงสําคัญต่อธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
การเลิกใช้บริการเป็นเรื่องสําคัญต่อธุรกิจแบบสมัครสมาชิกด้วยสาเหตุหลายประการ ดังนี้
ความสามารถในการคาดการณ์รายรับ
ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกดําเนินงานโดยพึ่งพารายรับตามแบบแผนล่วงหน้า รายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้จะช่วยให้วางแผน ลงทุน และใช้กลยุทธ์การเติบโตได้ดียิ่งขึ้น อัตราการเลิกใช้บริการในระดับสูงจะทําลายความสามารถในการคาดการณ์นี้ ทําให้ธุรกิจคาดการณ์รายรับและจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ยากต้นทุนการได้ลูกค้าใหม่ (CAC)
การหาลูกค้าใหม่มักจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษาลูกค้าเดิมไว้ เมื่อธุรกิจมีอัตราการเลิกใช้บริการสูง นั่นหมายความว่าธุรกิจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแทนที่ลูกค้าที่เสียไป ซึ่งอาจลดทอนผลกําไรของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราการเลิกใช้บริการสูงกว่าอัตราการได้ลูกค้าใหม่มูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (LTV)
LTV คือรายรับรวมที่ธุรกิจคาดว่าจะได้รับจากบัญชีลูกค้าบัญชีเดียว การเลิกใช้บริการสูงจะลด LTV ลง เนื่องจากลูกค้าอยู่ไม่นานพอที่จะซื้อครั้งต่อไปหรือต่ออายุการสมัครใช้บริการ จึงลดรายได้รวมที่เป็นไปได้ต่อลูกค้าแต่ละรายผลกระทบต่อการเติบโตแบบทบต้น
ลูกค้าที่รักษาไว้มักมีส่วนก่อให้เกิดการเติบโตได้ 2 วิธี ได้แก่ การคงรักษาการสมัครใช้บริการของตัวเองและผ่านการแนะนํา การสูญเสียลูกค้าไม่ได้หมายถึงการสูญเสียการสมัครใช้บริการเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสูญเสียผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่ที่พวกเขาอาจแนะนำบอกต่อได้ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ
การเลิกใช้บริการอย่างต่อเนื่องอาจเป็นอาการของปัญหาที่ลึกกว่าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หากลูกค้าจากไปเรื่อยๆ ก็อาจบ่งบอกถึงข้อกังวลที่ไม่ได้รับการแก้ไข ความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนอง หรือสิ่งที่ต้องมีการปรับปรุง การตรวจสอบการเลิกใช้บริการอย่างต่อเนื่องสามารถใช้เป็นกลไกความคิดเห็นที่สําคัญได้ชื่อเสียงของแบรนด์
อัตราการเลิกใช้บริการสูงอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์ ในสภาพแวดล้อมอีคอมเมิร์ซ ที่รีวิวออนไลน์และคําบอกเล่าแบบปากต่อปากมีบทบาทสําคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ความคิดเห็นในเชิงลบอย่างต่อเนื่องหรือภาพลักษณ์ว่าลูกค้าจํานวนมากเลิกใช้บริการอาจขัดขวางต่อการได้ผู้สมัครสมาชิกรายใหม่ๆประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
การเริ่มต้นใช้งานให้ลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเพราะมีการเลิกใช้บริการในระดับสูงต้องใช้ทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นการทํางานเป็นพนักงาน การฝึกอบรม หรือเทคโนโลยี ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายสําหรับธุรกิจ และยังแย่งทรัพยากรจากโครงการริเริ่มด้านการเติบโตหรือนวัตกรรมที่เป็นไปได้อื่นๆ ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุน
สําหรับธุรกิจที่มองหาการลงทุนจากภายนอก อัตราการเลิกใช้บริการที่ต่ําอาจเป็นเครื่องหมายสถานะธุรกิจและความยั่งยืน ในขณะที่อัตราการเลิกใช้บริการที่สูงอาจเป็นสัญญาณเตือนสําหรับนักลงทุน ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจได้รับเงินทุนยากขึ้น
ประเภทของการเลิกใช้บริการ
การทําความเข้าใจการเลิกใช้บริการคือกุญแจสําคัญในการลดจำนวนลงได้ การเลิกใช้บริการประเภทต่างๆ สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าและสถานภาพของธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป และแต่ละประเภทใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างออกไปเพื่อป้องกันและต่อสู้กับการเลิกใช้บริการ
ต่อไปนี้คือประเภทการเลิกใช้บริการหลักๆ ที่ธุรกิจแบบสมัครใช้บริการต้องเผชิญ
การเลิกใช้บริการโดยสมัครใจ
การเลิกใช้บริการโดยสมัครใจคือเมื่อลูกค้าตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับบริการหรือผลิตภัณฑ์ พวกเขาอาจพบทางเลือกที่ดีกว่า รู้สึกไม่พอใจกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือเพียงไม่ต้องการสิ่งที่เสนออีกต่อไปการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ
การเลิกใช้บริการประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อลูกค้าไม่ได้ตั้งใจสิ้นสุดการสมัครใช้บริการ แต่สิ้นสุดลงเนื่องจากสาเหตุที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุม สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ บัตรเครดิตที่หมดอายุ การปฏิเสธโดยธนาคาร หรือปัญหาการชําระเงินอื่นๆการเลิกใช้บริการในเชิงรุก
การเลิกใช้บริการโดยตั้งใจหมายถึงลูกค้าที่ยกเลิกการสมัครใช้บริการด้วยความตั้งใจในเชิงรุก พวกเขาอาจโทรหาฝ่ายบริการลูกค้า ส่งอีเมล หรือคลิกปุ่ม "ยกเลิกการสมัครใช้บริการ"การเลิกใช้บริการในเชิงรับ
กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อการสมัครใช้บริการสิ้นสุดลงโดยที่ลูกค้าไม่ได้เลือกที่จะยกเลิกในเชิงรุก แต่เนื่องจากไม่สามารถต่ออายุหรืออัปเดตรายละเอียดการชําระเงินได้ มักจะเชื่อมโยงกับการเลิกใช้บริการโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้เมื่อลูกค้าลืมหรือมองข้ามการต่ออายุการเลิกใช้บริการขั้นต้น
ข้อมูลนี้จะวัดจํานวนลูกค้าทั้งหมดหรือรายรับทั้งหมดที่สูญเสียไปภายในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่พิจารณาการได้ลูกค้าใหม่ ค่านี้จะให้มุมมองโดยรวมว่าธุรกิจกำลังเสียลูกค้าที่มีอยู่หรือรายรับไปเท่าไหร่การเลิกใช้บริการสุทธิ
การเลิกใช้บริการสุทธิจะพิจารณาทั้งลูกค้าหรือรายรับที่สูญเสีย และลูกค้าหรือรายรับใหม่ที่ได้มาในช่วงเวลาหนึ่งๆ ค่านี้จะให้มุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับการเติบโตหรือการหดตัวของบริษัทโดยพิจารณาทั้งสิ่งที่ได้และที่สูญเสียการเลิกใช้บริการ/ซื้อผลิตภัณฑ์
การเลิกใช้บริการประเภทนี้เจาะจงสําหรับธุรกิจที่นําเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่หลากหลาย การเลิกใช้บริการ/ซื้อผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นเมื่อลูกค้าเลิกใช้ผลิตภัณฑ์หนึ่ง แต่ยังคงหรือเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์อื่นจากบริษัทเดียวกันการเลิกใช้บริการตามสัญญา
ประเภทนี้ใช้กับธุรกิจปฏิบัติงานตามสัญญา เช่น การสมัครใช้บริการ SaaS รายปีหรือสัญญาการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยหมายถึงลูกค้าที่ตัดสินใจจะไม่ต่ออายุเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงการเลิกใช้บริการโดยไม่มีสัญญา
สําหรับธุรกิจที่ไม่ได้ใช้สัญญาแบบกําหนดระยะเวลา เช่น บริการสตรีมมิงรายเดือนหรือการสมัครสมาชิกอีคอมเมิร์ซ การเลิกใช้บริการโดยไม่มีสัญญาหมายถึงลูกค้าที่สามารถจากไปได้ทุกเมื่อโดยไม่ได้เป็นการละเมิดข้อตกลง
การทําความเข้าใจการเลิกใช้บริการแต่ละประเภททําให้ธุรกิจสามารถวินิจฉัยปัญหาเฉพาะเจาะจง ปรับกลยุทธ์ของตัวเอง และพัฒนาโครงการริเริ่มเพื่อรักษาลูกค้าที่เหมาะกับธุรกิจได้ ช่วยให้ระบุได้ว่าปัญหาอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ บริการ การสนับสนุนลูกค้า กระบวนการเรียกเก็บเงิน หรือส่วนอื่นๆ และช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีคํานวณการเลิกใช้บริการ
การคํานวนการเลิกใช้บริการอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการทําความเข้าใจการรักษาลูกค้าและระบุข้อกังวล ต่อไปนี้เป็นคําแนะนําแบบอธิบายทีละขั้นตอนในการคํานวณการเลิกใช้บริการสำหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
เลือกกรอบเวลา: ตัดสินใจเลือกระยะเวลาที่คุณต้องการวัดการเลิกใช้บริการ อาจเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี สิ่งที่เลือกมักขึ้นอยู่กับรอบธุรกิจของคุณและความถี่ที่คุณต้องการประเมินผลการดําเนินงาน
ระบุจํานวนเริ่มต้น: กําหนดจํานวนผู้สมัครใช้บริการหรือลูกค้าที่ใช้งานอยู่ตอนต้นกรอบเวลาที่คุณเลือก นี่คือจุดเริ่มต้นของคุณและจะทําหน้าที่เป็นฐานเปรียบเทียบ
ระบุจํานวนสิ้นสุด: เมื่อสิ้นสุดกรอบเวลาที่คุณเลือก จดจํานวนผู้สมัครใช้บริการที่ใช้งานอยู่หรือลูกค้าที่ยังเหลืออยู่ จํานวนนี้ควรยกเว้นลูกค้าใหม่ที่คุณได้รับภายในระยะเวลาที่กําหนด
คํานวณส่วนต่าง: ลบจํานวนสิ้นสุดออกจากจํานวนเริ่มต้น ค่าที่ได้จะระบุจํานวนลูกค้าที่เลิกใช้บริการในรอบเวลาดังกล่าว
คำนวณอัตราการเลิกใช้บริการ: หารจํานวนลูกค้าที่เลิกใช้บริการด้วยจํานวนเริ่มต้น คูณผลลัพธ์ด้วย 100 เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์ นี่คืออัตราการเลิกใช้บริการของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเริ่มต้นเดือนโดยมีลูกค้า 1,000 รายและสิ้นสุดด้วยลูกค้า 950 ราย (ไม่รวมลูกค้าใหม่) แสดงว่าคุณเสียลูกค้าไป 50 ราย ดังนั้น อัตราการเลิกใช้บริกาต่อเดือนของคุณคือ:
50 ÷ 1,000 = 0.05
0.05 x 100 = 5%พิจารณารูปแบบอื่นๆ: โปรดทราบว่านี่เป็นสูตรพื้นฐาน คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของสูตรนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจของคุณหรือการตั้งค่าเฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น หากคุณกังวลเกี่ยวกับรายรับที่สูญเสียไปมากกว่า ให้แทนที่จํานวนลูกค้าด้วยตัวเลขรายรับเพื่อคํานวณอัตราการการสูญเสียรายรับจากการเลิกใช้บริการ
กําหนดความถี่ในการคํานวณ: แม้สูตรจะยังคงเหมือนเดิม แต่ธุรกิจมักจะคํานวณการเลิกใช้บริการเป็นรายเดือนเพื่อให้ได้มุมมองที่ละเอียดขึ้น จากนั้นค่อยนําตัวเลขเหล่านี้ไปคํานวณเป็นรายไตรมาสหรือรายปีเพื่อดูข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มที่กว้างขึ้น
ปรับข้อมูล: ขณะที่คุณรวบรวมข้อมูลมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ให้ลองแบ่งกลุ่มอัตราการเลิกใช้บริการของคุณโดยแบ่งกลุ่มลูกค้า สายผลิตภัณฑ์ หรือช่องทางการหาลูกค้าใหม่แบบต่างๆ การทำเช่นนี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่เจาะจงมากขึ้นว่าด้านใดในธุรกิจที่พบว่ามีอัตราการรักษาลูกค้าสูงกว่าหรือต่ํากว่า
การทําความเข้าใจและการคํานวณการเลิกใช้บริการเป็นประจํานั้นเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก เพราะจะนําเสนอภาพรวมเกี่ยวกับการรักษาลูกค้าไว้อย่างชัดเจน และสามารถเป็นระบบการเตือนล่วงหน้าสําหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้ธุรกิจมีมาตรการในเชิงรุกเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและลดการสูญเสีย
วิธีลดอัตราการเลิกใช้บริการ
การลดอัตราการเลิกใช้บริการคือกุญแจสําคัญสําหรับความยั่งยืนและผลกําไรของธุรกิจแบบสมัครใช้บริการ ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่สําคัญสําหรับการจัดการกับการเลิกใช้บริการ
ปรับปรุงประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งาน
2-3 วันแรกหลังจากที่ลูกค้าสมัครใช้บริการมีความสําคัญ กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจถึงคุณค่าของบริการ ซึ่งช่วยลดอัตราการเลิกใช้บริการก่อนกําหนดได้ บทแนะนําการใช้งานที่รวดเร็ว การฝึกปฏิบัติ และรายการตรวจสอบอาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพได้ให้การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
การสนับสนุนที่รวดเร็ว มีประโยชน์ และเป็นมิตรสามารถสร้างความแตกต่างในการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะอยู่หรือไป การลงทุนในการฝึกอบรมและการทําให้มั่นใจว่าความพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชม. อาจสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้อัปเดตและปรับปรุงสิ่งที่คุณนำเสนอเป็นประจํา
การย่ำอยู่กับที่อาจนําไปสู่การเลิกใช้บริการ การเพิ่มฟีเจอร์ เนื้อหา หรือการอัปเดตอื่นๆ เป็นประจําจะช่วยให้มั่นใจว่าลูกค้าจะมองเห็นคุณค่าของบริการของคุณอย่างต่อเนื่องมีส่วนร่วมในเชิงรุก
ใช้แคมเปญอีเมล การแจ้งเตือนแบบพุช หรือแม้แต่โทรศัพท์เพื่อดึงดูดลูกค้าที่ไม่ได้ใช้งาน แจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ลูกค้าอาจไม่ทราบ หรือให้ความช่วยเหลือหากพบปัญหาดูแลระบบคําติชม
สอบถามความคิดเห็นจากลูกค้าที่เลิกใช้บริการเพื่อทําความเข้าใจเหตุผลในการเลิกใช้บริการ นี่คือข้อมูลอันทรงคุณค่าที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับส่วนที่สามารถปรับปรุงได้กําหนดแพ็กเกจค่าบริการที่ยืดหยุ่น
บางครั้งลูกค้าก็จากไปเพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าบริการได้ ลองเสนอส่วนลด หรือแนะนําโมเดลค่าบริการตามระดับหรือบริการในเวอร์ชัน "lite"ลดอัตราการเลิกใช้บริการโดยไม่ตั้งใจ
คุณสามารถลดอัตราการเลิกใช้บริการโดยไม่ตั้งใจได้โดยส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการต่ออายุที่ใกล้ครบกําหนด เสนอวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย หรืออัปเดตรายละเอียดของบัตรเครดิตที่หมดอายุโดยอัตโนมัติโดยใช้บริการ ต่างๆ เช่น ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติของ Stripeแนะนําโปรแกรมสะสมคะแนนหรือสิทธิพิเศษ
การให้รางวัลผู้สมัครใช้บริการระยะยาวสามารถส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์ได้ รางวัลอาจอยู่ในรูปแบบของส่วนลด เนื้อหาพิเศษ หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆตรวจสอบเมตริกการเลิกใช้บริการ
การติดตามตรวจสอบเมตริกการเลิกใช้บริการจะช่วยให้คุณพบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ก่อนที่จะเกิดปัญหาสําคัญได้ การทํางานร่วมกับผู้ให้บริการเช่น Stripe ซึ่งช่วยให้ข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับการเลิกใช้บริการและช่วยให้ธุรกิจรับมือกับการเลิกใช้บริการได้ในเชิงรุก จะช่วยให้คุณติดตามและดําเนินการกับเมตริกเหล่านี้ได้ลงทุนกับการปรับแต่งตามบุคคล
การปรับประสบการณ์ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคลหรือรูปแบบการใช้งานอาจช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ หากลูกค้ารู้สึกว่าบริการได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับตน พวกเขาก็มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะอยู่ต่อตั้งความคาดหวังที่ชัดเจน
ตรวจสอบว่าสื่อการตลาด กระบวนการเริ่มต้นใช้งาน และการสื่อสารกับลูกค้าอธิบายอย่างชัดเจนว่าผู้สมัครใช้บริการควรคาดหวังอะไรจากบริการของคุณมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชน
การส่งเสริมความรู้สึกของชุมชนในหมู่ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์ซึ่งช่วยเพิ่มความภักดีของลูกค้า ธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ผ่านฟอรัม การสัมมนาทางเว็บ และกลุ่มโซเชียลมีเดียทําแบบสํารวจการเลิกใช้บริการ
เมื่อลูกค้าตัดสินใจที่จะจากไป ขอให้ลูกค้ากรอกแบบสํารวจการเลิกใช้บริการเพื่อให้คุณเข้าใจเหตุผล จากนั้นใช้คําติชมนี้เพื่อปรับกลยุทธ์ของคุณให้เหมาะสมใช้แคมเปญดึงดูดให้กลับมา
เจาะกลุ่มลูกค้าที่เลิกใช้บริการด้วยข้อเสนอพิเศษหรือฟีเจอร์ใหม่เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง ต้นทุนการได้ลูกค้าจะต่ำกว่าต้นทุนในการได้ลูกค้าใหม่ เนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยกับบริการของคุณอยู่แล้ว
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีการใดสำหรับธุรกิจ การลดอัตราการเลิกใช้บริการจะต้องใช้การผสมผสานกันระหว่างกลยุทธ์เชิงรุกกับเชิงรับ การปรับแต่งกลยุทธ์เหล่านี้ตามคําติชมและข้อมูลจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับการเลิกใช้บริการได้ ซึ่งก่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องและความสามารถในการทํากําไรได้ในพื้นที่การสมัครใช้บริการ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ