หากคุณทำธุรกิจในเนเธอร์แลนด์ คุณอาจยังไม่คิดถึงเรื่องใบลดหนี้จนกว่าจะถึงเวลาที่จำเป็นจริงๆ บางทีสินค้าอาจถูกส่งคืน ยกเลิก คิดราคาไม่ถูกต้อง หรือมีการขอคืนเงิน ทำให้ใบแจ้งหนี้ที่คุณส่งไปไม่ถูกต้อง ใบลดหนี้อาจดูเหมือนตรงไปตรงมา แต่จริงๆ แล้ว ใบลดหนี้ส่งผลต่อการรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กระแสเงินสด และความถูกต้องของบันทึก เราจะอธิบายว่าควรใช้ใบลดหนี้เมื่อใด ควรมีข้อมูลอะไรบ้าง และวิธีจัดการให้ง่ายที่สุดที่ด้านล่างนี้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ใบลดหนี้คืออะไร
- เมื่อใดที่คุณต้องออกใบลดหนี้
- ใบลดหนี้ส่งผลต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างไร
- ใบลดหนี้ควรประกอบด้วยอะไรบ้าง
- คุณจะสร้างและจัดการบันทึกใบลดหนี้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
- Stripe Invoicing จะช่วยคุณได้อย่างไร
ใบลดหนี้คืออะไร
ใบลดหนี้ หรือที่เรียกว่าใบแจ้งลดหนี้ หรือบันทึกการลดหนี้ คือวิธีการแก้ไขหรือยกเลิกบางส่วนของใบแจ้งหนี้ฉบับก่อนหน้าอย่างเป็นทางการ โดยจะยกเลิกการเรียกเก็บเงินที่คุณไม่ต้องการเรียกเก็บแล้ว (เช่น การเรียกเก็บเงินเกิน การคืนเงินสำหรับสินค้าที่ส่งคืน การยกเลิกบริการที่ยังไม่ได้ส่งมอบ)
ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อส่งใบแจ้งหนี้แล้ว ใบแจ้งหนี้จะถูกล็อกไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษีและบัญชี
หากมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ข้อผิดพลาดหรือการยกเลิก คุณมักจะต้องออกใบลดหนี้เพื่อบันทึกการแก้ไขและเก็บรักษาบันทึกทางการเงินที่ถูกต้อง
ใบลดหนี้จะอยู่คู่กับใบแจ้งหนี้ต้นฉบับในบันทึกของคุณ โดยมีรูปแบบและโครงสร้างเดียวกัน แต่จำนวนเงินจะเป็นติดลบ
หากใบแจ้งหนี้เรียกเก็บเงิน 1,000 ยูโร และคุณต้องการเรียกคืน 100 ยูโร คุณจะออกใบลดหนี้จำนวน -100 ยูโร
ใบลดหนี้จะเชื่อมโยงกลับไปยังใบแจ้งหนี้ต้นฉบับตามหมายเลขและวันที่เช่นเดียวกับใบแจ้งหนี้ โดยจะต้องเก็บใบลดหนี้ไว้อย่างถาวรเป็นเวลาอย่างน้อย 7 ปี
เมื่อใดที่คุณต้องออกใบลดหนี้
ทุกครั้งที่คุณต้องการลดจำนวนเงินที่ลูกค้าเป็นหนี้หลังจากที่คุณได้เรียกเก็บเงินจากพวกเขาแล้ว คุณจะต้องออกใบลดหนี้ให้
ซึ่งอาจเป็นเพราะราคาไม่ถูกต้อง มีการส่งคืนสินค้า หรือบริการถูกยกเลิก วิธีแก้ก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องแก้ไขหรือลบใบแจ้งหนี้เลย แต่ให้ออกใบลดหนี้แทน นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปรับแก้ใบแจ้งหนี้ฉบับสมบูรณ์โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาทางบัญชีในอนาคต
นี่คือเหตุผลที่ธุรกิจในเนเธอร์แลนด์ออกใบลดหนี้ ที่พบบ่อยที่สุด
- ความผิดพลาดเรื่องราคาหรือปริมาณ: หากคุณเรียกเก็บเงินเกิน เรียกเก็บเงินผิดจำนวน ลืมส่วนลด หรือทำผิดพลาดในแบบอื่นๆ ใบลดหนี้จะช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ด้วยการแสดงตัวเลขที่มีการแก้ไข แต่ยังคงเก็บใบแจ้งหนี้เดิมไว้
- มีการส่งคืนสินค้า: หากลูกค้าส่งคืนสินค้าบางส่วนจากคำสั่งซื้อ คุณจะลดหนี้ค่าสินค้าส่วนนั้นให้กับลูกค้า โดยใบลดหนี้จะบันทึกการปรับคืนตัวเลขนั้น เพื่อให้บัญชีของคุณและบัญชีของลูกค้าแสดงผลของการส่งคืนสินค้าอย่างถูกต้อง
- สินค้าเสียหายหรือมีตำหนิ: เมื่อสินค้ามาถึงในสภาพชำรุดหรือไม่สามารถใช้งานได้ และคุณตกลงที่จะไม่เรียกเก็บเงินค่าสินค้าดังกล่าวจากลูกค้า ใบลดหนี้จะแสดงการหักเงินตรงนี้
- มีการยกเลิกคำสั่งซื้อหรือบริการ: หากมีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงบริการหลังจากออกใบแจ้งหนี้แล้ว คุณจะโอนเงินที่ไม่มีผลแล้ว
- ส่งมอบงานแค่บางส่วนหรืองานที่ยังไม่เสร็จ: หากคุณเรียกเก็บเงินสำหรับหน่วยหรือชั่วโมงที่มากกว่าที่คุณส่งมอบ ใบลดหนี้จะแก้ไขส่วนต่างตรงนี้
- ส่วนลดในระยะหลังหรือการเปลี่ยนแปลงที่เจรจาแล้ว: หากคุณตกลงเรื่องส่วนลดหลังจากออกใบแจ้งหนี้เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียน รักษาลูกค้าไว้ หรือแก้ไขข้อมูลที่ไม่ตรงกัน คุณต้องบันทึกไว้ด้วยใบลดหนี้
ออกใบลดหนี้ทันทีที่รู้ว่าใบแจ้งหนี้ต้องถูกลดหย่อน วิธีนี้จะช่วยให้คุณรักษาบันทึกบัญชีให้ถูกต้องและแสดงใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกต้อง พร้อมทั้งแสดงความโปร่งใสต่อลูกค้าของคุณด้วย
ใบลดหนี้ส่งผลต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างไร
เมื่อคุณออกใบแจ้งหนี้ที่มีภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ใบแจ้งหนี้ดังกล่าวจะถูกบันทึกไว้ในบันทึกของคุณ หากมีการเปลี่ยนแปลง (เช่น มีการส่งคืนสินค้า บริการถูกยกเลิก หรือแก้ไขราคา) คุณไม่สามารถปรับยอดภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดในระบบหลังร้านได้ สำนักงานสรรพากร (Belastingdienst) คาดหวังให้ทุกการเปลี่ยนแปลงรายได้ที่ต้องเสียภาษีต้องมีเอกสารประกอบที่ถูกต้อง หากคุณลดจำนวนเงินที่ต้องชำระ คุณจะต้องมีใบลดหนี้ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างและสาเหตุที่เปลี่ยนแปลง หากคุณไม่ออกใบลดหนี้ คุณจะไม่สามารถปรับภาษีมูลค่าเพิ่มได้
การกําหนดเวลามีวิธีการทำงานดังนี้
- หากใบลดหนี้และใบแจ้งหนี้ต้นฉบับอยู่ในรอบระยะเวลาของภาษีมูลค่าเพิ่มเดียวกัน คุณจะต้องรายงานผลต่างสุทธิ โดยการลดหนี้จะหักภาษีมูลค่าเพิ่มบางส่วนหรือทั้งหมดในใบแจ้งหนี้ และทั้งสองรายการจะแสดงในแบบแสดงรายการภาษีเดียวกัน
- หากอยู่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน และคุณได้รายงานและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้ต้นฉบับแล้ว ใบลดหนี้จะกลายเป็นเอกสารแก้ไขในใบแจ้งหนี้ฉบับถัดไป โดยวันที่ในใบลดหนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะปรับแก้เมื่อใด ตัวอย่างเช่น หากคุณออกใบแจ้งหนี้ในไตรมาสที่ 2 แต่กลับลดหนี้ในไตรมาสที่ 3 ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเรียกคืนในใบแจ้งหนี้ของไตรมาสที่ 3 โดยใช้หลักการเดียวกันนี้กับลูกค้า B2B โดยลูกค้าจะลดภาษีซื้อในรอบที่ได้รับใบลดหนี้ ไม่ใช่รอบที่ออกใบแจ้งหนี้ฉบับเดิม
หากไม่มีใบลดหนี้ เจ้าหน้าที่อาจถือว่าใบแจ้งหนี้ฉบับเดิมถูกต้องและคาดว่าจะได้รับการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มจำนวน คุณต้องมีหลักฐานเอกสารที่ตรงกับข้อมูลในใบแจ้งยอดภาษีของคุณ ใบลดหนี้ต้องถูกเก็บไว้อย่างน้อย 7 ปี เช่นเดียวกับใบแจ้งหนี้ (สำหรับธุรกรรมข้ามพรมแดนบางรายการคือ 10 ปี) หากคุณต้องการแสดงให้เห็นว่าค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและเมื่อใด และมีผลกระทบต่อภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไรบ้าง ใบลดหนี้จะเป็นหลักฐานตรงนี้
ใบลดหนี้ควรประกอบด้วยอะไรบ้าง
ใบลดหนี้เป็นเอกสารทางการเงินทางกฎหมาย ควรระบุชื่อผู้ออก ผู้ที่ออกให้ สาเหตุที่ออกใบลดหนี้ มูลค่าในใบลดหนี้ และเวลาที่ออกใบลดหนี้ หากมีบุคคลภายนอกธุรกิจของคุณได้อ่าน พวกเขาควรจะเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างและเพราะเหตุใด
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ต้องทําในทางปฏิบัติ
- ติดป้ายกำกับให้ชัดเจน: ควรมีคำว่า “ใบลดหนี้” (หรือในภาษาดัตช์คือ Creditfactuur) อยู่ด้านบน การทำให้เห็นอย่างชัดเจนตรงนี้สำคัญต่อบันทึกทั้งของคุณของลูกค้า
- วันที่ออก: นี่คือวันที่คุณออกใบลดหนี้ วันที่นี้จะกำหนดว่าใบลดหนี้จะอยู่ในรอบภาษีมูลค่าเพิ่มรอบใด
- หมายเลขใบลดหนี้ที่ไม่ซ้ำกัน: ใบลดหนี้ต้องมีการกำหนดหมายเลขลำดับเช่นเดียวกับใบแจ้งหนี้ ซึ่งอาจเป็นลำดับเดียวกับที่คุณใช้กับใบแจ้งหนี้ หรือเป็นใบแจ้งหนี้แยกต่างหากก็ได้ แต่ควรระวังไม่ให้ข้ามหรือซ้ํากัน
- การอ้างอิงถึงใบแจ้งหนี้ต้นฉบับ: โปรดระบุหมายเลขใบแจ้งหนี้ต้นฉบับ (และวันที่) ที่มีความเกี่ยวข้องกับใบลดหนี้ด้วยเสมอ ซึ่งวิธีนี้จะทําให้การกระทบยอดและการตรวจสอบง่ายขึ้น
- รายละเอียดธุรกิจ: ระบุชื่อบริษัท ที่อยู่ หมายเลขหอการค้า (KVK) และหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ถ้ามี
- รายละเอียดลูกค้า: ระบุชื่อและที่อยู่ของลูกค้า เช่นเดียวกับที่คุณระบุในใบแจ้งหนี้
- คำอธิบายสินค้าหรือบริการ: ระบุรายการสินค้าหรือบริการที่ได้รับการลดหนี้ โปรดอธิบายสั้นๆ แต่เจาะจง
- _จำนวนและราคา: __ แสดงรายการสินค้าหรือบริการที่ได้รับการลดหนี้แล้วที่มีค่าติดลบ หากเรียกเก็บเงิน 100 ยูโรและต้องการขอคืนเงินเต็มจำนวน ยอดจะแสดงเป็น -100 ยูโร
- ยอดรวมย่อย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และยอดรวมทั้งหมด: ระบุอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรับคืน และยอดรวมที่ลดหนี้ (ทั้งหมดเป็นค่าติดลบ)
- เหตุผลในการลดหนี้: ใส่คำอธิบายสั้นๆ เช่น "สินค้าที่ส่งคืน" หรือ "แก้ไขราคา" ซึ่งจะทำให้การติดตามเอกสารง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจสอบหรืออ้างอิงในอนาคต
คุณจะสร้างและจัดการบันทึกใบลดหนี้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
เมื่อตั้งค่าอย่างถูกต้อง การสร้างใบลดหนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขั้นตอนการเรียกเก็บเงิน นี่คือเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ออกใบลดหนี้โดยเร็วที่สุด
การออกใบลดหนี้ล่าช้าจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในธุรกิจกับสิ่งที่แสดงในบันทึกของคุณนั้นไม่ตรงกัน หากมีการเปลี่ยนแปลงใดก็ตาม โปรดออกใบลดหนี้ทันที ซึ่งจะช่วยให้การรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มถูกต้องและป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนในทั้งสองฝ่าย
ตัดสินใจว่าจะลดหนี้อย่างไร
มีวิธีการหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าได้ชำระเงินแล้วหรือยัง
- หากยังไม่ได้ชำระเงิน: ใบลดหนี้จะลดยอดรวมที่ค้างชำระ คุณสามารถส่งเอกสารทั้งสองฉบับให้ลูกค้าและขอให้ลูกค้าชำระส่วนต่าง โดยบัญชีของคุณควรแสดงใบแจ้งหนี้ที่หักยอดหนี้และยอดคงเหลือค้างชำระออกแล้ว
- หากชำระเงินแล้ว: นั่นคือคุณเป็นหนี้ลูกค้า มีอยู่ 2 วิธีที่คุณทำได้คือคืนเงินให้ลูกค้าหรือตกลงที่จะลดหนี้ในใบแจ้งหนี้รอบถัดไป เพียงแต่ต้องแจ้งให้ลูกค้าเข้าใจชัดเจน
- หากเป็นการลดหนี้ในอนาคต: เมื่อคุณใช้ใบลดหนี้กับใบแจ้งหนี้ฉบับถัดไป ให้อ้างอิงถึงใบลดหนี้ฉบับนั้นโดยตรง (เช่น "หักใบลดหนี้ #CN-104 มูลค่า -100 ยูโร") เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถติดตามได้
ระบุข้อมูลที่จําเป็นอย่างครบถ้วนทุกครั้ง
Belastingdienst คาดว่าใบลดหนี้จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบของใบแจ้งหนี้ทั่วไป ซึ่งต้องมีการกำหนดหมายเลข รายละเอียดลูกค้าและธุรกิจ รายละเอียดสินค้า รายละเอียดภาษีมูลค่าเพิ่ม และยอดรวมที่ถูกต้อง โดยระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นยอดติดลบ หากข้อมูลใดขาดหายไป เอกสารอาจไม่สามารถใช้เพื่อตรวจสอบได้
ใบลดหนี้ทุกฉบับควรอ้างอิงถึงใบแจ้งหนี้ที่มีการปรับแก้โดยตรงด้วย เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ และรายการหรือค่าใช้จ่ายที่ต้องการแก้ไข ซึ่งจะทำให้ติดตามการแก้ไขได้ง่าย
แจ้งให้ลูกค้าทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ใบลดหนี้ควรชัดเจนและอ่านง่าย เมื่อส่งใบลดหนี้ ควรระบุคำอธิบายสั้นๆ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เหตุใดจึงออกใบลดหนี้ (เช่น สินค้าถูกส่งคืน ส่วนลดหลังสั่งซื้อ) และวิธีดำเนินการ (เช่น การคืนเงิน การปรับยอดคงเหลือ) เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในภายหลัง
ติดตามรายการในบัญชีอย่างถูกต้อง
ใบลดหนี้ทุกฉบับต้องบันทึกควบคู่ไปกับใบแจ้งหนี้ที่ตรงกัน ซอฟต์แวร์ที่ดีจะบันทึกโดยอัตโนมัติ หากคุณบันทึกด้วยตนเอง โปรดตรวจสอบว่ายอดคงเหลือในบัญชีของลูกค้าตรงกับเอกสารทั้งสองฉบับ และปรับรายได้ของคุณให้ตรงกัน โดยใบลดหนี้จะลดรายได้และภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บ
มองหารูปแบบ
เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากใบลดหนี้ว่าส่วนใหญ่เกิดจากการคืนสินค้า ข้อผิดพลาดในการเรียกเก็บเงินที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือการยกเลิกในนาทีสุดท้ายหรือไม่ การมองเห็นแนวโน้มจะช่วยให้คุณมีโอกาสปรับปรุงกระบวนการภายใน และลดเวลาในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่หลีกเลี่ยงได้
ห้ามเขียนทับหรือลบใบแจ้งหนี้
หากคุณส่งใบแจ้งหนี้ไปแล้ว ใบแจ้งหนี้จะถือว่าคงอยู่แบบถาวร โปรดอย่าแก้ไขหรือลบออกจากระบบ หากต้องเปลี่ยนแปลง ให้ลดหนี้ในใบแจ้งหนี้ โดยใบแจ้งหนี้และใบลดหนี้แต่ละใบจะต้องมีลําดับเลขเป็นของตัวเอง โดยไม่มีช่องว่างหรือรายการซ้ำ
เก็บใบลดหนี้ของร้านค้าไว้อย่างน้อย 7 ปี
คุณสามารถบันทึกแบบดิจิทัลหรือเอกสารกระดาษก็ได้ เพียงแต่จะต้องสามารถเรียกดูเอกสารฉบับเต็มและใบแจ้งหนี้ต้นฉบับได้เมื่อต้องการ
ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทำให้ขั้นตอนเป็นอัตโนมัติ
เครื่องมือออกใบแจ้งหนี้และบัญชีมากมายช่วยให้คุณสร้างใบลดหนี้ได้โดยตรงจากใบแจ้งหนี้ต้นฉบับ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดจะถูกกรอกไว้ล่วงหน้าและจัดรูปแบบอย่างถูกต้อง โดยระบบจะกำหนดหมายเลขใบลดหนี้ เชื่อมโยงกับใบแจ้งหนี้ ปรับรายได้ และจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณได้ในคลิกเดียว
Stripe Invoicing จะช่วยคุณได้อย่างไร
Stripe Invoicing ช่วยลดความยุ่งยากของกระบวนการออกใบแจ้งหนี้ ตั้งแต่การสร้างใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการรับชำระเงิน ไม่ว่าคุณจะจัดการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวหรือแบบประจำ Stripe ก็ช่วยให้ธุรกิจได้รับเงินเร็วขึ้นและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- สร้างการจัดการบัญชีลูกหนี้แบบอัตโนมัติ: สร้าง ปรับ และส่งใบแจ้งหนี้อย่างเป็นมืออาชีพได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด Stripe จะติดตามสถานะใบแจ้งหนี้ ส่งการแจ้งเตือนการชำระเงิน และดำเนินการคืนเงินโดยอัตโนมัติ ช่วยให้คุณจัดการกระแสเงินสดได้
- _สร้างใบลดหนี้ได้ง่ายขึ้น: _ สร้างใบลดหนี้จากหน้าใบแจ้งหนี้ได้โดยตรง โดยระบบจะซิงค์กับยอดคงเหลือของลูกค้าโดยอัตโนมัติ ทำการคืนเงินให้หากจำเป็น และแสดงอยู่ในบันทึกของคุณโดยไม่ต้องป้อนข้อมูลเอง
- เร่งกระแสเงินสด: คุณสามารถลดวันขายคงค้าง (DSO) และได้รับเงินเร็วขึ้นด้วยการชำระเงินทั่วโลกที่ผสานรวม การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และเครื่องมือการติดตามหนี้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้คุณสามารถกู้คืนรายได้ได้มากขึ้น
- _ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: _ มอบประสบการณ์การชำระเงินที่ทันสมัย รองรับได้มากกว่า 25 ภาษา 135 สกุลเงิน และวิธีการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี เข้าถึงและชำระใบแจ้งหนี้ได้ง่ายขึ้นผ่านพอร์ทัลลูกค้าแบบบริการตนเอง
- ลดภาระงานในสำนักงาน: สร้างใบแจ้งหนี้ในไม่กี่นาทีและลดเวลาที่ใช้ในการเรียกเก็บเงินผ่านการแจ้งเตือนอัตโนมัติ และหน้าการชำระเงินใบแจ้งหนี้ในระบบ Stripe
- ผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่: Stripe Invoicing สามารถผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์บัญชีและการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่เป็นที่นิยมได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณรักษาระบบให้ซิงค์กันและลดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe สามารถทําให้กระบวนการออกใบแจ้งหนี้ง่ายขึ้น หรือเริ่มใช้งานวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ