คู่มือเกี่ยวกับเศรษฐกิจของมาร์เก็ตเพลส: สิ่งที่ผู้ขายและผู้ให้บริการในมาร์เก็ตเพลสต้องทราบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี

อัปเดตล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025

Tax
Tax

Stripe Tax automates global tax compliance from start to finish, so you can focus on scaling your business. Identify your tax obligations, manage registrations, calculate and collect the right amount of tax worldwide, and enable filings—all in one place.

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ธุรกิจของฉันเป็นมาร์เก็ตเพลสใช่หรือไม่
  3. คำศัพท์และคําจํากัดความ
    1. ผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลส
    2. ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย
    3. ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล
    4. ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDP)
  4. กฎหมายของมาร์เก็ตเพลสในสหรัฐอเมริกา
    1. วิธีจัดการภาษีการขายและยอดขายในมาร์เก็ตเพลสสําหรับผู้ขาย
  5. กฎหมายของมาร์เก็ตเพลสในสหภาพยุโรป
  6. ข้อควรพิจารณาด้านภาษีสําหรับมาร์เก็ตเพลส
  7. แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี
  8. Stripe จะช่วยได้อย่างไร

มาร์เก็ตเพลสอย่าง Amazon, eBay, Uber และ Etsy ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อันที่จริงแล้ว ตามรายงานจาก Digital Commerce 360 มาร์เก็ตเพลสต่างๆ มีมูลค่าสินค้าทั่วโลกสูงถึงประมาณ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024

ขณะเดียวกัน รัฐบาลบางแห่งได้บังคับใช้กฎหมายที่กำหนดให้มาร์เก็ตเพลสต้องเรียกเก็บและนําส่งภาษีในนามของธุรกรรมจากผู้ขายบุคคลที่สาม กฎหมายเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาษี เนื่องจากทำให้เรียกเก็บภาษีจากนิติบุคคลน้อยรายลง ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการปฏิบัติตามข้อกําหนด ขณะเดียวกัน ผู้ขายก็ได้รับประโยชน์จากการที่มาร์เก็ตเพลสช่วยจัดการภาษีสําหรับธุรกรรมบางรายการ แต่ขั้นตอนเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นกระบวนการที่ตรงไปตรงมาเสมอไป

หากคุณดําเนินธุรกิจมาร์เก็ตเพลสออนไลน์หรือจําหน่ายสินค้าหรือบริการในมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ ก็ควรทําความเข้าใจภาระหน้าที่และความรับผิดชอบด้านภาษีของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษ เตรียมพร้อมสําหรับการตรวจสอบภาษี และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเสียภาษีย้อนหลังหากคุณไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนด

คู่มือนี้จะช่วยให้คุณซึ่งเป็นผู้ขายเข้าใจกฎหมายภาษีของมาร์เก็ตเพลสในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป รวมถึงวิธีจัดการภาษีเมื่อคุณมียอดขายบางส่วน (หรือทั้งหมด) ที่มาจากมาร์เก็ตเพลส นอกจากนี้เรายังจะอธิบายวิธีที่ Stripe ช่วยคุณจัดการการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีการขายและภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

อีกเรื่องสำคัญที่ต้องกล่าวถึงก็คือ แม้เราจะอธิบายหน้าที่ด้านภาษีบางประการ แต่ก็อาจมีความรับผิดชอบด้านภาษีในแง่มุมอื่นๆ ที่ผู้ขายในมาร์เก็ตเพลสควรคำนึงถึงด้วย เช่น ภาษีจากผลกำไรของของมาร์เก็ตเพลส หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe ช่วยเหลือมาร์เก็ตเพลสต่างๆ ด้วยแบบฟอร์ม 1099 โปรดอ่านหน้านี้

สุดท้ายนี้ โปรดทราบว่าข้อมูลที่ระบุในคู่มือนี้ไม่ใช่คําแนะนําด้านภาษีหรือกฎหมาย คู่มือนี้จัดทําขึ้นมาในเชิงการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่มีจุดประสงค์เพื่อมอบคำแนะนำด้านภาษีหรือกฎหมาย จึงไม่ควรใช้เป็นแหล่งอ้างอิง คุณควรพูดคุยกับที่ปรึกษาด้านภาษี กฎหมาย และที่ปรึกษารายอื่นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณโดยเฉพาะ

ธุรกิจของฉันเป็นมาร์เก็ตเพลสใช่หรือไม่

มาร์เก็ตเพลสช่วยให้คุณทําการขายได้โดยการแสดงผลิตภัณฑ์ อํานวยความสะดวกในการชําระเงิน (บางครั้งก็ให้บริการชําระเงินที่ขับเคลื่อนโดย Stripe) ส่งใบเสร็จธุรกรรม แก้ไขการโต้แย้งการชําระเงินระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และในบางกรณีอาจช่วยในด้านการจัดส่ง นิยามอาจมีความแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว มาร์เก็ตเพลสอาจเป็นได้ทั้งแพลตฟอร์มในโลกจริงหรือแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ขายในมาร์เก็ตเพลสสามารถขายสินค้าและบริการของตนได้ ตัวอย่างทั่วไปของมาร์เก็ตเพลส ได้แก่ Amazon, Etsy, DoorDash, Alibaba และ Deliveroo

ประเทศต่างๆ มักจะใช้คำศัพท์อย่าง "ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม" "ผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลส" หรือ "ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย" เพื่อใช้อธิบายมาร์เก็ตเพลสที่ต้องเรียกเก็บภาษีจากธุรกรรมที่ตนอํานวยความสะดวก คำศัพท์เหล่านี้มีความหมายทางกฎหมายที่เจาะจงและอาจไม่ได้แปลเหมือนกับวิธีที่ Stripe (หรือเครือข่ายบัตร) จัดหมวดหมู่ธุรกิจเหล่านั้น ในทํานองเดียวกัน ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสที่ต้องเรียกเก็บภาษี (ภายใต้กฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง) อาจแตกต่างจาก "ผู้ค้าในระเบียน" ซึ่งได้รับการพิจารณาตามกฎของเครือข่ายบัตร

คําว่า "ผู้ค้าในระเบียน" (MoR) หมายถึงนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและรับผิดชอบในการขายสินค้าและบริการ โดยปกติแล้ว MoR จะแสดงให้ผู้ซื้อเห็นในฐานะผู้ขายสินค้าหรือบริการ และโดยทั่วไปแล้วจะต้องรับผิดชอบต่อทุกด้านของธุรกรรม ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนดของผลิตภัณฑ์ การบริการลูกค้า หรือการคืนเงิน และการมีปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานกํากับดูแลหรือหน่วยงานของรัฐ (เช่น หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค)
นอกจากนี้ ข้อกําหนดในการเรียกเก็บภาษีสําหรับผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสในประเทศหรือรัฐหนึ่งๆ นั้นอาจไม่มีการบังคับใช้ในประเทศหรือรัฐอื่นๆ โปรดตรวจสอบข้อบังคับด้านภาษีของแต่ละประเทศหรือรัฐที่คุณดําเนินธุรกิจเพื่อทําความเข้าใจหน้าที่อันเเฉพาะเจาะจงของคุณ

คำศัพท์และคําจํากัดความ

คุณควรทําความเข้าใจคำศัพท์ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับมาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์มเพื่อให้ธุรกิจของคุณจัดการการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีได้ เราจะอธิบายและให้นิยามคำศัพท์เหล่านี้ไว้ด้านล่าง

ผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลส

ในสหรัฐอเมริกา มาร์เก็ตเพลสที่มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีสำหรับธุรกรรมที่ตนเองให้บริการสนับสนุนนั้นเรียกว่า "ผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลส" ผู้อำนวยความสะดวกสำหรับมาร์เก็ตเพลส คือ ธุรกิจหรือองค์กรที่ทําสัญญากับบุคคลที่สาม (ผู้ขายในมาร์เก็ตเพลส) เพื่อขายสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์มของตน รวมทั้งอํานวยความสะดวกด้านการค้าปลีก ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลสช่วยสร้างโอกาสในการขายโดยการแสดงผลิตภัณฑ์ รับการชําระเงิน รวบรวมใบเสร็จ และในบางกรณีก็อาจช่วยจัดส่งสินค้า ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกสำหรับมาร์เก็ตเพลส ภาระหน้าที่ในการปฏิบัติตามข้อกําหนด ตั้งแต่การจดทะเบียน ไปจนถึงการรายงานและการยื่นภาษี จะขึ้นอยู่กับกฎหมายเฉพาะของแต่ละรัฐ

ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย

สหภาพยุโรปใช้คําว่า "ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย" เพื่อระบุถึงผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสที่อาจมีภาระผูกพันในการเรียกเก็บภาษีสำหรับธุรกรรมที่ตนเองอํานวยความสะดวก ธุรกิจต้องตั้งข้อกําหนดหรือเงื่อนไขสําหรับการขาย ประมวลผลหรือช่วยในการชําระเงินของลูกค้า หรือจัดการการสั่งซื้อหรือจัดส่งผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย ทั้งนี้ ธุรกิจจะไม่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย หากทำการประมวลผลการชําระเงิน แสดงหรือโฆษณาสินค้า หรือเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยังเว็บไซต์หรือแอปอื่นๆ เท่านั้น โดยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขาย ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขายจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับว่าเป็นผู้ซื้อผลิตภัณฑ์จากธุรกิจและขายให้ลูกค้าเอง แง่มุมดังกล่าวจะส่งผลต่อวัตถุประสงค์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น และจะไม่เปลี่ยนจุดยืนทางการค้าในกรณีที่มีการส่งต่อกรรมสิทธิ์ของสินค้าจากผู้ขายไปให้ผู้ซื้อ

ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล

แคนาดาใช้คําว่า "ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล" เพื่อหมายถึงผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสที่อาจมีภาระผูกพันในการเรียกเก็บภาษี ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล คือ บุคคลที่ควบคุมธุรกรรมระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ (เช่น จัดการการชําระเงินและส่งต่อให้ผู้ขาย) อย่างไรก็ตาม คําจํากัดความนี้ไม่รวมธุรกิจต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการแสดงรายการสินค้าหรือการประมวลผลการชําระเงินเท่านั้น

ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDP)

ออสเตรเลียใช้คําว่า "ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDP)" เพื่ออ้างอิงถึงผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสที่อาจมีภาระหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษี ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสต้องตั้งข้อกําหนดหรือเงื่อนไขสําหรับการขาย ประมวลผลหรือช่วยในการชําระเงินของลูกค้า หรือจัดการการสั่งซื้อหรือจัดส่งผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็น EDP ธุรกิจที่ให้บริการประมวลผลการชําระเงินหรือดูแลโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่อยู่เบื้องหลังมาร์เก็ตเพลสออนไลน์เท่านั้น จะไม่เข้าเกณฑ์ของ EDP

กฎหมายของมาร์เก็ตเพลสในสหรัฐอเมริกา

ในสหรัฐฯ ผู้อำนวยความสะดวกสำหรับมาร์เก็ตเพลสจําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีการขายในนามของผู้ขายบุคคลที่สาม เมื่อผู้ขายถึงเกณฑ์ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในรัฐ อย่างไรก็ตาม ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบภาษีหากผู้อำนวยความสะดวกสำหรับมาร์เก็ตเพลสไม่ได้เป็นผู้เรียกเก็บภาษีดังกล่าว กรณีนี้อาจเกิดขึ้น หากมาร์เก็ตเพลสไม่สามารถนําส่งภาษีในจํานวนที่เหมาะสมได้เนื่องจากข้อมูลที่ผู้ขายมอบให้ไม่ถูกต้อง หรือหากมาร์เก็ตเพลสไม่จําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีในนามของผู้ขาย โดยทั่วไปแล้ว ผู้ขายจะได้รับใบรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรจากมาร์เก็ตเพลสเพื่อยืนยันว่ามาร์เก็ตเพลสเรียกเก็บภาษีการขายในนามของผู้ขาย

รัฐส่วนใหญ่ยังคงกําหนดให้ผู้ขายในมาร์เก็ตเพลสต้องรายงานจำนวนภาษีการขายที่ผู้อำนวยความสะดวกสำหรับมาร์เก็ตเพลสเรียกเก็บในนามของตน และยื่นขอคืนภาษี ซึ่งอาจมียอดการคืนภาษีเป็นศูนย์ รัฐใช้การคืนภาษีการขายเป็นวิธีตรวจสอบธุรกิจ และถึงแม้ว่าไม่มีภาษีการขายที่ต้องนําส่ง แต่บ่อยครั้งก็ยังจําเป็นยื่นขอคืน

หากผู้ขายทําการขายเฉพาะในมาร์เก็ตเพลสเท่านั้น บางรัฐจะอนุญาตให้ผู้ขายยกเลิกการจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษี ทั้งนี้ ผู้ขายควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนยกเลิกการจดทะเบียน เพื่อไม่ให้เกิดบทลงโทษ นอกจากนี้ผู้ขายควรพิจารณาว่าต้องการขยายการขายนอกเหนือไปจากมาร์เก็ตเพลสในอนาคตหรือไม่ เช่น ในหน้าร้านค้าจริง งานแสดงสินค้า หรือในร้านค้าออนไลน์ของตนเอง โดยหากเป็นเช่นนั้น ก็จะต้องจดทะเบียกับรัฐอีกครั้ง

วิธีจัดการภาษีการขายและยอดขายในมาร์เก็ตเพลสสําหรับผู้ขาย

สถานการณ์ 2 อย่างนี้อาจเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ขายต้องจัดการภาษีการขายและยอดขายในมาร์เก็ตเพลส

  • ยอดขายทั้งหมดของผู้ขายเกิดขึ้นในมาร์เก็ตเพลส
  • ยอดขายบางส่วนเกิดขึ้นในมาร์เก็ตเพลส

เราจะอธิบายวิธีจัดการสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ให้คุณทราบ

การขายในมาร์เก็ตเพลสเท่านั้น

หากผู้ขายทําการขายในมาร์เก็ตเพลสเพียงอย่างเดียว และยืนยันแล้วว่ามาร์เก็ตเพลสเรียกเก็บภาษีการขายในนามของผู้ขายแล้ว ผู้ขายก็ไม่จําเป็นต้องคํานวณ เรียกเก็บ หรือนําส่งภาษีการขายจากลูกค้า อย่างไรก็ตาม ผู้ขายอาจยังต้องจัดเตรียมและยื่นแบบแสดงภาษีภายในวันที่กําหนด เพื่อรายงานว่ามาร์เก็ตเพลสเก็บภาษีมากแค่ไหน ในสถานการณ์นี้ ผู้ขายมีแนวโน้มที่จะไม่ได้มียอดภาษีค้างกับรัฐ แต่จะต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดในการยื่นเอกสาร

ยอดขายบางส่วนเกิดขึ้นในมาร์เก็ตเพลส

สมมติว่าผู้ขายทํายอดขาย 50% ในมาร์เก็ตเพลสและ 50% บนเว็บไซต์ของตัวเอง สําหรับยอดขายในมาร์เก็ตเพลส ผู้ขายต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสเรียกเก็บและนําส่งภาษีในนามของผู้ค้า รวมทั้งบันทึกว่ามาร์เก็ตเพลสเก็บภาษีไปเท่าไร สําหรับ 50% ของยอดขายที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ ผู้ขายจะต้องเรียกเก็บและนําส่งภาษีสําหรับยอดขายดังกล่าว ในกรณีที่ยอดขายนั้นๆ มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในรัฐที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถึงเวลายื่นภาษี ผู้ขายก็สามารถรายงานทั้งจํานวนเงินที่เรียกเก็บและนําส่งโดยมาร์เก็ตเพลส รวมถึงจํานวนที่ผู้ขายเรียกเก็บจากลูกค้าโดยตรงบนเว็บไซต์ ผู้ขายจะต้องชําระ (นําส่ง) ภาษีการขายที่ผู้ขายเรียกเก็บเท่านั้น และไม่ต้องดำเนินการในส่วนที่มาร์เก็ตเพลสที่เรียกเก็บ เว็บไซต์ภาษีของรัฐส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาจะแบ่งยอดขายของมาร์เก็ตเพลสออกจากการขายเว็บไซต์ในบรรทัดต่างๆ เพื่อให้ผู้ขายป้อนจํานวนที่ถูกต้องได้อย่างง่ายดาย

กฎหมายของมาร์เก็ตเพลสในสหภาพยุโรป

สหภาพยุโรปมีกฎพิเศษสําหรับมาร์เก็ตเพลสที่ช่วยอํานวยความสะดวกในการขายสินค้าและบริการบางอย่าง เงื่อนไขต่อไปนี้จะนิยามมาร์เก็ตเพลสในฐานะผู้อํานวยความสะดวกในการขาย

  • การกําหนดข้อกำหนดของการจัดหาทั้งทางตรงและทางอ้อม
  • การมีส่วนร่วมในการอนุมัติการชําระเงิน
  • การมีส่วนร่วมในการจัดส่งผลิตภัณฑ์

การมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขสามข้อนี้ อาจหมายความว่ามาร์เก็ตเพลสกลายเป็นผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขาย และเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายบางรายการที่ตนเองอำนวยความสะดวก ภาระหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษีสําหรับผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสมักจะมีผลกับกรณีดังต่อไปนี้

  • การขายบริการดิจิทัล
  • การขายสินค้าโดยผู้ขายที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปให้กับบุคคลทั่วไปที่อยู่ในสหภาพยุโรป หากสินค้าอยู่ในสหภาพยุโรป ณ จุดที่ทำการขาย
  • การขายสินค้าให้กับบุคคลทั่วไปในสหภาพยุโรป โดยการนําเข้าสินค้าไปยังสหภาพยุโรปในบรรจุภัณฑ์ที่มีมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโร

ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสที่ช่วยอํานวยความสะดวกให้กับการขายประเภทอื่นๆ อาจต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากยอดขายเหล่านี้ตามตัวบ่งชี้อื่นๆ และการดำเนินการตามสัญญา

คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศปฏิรูประบบภาษีมูลค่าเพิ่มของสหภาพยุโรปอย่างมีนัยสําคัญในเดือนธันวาคม 2022 ข้อเสนอเกี่ยวกับ "ภาษีมูลค่าเพิ่มในยุคดิจิทัล" (ViDA) ขยายขอบเขตของกฎสำหรับผู้ที่ถือว่าเป็นซัพพลายเออของแพลตฟอร์มในภาคธุรกิจให้เช่าที่พักระยะสั้นและการขนส่งผู้โดยสาร แพลตฟอร์มในภาคธุรกิจเหล่านี้จะต้องเรียกเก็บและนําส่งภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกรรมที่แพลตฟอร์มเหล่านี้อํานวยความสะดวก หากผู้ขายที่เกี่ยวข้องไม่ถูกกำหนดให้ต้องเรียกเก็บภาษี กฎของผู้ที่ถือว่าเป็นซัพพลายเออร์จะไม่มีผลกับยอดขายที่ดําเนินการโดยธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งระบุหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม

กฎที่ได้รับการเสนอซึ่งเกี่ยวกับเศรษฐกิจของแพลตฟอร์มนี้จะมีผลบังคับใช้ในปี 2027 หากได้รับอนุมัติอย่างครบถ้วนจากทุกรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป

ข้อควรพิจารณาด้านภาษีสําหรับมาร์เก็ตเพลส

ทางเลือกในการเป็นผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลสหรือผู้ที่ถือว่าเป็นขายนับเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจที่สําคัญ โดยอาจมีผลกระทบทางภาษีและทางกฎหมาย และส่งผลต่อการใช้งานของลูกค้า ธุรกิจหลายแห่งตัดสินใจดําเนินการตามข้อกําหนดด้านภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ โดยบางแห่งอาจตัดสินใจเป็นผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลสในท้ายที่สุด แต่การเปลี่ยนแปลงประเภทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักแก่บริการของผู้ขายบุคคลที่สาม

แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณา แต่การเป็นผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลสตั้งแต่ต้นก็อาจมอบประโยชน์หลายประการดังนี้

  • ความมั่นใจในภาระหน้าที่ทางภาษี: เมื่อหันมาใช้หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้อำนวยความสะดวกสำหรับมาร์เก็ตเพลสหรือผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขายตั้งแต่เนิ่นๆ ธุรกิจจะสามารถสร้างกระบวนการและระบบการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีที่ชัดเจน ความมั่นใจนี้จะช่วยให้ธุรกิจและผู้ใช้ของธุรกิจได้รับการจัดการด้านภาษีอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ธุรกิจยังทราบว่าตนเองปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีทางกฎหมาย และสามารถลดความเสี่ยงในการตรวจสอบได้
  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ: เมื่อตัดสินใจเป็นผู้อำนวยความสะดวสําหรับมาร์เก็ตเพลสหรือผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขายตั้งแต่วันแรก ธุรกิจดังกล่าวจะจัดการข้อกําหนดด้านภาษีของตนเองในเชิงรุก ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บและนําส่งภาษีในนามของตัวเองและผู้ขายบุคคลที่สามด้วย การดําเนินการนี้จะช่วยไม่ให้ผู้ขายที่เป็นบุคคลทั่วไปต้องดำเนินการจัดการด้วยตนเอง
  • ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: เมื่อใช้มาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มในการจัดการการคํานวณและเก็บภาษี ประสบการณ์การชําระเงินโดยรวมก็จะดีขึ้น ประสบการณ์การซื้อจะมีความราบรื่นและลูกค้าก็ไม่ต้องประหลาดใจกับยอดภาษีที่เพิ่มเข้ามาในภายหลังในขั้นตอนการชําระเงิน
  • ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน: ผู้ขายที่เป็นบุคคลที่สามจะไม่ต้องการจัดการภาระหน้าที่ทางภาษี และการที่มีมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มมาช่วยจัดการข้อกําหนดด้านภาษีในนามของผู้ขายให้ก็อาจทำให้แพลตฟอร์มของคุณเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดใจ

ธุรกิจแต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน และทางเลือกในการเป็นผู้อำนวยความสะดวกสําหรับมาร์เก็ตเพลสหรือผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ขายก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์หลายอย่าง เราขอแนะนําให้คุณขอรับคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ

แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี

การทําความเข้าใจข้อควรพิจารณาด้านภาษีสําหรับมาร์เก็ตเพลสเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามข้อกําหนดเท่านั้น ต่อไปนี้คือแหล่งข้อมูลบางส่วนที่จะช่วยแนะนําคุณในเรื่องอื่นๆ ของการปฏิบัติตามข้อกําหนด

โปรดอย่าลืมว่าคุณควรดูแลให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีอยู่เสมอ โดยทําความเข้าใจว่าคุณมีภาระหน้าที่ทางภาษีในตำแหน่งที่ตั้งใดบ้าง จากนั้นคุณจะต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานภาษีท้องถิ่น คํานวณ และเรียกเก็บภาษีในจํานวนที่ถูกต้อง แล้วยื่นและนําส่งภาษีที่เรียกเก็บ

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

Stripe Tax ลดความซับซ้อนในการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีทั่วโลก เพื่อให้คุณมีเวลาทุ่มเทกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยระบบจะคํานวณและเก็บภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสินค้าและบริการโดยอัตโนมัติจากทั้งสินค้าที่จับต้องได้และสินค้าดิจิทัล รวมไปถึงบริการในทุกรัฐของสหรัฐอเมริกาและอีกกว่า 100 ประเทศ Stripe Tax สร้างขึ้นภายใน Stripe โดยเฉพาะ และช่วยให้คุณเริ่มใช้งานได้รวดเร็วขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีการผสานการทํางานหรือใช้ปลั๊กอินของบริษัทอื่น

Stripe Tax ช่วยให้คุณดําเนินการดังต่อไปนี้ได้

  • ทําความเข้าใจว่าจะจดทะเบียนและเรียกเก็บภาษีที่ไหน ดูประเทศที่คุณต้องเรียกเก็บภาษีตามธุรกรรมใน Stripe และหลังจากจดทะเบียนแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้การเรียกเก็บภาษีในรัฐหรือประเทศใหม่ได้ในไม่กี่วินาที คุณจะเริ่มเรียกเก็บภาษีได้โดยเพิ่มโค้ดเพียงบรรทัดเดียวลงในการเชื่อมต่อการทํางาน Stripe ที่ใช้อยู่ หรือเพิ่มการเรียกเก็บภาษีลงในผลิตภัณฑ์ Stripe ที่ไม่ต้องใช้การเขียนโค้ด เช่น Invoicing ด้วยการคลิกเพียงปุ่มเดียว
  • จดทะเบียนชําระภาษี: Stripe Tax จะแสดงลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่คุณลงทะเบียนเมื่อถึงเกณฑ์ที่ต้องจดทะเบียนภาษี
  • เรียกเก็บภาษีโดยอัตโนมัติ: Stripe Tax คํานวณและเรียกเก็บภาษีในจํานวนที่ถูกต้องได้ไม่ว่าคุณจะจําหน่ายผลิตภัณฑ์อะไรหรือที่ไหน นอกจากนี้ ยังรองรับผลิตภัณฑ์และบริการหลายร้อยรายการ รวมทั้งตรวจสอบและอัปเดตกฎและอัตราภาษีอย่างต่อเนื่อง
  • ทําให้การยื่นและนําส่งเอกสารเป็นเรื่องง่าย: พาร์ทเนอร์ทั่วโลกที่เชื่อถือได้ของเราช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลธุรกรรมใน Stripe ของคุณ วางใจให้พาร์ทเนอร์ของเราจัดการการยื่นเอกสารเพื่อให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Tax

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับรองหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความเพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Tax

Tax

ช่วยให้คุณทราบพื้นที่ที่ต้องจดทะเบียน เรียกเก็บภาษีในจำนวนที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเข้าถึงรายงานที่ใช้สำหรับยื่นเงินคืนภาษี

Stripe Docs เกี่ยวกับ Tax

เรียกเก็บภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST รวมทั้งสร้างรายงานธุรกรรมทั้งหมดของคุณแบบอัตโนมัติ พร้อมเชื่อมต่อระบบโดยเขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยหรือไม่ต้องเขียนโค้ดเลย