การดําเนินงานด้านภาษีเป็นเรื่องที่ท้าทายสําหรับทุกบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจในยุโรป ทั้งนี้ในยุโรป กฎภาษีที่บังคับใช้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณตั้งอยู่ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่ และคุณกำลังขายให้กับธุรกิจหรือบุคคล
วิธีจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในยุโรป
อันดับแรก คุณจะต้องตรวจสอบว่าคุณต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)หรือไม่ ขั้นตอนต่อไปคือการจดทะเบียนกับหน่วยงานภาษีที่เหมาะสม เมื่อจดทะเบียนแล้ว คุณจะเริ่มเรียกเก็บและนําส่งภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โปรดทราบว่าแนวทางเหล่านี้เกี่ยวข้องกับผู้ขายโดยตรง หากขายสินค้าหรือบริการเฉพาะในมาร์เก็ตเพลสโดยเฉพาะ คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดเนื่องจากกฎสําหรับผู้ขายมาร์เก็ตเพลสอาจแตกต่างกันออกไป
คู่มือนี้จะกล่าวถึงกรณีที่ธุรกิจจําเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ โปรดทราบว่าเนื้อหาของคู่มือนี้เขียนขึ้นสำหรับธุรกิจที่ทำการขายนอกประเทศบ้านเกิดของตน สุดท้ายนี้ เราจะอธิบายวิธีที่ Stripe สามารถช่วยคุณจัดการการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีได้อย่างต่อเนื่อง
การจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสหภาพยุโรป
ต้องจดทะเบียนเมื่อไร
หากคุณทำธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีในประเทศในสหภาพยุโรปอื่นที่ไม่ใช่ประเทศที่คุณตั้งถิ่นฐานอยู่ โดยทั่วไปแล้ว คุณต้องจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศนั้น เว้นแต่ธุรกรรมนั้นจะได้รับการยกเว้นหรือต้องเสียภาษีย้อนกลับ (ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ในสถานการณ์ธุรกิจต่อธุรกิจ [B2B] เช่น ข้อเสนอการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ [SaaS]) ผู้ขายแบบธุรกิจต่อผู้บริโภค (B2C) ในสหภาพยุโรปอาจได้รับประโยชน์จากกระบวนการจดทะเบียนที่ง่ายขึ้นที่เรียกว่าแผน VAT One Stop Shop (VAT OSS) แบบในสหภาพซึ่งช่วยให้ผู้ขายสามารถรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระในประเทศสหภาพยุโรปอื่นๆ ในประเทศที่ตนจัดตั้งธุรกิจได้
กฎเกณฑ์ที่คล้ายกันนี้มีผลกับผู้ขายนอกสหภาพยุโรป โดยต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโดยเริ่มจากธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีรายการแรกที่ดําเนินการในสหภาพยุโรป เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นหรืออาจมีการเรียกเก็บย้อนกลับ ธุรกิจนอกสหภาพยุโรปที่ขายบริการดิจิทัลให้กับบุคคลในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศสามารถลงทะเบียนสำหรับเข้าร่วมแผน VAT One Stop Shop (VAT OSS) แบบนอกสหภาพได้ อย่างไรก็ตาม แผนนี้ไม่สามารถใช้ได้กับสินค้าที่จับต้องได้ ธุรกิจนอกสหภาพยุโรปที่ขายสินค้าภายในสหภาพยุโรปจะต้องจดทะเบียนเข้าร่วมแผน VAT OSS แบบในสหภาพ
ผู้ขายที่ขายสินค้าแบบ B2C (เช่น การขายปลีก) ที่นําเข้าจากประเทศนอกสหภาพยุโรปเข้าสู่สหภาพยุโรปโดยมีมูลค่าสินค้าต่ำกว่า 150 ยูโร สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วม VAT Import One Stop Shop (VAT IOSS) ได้ โดยแผน OSS ที่เรียบง่ายทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
วิธีจดทะเบียนหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
แม้ว่าธุรกิจต่างๆ จะสามารถจดทะเบียนในประเทศต่างๆ เพื่อจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ แต่ธุรกิจในสหภาพยุโรปที่ขายสินค้าให้กับบุคคลในประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปหลายแห่งจะได้รับประโยชน์จากการจดทะเบียนเข้าร่วมแผน VAT OSS แบบในสหภาพ แผนนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดความยุ่งยากของกระบวนการการจัดเก็บและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศต่างๆ ภายในสหภาพยุโรปโดยเฉพาะ โดยแผน VAT OSS แบบในสหภาพช่วยให้คุณไม่ต้องจดทะเบียนกับแต่ละประเทศในสหภาพยุโรปที่คุณจําหน่ายสินค้าหรือบริการจากทางไกล และธุรกิจในสหภาพยุโรปต้องจดทะเบียน VAT OSS ในประเทศสหภาพยุโรปที่ธุรกิจของตนก่อตั้งขึ้น

Image displaying EU countries that participate in VAT OSS
There is an exception for EU businesses that are established in one EU country and sell physical goods and digital products to individuals in other EU countries. In these B2C sales, businesses may collect VAT at the rate of their country of residence rather than the customer’s country of residence. Once the B2C sales exceed €10,000, the seller needs to collect at the rate of the customer’s country of residence. If your sales are below the threshold, a domestic VAT registration is sufficient.
For example, if you’re based in Austria and sell digital services to private individuals in Italy, and your total revenue from B2C sales of goods and services to consumers is under €10,000, you will collect Austrian VAT, not Italian VAT. In this scenario, a domestic VAT registration is all that is required. Once your B2C sales exceed €10,000, then you will collect Italian VAT.
Non-EU businesses that sell services to private individuals in multiple EU countries and opt for the VAT OSS non-Union scheme can choose which EU country they want to register in. Non-EU businesses that sell goods located within the EU must register for the VAT OSS Union scheme in the EU country where the transport of the goods begins. If goods are transported from more than one country, the seller can choose the country of registration.
EU sellers must register for IOSS in their country of establishment. Non-EU sellers that are not located in countries with which the EU has concluded an agreement on mutual assistance for the recovery of VAT must appoint an intermediary to use IOSS. If a seller is established outside the EU, but in a country with which the EU has concluded an agreement on mutual assistance for the recovery of VAT and makes sales of imported goods from that country, the seller is free to choose any EU member state as the state of registration. In this case, there is no need to appoint an intermediary to be able to use IOSS. However, if the seller makes sales of imported goods from other countries, an intermediary is required in order to use IOSS.
If you’ve exceeded a tax threshold in the EU and are concerned you owe penalties and back taxes, we recommend you contact a tax expert for guidance. Once you register, you can begin collecting VAT. Do not begin collecting VAT until you have properly registered.
การจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร
ต้องจดทะเบียนเมื่อไร
ธุรกิจที่ต้องการจําหน่ายสินค้าหรือบริการในสหราชอาณาจักรจะต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันหลังทําธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีรายการแรกในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ คุณยังต้องรับผิดต่อการจดทะเบียนหากคุณมีเหตุอันผลสมเหตุสมผลที่เชื่อว่าคุณจะมีธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีภายใน 30 วัน
ธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีคือการขายใดๆ ในสหราชอาณาจักรที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่มีการเรียกเก็บย้อนกลับ (หมายความว่าลูกค้าต้องรับผิดชอบในการทําบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่ม) ธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีหมายรวมถึงธุรกรรมที่มีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นศูนย์สําหรับวัตถุประสงค์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกาและขายบริการดิจิทัลให้แก่ลูกค้าในสหราชอาณาจักร คุณต้องจดทะเบียนในสหราชอาณาจักรในทันทีที่คุณมีเหตุผลอันสมเหตุสมผลที่เชื่อได้ว่าผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรจะซื้อบริการของคุณ หากผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรซื้อบริการดิจิทัลของคุณจริงๆ คุณต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากทําการขาย อย่างไรก็ตาม หากคุณจําหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ธุรกิจในสหราชอาณาจักรเพียงอย่างเดียว คุณก็ไม่จําเป็นต้องลงทะเบียน เนื่องจากยอดขายดังกล่าวจะต้องมีการเรียกเก็บย้อนกลับและไม่ใช่ธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีซึ่งใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่มของสหราชอาณาจักร
ธุรกิจที่ขายสินค้าแบบ B2C (เช่น การขายปลีก) ที่นำเข้าจากต่างประเทศมายังสหราชอาณาจักรโดยมีมูลค่าสินค้าต่ำกว่า 135 ปอนด์ จะต้องรับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของสหราชอาณาจักร และควรจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
หากการขายสินค้าที่นําเข้ามูลค่าต่ําเป็นแบบ B2B ผู้ขายไม่จําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตราบใดที่ผู้ซื้อเป็นธุรกิจในสหราชอาณาจักรและได้ระบุหมายเลขจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรแล้ว
วิธีจดทะเบียนหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
นับตั้งแต่ Brexit สหราชอาณาจักรมีกระบวนการลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่แยกจาก OSS ภาษีมูลค่าเพิ่มของสหภาพยุโรป ธุรกิจต่างๆ สามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรได้โดยใช้พอร์ทัลออนไลน์นี้ ทั้งนี้สหราชอาณาจักรไม่มีขั้นตอนการจดทะเบียนอย่างง่ายสำหรับผู้ขายที่ไม่ใช่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ
หากคุณมีภาษีเกินเกณฑ์ในสหราชอาณาจักรและกังวลว่าคุณจะต้องจ่ายค่าปรับและภาษีย้อนหลัง เราขอแนะนําให้คุณติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อขอคําแนะนํา คุณจะเริ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เมื่อจดทะเบียนแล้ว อย่าเริ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจนกว่าคุณจะจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
Registering to collect VAT in Norway
When to register
If you’re based outside Norway and sell to customers based in Norway, you must register as soon as your taxable sales in Norway reach 50,000 NOK during a period of 12 months. This amount does not include sales with reverse charge (which generally applies to B2B sales). In these scenarios, the customer is responsible for accounting for VAT on their VAT returns.
How to register for a VAT number
Businesses located in the European Economic Area (EEA) can register directly with the Norwegian tax authority. Businesses located outside the EEA must appoint a Norwegian VAT representative unless they use the simplified registration procedure (VAT on E-Commerce, or VOEC), which is available for B2C sales of digital services and low-value goods (less than 3,000 NOK). Foreign businesses can register for VOEC using this online portal.
For example, if you’re based in the US, sell digital services to Norwegian consumers, and exceed the threshold during a period of 12 months (from February of the past year to January of the current year), you must register in Norway. However, if you sell digital services only to Norwegian businesses, you don’t need to register, because these services are subject to reverse charge.
If you’ve exceeded a tax threshold in Norway and are concerned you owe penalties and back taxes, we recommend you contact a tax expert for guidance. Once you register, you can begin collecting VAT. Do not begin collecting VAT until you have properly registered.
การจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสวิตเซอร์แลนด์
ต้องจดทะเบียนเมื่อไร
หากคุณอยู่นอกสวิตเซอร์แลนด์และมีรายรับทั่วโลกเกิน 100,000 ฟรังก์สวิส หรือจะมีเกินจํานวนนี้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า คุณต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสวิตเซอร์แลนด์ภายใน 30 วันหลังจากทําธุรกรรมที่ต้องเสียภาษีรายการแรก โดยคุณจะไม่มีหน้าที่ในการจดทะเบียนหาก:
- คุณขายสินค้าหรือบริการให้แก่ธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น (การขายแบบ B2B) และยอดขายอาจมีการเรียกเก็บย้อนกลับในสวิตเซอร์แลนด์
- คุณให้บริการที่ได้รับการยกเว้นภาษีแก่ลูกค้าในสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น
สวิตเซอร์แลนด์ใช้กฎพิเศษในการนําเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ํา สินค้าที่มีมูลค่าต่ำ หมายถึง สินค้าที่มีมูลค่า (รวมค่าขนส่ง) ต่ำกว่า 62 ฟรังก์สวิส ซึ่งต้องเสียภาษีตามอัตราปกติ 8.1% และสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 193 ฟรังก์สวิส ซึ่งต้องเสียภาษีตามอัตราลดหย่อน 2.6% หากผู้ขายที่อยู่นอกสวิตเซอร์แลนด์มีรายรับเกิน 100,000 ฟรังก์สวิสจากการขายที่มีมูลค่าต่ํา สถานที่จําหน่ายจะเปลี่ยนมาที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยผู้ขายจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับการขายทุกรายการ
วิธีจดทะเบียนหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไม่มีกระบวนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแบบง่ายสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ ผู้ขายที่ไม่ใช่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศจะต้องแต่งตั้งตัวแทนด้านภาษี และอาจต้องมีการค้ำประกันจากธนาคารในบางโอกาส คุณสามารถจดทะเบียนออนไลน์ผ่านลิงก์นี้ คุณต้องระบุข้อมูลเกี่ยวกับตัวแทนภาษีเมื่อจดทะเบียนออนไลน์
หากคุณมีภาษีเกินเกณฑ์ในสวิตเซอร์แลนด์และกังวลว่าคุณจะต้องจ่ายค่าปรับและภาษีย้อนหลัง เราขอแนะนําให้คุณติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อขอคําแนะนํา คุณจะเริ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เมื่อจดทะเบียนแล้ว อย่าเริ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจนกว่าคุณจะจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
Stripe ช่วยจัดการการจดทะเบียนและการปฏิบัติตามข้อบังคับด้านภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร
การพิจารณาว่าคุณมีภาระหน้าที่ทางภาษีการขายและจําเป็นต้องจดทะเบียนที่ไหนอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก Stripe Tax ช่วยให้คุณตรวจสอบภาระหน้าที่และได้รับการแจ้งเตือนเมื่อเกินเกณฑ์ภาษีการขายโดยอิงตามธุรกรรม Stripe
Stripe Tax ช่วยให้คุณดําเนินการดังต่อไปนี้ได้
- ทําความเข้าใจว่าจะต้องจดทะเบียนและเรียกเก็บภาษีที่ไหน ดูประเทศที่คุณต้องเรียกเก็บภาษีตามธุรกรรมใน Stripe และหลังจากจดทะเบียนแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้การเรียกเก็บภาษีในรัฐหรือประเทศใหม่ได้ในไม่กี่วินาที คุณสามารถเริ่มเรียกเก็บภาษีได้โดยเพิ่มโค้ดเพียงบรรทัดเดียวลงในการเชื่อมต่อการทํางาน Stripe ที่ใช้อยู่ หรือเพิ่มการเรียกเก็บภาษีไปยังผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องใช้โค้ดของ Stripe เช่น Invoicing ด้วยการคลิกแค่ปุ่มเดียว
- จดทะเบียนชําระภาษี: Stripe Tax แสดงลิงก์ไปยังเว็บไซต์ ซึ่งคุณจะจดทะเบียนได้เมื่อเกินเกณฑ์การจดทะเบียนภาษีแล้ว นอกจากนี้ Stripe Tax ยังรองรับการจดทะเบียนหลายประเภท ซึ่งรวมถึง Import One-Stop-Shop (IOSS)
- เรียกเก็บภาษีโดยอัตโนมัติ: Stripe Tax คํานวณและเรียกเก็บภาษีในจํานวนที่ถูกต้องได้ไม่ว่าคุณจะจําหน่ายผลิตภัณฑ์อะไรหรือที่ไหน โดยรองรับผลิตภัณฑ์และบริการหลายร้อยรายการ รวมทั้งมีข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับกฎและการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษี
- ทําให้การยื่นและนําส่งเป็นเรื่องง่าย: พาร์ทเนอร์ทั่วโลกที่เชื่อถือได้ของเราช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลธุรกรรมใน Stripe ของคุณ วางใจให้พาร์ทเนอร์ของเราจัดการการยื่นเอกสารเพื่อให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต
อ่าน Stripe Docs ของเรา เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือลงทะเบียนเพื่อใช้งาน Stripe Tax เลย