การชําระเงินแบบผสานรวมสำหรับ ISV คืออะไร ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ต้องรู้

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชําระเงินแบบผสานรวมคืออะไร
  3. ISV ใช้การชําระเงินแบบผสานรวมอย่างไร
  4. ประโยชน์ของการชําระเงินแบบผสานรวมสำหรับ ISV
  5. ความท้าทายในการผสานรวมการชําระเงินในฐานะ ISV และวิธีแก้ปัญหา
  6. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับ ISV เกี่ยวกับการผสานการทํางานการชําระเงิน

ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) คือบริษัทที่สร้าง พัฒนา และจำหน่ายซอฟต์แวร์ ซึ่งดําเนินงานบนแพลตฟอร์มของบริษัทอื่น ผู้ให้บริการเหล่านี้ไม่ได้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ของตน และไม่ได้มีเจ้าของเป็นบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์ จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมบริษัทเหล่านี้จึงเรียกว่าบริษัทอิสระ ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจนี้มีตั้งแต่แอปพลิเคชันฉพาะทางสําหรับอุตสาหกรรมต่างๆ (เช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน) ไปจนถึงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทั่วไป เช่น ซอฟต์แวร์สํานักงานและโปรแกรมออกแบบกราฟิก

ISV พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับลูกค้าโดยเน้นให้ความสำคัญกับการทํางานและความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งการผสานรวมฟังก์ชันการชําระเงินจะช่วย ISV เพิ่มประสิทธิภาพทั้งสองด้านและจัดการการชำระเงินมูลค่าถึง 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่าการชําระเงินแบบผสานรวมสำหรับ ISV คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ตลอดจนประโยชน์และความท้าทายสำหรับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การชําระเงินแบบผสานรวมคืออะไร
  • ISV ใช้การชําระเงินแบบผสานรวมได้อย่างไร
  • ประโยชน์ของการชําระเงินแบบผสานรวมสำหรับ ISV
  • ความท้าทายในการผสานรวมการชําระเงินในฐานะ ISV และวิธีแก้ปัญหา
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับ ISV เกี่ยวกับการผสานรวมการชําระเงิน

การชําระเงินแบบผสานรวมคืออะไร

การชําระเงินแบบผสานรวมเป็นฟังก์ชันประมวลผลการชําระเงินที่สร้างขึ้นภายในซอฟต์แวร์ธุรกิจโดยตรง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการชําระเงินภายในระบบเดียวกันกับการทำงานอื่นๆ ได้ เช่น การทําบัญชี การจัดการสินค้าคงคลัง และการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า

ISV ใช้การชําระเงินแบบผสานรวมอย่างไร

ISV ใช้การชําระเงินแบบผสานรวมเพื่อยกระดับซอฟต์แวร์ของตนและช่วยให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่การดําเนินงานอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เช่น ร้านค้าปลีก การดูแลสุขภาพ และการบริการ ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ ISV นำการชําระเงินแบบผสานรวมไปใช้

  • ขั้นตอนการทํางานที่ง่ายขึ้น: ISV ผสานการประมวลผลการชําระเงินเพื่อสร้างขั้นตอนการทํางานของซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบบันทึกการขายของร้านค้าปลีกที่มีการชําระเงินแบบผสานรวมจะช่วยให้แคชเชียร์จัดการการขายและรับการชําระเงินได้โดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างระบบต่างๆ วิธีนี้ช่วยให้ทําธุรกรรมได้เร็วขึ้นและผสานข้อมูลการขายกับโปรไฟล์ลูกค้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถนําเสนอบริการและโปรโมชันที่เหมาะกับลูกค้าโดยเฉพาะ

  • การจัดการข้อมูลอัตโนมัติ: เมื่อธุรกิจผสานการทํางานกับการชําระเงิน ระบบจะซิงค์ข้อมูลธุรกรรมกับการวิเคราะห์ธุรกิจ การทำบัญชี และระบบสินค้าคงคลังโดยอัตโนมัติ หลังจากการขายสําเร็จ ระบบจะบันทึกรายรับในรายงานทางการเงินและปรับระดับสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์เพื่อให้จัดการสต็อกได้ดีขึ้นและลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลระหว่างสินค้าคงคลังที่มีอยู่จริงกับที่บันทึกไว้

  • โซลูชันที่ออกแบบเอง: ISV พัฒนาการผสานการทํางานการชําระเงินที่ตอบสนองกับขั้นตอนการทํางานและความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ จะมีการออกแบบระบบการชําระเงินเพื่อจัดการกับการเรียกเก็บเงินที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องค่าประกันภัยแบบส่วนตัวและของรัฐบาล ในอุตสาหกรรมการบริการ การชําระเงินแบบผสานรวมสามารถเชื่อมโยงการเรียกเก็บเงินเข้ากับบัญชีห้อง จัดการการจอง รวมถึงอํานวยความสะดวกในการเช็คอินและการชําระเงินผ่านซอฟต์แวร์ได้โดยตรง

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย: โซลูชันการชําระเงินที่ผสานการทํางานมาพร้อมโปรโตคอลการรักษาความปลอดภัยในตัวซึ่งจะช่วยปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและสามารถปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าได้ ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การเข้ารหัสแบบจุดต่อจุด การแปลงเป็นโทเค็น และระบบตรวจจับการฉ้อโกงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แข็งแกร่งโดยไม่กระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้

  • ประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้า: ISV ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกวิธีการชําระเงินที่ต้องการได้ (เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล รหัส QR) ความยืดหยุ่นนี้สามารถเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกค้าได้

  • การจัดการการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า: การชําระเงินแบบผสานรวมจะช่วยจัดการการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าด้วยการทําให้กระบวนการต่ออายุเป็นอัตโนมัติ ใช้ส่วนลดหรือโปรโมชัน รวมถึงจัดการการแบ่งชําระตามสัดส่วนหรือการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจการชําระเงินตามรอบบิลโดยไม่ต้องดําเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยลดภาระด้านการจัดการการชําระเงินตามรอบบิลและช่วยให้ธุรกิจมีกระแสรายรับที่มั่นคง

  • บริการเพิ่มเติม: นอกเหนือจากการจัดการธุรกรรม การชําระเงินแบบผสานรวมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับซอฟต์แวร์ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การชําระเงินแบบแยกส่วน การติดตามคะแนนสะสม และการวิเคราะห์ธุรกิจที่ครอบคลุม บริการเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจดึงดูดและรักษาลูกค้าได้

  • ความยืดหยุ่น: ซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันการชําระเงินแบบผสานรวมจะจัดการโหลดที่เพิ่มขึ้นได้โดยไม่ต้องมีการปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ โซลูชันบนระบบคลาวด์ช่วยให้ ISV พุชอัปเดตและฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์จากความก้าวหน้าล่าสุดในเทคโนโลยีการชําระเงินโดยไม่ต้องปิดระบบหรือมีการหยุดชะงัก

ประโยชน์ของการชําระเงินแบบผสานรวมสำหรับ ISV

ประโยชน์ของการผสานรวมการชําระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์โดยตรงมีดังนี้

  • ขั้นตอนที่ง่ายยิ่งขึ้น: การชําระเงินแบบผสานรวมจะรวมกันเป็นขั้นตอนการทำงานหนึ่งเดียวที่มีความเรียบง่าย ซึ่งปกติแล้วจะต้องดำเนินการบนหลายแพลตฟอร์ม นั่นหมายความว่าผู้ใช้จะจัดการธุรกรรมทั้งหลายได้ในแพลตฟอร์มเดียวกันกับที่ใช้จัดการงานอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นการกําหนดเวลา ออกใบแจ้งหนี้ หรือการจัดการลูกค้า

  • โซลูชันซอฟต์แวร์ที่น่าติดใจกว่าเดิม: การผสานรวมขั้นตอนการชําระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์โดยตรงช่วยให้ซอฟต์แวร์สร้างคุณค่าแก่ลูกค้าได้มากขึ้น ผู้ใช้งานจะพึ่งพาความสะดวกและประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์มากขึ้น และมีโอกาสน้อยลงที่จะเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการรายอื่น ความจำเป็นในการพึ่งพาลักษณะนี้ช่วยเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าให้กับ ISV และเสริมสร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี

  • เพิ่มช่องทางรายรับ: การผสานรวมฟังก์ชันการชําระเงินสามารถเพิ่มช่องทางสร้างรายรับให้กับ ISV นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตแบบเดิมๆ โดย ISV สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือรวมฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินไว้ในซอฟต์แวร์ของตน เช่น ตัวเลือกความปลอดภัยที่สูงขึ้นและเครื่องมือการรายงานที่ออกแบบเอง สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มรายรับโดยรวมและจูงใจให้ฟีเจอร์การชําระเงินของ ISV ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • ความเชื่อมโยงกันในการทำงาน: การชําระเงินแบบผสานรวมช่วยให้ไม่จําเป็นต้องกระทบยอดข้อมูลกับหลายๆ ระบบ ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดและข้อมูลคลาดเคลื่อนน้อยลง ในขณะที่การรายงานและข้อมูลเชิงลึกด้านการเงินก็จะมีความแม่นยํามากขึ้น

  • การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: เนื่องจาก ISV เป็นผู้ควบคุมการผสานรวมการชำระเงิน ดังนั้น ISV จะสามารถควบคุมการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด รวมทั้งปรับแต่งฟีเจอร์เหล่านี้ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตลาดและกฎระเบียบข้อบังคับได้ จึงช่วยปกป้องข้อมูลการชําระเงินที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ปลายทางและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า

  • เพิ่มข้อได้เปรียบในการแข่งขัน: ในตลาดที่มีคู่แข่งจำนวนมาก โซลูชันการชําระเงินแบบผสานรวมจะทำให้ผลิตภัณฑ์ ISV แตกต่างจากของคู่แข่งอย่างชัดเจน ฟีเจอร์นี้จะน่าสนใจเป็นพิเศษในภาคธุรกิจต่างๆ เช่น อีคอมเมิร์ซและการดูแลสุขภาพ ซึ่งความสะดวกและความปลอดภัยของธุรกรรมทางการเงินเป็นสิ่งสําคัญอันดับแรก

  • โซลูชันที่ยืดหยุ่น: การชําระเงินแบบผสานรวมสามารถขยายให้รองรับปริมาณการชําระเงินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกรรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบหรือจัดการการอัปเกรดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ความยืดหยุ่นนี้ทําให้ซอฟต์แวร์ ISV เป็นโซลูชันระยะยาวสําหรับผู้ใช้และเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า

  • การวิเคราะห์ข้อมูล: การชําระเงินแบบผสานรวมมาพร้อมการวิเคราะห์อันทรงประสิทธิภาพที่สามารถติดตามและวิเคราะห์ธุรกรรมทุกรายการ และมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการขาย ความต้องการของลูกค้า และสถานะทางการเงินแก่ธุรกิจ ข้อมูลนี้ช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และอาจเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความแตกต่างให้กับซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ

  • ลดภาระในการจัดการความสัมพันธ์: โซลูชันแบบผสานรวมช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการรายชื่อติดต่อ สัญญา และช่องทางสนับสนุนด้านเทคนิคของผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และผู้ประมวลผลการชําระเงินจำนวนมาก ซึ่งนี่อาจเป็นค่าใช้จ่ายแฝงก้อนใหญ่ในการจัดการการดําเนินธุรกิจ

ความท้าทายในการผสานรวมการชําระเงินในฐานะ ISV และวิธีแก้ปัญหา

การผสานรวมการชําระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์ ISV มาพร้อมกับความท้าทายทางเทคนิค ข้อบังคับ และประสบการณ์ของผู้ใช้ ต่อไปนี้คือภาพรวมของปัญหาทั่วไปและเคล็ดลับบางส่วนในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

  • การผสานการทํางาน: ปกติแล้วการผสานการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงินหรือผู้ประมวลผลการชำระเงินจำเป็นต้องอาศัยการจัดการระบบที่ซับซ้อน โปรโตคอลธุรกรรม และการซิงค์ข้อมูล หากสแต็กเทคโนโลยีของคุณกับโซลูชันการชําระเงินไม่ตรงกัน ก็อาจทำให้เกิดปัญหาที่แก้ไขได้ยากตามมา ดังนั้น เมื่อคุณต้องประเมินเลือกผู้ให้บริการ ควรมองหาส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ที่สะอาดตาและเป็นระเบียบ เอกสารประกอบที่ให้ข้อมูลอย่างละเอียด ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ที่แปลเป็นภาษาที่คุณต้องการ รวมทั้งประวัติการผสานการทํางานกับ ISV ได้ง่ายดาย เพื่อลดการเกิดปัญหาเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด

  • การรักษาความปลอดภัย: การละเมิดการรักษาความปลอดภัยหรือการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) อาจทําให้เกิดความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงอย่างใหญ่หลวง เราแนะนำให้เลือกพาร์ทเนอร์การชําระเงิน PCI ระดับ 1 ที่มีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การแปลงเป็นโทเค็น การเข้ารหัส และการตรวจจับการฉ้อโกง รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบเป็นประจําเพื่อให้ทันต่อภัยคุกคามที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ

  • ค่าใช้จ่าย: การประมวลผลการชําระเงินมีค่าธรรมเนียมธุรกรรม ค่าใช้จ่ายสําหรับเกตเวย์ และการดึงเงินคืนที่อาจเกิดขึ้นได้ ISV จึงต้องกําหนดค่าบริการที่น่าสนใจสำหรับลูกค้า ในขณะเดียวกันก็รักษาผลกําไรให้อยู่ในระดับน่าพอใจ หากต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายและสร้างรายรับให้ได้มากที่สุด แนะนำให้เจรจาต่อรองค่าธรรมเนียมตามปริมาณการชำระเงินที่คาดการณ์และประเภทธุรกรรม ใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกงอัจฉริยะเพื่อลดการดึงเงินคืน และสํารวจบริการเพิ่มมูลค่า เช่น การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าหรือการออกใบแจ้งหนี้เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายรับเพิ่มเติม

  • ประสบการณ์ของผู้ใช้: ขั้นตอนการชําระเงินที่อืดอาดหรือยุ่งเหยิงอาจทําให้การขายหยุดชะงักลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธุรกิจขนาดเล็กต้องแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมที่มอบประสบการณ์การชําระเงินที่เรียบง่าย หากต้องการแก้ไขปัญหานี้ ควรออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้อย่างใส่ใจเป็นพิเศษและใส่ฟีเจอร์ต่างๆ เข้าไป เช่น วิธีการชําระเงินหลายๆ แบบ ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ และความคิดเห็นของลูกค้าในทุกขั้นตอน จากนั้นทดสอบอย่างเข้มงวดและทําซ้าโดยอิงตามข้อมูลที่ได้รับมาจากผู้ใช้

  • การขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ: ความต้องการด้านการชําระเงิน ระเบียบข้อบังคับ และรูปแบบการฉ้อโกงจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจทําให้การขยายธุรกิจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แนะนำให้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการชําระเงินดำเนินธุรกิจทั่วโลกและรองรับหลายสกุลเงิน รวมทั้งปรับประสบการณ์การชําระเงินให้เข้ากับท้องถิ่นโดยคำนึงถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมและเทรนด์การชําระเงินในภูมิภาค ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกําหนดการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละตลาดเป้าหมาย

  • การขยายระบบ: ระบบการชําระเงินของคุณต้องรับมือกับปริมาณการใช้งานและธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเหมาะสมเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น คุณควรออกแบบการผสานรวมการชําระเงินโดยคํานึงถึงความสามารถในการขยายระบบและเลือกผู้ให้บริการที่มีโซลูชันที่ยืดหยุ่นและรองรับธุรกรรมปริมาณมากได้ ติดตามตรวจสอบเมตริกด้านประสิทธิภาพอย่างใกล้ชิดและวางแผนอัปเกรดกําลังการผลิตล่วงหน้า

  • การสนับสนุนหลังเปิดตัว: การผสานรวมการชําระเงินต้องมีการสนับสนุน การบํารุงรักษา และการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับการทํางานให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ และความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป คุณควรให้ความสําคัญกับผู้ให้บริการชําระเงินเป็นอันดับแรกๆ โดยมอบความช่วยเหลืออย่างฉับไว สื่อสารอย่างโปร่งใส และมีแผนกลยุทธ์สำหรับการปรับปรุงในอนาคต

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับ ISV เกี่ยวกับการผสานการทํางานการชําระเงิน

ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับ ISV ในการผสานการประมวลผลการชําระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์

  • เลือกผู้ประมวลผลการชําระเงินของคุณอย่างรอบคอบ: ให้มองว่าผู้ประมวลผลการชําระเงินของคุณเป็นพาร์ทเนอร์ด้านกลยุทธ์ในระยะยาว ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการเท่านั้น ประเมินความสามารถทางเทคนิค ความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ประสบการณ์ที่มีกับ ISV และความเหมาะสมทางวัฒนธรรม ก่อนที่จะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ลองพิจารณาดูว่าผู้ให้บริการเข้าใจวิสัยทัศน์และเส้นทางการเติบโตของคุณหรือไม่ ตลอดจนควรสนับสนุนความมุ่งมั่นที่จะไปสู่ระดับโลก และมอบ API ที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา

  • ให้ความสําคัญกับการรักษาความปลอดภัย: ปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตรอย่างเข้มงวด เลือกผู้ให้บริการ PCI ระดับ 1 และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งทั่วทั้งสแต็กซอฟต์แวร์ของคุณ เช่น การแปลงเป็นโทเค็น การเข้ารหัส การตรวจจับการฉ้อโกง และการประเมินช่องโหว่เป็นประจํา

  • ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้: ขั้นตอนการชําระเงินควรเป็นส่วนขยายตามธรรมชาติของซอฟต์แวร์ของคุณ ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ใช้งานง่ายซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ นําเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย ให้คําแนะนําที่ชัดเจน และจัดการข้อผิดพลาดได้อย่างราบรื่น

  • วิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรม: การผสานรวมการชําระเงินหมายถึงการเข้าถึงข้อมูลธุรกรรม ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยในการปรับค่าบริการ กลยุทธ์การตลาด และประสบการณ์ของลูกค้า ติดตามเมตริกสําคัญ อย่างเช่น อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน มูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย และอัตราส่วนการดึงเงินคืนเพื่อทําการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

  • วางแผนเพื่อการเติบโตในอนาคต: เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นและปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น ระบบการชําระเงินจะต้องตามให้ทัน เลือกผู้ให้บริการที่มีโครงสร้างพื้นฐานและความเชี่ยวชาญเพื่อรับมือกับการเติบโตในอนาคต และประเมินประสิทธิภาพเป็นประจําเพื่อวางแผนการอัพเกรดขีดความสามารถ

  • รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย: การรองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และคริปโตเคอเรนซีจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้และเพิ่มอัตราการนําไปใช้งาน สิ่งนี้มีความสําคัญอย่างยิ่งหากซอฟต์แวร์ของคุณเจาะตลาดโลกที่มีความต้องการการชําระเงินที่แตกต่างกัน

  • อัปเดตและดูแลรักษาเป็นประจํา: เทคโนโลยีการชําระเงินและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การอัปเดตการผสานรวมการชําระเงินเป็นประจําจะช่วยรักษาผลิตภัณฑ์ของคุณให้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามข้อกําหนด

  • ตรวจสอบและวิเคราะห์ธุรกรรม: นําเครื่องมือตรวจสอบมาใช้เพื่อติดตามประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการผสานรวมการชําระเงินของคุณ การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมจะช่วยคุณระบุแนวโน้ม ตรวจจับการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น และทําความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ได้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย