ในยุคดิจิทัล ระบบที่เชื่อมโยงผู้ใช้และช่วยให้ผู้ใช้สร้างคุณค่าให้แก่กันและกันได้กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ หนึ่งในระบบเหล่านั้นคือแพลตฟอร์มหลายมิติ ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ขยายตลาดโดยการเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกันหลายกลุ่มเข้าด้วยกัน

บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มหลายมิติ รวมถึงคุณสมบัติ ลักษณะ และประเภทต่างๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น

เนื้อหาหลักในบทความ

• แพลตฟอร์มหลายมิติคืออะไร
  
• คุณสมบัติของแพลตฟอร์มหลายมิติ
  
• แพลตฟอร์มประเภทอื่นๆ
  
• กลยุทธ์สำหรับแพลตฟอร์มหลายมิติ
  
• กุญแจสู่ความสำเร็จด้วยแพลตฟอร์มหลายมิติ
  
• ตัวอย่างแพลตฟอร์มหลายมิติในญี่ปุ่น
  
• Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร
  

แพลตฟอร์มหลายมิติคืออะไร

แพลตฟอร์มหลายมิติคือรูปแบบธุรกิจที่เชื่อมต่อตลาดและกลุ่มผู้ใช้หลายกลุ่มเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้เกิดการทำธุรกรรมและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเหล่านั้น และถือเป็นธุรกิจแพลตฟอร์มประเภทหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น การที่ผู้ใช้ในบทบาทที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ซื้อและผู้ขาย หรือผู้โดยสารและคนขับ จะทำการซื้อขายและโต้ตอบกันบนแพลตฟอร์มเดียวกันเป็นเรื่องปกติ

คุณสมบัติของแพลตฟอร์มหลายมิติ

แพลตฟอร์มแบบหลายมิติมีคุณสมบัติและจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่าง

ปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้และผลกระทบจากเครือข่าย

ในแพลตฟอร์มหลายมิติ เมื่อกลุ่มผู้ใช้กลุ่มหนึ่งเติบโตขึ้น มูลค่าสำหรับกลุ่มผู้ใช้กลุ่มอื่นก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะสร้างผลกระทบแบบเครือข่ายที่ช่วยเร่งการเติบโตโดยรวมของแพลตฟอร์ม

ตัวอย่างเช่น เมื่อจำนวนผู้ซื้อในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น จำนวนผู้ขายก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของผู้ขายก็จะดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้นด้วย ทำให้เกิดวงจรเชิงบวกขึ้นมา

ความหลากหลายของรูปแบบรายได้

แพลตฟอร์มหลายมิติสามารถสร้างแหล่งรายได้ได้หลายทาง เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม รายได้จากโฆษณา ค่าสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม และการใช้ข้อมูล นอกจากนี้ การเติบโตของแพลตฟอร์มยังสามารถสร้างรายได้จากบริการเสริมต่างๆ เช่น การประมวลผลการชำระเงิน บริการทางการเงิน และการสนับสนุนด้านการตลาด

การออกแบบที่น่าเชื่อถือและเป็นกลาง

ระบบที่เป็นกลางมีความจำเป็นต่อการประสานความร่วมมือของผู้เข้าร่วมที่มีจุดยืนแตกต่างกัน

ตัวอย่างเช่น การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกรรมด้วยความมั่นใจ เช่น การนำระบบตรวจสอบ แนวทางปฏิบัติ และการรับประกันการชำระเงินมาใช้ ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างความเป็นกลาง

แพลตฟอร์มประเภทอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มประเภทอื่นๆ ที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกับรูปแบบแพลตฟอร์มหลายมิติ

แพลตฟอร์มมิติเดียว

แพลตฟอร์มประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับกลุ่มผู้ใช้หรือกลุ่มประชากรเฉพาะกลุ่ม เช่น บริการเครือข่ายสังคมภายในองค์กรและอินทราเน็ต โดยทั่วไปแล้วจะเป็นระบบปิดที่ใช้ภายในองค์กรเฉพาะ แต่ก็มีแพลตฟอร์มแบบเปิดด้วยเหมือนกัน เช่น ชุมชนออนไลน์และเว็บไซต์แบ่งปันความรู้ที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ แพลตฟอร์มมิติเดียวได้รับการออกแบบมาเพื่อการแบ่งปันข้อมูลและประสิทธิภาพภายในองค์กร และมีลักษณะเด่นคือไม่มีฝ่ายอื่นเข้าร่วม

แพลตฟอร์มสองมิติ

แพลตฟอร์มสองมิติคือระบบที่เชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้สองกลุ่มที่แตกต่างกันและสร้างคุณค่าร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ในเว็บไซต์หางาน การเพิ่มขึ้นของผู้หางานจะเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทต่างๆ ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของบริษัทที่ลงทะเบียนจะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้หางาน การออกแบบแพลตฟอร์มสองมิติจึงเน้นไปที่การส่งเสริมการเติบโตไปพร้อมๆ กับการรักษาสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่าย

กลยุทธ์สำหรับแพลตฟอร์มหลายมิติ

ในแพลตฟอร์มหลายมิติที่เชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกันหลายกลุ่ม การเพิ่มจำนวนผู้ใช้จะเพิ่มมูลค่าให้กับกลุ่มอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเรียกว่า "ผลกระทบจากเครือข่าย" กลยุทธ์แพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับว่าควรขยายด้านใดก่อน และใช้แรงจูงใจประเภทใด

กุญแจสู่ความสำเร็จด้วยแพลตฟอร์มหลายมิติ

มีขั้นตอนสำหรับการขยายแพลตฟอร์มหลายมิติในไปพร้อมกับการรักษาสมดุลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย

แพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จมีลักษณะและคุณสมบัติดังต่อไปนี้

• การตัดสินใจที่ชัดเจนว่าควรให้ความสำคัญกับด้านใดเมื่อขยายธุรกิจและดึงดูดผู้ใช้ใหม่
  
• วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
  
• การนำวิธีการชำระเงินที่หลากหลายมาใช้ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
  
• ตรวจสอบระบบ แสดงค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจน และดำเนินการอื่นๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานมั่นใจ
  
• รูปแบบการให้เงินอุดหนุนและระบบแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำไปใช้ในตลาดได้เร็วขึ้น
  
• การโฆษณา การจัดหาเงินทุน โลจิสติกส์ ฯลฯ เพื่อรวบรวมแหล่งข้อมูลที่มีค่าหลายแหล่งไว้ในแพลตฟอร์ม
  

ตัวอย่างแพลตฟอร์มหลายมิติในญี่ปุ่น

Rakuten Ichiba

Rakuten Ichiba เป็นแพลตฟอร์มหลายมิติชั้นนำที่เชื่อมโยงธุรกิจและลูกค้าเข้าด้วยกัน โดยในตอนแรก Rakuten Ichiba เน้นการดึงดูดลูกค้าด้วยการนำเสนอโปรแกรมสะสมแต้มและจัดโปรโมชันลดราคาหลากหลายรูปแบบ

ด้วยการกำหนดคุณค่าที่ชัดเจนว่า "ที่นี่เป็นแหล่งรวมผู้ซื้อ" ผู้ขายจึงหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ ส่งผลให้จำนวนสินค้าที่วางจำหน่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Rakuten Ichiba ยังได้สร้างกระบวนการเพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการนำระบบรีวิวจากผู้ซื้อและระบบให้คะแนนร้านค้ามาใช้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ด้วยการเปิดเผยค่าธรรมเนียมร้านค้าและระบบค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทสร้างและรักษาความโปร่งใส ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ลูกค้าและธุรกิจใช้งานได้ง่าย

นอกจากนี้ Rakuten ยังได้ขยายธุรกิจไปยังวงการอื่นๆ เช่น การโฆษณา การเงิน และโลจิสติกส์ รวมถึงให้บริการชำระเงินของตนเอง เช่น Rakuten Card และ Rakuten Pay ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก

ด้วยไอเดียริเริ่มเหล่านี้ Rakuten ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานหลายกลุ่มเข้าด้วยกัน (เช่น ธุรกิจ ลูกค้า และผู้ลงโฆษณา) ซึ่งทำให้ Rakuten กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถผสานรวมการซื้อ การชำระเงิน และการโฆษณาเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย

S.RIDE

S.RIDE คือแพลตฟอร์มเรียกรถแท็กซี่ที่พัฒนาและดำเนินงานในประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัทแท็กซี่รายใหญ่หลายแห่ง โดยมีกลยุทธ์ในการให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการ (เช่น คนขับและยานพาหนะ) บริษัทดึงดูดลูกค้าด้วยความน่าเชื่อถือและความรวดเร็ว ด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่า "เรียกรถแท็กซี่ได้รวดเร็วเพียงแค่เปิดแอป"

S.RIDE ได้เสริมสร้างความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตร พร้อมทั้งสร้างระบบที่ทำให้คนขับและผู้ประกอบการสามารถเข้าร่วมได้ง่ายขึ้น โดยการแสดงค่าโดยสารและวิธีการชำระเงินอย่างชัดเจนภายในแอปทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการใช้บริการ

S.RIDE รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดหลายประเภท เช่น บัตรเครดิต, PayPal และ Apple Pay ทำให้การทำธุรกรรมราบรื่นโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินสด บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างบริการที่น่าเชื่อถือโดยการเชื่อมโยงลูกค้าและบริษัทแท็กซี่บนแพลตฟอร์มแบบหลายมิติที่ผสานรวมการขนส่ง ข้อมูล และการชำระเงินเข้าด้วยกัน

Mercari

Mercari พัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่นและเติบโตขึ้นโดยการทำธุรกรรมแบบบุคคลต่อบุคคลเป็นหลัก
เดิมทีระบบนี้มีไว้เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้สองกลุ่ม ได้แก่ ผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ด้วยการใช้ข้อมูลการทำธุรกรรม ธุรกิจได้ขยายไปสู่การโฆษณา การเงิน และสินค้ามือสอง

ระบบการตรวจสอบและให้คะแนนหลังการทำธุรกรรมของบริษัทช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจ นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ระบบให้รางวัล เช่น แคมเปญส่งเสริมการขายและคะแนนสะสม เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้

นอกจากนี้ การเปิดตัวบริการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน Merpay และบริการชำระเงินภายหลัง ทำให้บริษัทสามารถสร้างสภาพแวดล้อมแบบครบวงจรที่รวมธุรกรรม การชำระเงิน และเครดิตเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นในการชำระเงิน

Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร

Stripe Connect จะจัดการในการรับส่งเงินระหว่างหลายฝ่ายสำหรับแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์และมาร์เก็ตเพลส โดยมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่รวดเร็ว มีองค์ประกอบแบบผสานรวม มีการเบิกจ่ายทั่วโลก และอื่นๆ อีกมากมาย

Connect สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

• เปิดตัวได้ภายในไม่กี่สัปดาห์: ใช้ฟังก์ชันที่จัดการอัตโนมัติโดย Stripe หรือแบบผสานรวมเพื่อให้เริ่มให้บริการได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าหรือเสียเวลาไปกับการพัฒนาระบบที่มักต้องใช้สำหรับการให้บริการสนับสนุนด้านการชำระเงิน
  
• จัดการการชำระเงินจำนวนมาก: ใช้เครื่องมือและบริการจาก Stripe แล้วไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรเพิ่มเติมไปกับการรายงานส่วนต่างกำไร แบบฟอร์มภาษี ความเสี่ยง วิธีการชำระเงินทั่วโลก หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน
  
• ขยายธุรกิจไปทั่วโลก: ช่วยให้ผู้ใช้ของคุณเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้มากขึ้นด้วยวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นและความสามารถในการคำนวณภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST ได้อย่างง่ายดาย
  
• สร้างช่องทางรายรับใหม่ๆ: เพิ่มประสิทธิภาพให้รายรับจากการชำระเงินด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมแต่ละรายการ สร้างรายได้จากความสามารถของ Stripe ด้วยการเปิดใช้การชำระเงินที่จุดขาย การเบิกจ่ายทันที การเรียกเก็บภาษีการขาย การจัดหาเงินทุน บัตรชำระค่าใช้จ่าย และอื่นๆ อีกมากมายบนแพลตฟอร์มของคุณ
  

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Connect หรือเริ่มใช้งานวันนี้