การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์หรือการซื้อสินค้าที่หน้าร้านค้า ในแวดวงการชำระเงินแบบไร้เงินสดนั้น การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายที่สุด โดยมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของธุรกรรมในปี 2021
เนื่องจากบัตรเครดิตทั้งสะดวกและน่าเชื่อถือ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและร้านค้าแบบดั้งเดิมหลายแห่งในญี่ปุ่นจึงต่างใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยเป็นวิธีการชำระเงินที่สำคัญต่อธุรกิจ เพราะช่วยสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและส่งเสริมยอดขายให้เพิ่มขึ้น แต่การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตยังมีปัญหาต่างๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น การนำไปใช้งานและระบบความปลอดภัย
ในบทความนี้ เราจะสำรวจพื้นฐานของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต รวมถึงประเภทของวิธีการชำระเงินที่มี และข้อดีข้อเสียของวิธีการชำระเงินต่างๆ
เนื้อหาหลักในบทความ
- การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตคืออะไร
- อัตราการการใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในญี่ปุ่น
- ระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของญี่ปุ่น
- ประเภทการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
- ข้อดีและข้อเสียของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
- การออกใบเสร็จสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
- รอบการเบิกจ่ายของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
- มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
- Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตคืออะไร
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตช่วยให้ลูกค้าชำระค่าสินค้าหรือบริการได้โดยใช้บัตรเครดิตที่ออกโดยบริษัทบัตรเครดิต โดยการชำระเงินจะถูกหักจากบัญชีธนาคารที่กำหนดไว้ในภายหลัง วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น และช่วยให้ลูกค้าสามารถลดการพกเงินสดได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายด้วย เช่น การชำระเงินแบบครั้งเดียว การผ่อนชำระ การชำระเงินสินเชื่อหมุนเวียน และ การชำระเงินจากโบนัส
อัตราการการใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในญี่ปุ่น
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในญี่ปุ่น
ตามรายงาน สมุดปกขาวด้านสารสนเทศและการสื่อสาร จากกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสาร เผยว่ามีลูกค้าประมาณ 80% ที่ใช้บัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินเมื่อซื้อสินค้าทางออนไลน์ในปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าให้ความนิยมกับบัตรเครดิตมากกว่าวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสดวิธีอื่น
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ได้กำหนดให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมในแผน วิสัยทัศน์ไร้เงินสด ที่จัดทำขึ้นในปี 2018 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นไว้ว่าจะให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดมีสัดส่วนประมาณ 40% ก่อนปี 2025 แต่อัตราการใช้งานกลับสูงถึง 42.8% ในปี 2024 เป้าหมายโดยรวมคือทำให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดมีสัดส่วนถึง 80% ซึ่งจะทำให้อัตราของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งอัตราที่สูงที่สุดสุดของโลก
ระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของญี่ปุ่น
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีการใช้ระบบที่ซับซ้อนหลายอย่างซึ่งมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ลูกค้า ผู้ค้าปลีก บริษัทออกบัตร และตัวแทนการชำระเงิน ซึ่งกระบวนการอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าผู้ค้าปลีกมีสัญญาโดยตรงกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตหรือใช้ตัวแทนการชำระเงิน
ด้านล่างนี้ เราจะมาดูขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยจะเจาะจงไปที่ขั้นตอนตั้งแต่การอนุมัติบัตรไปจนถึงการชำระเงินธุรกรรม
สัญญาโดยตรง
ผู้ค้าปลีกสามารถทำสัญญากับแบรนด์บัตรแต่ละแบรนด์ได้ เช่น Visa, Mastercard และ JCB โดยวิธีการจะมีดังต่อไปนี้
- ผู้ค้าปลีกและบริษัทบัตรเจรจาต่อรองค่าธรรมเนียมกันโดยตรง
- ผู้ค้าปลีกจัดการข้อมูลการขาย
- ผู้ค้าปลีกจัดการการผสานการทำงานระบบสำหรับการรักษาความปลอดภัยและการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
ขั้นตอนพื้นฐานของการชำระเงินด้วยบัตรมีดังนี้
- ลูกค้าทำการชำระเงินที่ตำแหน่งที่ตั้งการค้าปลีก
- ข้อมูลการชำระเงินจะถูกส่งไปยังบริษัทบัตรเครดิต
- บริษัทบัตรเครดิตดำเนินขั้นตอนการอนุมัติ
- ผู้ค้าปลีกส่งข้อมูลการขาย
- บริษัทบัตรเครดิตดำเนินการชำระเงินล่วงหน้าให้กับผู้ค้าปลีก
- บริษัทบัตรเครดิตออกใบเรียกเก็บเงินให้กับลูกค้า
- ลูกค้าทำการชำระเงินให้กับบริษัทบัตรเครดิต
เมื่อทำสัญญาโดยตรง ผู้ค้าปลีกจะต้องชำระค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทบัตรเครดิต เมื่อบริษัทบัตรชำระเงินล่วงหน้าให้ผู้ค้าปลีก จำนวนเงินที่ชำระจะเท่ากับราคาซื้อลบด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรม
ตัวแทนการชำระเงิน
เนื่องจากการเจรจาต่อรองกับแต่แบรนด์บัตรเครดิตแต่ละแบรนด์ต้องใช้เวลาและความพยายามสูง ธุรกิจหลายแห่งจึงใช้ตัวแทนการชำระเงิน โดยข้อดีของตัวแทนการชำระเงินได้แก่
- ผู้ค้าปลีกสามารถใช้แบรนด์บัตรหลายแบรนด์ได้ด้วยสัญญาเพียงฉบับเดียว
- การจัดการการขายและการชำระเงินถูกประมวลผลร่วมกัน
- ตัวแทนการชำระเงินดำเนินการตามการปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS)
ขั้นตอนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเมื่อใช้ตัวแทนการชำระเงินจะแสดงด้านล่างดังนี้
- ลูกค้าทำการชำระเงินที่ตำแหน่งที่ตั้งการค้าปลีก
- ตัวแทนการชำระเงินจะส่งข้อมูลการชำระเงินให้กับบริษัทบัตร
- บริษัทบัตรเครดิตดำเนินขั้นตอนการอนุมัติ
- ตัวแทนการชำระเงินจะดำเนินการชำระเงินล่วงหน้าให้กับผู้ค้าปลีก และบริษัทบัตรเครดิตจะคืนเงินให้กับตัวแทนการชำระเงิน
- บริษัทบัตรเครดิตออกใบเรียกเก็บเงินให้กับลูกค้า
- ลูกค้าทำการชำระเงินให้กับบริษัทบัตรเครดิต
ผู้ค้าปลีกเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมให้กับตัวแทนการชำระเงิน ดังนั้น เมื่อตัวแทนการชำระเงินดำเนินการชำระเงินล่วงหน้าให้กับผู้ค้าปลีก จำนวนเงินที่จ่ายจริงจะเท่ากับราคาซื้อลบด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรม
ประเภทการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
เมื่อใช้บัตรเครดิต จะมีวิธีการชำระเงินหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละวิธีจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน
การชำระเงินแบบครั้งเดียว
การชำระเงินแบบครั้งเดียวเป็นประเภทการชำระเงินที่พบเห็นมากที่สุด ลูกค้าจะชำระเงินเต็มจำนวนในเดือนถัดไปสำหรับสินค้าที่ซื้อ ข้อดีหลักของวิธีนี้คือไม่มีดอกเบี้ย
การชำระเงินแบบผ่อนชำระ
การชำระเงินแบบผ่อนชำระคือการชำระเงินเป็นจำนวนตามที่เรียกเก็บจากบัตรเครดิต เป็นโดยชำระเป็นงวดเล็กๆ หลายๆ งวด การชำระเงินประเภทนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงได้ง่ายขึ้น แต่ก็อาจมีค่าธรรมเนียมการผ่อนชำระเช่กัน โดยขึ้นอยู่กับจำนวนงวด
ในญี่ปุ่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่หลายแห่งมีตัวเลือกการผ่อนชำระ ซึ่งทำให้การผ่อนชำระเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต การชำระเงินประเภทนี้ช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการชำระเงินมากขึ้น และเป็นเครื่องมือที่สำคัญของธุรกิจในการลดอุปสรรคในการซื้อสินค้า การเสนอตัวเลือกผ่อนชำระยังสามารถช่วยขยายโอกาสในการซื้อและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อีกด้วย
การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียน
การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียนมีความคล้ายคลึงกับการผ่อนชำระ การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียนช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดการชำระเงินรายเดือนในจำนวนคงที่ได้โดยไม่ต้องเจาะจงจำนวนงวดการชำระเงินได้ แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยลดความกังวลเรื่องจำนวนงวดที่ต้องชำระได้ แต่การใช้ในระยะยาวอาจทำให้ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงขึ้นได้
การชำระเงินจากโบนัส
การชำระเงินจากโบนัสเป็นการชำระเงิหลายรายการพร้อมกันในช่วงเวลาโบนัสในฤดูร้อนและฤดูหนาว และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น ความสบายใจจากการที่สามารถเลื่อนการชำระเงินออกไปได้นั้น ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่มสามารถวางแผนทำการซื้อเป็นจำนวนมากให้ตรงกับช่วงเดือนที่ได้รับโบนัสจากงานได้
ข้อดีและข้อเสียของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีข้อดีและข้อเสียสำหรับทั้งลูกค้าและธุรกิจ
ข้อดีสำหรับลูกค้า
- ซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เงินสด
- สามารถรับคะแนนและไมล์สะสมได้
- ใช้ตัวเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น การผ่อนชำระและการชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียน
ข้อเสียสำหรับลูกค้า
- มีความเสี่ยงที่จะใช้เกินปริมาณและใช้จ่ายเกินจำนวน
- ยิ่งระยะการชำระเงินยาวนาน ก็จะยิ่งมีค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยมากขึ้น
- อาจประสบปัญหาการโจรกรรมหรือข้อมูลรั่วไหล
ข้อดีสำหรับธุรกิจ
- อาจเพิ่มมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยได้เนื่องจากสามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงได้ง่ายขึ้น
- รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างง่ายดาย
- สามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้
ข้อเสียสำหรับธุรกิจ
- มีค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงิน
- ต้องใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง
- มีระยะเวลาหน่วงก่อนที่จะได้รับการเบิกจ่าย
การออกใบเสร็จสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตสามารถออกใบเสร็จได้ และเพื่อให้เอกสารถูกยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นใบเสร็จ คุณต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้ในใบแจ้งยอดหรือเอกสารที่ออก
- วันที่ออก
- ผู้รับ
- จำนวนเงินที่ต้องชำระ
- วัตถุประสงค์ของการชำระเงิน
- บริษัทผู้ออกบัตร
- วิธีการชำระเงิน (เช่น ระบุว่าใช้บัตรเครดิต)
หากมีการระบุรายการข้างต้นอย่างชัดเจน การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตจะถือว่าเป็นใบเสร็จที่ถูกต้องเพื่อจุดประสงค์ด้านการบัญชี
ควรทราบว่าสลิปบัตรเครดิตที่ออกโดยเทอร์มินัลบัตรอาจไม่มีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด ดังนั้นสลิปจึงอาจไม่ถูกยอมรับเป็นใบเสร็จอย่างเป็นทางการ
รอบการเบิกจ่ายของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
คำว่า "รอบการเบิกจ่าย" หมายถึงจำนวนวันหรือความถี่ระหว่างการชำระเงินสำเร็จกับการฝากเงินเข้าบัญชีของผู้ค้าปลีก การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไม่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ทันที ธุรกิจควรตระหนักถึงรอบการเบิกจ่ายเมื่อต้องรับชำระบัตรเครดิต
รอบการเบิกจ่ายจะแตกต่างกันออกไปตามบริษัทบัตรเครดิตหรือตัวแทนการชำระเงิน รอบการเบิกจ่ายอาจเป็นการชำระเงินในสิ้นเดือนถัดไป ในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หรือ 2 ครั้งต่อเดือน การชำระรอบการเบิกจ่ายล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดได้อย่างมาก ก่อนที่จะรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต สำคัญมากที่ธุรกิจต้องตรวจสอบระยะเวลาของรอบการเบิกจ่ายกับบริษัทบัตรเครดิตหรือตัวแทนการชำระเงิน
มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
เมื่อประมวลผลการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต สิ่งสำคัญคือการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างระมัดระวังและปลอดภัย
ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องนำกลไกต่างๆ มาใช้เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งอาจรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI DSS และการใช้การแปลงเป็นโทเค็นที่จะประมวลผลข้อมูลบัตรอย่างปลอดภัยโดยไม่เก็บข้อมูลนั้นจริงไว้ นอกจากนี้ การใช้ 3D Secure 2 ยังสามารถเสริมความปลอดภัยให้กับการยืนยันตัวตนในระหว่างกระบวนการประมวลผลการชำระเงินได้ ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันการทำธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้ เช่น การขโมยตัวตน
นอกจากนี้ ลูกค้ายังต้องตระหนักถึงความปลอดภัยในทุกๆ วันด้วย เช่น ป้อนข้อมูลบัตรในเว็บไซต์ที่ปลอดภัยเท่านั้น และตรวจสอบใบแจ้งยอดเป็นประจำ
Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก โดยรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้
Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
- ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
- รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบให้ตรงกลุ่ม ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
- เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% โดยแทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือสูงเป็นระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถขับเคลื่อนการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ