การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต: หลักการทำงานในญี่ปุ่น

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตคืออะไร
  3. อัตราการการใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในญี่ปุ่น
  4. ระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของญี่ปุ่น
    1. สัญญาโดยตรง
    2. ตัวแทนการชำระเงิน
  5. ประเภทการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
    1. การชำระเงินแบบครั้งเดียว
    2. การชำระเงินแบบผ่อนชำระ
    3. การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียน
    4. การชำระเงินจากโบนัส
  6. ข้อดีและข้อเสียของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
    1. ข้อดีสำหรับลูกค้า
    2. ข้อเสียสำหรับลูกค้า
    3. ข้อดีสำหรับธุรกิจ
    4. ข้อเสียสำหรับธุรกิจ
  7. การออกใบเสร็จสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  8. รอบการเบิกจ่ายของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  9. มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  10. Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์หรือการซื้อสินค้าที่หน้าร้านค้า ในแวดวงการชำระเงินแบบไร้เงินสดนั้น การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายที่สุด โดยมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของธุรกรรมในปี 2021

เนื่องจากบัตรเครดิตทั้งสะดวกและน่าเชื่อถือ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและร้านค้าแบบดั้งเดิมหลายแห่งในญี่ปุ่นจึงต่างใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยเป็นวิธีการชำระเงินที่สำคัญต่อธุรกิจ เพราะช่วยสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและส่งเสริมยอดขายให้เพิ่มขึ้น แต่การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตยังมีปัญหาต่างๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น การนำไปใช้งานและระบบความปลอดภัย

ในบทความนี้ เราจะสำรวจพื้นฐานของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต รวมถึงประเภทของวิธีการชำระเงินที่มี และข้อดีข้อเสียของวิธีการชำระเงินต่างๆ

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตคืออะไร
  • อัตราการการใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในญี่ปุ่น
  • ระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของญี่ปุ่น
  • ประเภทการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  • ข้อดีและข้อเสียของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  • การออกใบเสร็จสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  • รอบการเบิกจ่ายของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  • Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตคืออะไร

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตช่วยให้ลูกค้าชำระค่าสินค้าหรือบริการได้โดยใช้บัตรเครดิตที่ออกโดยบริษัทบัตรเครดิต โดยการชำระเงินจะถูกหักจากบัญชีธนาคารที่กำหนดไว้ในภายหลัง วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น และช่วยให้ลูกค้าสามารถลดการพกเงินสดได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายด้วย เช่น การชำระเงินแบบครั้งเดียว การผ่อนชำระ การชำระเงินสินเชื่อหมุนเวียน และ การชำระเงินจากโบนัส

อัตราการการใช้การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในญี่ปุ่น

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในญี่ปุ่น
ตามรายงาน สมุดปกขาวด้านสารสนเทศและการสื่อสาร จากกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสาร เผยว่ามีลูกค้าประมาณ 80% ที่ใช้บัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินเมื่อซื้อสินค้าทางออนไลน์ในปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าให้ความนิยมกับบัตรเครดิตมากกว่าวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสดวิธีอื่น

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ได้กำหนดให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมในแผน วิสัยทัศน์ไร้เงินสด ที่จัดทำขึ้นในปี 2018 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นไว้ว่าจะให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดมีสัดส่วนประมาณ 40% ก่อนปี 2025 แต่อัตราการใช้งานกลับสูงถึง 42.8% ในปี 2024 เป้าหมายโดยรวมคือทำให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดมีสัดส่วนถึง 80% ซึ่งจะทำให้อัตราของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งอัตราที่สูงที่สุดสุดของโลก

ระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของญี่ปุ่น

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีการใช้ระบบที่ซับซ้อนหลายอย่างซึ่งมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ลูกค้า ผู้ค้าปลีก บริษัทออกบัตร และตัวแทนการชำระเงิน ซึ่งกระบวนการอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าผู้ค้าปลีกมีสัญญาโดยตรงกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตหรือใช้ตัวแทนการชำระเงิน

ด้านล่างนี้ เราจะมาดูขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยจะเจาะจงไปที่ขั้นตอนตั้งแต่การอนุมัติบัตรไปจนถึงการชำระเงินธุรกรรม

สัญญาโดยตรง

ผู้ค้าปลีกสามารถทำสัญญากับแบรนด์บัตรแต่ละแบรนด์ได้ เช่น Visa, Mastercard และ JCB โดยวิธีการจะมีดังต่อไปนี้

  • ผู้ค้าปลีกและบริษัทบัตรเจรจาต่อรองค่าธรรมเนียมกันโดยตรง
  • ผู้ค้าปลีกจัดการข้อมูลการขาย
  • ผู้ค้าปลีกจัดการการผสานการทำงานระบบสำหรับการรักษาความปลอดภัยและการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

ขั้นตอนพื้นฐานของการชำระเงินด้วยบัตรมีดังนี้

  • ลูกค้าทำการชำระเงินที่ตำแหน่งที่ตั้งการค้าปลีก
  • ข้อมูลการชำระเงินจะถูกส่งไปยังบริษัทบัตรเครดิต
  • บริษัทบัตรเครดิตดำเนินขั้นตอนการอนุมัติ
  • ผู้ค้าปลีกส่งข้อมูลการขาย
  • บริษัทบัตรเครดิตดำเนินการชำระเงินล่วงหน้าให้กับผู้ค้าปลีก
  • บริษัทบัตรเครดิตออกใบเรียกเก็บเงินให้กับลูกค้า
  • ลูกค้าทำการชำระเงินให้กับบริษัทบัตรเครดิต

เมื่อทำสัญญาโดยตรง ผู้ค้าปลีกจะต้องชำระค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทบัตรเครดิต เมื่อบริษัทบัตรชำระเงินล่วงหน้าให้ผู้ค้าปลีก จำนวนเงินที่ชำระจะเท่ากับราคาซื้อลบด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรม

ตัวแทนการชำระเงิน

เนื่องจากการเจรจาต่อรองกับแต่แบรนด์บัตรเครดิตแต่ละแบรนด์ต้องใช้เวลาและความพยายามสูง ธุรกิจหลายแห่งจึงใช้ตัวแทนการชำระเงิน โดยข้อดีของตัวแทนการชำระเงินได้แก่

ขั้นตอนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเมื่อใช้ตัวแทนการชำระเงินจะแสดงด้านล่างดังนี้

  • ลูกค้าทำการชำระเงินที่ตำแหน่งที่ตั้งการค้าปลีก
  • ตัวแทนการชำระเงินจะส่งข้อมูลการชำระเงินให้กับบริษัทบัตร
  • บริษัทบัตรเครดิตดำเนินขั้นตอนการอนุมัติ
  • ตัวแทนการชำระเงินจะดำเนินการชำระเงินล่วงหน้าให้กับผู้ค้าปลีก และบริษัทบัตรเครดิตจะคืนเงินให้กับตัวแทนการชำระเงิน
  • บริษัทบัตรเครดิตออกใบเรียกเก็บเงินให้กับลูกค้า
  • ลูกค้าทำการชำระเงินให้กับบริษัทบัตรเครดิต

ผู้ค้าปลีกเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมให้กับตัวแทนการชำระเงิน ดังนั้น เมื่อตัวแทนการชำระเงินดำเนินการชำระเงินล่วงหน้าให้กับผู้ค้าปลีก จำนวนเงินที่จ่ายจริงจะเท่ากับราคาซื้อลบด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรม

ประเภทการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

เมื่อใช้บัตรเครดิต จะมีวิธีการชำระเงินหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละวิธีจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน

การชำระเงินแบบครั้งเดียว

การชำระเงินแบบครั้งเดียวเป็นประเภทการชำระเงินที่พบเห็นมากที่สุด ลูกค้าจะชำระเงินเต็มจำนวนในเดือนถัดไปสำหรับสินค้าที่ซื้อ ข้อดีหลักของวิธีนี้คือไม่มีดอกเบี้ย

การชำระเงินแบบผ่อนชำระ

การชำระเงินแบบผ่อนชำระคือการชำระเงินเป็นจำนวนตามที่เรียกเก็บจากบัตรเครดิต เป็นโดยชำระเป็นงวดเล็กๆ หลายๆ งวด การชำระเงินประเภทนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงได้ง่ายขึ้น แต่ก็อาจมีค่าธรรมเนียมการผ่อนชำระเช่กัน โดยขึ้นอยู่กับจำนวนงวด

ในญี่ปุ่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่หลายแห่งมีตัวเลือกการผ่อนชำระ ซึ่งทำให้การผ่อนชำระเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต การชำระเงินประเภทนี้ช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการชำระเงินมากขึ้น และเป็นเครื่องมือที่สำคัญของธุรกิจในการลดอุปสรรคในการซื้อสินค้า การเสนอตัวเลือกผ่อนชำระยังสามารถช่วยขยายโอกาสในการซื้อและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อีกด้วย

การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียน

การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียนมีความคล้ายคลึงกับการผ่อนชำระ การชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียนช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดการชำระเงินรายเดือนในจำนวนคงที่ได้โดยไม่ต้องเจาะจงจำนวนงวดการชำระเงินได้ แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยลดความกังวลเรื่องจำนวนงวดที่ต้องชำระได้ แต่การใช้ในระยะยาวอาจทำให้ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงขึ้นได้

การชำระเงินจากโบนัส

การชำระเงินจากโบนัสเป็นการชำระเงิหลายรายการพร้อมกันในช่วงเวลาโบนัสในฤดูร้อนและฤดูหนาว และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น ความสบายใจจากการที่สามารถเลื่อนการชำระเงินออกไปได้นั้น ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่มสามารถวางแผนทำการซื้อเป็นจำนวนมากให้ตรงกับช่วงเดือนที่ได้รับโบนัสจากงานได้

ข้อดีและข้อเสียของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีข้อดีและข้อเสียสำหรับทั้งลูกค้าและธุรกิจ

ข้อดีสำหรับลูกค้า

  • ซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เงินสด
  • สามารถรับคะแนนและไมล์สะสมได้
  • ใช้ตัวเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น การผ่อนชำระและการชำระเงินแบบสินเชื่อหมุนเวียน

ข้อเสียสำหรับลูกค้า

  • มีความเสี่ยงที่จะใช้เกินปริมาณและใช้จ่ายเกินจำนวน
  • ยิ่งระยะการชำระเงินยาวนาน ก็จะยิ่งมีค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยมากขึ้น
  • อาจประสบปัญหาการโจรกรรมหรือข้อมูลรั่วไหล

ข้อดีสำหรับธุรกิจ

  • อาจเพิ่มมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยได้เนื่องจากสามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงได้ง่ายขึ้น
  • รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างง่ายดาย
  • สามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้

ข้อเสียสำหรับธุรกิจ

  • มีค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงิน
  • ต้องใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง
  • มีระยะเวลาหน่วงก่อนที่จะได้รับการเบิกจ่าย

การออกใบเสร็จสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตสามารถออกใบเสร็จได้ และเพื่อให้เอกสารถูกยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นใบเสร็จ คุณต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้ในใบแจ้งยอดหรือเอกสารที่ออก

  • วันที่ออก
  • ผู้รับ
  • จำนวนเงินที่ต้องชำระ
  • วัตถุประสงค์ของการชำระเงิน
  • บริษัทผู้ออกบัตร
  • วิธีการชำระเงิน (เช่น ระบุว่าใช้บัตรเครดิต)

หากมีการระบุรายการข้างต้นอย่างชัดเจน การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตจะถือว่าเป็นใบเสร็จที่ถูกต้องเพื่อจุดประสงค์ด้านการบัญชี

ควรทราบว่าสลิปบัตรเครดิตที่ออกโดยเทอร์มินัลบัตรอาจไม่มีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด ดังนั้นสลิปจึงอาจไม่ถูกยอมรับเป็นใบเสร็จอย่างเป็นทางการ

รอบการเบิกจ่ายของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

คำว่า "รอบการเบิกจ่าย" หมายถึงจำนวนวันหรือความถี่ระหว่างการชำระเงินสำเร็จกับการฝากเงินเข้าบัญชีของผู้ค้าปลีก การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไม่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ทันที ธุรกิจควรตระหนักถึงรอบการเบิกจ่ายเมื่อต้องรับชำระบัตรเครดิต

รอบการเบิกจ่ายจะแตกต่างกันออกไปตามบริษัทบัตรเครดิตหรือตัวแทนการชำระเงิน รอบการเบิกจ่ายอาจเป็นการชำระเงินในสิ้นเดือนถัดไป ในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หรือ 2 ครั้งต่อเดือน การชำระรอบการเบิกจ่ายล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดได้อย่างมาก ก่อนที่จะรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต สำคัญมากที่ธุรกิจต้องตรวจสอบระยะเวลาของรอบการเบิกจ่ายกับบริษัทบัตรเครดิตหรือตัวแทนการชำระเงิน

มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

เมื่อประมวลผลการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต สิ่งสำคัญคือการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างระมัดระวังและปลอดภัย

ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องนำกลไกต่างๆ มาใช้เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งอาจรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI DSS และการใช้การแปลงเป็นโทเค็นที่จะประมวลผลข้อมูลบัตรอย่างปลอดภัยโดยไม่เก็บข้อมูลนั้นจริงไว้ นอกจากนี้ การใช้ 3D Secure 2 ยังสามารถเสริมความปลอดภัยให้กับการยืนยันตัวตนในระหว่างกระบวนการประมวลผลการชำระเงินได้ ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันการทำธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้ เช่น การขโมยตัวตน

นอกจากนี้ ลูกค้ายังต้องตระหนักถึงความปลอดภัยในทุกๆ วันด้วย เช่น ป้อนข้อมูลบัตรในเว็บไซต์ที่ปลอดภัยเท่านั้น และตรวจสอบใบแจ้งยอดเป็นประจำ

Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก โดยรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบให้ตรงกลุ่ม ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% โดยแทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือสูงเป็นระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถขับเคลื่อนการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe