ในยุคที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่การชำระเงินดิจิทัลอย่างเต็มตัวผ่านการพัฒนาและส่งเสริมระบบการชำระเงินอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในช่องทางชำระเงินที่ผู้คนหันมานิยมใช้อย่างมากคือ ดิจิทัลวอลเล็ต หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นวิธีชำระเงินที่ทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งออนไลน์ การจ่ายค่าสินค้าและบริการ การโอนเงินระหว่างบุคคล หรือเป็นทางเลือกสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการช่องทางรับชำระเงินที่ทันสมัย ไม่ยุ่งยาก ช่วยให้ทุกการทำธุรกรรมเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
บทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับดิจิทัลวอลเล็ตในประเทศไทยและผู้ให้บริการที่ได้รับความนิยม พร้อมทั้งวิธีการใช้งานและประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตในชีวิตประจำวัน รวมถึงแนะนำบริการ Stripe Payments ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชำระเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย อำนวยความสะดวกสบายให้กับทุกไลฟ์สไตล์
เนื้อหาหลักในบทความ
- ทำความรู้จักดิจิทัลวอลเล็ตในประเทศไทย
- วิธีเริ่มต้นใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล
- ประโยชน์ของการใช้ดิจิทัลวอลเล็ต
- ธุรกิจที่เหมาะกับการใช้ดิจิทัลวอลเล็ต
- Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร
ทำความรู้จักดิจิทัลวอลเล็ตในประเทศไทย
ดิจิทัลวอลเล็ต หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) คือ บัญชีเงินออนไลน์ที่ผู้ใช้งานสามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าได้หลากหลายช่องทาง เช่น โอนผ่านธนาคาร เติมผ่านตู้เอทีเอ็ม ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ หรือผูกกับบัตรเครดิตหรือเดบิต เพื่อใช้จ่ายสินค้าหรือบริการในร้านค้าและออนไลน์ หรือด้วยการสแกน QR Code
ในภาคเอกชนมีการเปิดตัวแอปพลิเคชัน True Money Wallet ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2013 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟน เช่น การเติมเงิน โอนเงิน จ่ายบิล และชำระสินค้าออนไลน์ ตามมาด้วยแอป LINE Pay ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2015 และ AirPay ที่ภายหลังมีการรีแบรนด์เป็น Shopee Pay ในปี 2021 เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee
ในช่วงปลายปี 2019 มีการเปิดใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่พัฒนาโดยธนาคารกรุงไทยและภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีโครงการนำร่องอย่าง ชิมช้อปใช้ ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาตัวแอปเพื่อรองรับระบบพร้อมเพย์และขยายการใช้งานไปยังโครงการอื่นๆ ของรัฐ เช่น โครงการเยียวยาโควิด-19 คนละครึ่ง เราชนะ เป็นต้น นอกจากนี้ในปี 2024 รัฐบาลไทยได้มีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ทำให้มีการใช้งานดิจิทัลวอลเล็ตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยกระทรวงการคลังเผยว่ามีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท เป็นจำนวนถึง 14.4 ล้านคน
ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตที่นิยมในประเทศไทย
ผู้ให้บริการแอปดิจิทัลวอลเล็ตที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ได้แก่
- เป๋าตัง: ดิจิทัลวอลเล็ตที่พัฒนาโดยธนาคารกรุงไทยร่วมกับรัฐบาลไทย ใช้เชื่อมโยงกับโครงการต่างๆ ของรัฐ เช่น ชิมช้อปใช้ คนละครึ่ง เราชนะ และรองรับการชำระค่าบริการต่างๆ ผู้ใช้สามารถรับสิทธิ์และใช้จ่ายผ่านแอปได้สะดวก เช่น เติมเงินมือถือ, จ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ, ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ หรือใช้สิทธิ์ด้านสุขภาพผ่านแอป Health Wallet
- GrabPay: เป็นส่วนหนึ่งของแอป Grab ผู้ครองตลาดบริการจัดส่งตามสั่ง (on-demand delivery) ในประเทศไทยที่รวมบริการหลากหลาย เช่น การเดินทาง, ส่งอาหาร, ส่งของ, และช้อปปิ้งออนไลน์ สามารถเติมเงินเข้ากระเป๋า GrabPay, โอนเงินระหว่างผู้ใช้ และใช้จ่ายผ่าน QR Code ในร้านค้าที่ร่วมรายการ
- LINE Pay: ผสานการใช้งานดิจิทัลวอลเล็ตกับแอปพลิเคชัน LINE แอปส่งข้อความที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย ให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความและทำธุรกรรมการเงินได้ในแอปเดียว ทำให้การโอนเงินและการชำระค่าสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์เป็นไปอย่างสะดวก
- ShopeePay: แอปดิจิทัลวอลเล็ตที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Shopee มักมีโปรโมชันส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ การสะสมแต้ม หรือเงินคืน (Cashback) อีกทั้งยังสามารถใช้เติมเงินมือถือ, จ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
- TrueMoney Wallet: พัฒนาโดย TrueMoney บริษัทในเครือ True Corporation แอปนี้รองรับการชำระเงินในร้านค้ามากกว่า 7 ล้านแห่งทั่วประเทศ และมีบริการทางการเงินครบวงจร สามารถใช้จ่ายและรับเงินผ่าน QR Code, เติมเงินมือถือ, จ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ
- ทางรัฐ: แอปหลักที่รองรับโครงการ "กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท" มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการใช้จ่ายในร้านค้าชุมชน นอกจากนี้แอปทางรัฐยังเป็นเครื่องมือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก เช่น ตรวจสอบเครดิตบูโร, เช็คสถานะใบสั่งจราจร, ข้อมูลประกันสังคม, จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ และตรวจสอบสถานะเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เป็นต้น
วิธีเริ่มต้นใช้ดิจิทัลวอลเล็ต
สามารถเริ่มต้นใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลด้วยวิธีไม่กี่ขั้นตอน ดังนี้
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน: ค้นหาและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ต้องการใช้งานลงในสมาร์ทโฟน
- สมัครบัญชีผู้ใช้และยืนยันตัวตน: สมัครบัญชีผู้ใช้งานโดยการกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์และอีเมล หลังจากนั้นบางแอปพลิเคชันอาจขอให้คุณยืนยันตัวตนตามขั้นตอนที่กำหนด ด้วยการอัปโหลดรูปบัตรประชาชนหรือถ่ายภาพตัวเอง เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
- เชื่อมต่อบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต: เชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลกับบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือเติมเงินเข้าสู่ดิจิทัลวอลเล็ตผ่านร้านสะดวกซื้อหรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ โดยระบุข้อมูลบัญชีที่ต้องการเชื่อมต่อ เช่น บัญชีธนาคาร หรือหมายเลขบัตรเครดิต
- เริ่มใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล: เริ่มต้นใช้จ่าย โอนเงิน หรือชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งในร้านค้าทั่วไปและร้านค้าออนไลน์ได้ทันที
ประโยชน์ของการใช้ดิจิทัลวอลเล็ต
ประโยชน์ของดิจิทัลวอลเล็ตในการใช้จ่ายและรับชำระเงินมีมากมายหลายข้อ ดังนี้
- สะดวกและรวดเร็ว: ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน ช่วยให้การซื้อสินค้าและบริการเป็นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต
- ปลอดภัย: ดิจิทัลวอลเล็ตมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (encryption) และการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย เช่น การใช้รหัสผ่าน หรือการตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริก (Biometrics) อย่างการสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ชำระเงินได้หลายช่องทาง: ดิจิทัลวอลเล็ตรองรับการชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ทั้งในร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ ผ่าน QR Code, พร้อมเพย์ หรือการแตะบัตรด้วยเทคโนโลยี NFC ทำให้การโอนเงินและชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
- เข้าถึงผู้บริโภค: เข้าถึงผู้บริโภคเข้าได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางชำระเงินยอดนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างดีในประเทศไทย ผู้ใช้สามารถเติมเงิน โอนเงิน หรือชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร ช่วยให้ผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มยอดขาย ขยายตลาด: เป็นทางเลือกที่ช่วยธุรกิจเพิ่มยอดขายและขยายตลาดโดยการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และชื่นชอบโปรโมชัน อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีบัญชีธนาคาร
- โปรโมชันและสิทธิพิเศษ: เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเลือกจ่ายผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ผู้ให้บริการมักมีโปรโมชันหรือสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดคูปองเงินสด การสะสมแต้ม หรือเงินคืน (Cashback) ทำให้ประหยัดเงินและเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้จ่าย
- บริหารการเงินได้ดีขึ้น: สามารถติดตามประวัติการใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ด้วยฟีเจอร์การแสดงยอดคงเหลือและรายการธุรกรรมต่างๆ ช่วยให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินในประเทศไทยได้ที่นี่
ธุรกิจที่เหมาะกับการใช้ดิจิทัลวอลเล็ต
ธุรกิจที่เหมาะสมกับการรับชำระเงินโดยการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตในประเทศไทยมีมากมายหลายประเภท โดยเฉพาะธุรกิจเหล่านี้
- ธุรกิจค้าปลีก: ธุรกิจที่มีปริมาณธุรกรรมและลูกค้าจำนวนมาก เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หรือคาเฟ่
- ธุรกิจบริการ: ธุรกิจที่ต้องการความสะดวกและง่ายดายในการเก็บค่าบริการและรับชำระเงินจากลูกค้า เช่น ร้านเสริมสวย สปา ร้านนวด หรือร้านซักรีด เป็นต้น
- ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม: เหมาะสำหรับการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลในการรับชำระเงินจากลูกค้า โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกค้าจองบริการออนไลน์ เช่น บริษัททัวร์ โรงแรม หรือสายการบิน
- ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: ธุรกิจออนไลน์ต่างๆ ที่จำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก จำหน่ายสินค้าที่มีราคาซื้อง่ายขายคล่อง ยอดบิลไม่สูงนัก จับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นหรือวัยทำงานที่คุ้นชินกับการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตและชื่นชอบโปรโมชันจากแอปพลิเคชัน
- ธุรกิจดิจิทัล: เช่น เกมออนไลน์ บริการเพลงและภาพยนตร์ออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิง
- ธุรกิจการศึกษา: โรงเรียนและสถาบันการศึกษาสามารถใช้ดิจิทัลวอลเล็ตในการรับชำระค่าเทอม ค่าสมัคร หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงบริการการสอนออนไลน์ ที่ผู้ปกครองหรือนักเรียนสามารถทำการชำระเงินผ่านสมารท์โฟนได้อย่างสะดวก
- ธุรกิจการเงินและการธนาคาร: ธุรกิจด้านการเงิน เช่น บริษัทประกันภัย ธนาคาร หรือการลงทุน สามารถใช้ดิจิทัลวอลเล็ตในการทำธุรกรรมการเงิน เช่น การโอนเงิน การจ่ายเบี้ยประกัน หรือชำระค่าบริการต่างๆ
- ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์: บริษัทขนส่งสินค้า หรือธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น ไปรษณีย์ไทยหรือบริการส่งของ อย่าง Grab หรือ LINE MAN สามารถใช้ดิจิทัลวอลเล็ตในการรับชำระค่าขนส่งจากลูกค้า อีกทั้งยังสามารถติดตามการชำระเงินและการเบิกจ่ายได้ง่ายขึ้น
Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้
Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
- ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
- รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
- เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถช่วยให้คุณรับการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ