บริการทางการเงินแบบผสานรวมคืออะไร คู่มือสําหรับธุรกิจ

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การผสานรวมบริการทางการเงินมีการทํางานอย่างไร
  3. โดยปกติแล้วบริการทางการเงินใดบ้างที่มักจะผสานเข้าด้วยกัน
  4. เทคโนโลยีใดบ้างที่ช่วยให้ใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวมได้
  5. ประโยชน์ของบริการทางการเงินแบบผสานรวมสําหรับผู้ให้บริการและลูกค้า
    1. ผู้ให้บริการ
    2. ลูกค้า
  6. ความท้าทายในการผสานรวมบริการทางการเงิน
  7. วิธีเริ่มใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวม
    1. กําหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์
    2. ประเมินและอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี
    3. สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
    4. มุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัย
    5. ออกแบบประสบการณ์ที่สะดวกสบายของลูกค้า
    6. นำไปใช้งานและเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป

บริการทางการเงินแบบผสานรวมคือชุดข้อเสนอทางการเงินที่ผสานรวมกันเป็นแพลตฟอร์มหรือผู้ให้บริการเพียงแห่งเดียว ข้อเสนอเหล่านี้รวมถึงบริการธนาคาร การลงทุน ประกันภัย และบางครั้งก็มีบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วย การผสานรวมบริการทางการเงินช่วยลดความยุ่งยากในการโต้ตอบกับลูกค้าด้วยระบบการเงินและการจัดการความต้องการทางการเงินของตัวเอง นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกค้าแต่ละรายสามารถเลือกใช้โซลูชันที่สะดวกและปรับให้เหมาะกับตัวเองได้มากขึ้น

ด้านล่างนี้เราจะอธิบายสิ่งที่ธุรกิจต้องทราบเกี่ยวกับบริการทางการเงินแบบผสานรวม ข้อดีและความท้าทายต่างๆ และวิธีเริ่มใช้งาน

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การผสานรวมบริการทางการเงินมีการทํางานอย่างไร
  • โดยปกติแล้วบริการทางการเงินใดบ้างที่มักจะผสานเข้าด้วยกัน
  • เทคโนโลยีใดบ้างที่ช่วยให้ใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวมได้
  • ประโยชน์ของบริการทางการเงินแบบผสานรวมสําหรับผู้ให้บริการและลูกค้า
  • ความท้าทายในการผสานรวมบริการทางการเงิน
  • วิธีเริ่มใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวม

การผสานรวมบริการทางการเงินมีการทํางานอย่างไร

การผสานรวมบริการทางการเงินใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและการเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์เพื่อรวมบริการทางการเงินต่างๆ ไว้ในแพลตฟอร์มหรือผู้ให้บริการเดียว กระบวนการทํางานมีดังนี้

  • เทคโนโลยี: การผสานการทํางานที่ประสบความสําเร็จเริ่มต้นจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ซึ่งมักมาพร้อมกับการประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ระบบต่างๆ สามารถโต้ตอบและแชร์ข้อมูลทั้งบริการธนาคาร การลงทุน และการประกันภัยได้อย่างปลอดภัย ลูกค้าจึงสามารถจัดการชีวิตทางการเงินทุกด้านผ่านแพลตฟอร์มหรือผู้ให้บริการรายเดียวได้

  • ผลิตภัณฑ์และบริการที่นําเสนอ: เมื่อผสานรวมบริการทางการเงิน สถาบันการเงินก็สามารถสร้างผลิตภัณฑ์หลากหลายแบบไว้เป็นการภายในหรือร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในบริการที่หลากหลายได้ ตัวอย่างเช่น ธนาคารอาจจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทประกันภัยและบริษัทด้านการลงทุนเพื่อประกอบชุดบริการทางการเงินแบบครบวงจร

  • การปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล: สถาบันการเงินใช้ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าเพื่อให้คําปรึกษาเฉพาะบุคคลและคําแนะนําเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์รูปแบบการใช้จ่ายของลูกค้าและความต้องการด้านการลงทุน ช่วยให้สถาบันสามารถแนะนําแพ็กเกจประกันภัยหรือโอกาสในการลงทุนที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าได้ โดยทั่วไปแล้วสถาบันจะใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าและเสนอการดําเนินการที่เหมาะสม

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัย: การผสานรวมบริการทางการเงินต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินและมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด สถาบันต้องปกป้องข้อมูลลูกค้าในทุกแพลตฟอร์ม และตรวจสอบว่าบริการทั้งหมดเป็นไปตามข้อบังคับด้านการเงินทั้งในประเทศและทั่วโลก ซึ่งมักต้องมีการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอันซับซ้อนและการตรวจสอบเป็นประจํา

  • ประสบการณ์ของลูกค้า: เป้าหมายของการผสานรวมบริการทางการเงินก็คือการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น ผู้ให้บริการจะพัฒนาแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ซึ่งลูกค้าจะเข้าถึงรายละเอียดทางการเงิน ทําธุรกรรม และรับคําแนะนําทางการเงินได้อย่างง่ายดาย

โดยปกติแล้วบริการทางการเงินใดบ้างที่มักจะผสานเข้าด้วยกัน

สถาบันการเงินมักจะผสานรวมบริการต่อไปนี้ไปเข้าด้วยกันเพื่อสร้างโซลูชันที่ครบวงจร

  • บริการธนาคาร: การผสานรวมบัญชีออมทรัพย์ บัญชีกระแสรายวัน และผลิตภัณฑ์เงินกู้เข้ากับบริการทางการเงินอื่นๆ จะช่วยอํานวยความสะดวกด้านธุรกรรมและการจัดการทางการเงินขั้นพื้นฐาน

  • บริการด้านการลงทุน: การรวมคําแนะนําเกี่ยวกับการลงทุนส่วนบุคคล การจัดการความมั่งคั่ง และบริการนายหน้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียวช่วยให้ลูกค้าจัดการการเงินทั่วไปและการลงทุนระยะยาวได้

  • ผลิตภัณฑ์ประกันภัย: การผสานรวมประกันชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สินไว้ในแพลตฟอร์มเดียวช่วยให้ลูกค้าจัดการความคุ้มครองทางการเงินทั้งหมดของตัวเองได้ในที่เดียว สิ่งนี้มักนําไปสู่อัตราที่ดีกว่าและการคุ้มครองที่เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น

  • การวางแผนเกษียณ: การรวบรวมเงินบํานาญ บัญชีออมทรัพย์สําหรับเกษียณอายุ เช่น บัญชีเกษียณอายุของบุคคลทั่วไป (IRA) และ 401(k) และบริการทางการเงินอื่นๆ มาไว้ด้วยกันจะช่วยลูกค้าในการวางแผนอนาคต พร้อมทั้งจัดการความต้องการทางการเงินในปัจจุบัน

  • บริการอํานวยความสะดวกด้านเครดิต: การรวมบัตรเครดิตและวงเงินสินเชื่อเข้ากับบริการทางการเงินอื่นๆ จะช่วยให้ลูกค้าจัดการเครดิตและสถานะทางการเงินโดยรวมได้ดีขึ้น

  • การวางแผนและการจัดเตรียมด้านภาษี: การผสานรวมบริการที่ช่วยให้ลูกค้าจัดการและวางแผนภาษีของตนด้วยบริการทางการเงิน เช่น การลงทุนและการจัดการความมั่งคั่งสามารถช่วยลดภาระภาษีได้

เทคโนโลยีใดบ้างที่ช่วยให้ใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวมได้

ต่อไปนี้คือเทคโนโลยีหลักบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผสานรวมบริการทางการเงิน

  • API: API มอบวิธีการที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสําหรับแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ต่างๆ ในการโต้ตอบและแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งช่วยให้บริการของบริษัทอื่น เช่น แอปงบประมาณและผู้ประมวลผลการชําระเงิน สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชี หรือมีความสามารถในการเริ่มต้นธุรกรรมในนามของผู้ใช้โดยได้รับความยินยอมจากผู้ใช้

  • การประมวลผลแบบคลาวด์: แพลตฟอร์มคลาวด์มอบโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นสําหรับการแชร์ข้อมูลและการเชื่อมต่อการทํางานกับระบบการเงินที่หลากหลาย แพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลทางการเงินจํานวนมากและทําให้เข้าถึงได้ง่ายจากทุกที่ด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

  • การรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล: เครื่องมือเหล่านี้จะรวบรวมข้อมูลทางการเงินจากหลากหลายแหล่งและแปลงเป็นรูปแบบรวมที่อ่านง่าย จากนั้นสถาบันการเงินสามารถนําเทคนิคการวิเคราะห์ขั้นสูงมาใช้กับข้อมูลนี้เพื่อระบุแนวโน้ม สร้างข้อมูลเชิงลึก และให้คําแนะนําทางการเงินส่วนบุคคลแก่ผู้ใช้

  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML): อัลกอริทึม AI และ ML ช่วยให้ทําการตัดสินใจทางการเงินได้โดยอัตโนมัติ ตรวจจับการฉ้อโกง และประเมินความเสี่ยง อัลกอริทึมสามารถวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้แบบเรียลไทม์เพื่อระบุรูปแบบและความผิดปกติ นอกจากนี้ยังปรับปรุงความแม่นยําและประสิทธิภาพของกระบวนการทางการเงินอีกด้วย

  • เทคโนโลยีบล็อกเชนและบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (DLT): บล็อกเชนและ DLT มอบวิธีการที่ปลอดภัย โปร่งใส และป้องกันการดัดแปลงให้กับการบันทึกและแชร์ธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยได้

  • สถาปัตยกรรมบริการแบบไมโคร: สถาปัตยกรรมบริการแบบไมโครจะแบ่งระบบการเงินออกเป็นส่วนประกอบขนาดเล็ก ซึ่งสามารถพัฒนา ติดตั้งใช้งาน และขยายขนาดได้อย่างอิสระ วิธีนี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

ประโยชน์ของบริการทางการเงินแบบผสานรวมสําหรับผู้ให้บริการและลูกค้า

ประโยชน์หลักๆ ของบริการทางการเงินแบบผสานรวมสําหรับทั้งผู้ให้บริการและลูกค้า ได้แก่

ผู้ให้บริการ

  • การประสานข้อมูล: เมื่อผสานรวมบริการทางการเงินหลายๆ แบบ ผู้ให้บริการจะใช้จุดข้อมูลที่มีการเชื่อมต่อกันได้ทั้งด้านการธนาคาร ประกันภัย และการลงทุนเพื่อสร้างโมเดลคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มุมมองแบบองค์รวมนี้ช่วยให้สถาบันเข้าใจความต้องการในปัจจุบันของลูกค้าได้ดีขึ้น และคาดการณ์ความต้องการในอนาคตได้แม่นยํา

  • การจัดการความเสี่ยง: บริการทางการเงินที่ผสานรวมช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถอ้างอิงข้อมูลอ้างอิงแบบข้ามโดเมนทางการเงินต่างๆ และสร้างโปรไฟล์ความเสี่ยงของลูกค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้สถาบันสามารถจัดการความเสี่ยงด้านเครดิต การประเมินและควบคุมความเสี่ยงประกันภัย และพอร์ตโฟลิโอการลงทุนได้ นอกจากนี้ยังนําไปสู่ผลลัพธ์ทางการเงินที่มั่นคงมากขึ้นและลดความเสี่ยงทางระบบ

  • ความคล่องตัว: ผู้ให้บริการที่ใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวมสามารถนําผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ มาใช้หรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีการกําหนดค่าใหม่มากมายนัก ความคล่องตัวนี้ช่วยให้สถาบันก้าวนําหน้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงด้านข้อบังคับและความต้องการของลูกค้าโดยมีการหยุดชะงักน้อยลง

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนด: บริการทางการเงินแบบผสานรวมช่วยให้สถาบันสามารถสร้างกลยุทธ์การปฏิบัติตามข้อกําหนดแบบครบวงจรได้โดยไม่ต้องใช้กรอบการกํากับดูแลหลายแบบ สิ่งนี้ช่วยให้การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับง่ายขึ้นและช่วยปรับปรุงความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตามระเบียบข้อบังคับได้อย่างรวดเร็ว

  • ระบบนิเวศของแบรนด์: ผู้ให้บริการที่ใช้บริการด้านการเงินแบบผสานรวมสามารถกลายมาเป็นโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจร และกระตุ้นให้ลูกค้าใช้หลายๆ บริการจากแบรนด์ดังกล่าวได้ วิธีนี้อาจช่วยเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมของลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ รวมถึงเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าแต่ละรายได้

ลูกค้า

  • กลยุทธ์ทางการเงิน: เมื่อสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการเงินที่ครบวงจร ลูกค้าจะประสานงานการจัดสรรทรัพยากร การขยายความมั่งคั่ง การจัดการความเสี่ยง และแผนเกษียณเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวของตนได้

  • ข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคล: บริการแบบผสานรวมช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงคําแนะนําทางการเงินที่ปรับให้เหมาะกับตัวเองโดยเฉพาะ ตั้งแต่คําแนะนําเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไปจนถึงแนวทางด้านการเงินที่ปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตและเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป

  • การดูแลอย่างต่อเนื่อง: ลูกค้าสามารถใช้บริการแบบผสานรวมไปพร้อมกับที่ความต้องการด้านการเงินของตนเปลี่ยนผ่านจากสมัยเป็นคนทำงานวัยหนุ่มสาวไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีวัยวุฒิจนถึงเป็นผู้เกษียณได้ ความต่อเนื่องนี้ช่วยให้ลูกค้าได้ใช้บริการและคําแนะนําเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันจากผู้ให้บริการรายเดียวกันตลอดวงจรการใช้บริการทางการเงิน

  • การรักษาความปลอดภัย: ด้วยบริการทางการเงินแบบผสานรวม ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าจะได้รับการปกป้องภายใต้กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยที่เชื่อมโยงกันเป็นกลยุทธ์เดียว ผู้ให้บริการจะปกป้องข้อมูลลูกค้าด้วยการเข้ารหัสขั้นสูง การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องในผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินทั้งหมด

  • ต้นทุน: การรวมความต้องการด้านการเงินภายใต้ผู้ให้บริการรายเดียวมักจะช่วยให้ลูกค้าได้เข้าถึงข้อกําหนดเกี่ยวกับเงินกู้ที่ดีขึ้น ค่าธรรมเนียมที่ลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงได้ การทํางานกับผู้ให้บริการรายเดียวอาจลดค่าใช้จ่ายแอบแฝงและเพิ่มความโปร่งใส

ความท้าทายในการผสานรวมบริการทางการเงิน

บริการทางการเงินแบบผสานรวมยังมีความท้าทายดังต่อไปนี้ด้วย

  • การผสานรวมเทคโนโลยี: สถาบันการเงินหลายแห่งอาศัยระบบแบบเก่าที่แยกออกจากกันซึ่งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสื่อสารกับระบบอื่นๆ การผสานระบบเหล่านี้เข้ากับแพลตฟอร์มที่มีความเชื่อมโยงต้องใช้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเป็นจํานวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและมีความเสี่ยง เช่น ความไม่สอดคล้องของข้อมูลและความล้มเหลวของระบบ

  • การจัดรูปแบบข้อมูล: ระบบต่างๆ อาจจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้ากันไม่ได้ ซึ่งทําให้การไหลของข้อมูลอย่างราบรื่นเป็นไปได้ยาก การเอาชนะความท้าทายนี้ต้องอาศัยกระบวนการแปลงข้อมูลและแมปข้อมูลที่ซับซ้อน ซึ่งอาจซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดข้ามเขตอํานาจศาล: สถาบันที่ดําเนินธุรกิจในหลายประเทศต้องดําเนินงานตามข้อกําหนดหลายชุดที่กํากับดูแลความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การคุ้มครองผู้บริโภค การต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และข้อกําหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) การจัดการการปฏิบัติตามข้อกําหนดข้ามเขตอํานาจศาลจะต้องมีการตรวจสอบและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงด้านข้อบังคับอย่างต่อเนื่อง

  • ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย: การรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัว เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในยุโรปและกฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อย้ายข้อมูลข้ามบริการและแพลตฟอร์มหลายๆ แห่ง

  • การผสานทางวัฒนธรรม: การเชื่อมต่อบริการทางการเงินต่างๆ มักต้องมีการผสานรวมวัฒนธรรมองค์กรและโครงสร้างขององค์กร สถาบันการเงินอาจต้องปรับตามรูปแบบการบริหาร แนวทางการดําเนินงาน และค่านิยมขององค์กรที่แตกต่างกันไป เพื่อผสานแนวทางการบริการลูกค้าและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ไว้ในที่เดียว

  • การเติบโตและความยืดหยุ่น: ระบบแบบรวมต้องจัดการกับปริมาณธุรกรรมและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับการขยายกิจการหรือการปรับเปลี่ยนในอนาคต

  • ประสบการณ์ของผู้ใช้: แม้การผสานรวมบริการทางการเงินจะทําให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ง่ายขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอินเทอร์เฟซที่ซับซ้อนมากเกินไปหรือทําให้ผลิตภัณฑ์และบริการเกิดความสับสน สถาบันต้องหาจุดสมดุลระหว่างการผสานรวมบริการที่ครอบคลุมกับการออกแบบที่ใช้งานง่าย

  • ความไว้วางใจจากลูกค้า: เมื่อสถาบันการเงินรวมบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน ลูกค้าอาจกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความสามารถในการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของสถาบัน การละเมิดข้อมูลหรือข้อผิดพลาดด้านความปลอดภัยในโซลูชันแบบผสานรวมอาจส่งผลอย่างกว้างขวาง สถาบันจะต้องมีความโปร่งใสเกี่ยวกับแนวทางการใช้และปกป้องข้อมูลของลูกค้า

  • การพึ่งพาผู้ให้บริการ: การใช้ผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทอื่นด้านการผสานรวมเทคโนโลยีและบริการอาจทําให้สถาบันต้องพึ่งพาผู้ให้บริการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะเจาะจงเท่านั้น และจํากัดความยืดหยุ่นของสถาบัน

  • ความน่าเชื่อถือขณะทำการปรับปรุง: สถาบันการเงินต้องหาจุดสมดุลระหว่างการปรับแต่งการผสานรวมกับความคาดหวังจากลูกค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือและความเสถียร การนําเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างรวดเร็วหรือการผสานรวมบริการที่เร็วเกินไปอาจสร้างความไม่แน่นอนและทําลายชื่อเสียงของสถาบันได้

  • ค่าใช้จ่าย: การผสานรวมบริการทางการเงินต้องมีการลงทุนระดับสูงในด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ การปฏิบัติตามข้อกําหนด และการฝึกอบรมพนักงาน นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเนื่องสูงสําหรับการบํารุงรักษา การอัปเกรด และการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนด ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นข้อจำกัดสําหรับหลายๆ สถาบัน และจํากัดความสามารถของสถาบันที่จะผสานรวมบริการอย่างสมบูรณ์

  • ความเสี่ยงของระบบ: หากองค์ประกอบหนึ่งของระบบแบบผสานรวมล้มเหลว ก็อาจจะมีผลเป็นทอดๆ ต่อบริการทั้งหมด และอาจนําไปสู่ปัญหาขัดข้องหรือการหยุดชะงักของบริการในวงกว้าง สถาบันต้องวางแผนสำหรับการทำงานต่อเนื่องและสร้างกลไกสำรอง

วิธีเริ่มใช้บริการทางการเงินแบบผสานรวม

การเริ่มผสานรวมบริการทางการเงินต้องอาศัยการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ทําความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า ความคุ้นเคยกับข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และกลยุทธ์ธุรกิจที่ผ่านการปรับมาอย่างดี ต่อไปนี้คือคําแนะนําแบบทีละขั้นตอน

กําหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์

  • ขั้นแรก ให้กําหนดเป้าหมายกับบริการทางการเงินที่ผสานรวมของคุณ คุณต้องการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ลดความซับซ้อนในการดําเนินงาน เพิ่มโอกาสในการขายข้ามบริการ หรือเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน

  • ทำการวิจัยตลาดอย่างถี่ถ้วนเพื่อทําความเข้าใจความต้องการและความชอบของลูกค้าเป้าหมาย ระบุผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มีแนวโน้มจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามากที่สุดเมื่อผสานรวม

  • ระบุขั้นตอนที่จําเป็นเพื่อให้การผสานรวมสําเร็จ พิจารณาลําดับเวลา เป้าหมายสําคัญ การจัดสรรทรัพยากร และความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น แผนนี้ควรมีความยืดหยุ่นพอที่จะรองรับการปรับเปลี่ยนขณะที่โครงการดำเนินไป

ประเมินและอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี

  • ทําการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีในปัจจุบันของคุณอย่างครอบคลุม ระบุระบบเดิมที่จําเป็นต้องอัปเกรดหรือเปลี่ยนใหม่ รวมทั้งพิจารณาว่าแพลตฟอร์มที่คุณมีอยู่จะรองรับการผสานการทํางานได้ดีเพียงใด เน้นเป็นพิเศษที่การจัดรูปแบบข้อมูล ความยืดหยุ่น และฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัย

  • พิจารณาจากการประเมินของคุณ ให้ลงทุนในเทคโนโลยีที่จําเป็นเพื่อสนับสนุนการผสานการทํางาน ซึ่งอาจรวมถึงการประมวลผลผ่านระบบคลาวด์, API, การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง, ML และโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตรวจสอบความเข้ากันได้ระหว่างเทคโนโลยีเหล่านี้และดูว่าคุณสามารถผสานเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ของคุณได้หรือไม่

  • นําเฟรมเวิร์กการกํากับดูแลข้อมูลอันรัดกุมมาใช้เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ ความสอดคล้อง และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในบริการที่ผสานรวมทั้งหมด คุณอาจใช้ Data Lake หรือคลังข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลไว้ที่ส่วนกลางเพื่อให้เข้าถึงและวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น

สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

  • ระบุพาร์ทเนอร์ภายนอกที่อาจช่วยส่งเสริมบริการที่คุณนำเสนอได้ ซึ่งอาจรวมถึงบริษัทประกันภัย บริษัทลงทุน ฟินเทค ธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี มองหาพาร์ทเนอร์ที่มีชื่อเสียงแข็งแกร่ง ความสามารถทางเทคโนโลยีขั้นสูง และวิสัยทัศน์ร่วมกันในการผสานรวม

  • สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ระบุบทบาท ความรับผิดชอบ และความคาดหวังของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจน รวมข้อกําหนดในข้อตกลงการแชร์ข้อมูล มาตรฐานประสบการณ์ของลูกค้า การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และการแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงิน

  • สร้างกระบวนการร่วมมือกันระหว่างองค์กรของคุณกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งควรรวมถึงการสื่อสารเป็นประจํา เซสชันการวางแผนร่วม และเมตริกประสิทธิภาพการทํางานร่วมกัน

มุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัย

  • ทําความคุ้นเคยกับกฎระเบียบเกี่ยวกับบริการทางการเงินแบบผสานรวม ซึ่งรวมถึงข้อกําหนดด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, AML, KYC และการคุ้มครองผู้บริโภคในทุกเขตอํานาจศาลที่คุณดําเนินธุรกิจ

  • พัฒนาระบบการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่ครอบคลุมทุกบริการที่ผสานการทํางาน ซึ่งอาจต้องมีการสร้างทีมการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่รวมเป็นหนึ่งเดียว การใช้เทคโนโลยีสําหรับการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนดแบบเรียลไทม์ และการตรวจสอบเป็นประจําเพื่อยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎระเบียบ

  • เมื่อคุณผสานรวมบริการ คุณต้องอัปเกรดมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า ใช้การเข้ารหัส การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย และระบบตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงในทุกแพลตฟอร์ม ทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยของคุณเป็นประจําเพื่อจัดการกับช่องโหว่

ออกแบบประสบการณ์ที่สะดวกสบายของลูกค้า

  • จัดทำเส้นทางของลูกค้าซึ่งให้คําแนะนําผู้ใช้ผ่านบริการที่ผสานรวม สร้างอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ลดความติดขัด และตั้งค่าการสร้างแบรนด์และการส่งข้อความที่สอดคล้องกันในทุกจุดสัมผัส มุ่งเน้นไปที่การทําให้ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายและมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด

  • ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและ ML เพื่อปรับแต่งบริการทางการเงินให้เหมาะกับผู้ใช้โดยเฉพาะ ปรับแต่งคําแนะนําผลิตภัณฑ์ คำปรึกษา และการสื่อสารตามความชอบและความต้องการของลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ

  • ก่อนที่จะเปิดตัวบริการที่ผสานรวม ให้ทําการทดสอบอย่างครอบคลุมกับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ รวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้งาน ฟังก์ชัน และประสบการณ์โดยรวม แล้วดําเนินการปรับปรุงตามที่จําเป็นตามความคิดเห็นเหล่านั้น แพลตฟอร์มที่ผ่านการทดสอบมาอย่างดีมีแนวโน้มที่จะประสบความสําเร็จเมื่อนำไปใช้งานอย่างสมบูรณ์

นำไปใช้งานและเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป

  • แทนที่จะเปิดตัวบริการแบบผสานรวมทั้งหมดทีเดียว ลองพิจารณาเริ่มจากโปรแกรมนําร่อง วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถทดสอบการผสานรวมในขอบเขตที่เล็กลง ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และทําการปรับปรุงก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในวงกว้างได้

  • หลังจากที่คุณเปิดตัวโปรแกรมนําร่อง ให้ติดตามตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สําคัญ (KPI) อย่างใกล้ชิด เช่น อัตราการนําไปใช้ของลูกค้า คะแนนความพึงพอใจ ประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงาน และประสิทธิภาพทางการเงิน ใช้เมตริกเหล่านี้เพื่อประเมินความสําเร็จของการผสานรวมและระบุส่วนที่ควรปรับปรุง

  • พิจารณาจากความสําเร็จของโปรแกรมนําร่อง ให้ค่อยๆ ขยายบริการแบบผสานรวมไปยังฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพและทําการปรับเปลี่ยนตามที่จําเป็นอย่างต่อเนื่อง

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย