ธุรกิจแบบสมัครใช้บริการ สร้างรายรับจากการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่สม่ำเสมอ แต่การสร้างระบบเพื่อจัดการการชําระเงินตามรอบบิลอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความใส่ใจและการพิจารณา ต่อไปนี้เป็นอธิบายวิธีสร้างระบบรองรับรายได้ตามแบบแผนล่วงหน้าระดับโลกโดยใช้ภาษาการเขียนสคริปต์ PHP ตั้งแต่การผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มการชําระเงิน อย่าง Stripe ไปจนถึงการทำระบบการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ การจัดการการอัปเกรดและความปลอดภัย

มีอะไรในบทความนี้บ้าง

• การจัดการการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP คืออะไร
  
• ทําไมจึงควรเลือก PHP ทำระบบการชำระเงินตามรอบบิล
  
• คุณสมบัติที่สําคัญที่สุดของระบบการจัดการการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP มีอะไรบ้าง
  
• คุณจะทำระบบการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP อย่างไร
  
• API ของ Stripe รองรับระบบการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP อย่างไร
  

การจัดการการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP คืออะไร

ความนิยมซอฟต์แวร์การจัดการการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลกำลังเพิ่มขึ้น โดยตลาดเติบโตขึ้นจาก 7.99 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น $9.28 พันล้านในปี 2024 ธุรกิจที่เชี่ยวชาญและมีแบนด์วิดท์ที่เหมาะสมสามารถสร้างระบบของตัวเองได้แทนที่จะใช้โซลูชันแบบสําเร็จรูป

การจัดการการชําระเงินตามรอบบิล PHP หมายถึงการใช้ภาษาสคริปต์ PHP เพื่อสร้างระบบการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าสําหรับค่าสมาชิกหรือบริการต่อเนื่อง คุณสามารถใช้ PHP เพื่อเชื่อมต่อแอปของคุณกับบริการชําระเงิน เช่น Stripe ซึ่งจะเรียกเก็บเงินจากลูกค้าโดยอัตโนมัติตามกําหนดการ PHP จะช่วยคุณสร้างแพ็กเกจ ลงทะเบียนผู้ใช้ ติดตามการชําระเงิน และจัดการการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น การยกเลิกและการอัปเกรด

ทําไมต้องเลือก PHP ทำระบบการชําระเงินตามรอบบิล

PHP เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสําหรับการสร้างระบบการชําระเงินตามรอบบิล เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและทํางานร่วมกับผู้ให้บริการด้านการชําระเงินได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะกําลังจัดทำขั้นตอนการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าขั้นพื้นฐานหรือต้องการคุณสมบัติที่ออกแบบเองได้มากขึ้น PHP จะช่วยให้ทำได้ ต่อไปนี้คือคุณสมบัติสําคัญบางส่วน

• ธุรกิจของคุณสามารถผสานการทํางานกับบริการชําระเงิน เช่น Stripe และใช้ PHP เพื่อจัดการการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า การเรียกเก็บเงินซ้ําสําหรับการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ และการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ

• การสร้างระบบการชําระเงินตามรอบบิลจะง่ายยิ่งขึ้นเมื่อคุณใช้เฟรมเวิร์กที่ใช้ PHP เช่น Laravel เฟรมเวิร์กนี้มีคุณสมบัติรองรับการจัดการผู้ใช้ การจัดเก็บข้อมูล และการทํางานกับอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API)ในตัว

• PHP ทํางานได้ดีกับฐานข้อมูลอย่าง MySQL ซึ่งช่วยให้ติดตามได้ง่ายว่าใครสมัครรับบริการใด วันครบกำหนดชำระเงินครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่ และทราบได้ว่ามีการอัปเดตหรือยกเลิกบริการหรือไม่

• ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยฐานผู้ใช้ขนาดเล็กหรือจัดการกับการชําระเงินตามรอบบิลนับพันรายการ ระบบการชําระเงินตามรอบบิลที่พัฒนาด้วย PHP ปรับขนาดให้ตรงกับความต้องการของคุณได้

• ชุมชนนักพัฒนามีขนาดใหญ่ ดังนั้นคุณจึงไม่มีทางขาดแคลนทรัพยากร ตัวอย่าง หรือเครื่องมือที่ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น

• PHP เป็นภาษาโอเพนซอร์สที่ทํางานบนแพลตฟอร์มโฮสติ้งส่วนใหญ่ได้ ซึ่งทำให้มีต้นทุนต่ำและช่วยให้คุณปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ

คุณสมบัติที่สําคัญที่สุดของระบบการจัดการการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP มีอะไรบ้าง

ระบบการจัดการการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP ทำกระบวนการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าให้เป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้จัดการผู้ใช้และแพ็กเกจได้ง่ายขึ้น ระบบประเภทนี้ควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

• คุณควรสร้างระดับการสมัครใช้บริการได้หลายระดับ เช่น ระดับพื้นฐานและระดับพรีเมียม การเสนอให้ทดลองใช้ฟรีหรือเสนอส่วนลดก็ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ด้วย

• ผู้ใช้แต่ละรายควรผูกบัญชีของตัวเองกับบริการที่สมัครใช้ และระบบก็ควรจะติดตามได้ว่าผู้ใช้อยู่ตรงไหนในวงจรการสมัครใช้บริการ

• ระบบควรจัดการการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าและการชําระค่าบริการตามสัดส่วนได้โดยไม่ต้องป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง

• ระบบควรที่จะผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มการชําระเงินที่สามารถนํามาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมมาใช้และรองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย

• ระบบควรใช้ Webhook เพื่อให้คุณทราบถึงสถานะธุรกรรมหรือวันหมดอายุของบัตรล่าสุด เพื่อให้คุณดำเนินการได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตบริการที่สมัครหรือส่งคำแจ้งเตือน

• ผู้ใช้ของคุณควรได้รับการแจ้งเตือนอัตโนมัติเกี่ยวกับการต่ออายุที่ใกล้ครบกําหนด การชําระเงินที่ไม่สําเร็จ การเรียกเก็บเงินที่สําเร็จ การยกเลิก และการอัปเกรด

• ระบบควรมีแดชบอร์ดสําหรับการดูแลระบบที่ให้คุณจัดการแพ็กเกจ ดูรายละเอียดของลูกค้า และติดตามประวัติการชําระเงินได้ การมีฟีเจอร์รายงานที่ติดตามรายรับและอัตราการเลิกใช้บริการก็อาจช่วยได้มาก

• ระบบควรมีตัวเลือกให้ปรับแต่งได้ เช่น การคิดค่าบริการตามการใช้งาน รอบการเรียกเก็บเงินที่กำหนดเอง รหัสโปรโมชัน และส่วนลดสําหรับผู้ใช้บางรายหรือบางภูมิภาค

คุณจะทำระบบการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP อย่างไร

การสร้างระบบการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP หมายถึงการสร้างสิ่งที่ทําให้การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าทํางานแบบอัตโนมัติและยืดหยุ่นพอที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ การชําระเงินที่ไม่สําเร็จ การแจ้งเตือนลูกค้า และอื่นๆ

ขั้นแรกให้วางแผนว่าระบบการชําระเงินตามรอบบิลของคุณจะมีลักษณะเป็นอย่างไร คุณให้บริการแพ็กเกจรายเดือนและรายปีหรือไม่ คุณจะมีช่วงทดลองใช้ฟรีหรือส่วนลดพิเศษหรือไม่ คุณจะจัดการการอัปเกรดหรือการยกเลิกอย่างไร ให้คิดถึงกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมากด้วย เช่น จะเกิดอะไรขึ้นหากการชําระเงินไม่สําเร็จหรือหากมีคนอัปเกรดกลางทางระหว่างรอบการเรียกเก็บเงิน

เมื่อคุณสร้างกฎสําหรับธุรกิจบริการแบบสมัครสมาชิกของคุณเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำฐานข้อมูลของคุณ อย่างน้อยที่สุดคุณจะต้องมีตารางข้อมูลต่อไปนี้

• ผู้ใช้ (ข้อมูลลูกค้า)

• แพ็กเกจ (ตัวเลือกบริการ)

• สถานะการชําระเงินตามรอบบิลและวันที่เรียกเก็บเงิน

• ธุรกรรมการชําระเงิน

จากนั้น ทำการผสานการทํางานกับระบบของผู้ให้บริการชําระเงิน เช่น Stripe คุณสามารถใช้ API ของ Stripe เพื่อสร้างและจัดการแพ็กเกจบริการ ประมวลผลการชําระเงิน และจัดการการคิดค่าบริการตามสัดส่วนแบบอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เปลี่ยนแพ็กเกจกลางรอบบิล หากคุณใช้ Stripe ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทําเมื่อลูกค้าลงทะเบียน

• สร้างลูกค้าใน Stripe แล้วผูกวิธีการชําระเงินของลูกค้า

• ผูกบริการแพ็กเกจให้ลูกค้าแล้วตั้งค่าการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

• บันทึกรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง (เช่น ID การสมัครใช้บริการ) ไว้ในฐานข้อมูลเพื่อให้มีการซิงก์ข้อมูลทุกอย่าง

แล้วทําให้ระบบการชําระเงินตามรอบบิลของคุณทํางานอัตโนมัติด้วย Webhook การสร้างปลายทาง Webhook โดยใช้ PHP นั้นตรงไปตรงมาและทําให้ระบบของคุณติดตามสิ่งต่างๆ ได้เสมอโดยไม่ต้องตรวจสอบการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา Webhooks อัปเดตแอปของคุณแบบเรียลไทม์ ซึ่งประกอบด้วย

• เมื่อยืนยันการชําระเงินแล้ว

• เมื่อการชําระเงินไม่สําเร็จ

• เมื่อบัตรของผู้ใช้หมดอายุ

ทำให้แน่ใจว่าคุณมีแดชบอร์ดที่ใช้งานง่ายทั้งในฝั่งลูกค้าและผู้ดูแลระบบ สำหรับลูกค้า ควรจะมีสิ่งต่อไปนี้

• แดชบอร์ดที่ลูกค้าดูแพ็กเกจปัจจุบัน วันที่เรียกเก็บเงินครั้งถัดไป และประวัติการชําระเงินได้

• ตัวเลือกในการอัปเดตวิธีการชําระเงิน เปลี่ยนแพ็กเกจ หรือยกเลิกบริการที่สมัคร

สําหรับทีมผู้ดูแลระบบของคุณ ควรจะมีสิ่งต่อไปนี้

• เครื่องมือในการดูและจัดการผู้ใช้ การสมัครใช้บริการ และรายละเอียดการชําระเงิน

• ฟีเจอร์การรายงานเพื่อติดตามตัวชี้วัดต่างๆ เช่น รายรับ อัตราการเลิกใช้บริการ และการเติบโตของการสมัครใช้บริการ

เมื่อมีคุณสมบัติพื้นฐานครบแล้ว ให้คิดว่าควรจะมีอะไรเพิ่มเติมในการจัดทำระบบของคุณ ซึ่งอาจประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

• การเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน: หากบริการของคุณขึ้นอยู่กับจำนวนการเรียกใช้ API หรือการใช้งานข้อมูล ให้ติดตามตัวชี้วัดเหล่านั้นและเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ตามการใช้งาน

• ตรรกะการเรียกเก็บเงินซ้ำ: การชําระเงินที่ไม่สําเร็จเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นให้กําหนดเวลาเรียกเก็บเงินซ้ำแบบอัจฉริยะเอาไว้

• ระยะผ่อนผัน: ให้เวลาผู้ใช้แก้ไขการชําระเงินที่ไม่สําเร็จก่อนที่จะเสียสิทธิ์เข้าใช้งาน

ประการสุดท้าย ความปลอดภัยไม่ใช่แค่ทางเลือกหากมีการชำระเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทํางานร่วมกับผู้ประมวลผลการชําระเงินที่ใช้เทคนิคการแปลงเป็นโทเค็น ตรวจสอบว่าแอปของคุณเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) และใช้ HTTPS เสมอ เมื่อระบบของคุณจัดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการทดสอบด้วยสถานการณ์จำลองที่เป็นไปได้ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่นกรณีต่อไปนี้

• ผู้ใช้อัปเกรดกลางเดือนและต้องมีการเรียกเก็บค่าบริการตามสัดส่วน

• การชําระเงินไม่สําเร็จที่เกิดขึ้นซ้ำต่อเนื่อง

• ไม่ได้รับ Webhook

ให้วางแผนรองรับการเติบโตด้วย หากฐานผู้ใช้ของคุณเติบโตขึ้น ระบบของคุณจะต้องจัดการกับงานที่เพิ่มขึ้นได้โดยไม่ทํางานช้าลง ใช้ระบบคิวสําหรับงานที่ใช้เวลามาก เช่น การส่งอีเมลและการประมวลผล Webhook เพื่อให้แอปของคุณตอบสนองอยู่เสมอ การแคชข้อมูลที่เข้าถึงบ่อย เช่น รายละเอียดแพ็กเกจ สามารถช่วยลดการใช้งานฐานข้อมูลได้เช่นกัน

เมื่อทุกอย่างอยู่ในโหมดใช้งานจริงแล้ว ให้คอยติดตามระบบของคุณอย่างใกล้ชิด คอยดูตัวชี้วัด เช่น รายรับรายเดือน อัตราการเลิกใช้บริการ และอัตราการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ ใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้ปรับปรุงระบบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการปรับกําหนดเวลาเรียกเก็บเงินซ้ำ การปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ หรือการปรับแบ็กเอนด์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

API ของ Stripe รองรับระบบการสมัครใช้บริการด้วย PHP อย่างไร

API ของ Stripe เหมาะสําหรับการสร้างระบบการชำระเงินตามรอบบิลด้วย PHP โดยจะจัดการส่วนที่ยุ่งยากในการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าไปพร้อมๆ กับให้คุณปรับแต่งระบบให้เหมาะกับความต้องการของคุณ มีความน่าเชื่อถือ ใช้งานง่าย และสร้างขึ้นโดยคํานึงถึงความสามารถในการขยายขนาด API ของ Stripe รองรับระบบการชําระเงินตามรอบบิลด้วย PHP ดังต่อไปนี้

ลูกค้าและการตั้งค่าการชําระเงิน

Stripe ช่วยให้ผู้ใช้ตั้งค่าการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าได้ง่าย เมื่อมีคนลงทะเบียน คุณก็สร้างลูกค้าใน Stripe ผูกวิธีการชําระเงินของลูกค้า และ Stripe จะจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดไว้ สิ่งที่คุณต้องทําคือแค่บันทึก ID ลูกค้าในฐานข้อมูลของคุณเพื่อใช้อ้างอิงในภายหลัง

การจัดการการชําระเงินตามรอบบิล

เมื่อใช้ Stripe กับระบบแบบ PHP คุณเพียงตั้งค่าแพ็กเกจบริการและให้ Stripe จัดกาการคำนวณและการจัดการต่างๆ คุณสามารถสร้างแพ็กเกจที่มีรอบการเรียกเก็บเงินแบบต่างๆ เช่น รายเดือน รายปี หรือแบบกําหนดเอง และเพิ่มตัวเลือกต่างๆ ได้ เช่น การทดลองใช้ฟรี การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าจะทำโดยอัตโนมัติ และ Stripe จะคํานวณค่าบริการตามสัดส่วนหากผู้ใช้อัปเกรดหรือดาวน์เกรดแพ็กเกจกลางรอบบิล

การอัปเดตแบบเรียลไทม์ด้วย Webhook

Stripe สื่อสารกับแอปของคุณตลอดเวลาผ่าน Webhook ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ที่แจ้งให้คุณทราบเมื่อมีสิ่งสําคัญเกิดขึ้น (เช่น การชําระเงินสําเร็จหรือล้มเหลว การยกเลิกบริการที่สมัคร)

โปรแกรม PHP ช่วยให้คุณจัดทำตัวรับ Webhook ได้อย่างง่ายดายเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์เหล่านี้ รวมถึงการดำเนินการต่อไปนี้

• หากชําระเงินไม่สําเร็จ คุณสามารถแจ้งผู้ใช้และกําหนดเวลาเรียกเก็บเงินซ้ําได้

• หากต่ออายุการสมัครใช้บริการสําเร็จ ระบบของคุณสามารถอัปเดตวันที่เรียกเก็บเงินรอบถัดไปได้โดยอัตโนมัติ

ซึ่งทําให้ฐานข้อมูลและระบบที่ติดต่อกับผู้ใช้ของคุณเป็นปัจจุบันอยู่เสมอโดยไม่ต้องตรวจสอบด้วยตนเองหรือเรียกใช้ API เพิ่มเติม

ระบบความปลอดภัยในตัว

Stripe ใช้โทเค็นเป็นตัวแทนข้อมูลการชําระเงิน แทนที่จะให้คุณเก็บรายละเอียดของบัตรในระบบ นั่นหมายความว่าระบบของคุณไม่มีการแตะต้องหรือจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อน แต่คุณยังคงเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้และจัดการการชําระเงินตามรอบบิลได้ ซึ่งทำให้นักพัฒนาทำงานง่ายขึ้น โดยสามารถมุ่งเน้นการสร้างฟังก์ชันการทํางานโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดหรือการละเมิดข้อมูล

คุณสมบัติขั้นสูงสำหรับความต้องการที่ซับซ้อน

Stripe ยังรองรับการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย เช่น

• การเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน: หากคุณเรียกเก็บเงินลูกค้าตามปริมาณบริการที่ลูกค้าใช้ (เช่น การเรียกใช้ API พื้นที่เก็บข้อมูล) Stripe สามารถติดตามการใช้งานและเรียกเก็บเงินตามบริการที่ใช้ได้

• รอบการเรียกเก็บเงินแบบกำหนดเอง: Stripe สร้างแพ็กเกจที่ไม่เข้าข่ายโมเดลรายเดือนหรือรายปีแบบมาตรฐานได้

• ส่วนลดและคูปอง: Stripe ตั้งค่าโปรโมชันและนำมาใช้กับการบริการแบบสมัครสมาชิกได้อย่างง่ายดาย

เอกสารประกอบที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา

เอกสารประกอบของ Stripe ชัดเจน และมีชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ PHP (SDK) ที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าคุณจะสร้างระบบการชําระเงินตามรอบบิลอย่างง่าย หรือผสานการทํางานกับคุณสมบัติขั้นสูง ตัวอย่างและคู่มือจะให้การแนะนํากับคุณตลอดกระบวนการแบบทีละขั้นตอน

ความสามารถในการขยายขนาดและความน่าเชื่อถือ

Stripe สร้างมาเพื่อขยายการทำงานไปกับคุณ ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากลูกค้าจำนวนน้อยหรือจัดการลูกค้าหลายพันคน Stripe ช่วยขับเคลื่อนการทำงานให้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบเรียกเก็บเงินซ้ำในตัวและกฎที่ปรับแต่งได้เพื่อจัดการการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ คุณจึงไม่ต้องคอยติดตามบัญชีที่เลยกําหนดชําระด้วยตัวเอง

ข้อมูลเชิงลึกที่ใช้งานได้

Stripe ให้คุณเข้าถึงตัวชี้วัดทั้งหมดที่คุณสนใจ เช่น รายรับตามแบบแผนล่วงหน้าต่อเดือน อัตราการเลิกใช้บริการ และอัตราการชําระเงินสําเร็จ คุณสามารถดึงข้อมูลนี้ลงในแดชบอร์ดของผู้ดูแลระบบโดยใช้ API ของ Stripe หรือใช้แดชบอร์ด Stripe เพื่อติดตามสถานะของธุรกิจบริการแบบสมัครสมาชิกของคุณ