การจัดการการชําระเงินอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนสําหรับธุรกิจ เนื่องจากการชําระเงินมีหลายรูปแบบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการชําระเงินอาจมีการเปลี่ยนแปลง และลูกค้าซึ่งคาดหวังความสะดวกสบาย คาดการณ์ว่ามูลค่ารวมของการชําระเงินแบบดิจิทัลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในอัตราการเติบโตโดยรวมต่อปี 15.9% จากปี 2025 ถึง 2029 ผลก็คือเกิดการสร้างสมดุลอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่ต้องการรับบัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัล การโอนเงินผ่านธนาคาร และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งบางครั้งก็อาจอยู่ในภูมิภาคหรือสกุลเงินที่แตกต่างกันออกไป ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินเป็นโซลูชันแบ็กเอนด์ที่ช่วยทำให้องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินจะกําหนดว่าเงินจะหมุนเวียนไปสู่ธุรกิจอย่างไร จะจัดการการคืนเงินอย่างไร วิธีคํานวณค่าธรรมเนียม และวิธีการบันทึกข้อมูลทุกอย่างเพื่อการทําบัญชีที่ง่ายดาย ช่วยป้องกันข้อผิดพลาด; ลดการฉ้อโกง และทําให้ลูกค้าพึงพอใจกับธุรกรรมที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่าซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินทําอะไรให้ธุรกิจได้บ้าง ค่าใช้จ่ายโดยทั่วไป และ Stripe จะช่วยทําให้การจัดการการชําระเงินง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจได้อย่างไร
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินคืออะไร
- เหตุใดธุรกิจจึงต้องใช้ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงิน
- ฟีเจอร์ใดที่บ้างที่ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินควรมี
- Stripe ทําให้การจัดการการชําระเงินง่ายขึ้นอย่างไร
- ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินมีค่าใช้จ่ายอย่างไร?
- อุตสาหกรรมใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงิน
ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินคืออะไร
ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินจะติดตามและจัดการเงินทุนที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมบัตรเครดิต การชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือวิธีการเฉพาะทางอื่นๆ นอกจากการประมวลผลการชําระเงินแล้ว แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังช่วยกระทบยอดรายรับรายวัน การคืนเงิน การจัดทําใบแจ้งหนี้ และการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกรรมตามช่วงเวลาได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมแต่ละรายการ ตรวจจับการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น และส่งข้อมูลกลับไปที่ระบบบัญชีหรือรายงานของคุณด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับระบบที่ใช้แรงงานคน ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินเป็นวิธีที่ง่ายในการดูแลวงจรการชําระเงินในที่เดียว
เหตุใดธุรกิจจึงต้องใช้ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงิน
สําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพขนาดเล็กหรือธุรกิจขนาดกลางที่มีรายรับปานกลาง ผู้ประมวลผลการชําระเงินทั่วไปอาจเพียงพอที่จะจัดการการชําระเงินขาเข้าได้ แต่ปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น ทั้งจากการเติบโตตามธรรมชาติหรือการออกสายผลิตภัณฑ์ใหม่ อาจทำให้การทำบัญชีซับซ้อนขึ้นจนทำให้บางครั้งการทำบัญชีด้วยตนเองอาจไม่สามารถรับมือได้
ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินช่วยให้ธุรกิจคล่องตัวอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายการเงินสามารถอ้างอิงข้อมูลจากที่เดียวเพื่อดูการเคลื่อนไหวของเงินทุน ฝ่ายบริการลูกค้ามีข้อมูลการคืนเงินหรือการโต้แย้งการชําระเงินแบบเรียลไทม์ และผู้บริหารสามารถมองเห็นแนวโน้มรายรับ รายรับตามแบบแผนล่วงหน้า หรือความแตกต่างในภูมิภาคได้
หลายอุตสาหกรรมมีข้อผูกพันทางกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกําหนดซึ่งแพลตฟอร์มเฉพาะทางสามารถช่วยได้ ในบางภูมิภาคกําหนดให้ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษี ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม หรือการคุ้มครองผู้บริโภค ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินสามารถสร้างบันทึกเหล่านี้โดยอัตโนมัติและให้ข้อมูลที่เหมาะสมเมื่อต้องการใช้ ซึ่งเหมาะกับบริการแบบสมัครสมาชิกที่ต้องจัดการการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่มีอัตราภาษีแตกต่างกันไปตามสถานที่ตั้ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ธุรกิจยอมรับแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็คือความสามารถในการขยายระบบ ไม่ว่าธุรกิจจะมีธุรกรรม 2,000 รายการหรือ 20,000 รายการต่อเดือน ระบบก็ช่วยลดขั้นตอนที่ต้องทําด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มจัดการการชําระเงินเปลี่ยนงานที่ต้องทำซ้ำๆ เป็นระบบอัตโนมัติและช่วยให้จัดการกระบวนการชําระเงินจำนวนมากได้
ฟีเจอร์ใดบ้างที่ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินควรมี
แพลตฟอร์มจัดการการชําระเงินที่ดีจะมีขีดความสามารถหลายอย่างที่ทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกระแสเงินทุน ข้อมูล และข้อมูลเชิงลึก ต่อไปนี้คือฟีเจอร์บางส่วนที่ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพมี
วิธีการชําระเงินที่หลากหลาย: ลูกค้ามักต้องการชําระเงินด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือตัวเลือกการชําระเงินในประเทศแบบอื่น ระบบที่แข็งแกร่งจะรวมตัวเลือกทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในที่เดียว
การจัดการการชําระเงินตามรอบบิล: การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีการอัปเกรด การดาวน์เกรด ช่วงทดลองใช้ และการแบ่งชําระตามสัดส่วน ฟีเจอร์เฉพาะทางสําหรับการชําระเงินตามรอบบิลรับงานหนักเหล่านี้ไปทำแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เรียกเก็บเงินลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
เครื่องมือออกใบแจ้งหนี้และการเรียกเก็บเงิน: หากคุณต้องการส่งใบแจ้งหนี้หรือรับชําระเงินตามใบแจ้งหนี้ แพลตฟอร์มควรให้คุณสร้าง ติดตามสถานะการชําระเงิน และติดตามยอดที่เลยกําหนดชําระได้
การวิเคราะห์และการรายงาน ทีมที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตต้องได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรายรับจำแนกตามผลิตภัณฑ์ ภูมิภาค หรือช่วงเวลา บางแพลตฟอร์มมีแดชบอร์ดในตัว ในขณะที่แพลตฟอร์มบางแพลตฟอร์มจะเปิดให้คุณส่งออกข้อมูลไปยังระบบวิเคราะห์ของคุณเองได้
การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: ข้อมูลบัตรควรได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัส การแปลงเป็นโทเค็น และมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ และซอฟต์แวร์ดังกล่าวยังควรเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องและอํานวยความสะดวกในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่นด้วย
การแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงิน: การดึงเงินคืนอาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักและทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่าย ระบบที่ดีควรส่งการแจ้งเตือนเมื่อมีการโต้แย้งการชําระเงินเกิดขึ้น จัดเก็บหลักฐาน และให้คําแนะนําคุณตลอดกระบวนการแก้ไข
ฟีเจอร์ที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา: อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) หรือไลบรารีที่ยืดหยุ่น จะช่วยให้นักพัฒนาภายในองค์กรเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณได้ดี
Stripe ทําให้การจัดการการชําระเงินง่ายขึ้นอย่างไร
Stripe ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจในวงกว้าง และเป็นที่รู้จักกันดีว่ามี API ที่ยืดหยุ่น โดยได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือฟีเจอร์การจัดการการชำระเงินบางส่วนของ Stripe
รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย: Stripe รองรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล การโอนเงินผ่านธนาคาร และวิธีการชําระเงินอื่นๆ ในหลากหลายประเทศ ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าในหลายๆ ภูมิภาคได้โดยไม่ต้องสร้างบัญชีอื่นแยกหรือหาทางออกอื่นที่ซับซ้อน
การจัดการการชําระเงินตามรอบบิล: Stripe Billing จัดการการเรียกเก็บเงินแบบปรับแต่งเองและการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าได้ โดยสามารถกําหนดค่าแพ็กเกจรายเดือนหรือรายปี จัดการโปรโมชัน และจัดการการแบ่งชําระตามสัดส่วนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจบริการ ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัทที่ให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) บริการแบบสมาชิกสมาชิก หรือธุรกิจที่ต้องมีการชําระเงินซ้ำ
การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: Stripe ลงทุนในเทคโนโลยีการแปลงเป็นโทเค็น การเข้ารหัส และการปฏิบัติตามข้อกําหนด เพื่อที่ธุรกิจต่างๆ จะไม่ต้องสร้างสถาปัตยกรรมความปลอดภัยเอง แพลตฟอร์มเป็นไปตามข้อกําหนดของ PCI ซึ่งจะช่วยธุรกิจในการจัดการความเสี่ยง
การแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงิน: การดึงเงินคืนเป็นงานด้านหนึ่งของการทําธุรกิจออนไลน์ที่ใช้เวลามาก ระบบของ Stripe ติดตามการโต้แย้งการชําระเงิน เก็บรวบรวมหลักฐาน และทําให้กระบวนการโต้แย้งการปฏิเสธการชำระเงินง่ายขึ้น
ระบบป้องกันการฉ้อโกง: Stripe Radar ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันการฉ้อโกงที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิงจะสแกนธุรกรรมเพื่อหาสัญญาณที่น่าสงสัยและสามารถทําการตัดสินใจบางอย่างโดยอัตโนมัติได้
การสนับสนุนการผสานการทํางาน: Stripe รองรับภาษาการเขียนโปรแกรม แพลตฟอร์มบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และระบบของบุคคลที่สามที่หลากหลาย นั่นหมายความว่าธุรกิจสามารถผสานการชําระเงินเข้ากับเว็บไซต์หรือแอปที่ออกแบบเองได้โดยไม่ถูกจำกัดโดยแพลตฟอร์ม
มุมมองเป็นหนึ่งเดียว: Stripe มีแดชบอร์ดซึ่งธุรกิจสามารถดูธุรกรรม การคืนเงิน การโต้แย้งการชําระเงิน การชําระเงินตามรอบบิล และการวิเคราะห์ได้ในที่เดียว ไม่ว่าคุณจะค้นหารายรับที่พุ่งขึ้นในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งหรือติดตามจํานวนลูกค้าที่ชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า คุณสามารถดูทุกอย่างได้ในพริบตาเดียว
ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินมีค่าใช้จ่ายอย่างไร
ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินประเภทต่างๆ มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ผู้ให้บริการอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในลักษณะต่อไปนี้
ค่าสมัครใช้บริการรายเดือนบวกค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรม
ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมโดยไม่มีการเรียกเก็บเงินรายเดือน
ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสําหรับฟีเจอร์ขั้นสูง
ตัวอย่างเช่น โดยปกติแล้ว Stripe ใช้รูปแบบการชําระเงินตามการใช้งาน ดังนั้นคุณจะมีค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าธุรกรรมและค่าธรรมเนียมคงที่ต่อธุรกรรม ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสําหรับธุรกิจใหม่ที่ไม่ต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมล่วงหน้าจํานวนมาก นอกจากนี้ Stripe ยังมีฟังก์ชันการเรียกเก็บเงินขั้นสูง เครื่องมือออกใบแจ้งหนี้ และระบบป้องกันการฉ้อโกงเฉพาะทางโดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
เมื่อเลือกใช้ซอฟต์แวร์ คุณควรพิจารณาค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ตัวเงินด้วย ซึ่งมีทั้งเวลาและแรงงานในการผสานระบบซอฟต์แวร์กับเว็บไซต์ การฝึกอบรมพนักงาน และการสร้างกระบวนการหลังบ้าน โซลูชันที่มีเอกสารประกอบเป็นอย่างดีและเป็นมิตรกับนักพัฒนาอาจช่วยลดขั้นตอนการเรียนรู้ลงได้ หากคุณต้องจ้างที่ปรึกษาหรือนักพัฒนาเพิ่ม ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงขึ้นอีก
สุดท้ายแล้วการตัดสินใจมักขึ้นอยู่กับว่าโครงสร้างราคาของแพลตฟอร์มแต่ละแพลตฟอร์มสอดคล้องกับความต้องการด้านปริมาณธุรกรรมและฟีเจอร์ของคุณเพียงใด ธุรกิจหนึ่งอาจยอมจ่ายค่าธรรมเนียมมากขึ้นเพื่อการผสานการทำงานของระบบที่สะดวกขึ้น ในขณะที่ธุรกิจอีกรายอาจชอบการสมัครใช้บริการรายเดือนมากกว่า หากมีปริมาณธุรกรรมมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ หากต้องการพิจารณาว่าค่าบริการแบบใดเหมาะสมที่สุด ให้คาดการณ์ความต้องการด้านธุรกรรมในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า แล้วดูว่าแผนค่าบริการแบบใดที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ดังกล่าว
อุตสาหกรรมใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงิน
ธุรกิจเกือบทุกแห่งที่มีธุรกรรมออนไลน์สามารถใช้ประโยชน์จากระบบการจัดการการชําระเงินที่คัดเลือกมาเป็นอย่างดีได้ แต่บางภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการนำระบบนี้มาใช้ ซึ่งประกอบด้วย
อีคอมเมิร์ซและร้านค้าปลีกที่จําหน่ายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง: ร้านค้าออนไลน์ต้องพึ่งพาการรับชําระเงินที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือ การละทิ้งรถเข็นมักเป็นข้อกังวลของธุรกิจ ดังนั้นการชําระเงินที่ง่ายดายจึงเป็นสิ่งสําคัญ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่รับชําระเงินหลายวิธีและมีระบบคัดกรองการฉ้อโกงที่แข็งแกร่งสามารถเพิ่มยอดขายที่สมบูรณ์ได้
ธุรกิจแบบสมัครใช้บริการ (SaaS, การเป็นสมาชิก, การสตรีม): แพ็กเกจบริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางรอบการเรียกเก็บเงินหรือลูกค้าอาจหยุดการสมัครใช้บริการชั่วคราว ขั้นตอนการทํางานอัตโนมัติช่วยได้ในสถานการณ์เหล่านี้
มาร์เก็ตเพลส: แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการหลายราย (เช่น แอปส่งอาหารหรือบริการแบบบุคคลต่อบุคคล) ต้องเผชิญกับการเบิกจ่าย ค่าคอมมิชชั่นที่ซับซ้อน รวมถึงการชําระเงินแบบแยกชำระ ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินเฉพาะทางสามารถส่งเงินทุนโดยอัตโนมัติและทําให้เข้าถึงบันทึกธุรกรรมได้
องค์กรไม่แสวงผลกําไรและองค์กรระดมทุน: องค์กรการกุศลที่พึ่งพาการบริจาคแบบตามรอบ การให้ของขวัญแบบครั้งเดียว หรือการสนับสนุนแบบองค์กรจะได้ประโยชน์จากแดชบอร์ดเดียว ซึ่งจะช่วยติดตามการบริจาคทั้งหมดและสร้างใบเสร็จเพื่อจุดประสงค์ทางภาษีได้ด้วย นอกจากนี้ การป้องกันการฉ้อโกงก็เป็นข้อควรพิจารณาอีกข้อเมื่อมีผู้บริจาคมาจากหลากหลายภูมิภาค
ผู้ทํางานอิสระและผู้ให้บริการ: ที่ปรึกษาอิสระหรือผู้ประกอบวิชาชีพด้านการสร้างสรรค์อาจเริ่มจัดการการเรียกเก็บเงินด้วยตนเองด้วยการส่งใบแจ้งหนี้ทางอีเมลและรอการโอนเงินผ่านธนาคาร เมื่อเวลาผ่านไปการทำงานด้วยตัวเองอาจทําให้เกิดความสับสนหรือการชำระเงินที่ล่าช้า แพลตฟอร์มที่ออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติและเรียกเก็บเงินได้หลายวิธีจะช่วยกําจัดความเครียดนี้ได้
บริษัท B2B ที่ต้องการออกใบแจ้งหนี้: บริษัทที่จําหน่ายสินค้าให้แก่ธุรกิจอื่นๆ มักต้องมีเงื่อนไขการชําระเงินที่ยืดหยุ่น หรืออาจต้องประมวลผลใบแจ้งหนี้จํานวนมาก ซอฟต์แวร์จัดการการชําระเงินที่ทันสมัยจะทำขั้นตอนการส่งและติดตามผลใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติ และเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อสามารถเลือกวิธีการชําระเงินที่หลากหลายได้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ