Open Banking ในเยอรมนี: สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก อาทิ Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. Open Banking คืออะไร
  3. Open Banking มีการทำงานอย่างไร
  4. Open Banking มอบโอกาสอะไรให้กับธุรกิจในเยอรมนีบ้าง
  5. Open Banking มีการพัฒนาอย่างไรในเยอรมนี
  6. ข้อดีของ Open Banking มีอะไรบ้าง
    1. ข้อดีสำหรับลูกค้า
    2. ข้อดีสำหรับธุรกิจ
  7. Open Banking ปลอดภัยหรือไม่
  8. ข้อกำหนดและแนวทางสำหรับ Open Banking ในเยอรมนีมีอะไรบ้าง
  9. มีแพลตฟอร์ม Open Banking อะไรบ้าง
    1. แพลตฟอร์ม API สำหรับการผสานการทำงานด้านการธนาคาร
    2. บริการข้อมูลบัญชี (AIS)
    3. บริการเริ่มต้นการชำระเงิน
    4. แพลตฟอร์มสำหรับ Open Finance
    5. ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธนาคารและบริการฟินเทค
    6. มาร์เก็ตเพลสสำหรับบริการทางการเงิน
  10. ตัวอย่างของ Open Banking
    1. การทำบัญชีดิจิทัล
    2. การตรวจสอบเครดิตอัตโนมัติ
    3. การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์
    4. บัญชีดิจิทัล
    5. ภาพรวมสินทรัพย์และคำแนะนำในการลงทุน
    6. ความช่วยเหลือด้านภาษีแบบอัตโนมัติ

Open Banking ได้ปฏิวัติโลกการเงินโดยเปิดโอกาสให้ธนาคารและบุคคลที่สามสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการธนาคารได้อย่างปลอดภัย ในเยอรมนี Open Banking ได้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ โดยได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจผ่านบริการชำระเงินที่ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนการทำบัญชีแบบอัตโนมัติ และโซลูชันทางการเงินที่มีการผสานการทำงาน

กล่าวอย่างเจาะจงคือ บริการฟินเทคและผู้ให้บริการการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) จากภูมิภาคเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ (DACH) ได้นำ Open Banking มาใช้เพื่อลดความซับซ้อนให้กับประสบการณ์ของลูกค้าและแปลงกระบวนการทางการเงินให้เป็นรูปแบบดิจิทัล โดยเยอรมนีได้ดำเนินการตาม Payment Services Directive (PSD2) ของสหภาพยุโรปอย่างครอบคลุมครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้น และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการพัฒนามาตรฐานทางเทคนิคเพิ่มเติม เช่น อินเทอร์เฟซ NextGenPSD2 ของ Berlin Group

ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับ Open Banking, วิธีการทำงานของ Open Banking รวมถึงข้อกำหนดและแนวทางที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เรายังจะกล่าวถึงข้อดีสำหรับธุรกิจในเยอรมนีและการพัฒนาระบบนี้ในเยอรมนีจนถึงปัจจุบัน

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • Open Banking คืออะไร
  • Open Banking มีการทำงานอย่างไร
  • Open Banking มอบโอกาสอะไรให้กับธุรกิจในเยอรมนีบ้าง
  • Open Banking มีการพัฒนาอย่างไรในเยอรมนี
  • ข้อดีของ Open Banking มีอะไรบ้าง
  • Open Banking ปลอดภัยหรือไม่
  • ข้อกำหนดและแนวทางสำหรับ Open Banking ในเยอรมนีมีอะไรบ้าง
  • มีแพลตฟอร์ม Open Banking อะไรบ้าง
  • ตัวอย่างของ Open Banking

Open Banking คืออะไร

Open Banking หมายถึงการเปิดอินเทอร์เฟซการธนาคารตามกฎระเบียบให้ผู้ให้บริการภายนอกสามารถเข้าถึงได้ ในสหภาพยุโรป PSD2 ได้สร้างพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับ Open Banking ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา โดยกำหนดให้ธนาคารในเยอรมนีและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ ต้องอนุญาตให้บุคคลที่สาม เช่น บริการฟินเทค แพลตฟอร์มการทำบัญชี หรือผู้ให้บริการชำระเงิน สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีได้ ตราบใดที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งแล้ว Open Banking มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงภาคการเงิน เสริมสร้างการแข่งขัน และให้ลูกค้าควบคุมข้อมูลการชำระเงินของตนได้มากขึ้น

Open Banking มีการทำงานอย่างไร

Open Banking ในเยอรมนีนั้นเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ที่บุคคลที่สามซึ่งได้รับอนุญาตสามารถใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีธนาคารหรือเริ่มต้นการชำระเงินได้ โดยการทำเช่นนั้นจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าเสมอ การโอนข้อมูลจะได้รับการเข้ารหัสและสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยระดับสูง มาตรการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้รวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ตาม PSD2 (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย)

Open Banking มอบโอกาสอะไรให้กับธุรกิจในเยอรมนีบ้าง

การใช้บริการธนาคารออนไลน์ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 56% ของประชากรในปี 2020 เป็น 67% ในปี 2024 สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี การใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 31% ในปี 2020 เป็น 54% ในปี 2024

การเพิ่มขึ้นนี้อาจเกิดจากโอกาสต่างๆ ที่ Open Banking สามารถมอบให้กับธุรกิจได้ ดังนี้

  • ขั้นตอนการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: ด้วย Open Banking ธุรกิจจะสามารถเริ่มต้นการชำระเงินได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชันเฉพาะทางโดยไม่ต้องอาศัยพอร์ทัลบริการธนาคารออนไลน์แบบเดิม สิ่งนี้ช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยตนเองได้

  • การทำบัญชีและการวางแผนสภาพคล่องแบบอัตโนมัติ: ด้วยการเข้าถึงข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์ เครื่องมือการทำบัญชีและการวางแผนด้านการเงินจะสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ ขั้นตอนต่างๆ เช่น การกระทบยอดการชำระเงิน การคาดการณ์สภาพคล่อง และขั้นตอนการติดตามหนี้จะรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

  • ภาพรวมบัญชีธนาคารหลายบัญชีที่ดียิ่งขึ้น: ธุรกิจหลายแห่งมีบัญชีธนาคารหลายบัญชีที่เปิดไว้กับสถาบันต่างๆ Open Banking ช่วยให้สามารถดูภาพรวมของบัญชีทั้งหมดแบบรวมได้ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดายในที่แบบรวมศูนย์เพียงแห่งเดียว

  • บริการทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น: บริการฟินเทคและบุคคลที่สามรายอื่นๆ ได้พัฒนาโซลูชันใหม่ๆ บนพื้นฐานของ Open Banking ตัวอย่างได้แก่ ข้อเสนอเครดิตแบบไดนามิกและโซลูชันการชำระเงินที่กำหนดเองสำหรับอีคอมเมิร์ซหรือการค้าแบบ B2B

ตัวอย่างเช่น Stripe Financial Connections จะช่วยให้ธุรกิจในเยอรมนีมีโซลูชันที่ทรงพลังในการเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารของลูกค้าโดยตรงผ่าน API ที่ปลอดภัย แต่เฉพาะต่อเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากลูกค้าเท่านั้น สิ่งนี้ช่วยให้ข้อมูลบัญชี ยอดคงเหลือ และข้อมูลธุรกรรมสามารถผสานการทำงานกับขั้นตอนที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น ด้วย Financial Connections ธุรกิจจะสามารถทำการตรวจสอบเครดิตโดยอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า หรือเร่งกระบวนการเริ่มต้นใช้งานทางการเงินได้ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ PSD2 โดยใช้กลไกการรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ เช่น การเข้ารหัสและการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA)

Open Banking มีการพัฒนาอย่างไรในเยอรมนี

เยอรมนีดำเนินการใช้ PSD2 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2018 ด้วยมาตรฐาน NextGenPSD2 ทาง Berlin Group ได้สร้างเฟรมเวิร์กทางเทคนิคที่ครอบคลุมทั่วทั้งยุโรป โดยเฟรมเวิร์กนี้จะใช้การเข้าถึงบัญชี (XS2A) ที่ PSD2 กำหนดในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานและปลอดภัย ปัจจุบันเฟรมเวิร์กนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางสำหรับอินเทอร์เฟซที่เชื่อมต่อกับบัญชีในยุโรป

Open Banking นั้นจำกัดอยู่แค่การเข้าถึงบัญชีและธุรกรรมการชำระเงินอย่างปลอดภัยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั่วทั้งอุตสาหกรรมกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ Open Finance ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่ง Open Finance มีเป้าหมายที่จะรวมเอาขอบเขตทางการเงินอื่นๆ ในอนาคต เช่น การประกันภัย การลงทุน หรือกองทุนบำนาญ เข้ามาไว้ในบริการแบบมีข้อมูลสนับสนุนและทำงานร่วมกันได้ โครงการนี้เป็นโครงการที่คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปกำลังผลักดันเป็นพิเศษด้วยกลยุทธ์ Open Finance ของตน

การนำ Open Banking มาใช้จริงในเยอรมนีในช่วงแรกนั้นเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างมาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลในภาคการเงินและบังคับให้ธนาคารต่างๆ ต้องขยายการนำเสนอบริการของตน ในขณะเดียวกัน ตลาด Open Banking ในเยอรมนีก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากการวิเคราะห์โดย Grand View Research รายรับของตลาด Open Banking ในปี 2024 มีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การคาดการณ์ชี้ให้เห็นว่ามูลค่านี้อาจเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 26.5%

นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีการยอมรับ Open Banking มากขึ้น จากการสำรวจพบว่า 40% ของชาวเยอรมันเปิดรับวิธีการชำระเงินใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 18-29 ปี ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 51%

ข้อดีของ Open Banking มีอะไรบ้าง

Open Banking มีข้อดีหลายประการสำหรับลูกค้า ธุรกิจ และภาคการเงิน ข้อดีที่สำคัญที่สุดบางประการมีดังนี้

ข้อดีสำหรับลูกค้า

ความโปร่งใสและการควบคุม

ลูกค้าจะได้รับภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการเงินของตนและแชร์ข้อมูลของตนได้อย่างตรงตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถจัดการการเงินของตนในธนาคารต่างๆ แบบรวมศูนย์ได้ และตัดสินใจได้ว่าบุคคลที่สามรายใดบ้างที่จะเข้าถึงข้อมูลของตนได้

บริการทางการเงินแบบเฉพาะบุคคล

ด้วยการเข้าถึงข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์ ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม เช่น บริการฟินเทคหรือธนาคารดิจิทัล จะสามารถพัฒนาบริการทางการเงินแบบปรับแต่งเองได้ ซึ่งจะปรับให้เข้ากับความต้องการและพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

บริการชำระเงินและบริการสลับบัญชีที่ง่ายขึ้น

Open Banking ช่วยให้กระบวนการทางการเงินราบรื่นขึ้น รวดเร็วขึ้น และเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการชำระเงินโดยตรง, ฟังก์ชันการชำระเงินที่มีการผสานการทำงานในแอปและร้านค้าออนไลน์, การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA), บริการสลับบัญชีที่ง่ายขึ้น และความโปร่งใสที่ดีขึ้นในสถานะการชำระเงิน

การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

ผู้ให้บริการรายใหม่ที่ไม่ใช่ธนาคารสามารถเข้าสู่ตลาดและพัฒนาโซลูชันต่างๆ ได้ การแข่งขันนี้สามารถนำไปสู่ตัวเลือกและข้อเสนอที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ การแข่งขันยังจะช่วยกระตุ้นธุรกิจ เนื่องจากธนาคารแบบดั้งเดิมจะถูกบังคับให้หันมามุ่งเน้นที่ลูกค้ามากขึ้นและมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น

ข้อดีสำหรับธุรกิจ

บริการที่ดียิ่งขึ้น

ธุรกิจฟินเทคสามารถใช้ข้อมูลธุรกรรมจริงในการนำเสนอข้อเสนอแบบเฉพาะบุคคล พัฒนาโซลูชันเฉพาะสำหรับการวางแผนงบประมาณและการให้สินเชื่อ รวมถึงมอบเครื่องมือที่ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่แอปจัดการงบประมาณครัวเรือนไปจนถึงโซลูชันการออมและการลงทุนแบบอัตโนมัติ

การวิเคราะห์ทางการเงินและการทำบัญชีแบบอัตโนมัติ

ธุรกิจสามารถใช้ Open Banking เพื่อผสานการทำงานข้อมูลทางการเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคารของตนเข้ากับเครื่องมือการทำบัญชีและการวิเคราะห์ที่มีได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทำได้แบบเรียลไทม์โดยไม่มีการหยุดชะงักของสื่อใดๆ

การวางแผนสภาพคล่องที่ดียิ่งขึ้น

ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีปัจจุบันและข้อมูลธุรกรรมได้ตลอดเวลา สิ่งนี้ช่วยให้การจัดการสภาพคล่องเป็นไปอย่างแม่นยำและมุ่งเน้นไปยังอนาคตมากยิ่งขึ้น

การผสานการทำงานของโมเดลธุรกิจใหม่ๆ

ธุรกิจสามารถผสานการทำงานฟังก์ชันด้านการธนาคารเข้ากับผลิตภัณฑ์ แพลตฟอร์ม หรือบริการของตนได้โดยตรง สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ โดยอิงจากข้อมูลได้

ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

ขั้นตอนแบบอัตโนมัติสามารถประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ นอกจากนี้ ยังสามารถลดต้นทุนของธุรกรรมและช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตได้ การไหลเวียนของเงินที่เร็วขึ้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับโมเดลธุรกิจแบบอีคอมเมิร์ซและแบบดิจิทัล

ทั้งนี้ ควรต้องนำผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวมมาพิจารณาด้วยเช่นกัน โดยความโปร่งใสและประสิทธิภาพในระบบการเงินสามารถเพิ่มความไว้วางใจได้ ในทำนองเดียวกัน การแข่งขันทั่วไปก็สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการปรับปรุงและการประหยัดต้นทุน และความครอบคลุมทางด้านการเงินก็สามารถขยายการเข้าถึงบริการด้านการธนาคารได้

Open Banking ปลอดภัยหรือไม่

Open Banking มีความปลอดภัย ตราบใดที่มีการนำไปใช้และดำเนินการอย่างถูกต้อง มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในยุโรป โดยเฉพาะในเยอรมนี เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดในโลก บางส่วนของมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสำหรับ Open Banking ของเยอรมนีมีดังนี้

  • กฎระเบียบโดยสำนักงานกำกับดูแลด้านการเงินของรัฐบาลกลาง (BaFin): ในเยอรมนี BaFin จะเป็นผู้กำกับดูแลผู้ให้บริการ Open Banking ทั้งหมด

  • ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้า: ข้อกำหนดของ PSD2 กำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

  • การเข้ารหัสข้อมูล: ข้อมูลจะได้รับการส่งและจัดเก็บไว้ตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุด

ข้อกำหนดและแนวทางสำหรับ Open Banking ในเยอรมนีมีอะไรบ้าง

PSD2 จะควบคุมดูแล Open Banking ในสหภาพยุโรปและมีการดำเนินการใช้งานในเยอรมนีผ่านพระราชบัญญัติการกำกับดูแลบริการชำระเงิน (ZAG) BaFin จะกำกับดูแลผู้ให้บริการ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

ในอนาคต กฎระเบียบด้านการเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน (FIDA) จะสร้างเฟรมเวิร์กสำหรับระบบ Open Finance และจะเป็นสิ่งที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินต่อไป

หากธุรกิจต้องการใช้ Open Banking หรือลงทุนในโซลูชัน Open Banking ของตนเอง พวกเขาควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่การดำเนินงานด้านเทคนิคไปจนถึงข้อกำหนดทางกฎหมาย ดังนี้

  • รักษาความปลอดภัยและควบคุมข้อมูล: การเข้าถึงข้อมูลธนาคารจะได้รับอนุญาตเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งเท่านั้น ธุรกิจยังคงควบคุมข้อมูลของตนได้ตลอดเวลา

  • เลือกผู้ให้บริการอย่างรอบคอบ: ผู้ให้บริการบุคคลที่สามบางรายไม่ได้มีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ PSD2 โดยอัตโนมัติ ใบรับรองและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PSD2 นั้นเป็นเกณฑ์สำคัญในการเลือกผู้ให้บริการ

  • คว้าโอกาสสำคัญ: Open Banking เป็นมากกว่ารายละเอียดทางเทคนิค สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจและเปิดโอกาสให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ

  • ทำความเข้าใจข้อกำหนดและกฎระเบียบทางกฎหมาย: ผู้ให้บริการ Open Banking ในเยอรมนีจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ BaFin และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด โดยผู้ให้บริการที่ใช้ข้อมูลบัญชีหรือเริ่มต้นการชำระเงินจำเป็นต้องมีใบอนุญาตเป็นสถาบันให้บริการชำระเงิน หรือต้องทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่ได้รับใบอนุญาต

มีแพลตฟอร์ม Open Banking อะไรบ้าง

Open Banking ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นหน่วยเดียวกันทั้งหมด แต่เป็นการประสานงานกันของแพลตฟอร์มเฉพาะทางที่มีภารกิจและกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันออกไป โดยอาจมีการใช้แพลตฟอร์มหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแนวทางด้านเทคนิค ฟังก์ชัน และขอบเขตของการนำไปใช้ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานของสภาพแวดล้อม Open Banking ที่เชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธนาคาร ธุรกิจ และนักพัฒนาที่พยายามจะนำโซลูชันทางการเงินที่ทันสมัยมาใช้ ตัวอย่างบางส่วนของแพลตฟอร์ม Open Banking มีดังนี้

แพลตฟอร์ม API สำหรับการผสานการทำงานด้านการธนาคาร

แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้บริการ API ที่บุคคลที่สามสามารถใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลบัญชีและบริการชำระเงินได้ โดยทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อทางเทคนิคระหว่างธนาคาร แอป เครื่องมือทางการเงิน หรือร้านค้าออนไลน์

บริการข้อมูลบัญชี (AIS)

แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้สามารถรวมข้อมูลจากบัญชีธนาคารต่างๆ ไว้ในแอปพลิเคชันเดียวได้ สิ่งนี้ทำให้ลูกค้ามีภาพรวมทางการเงินแบบรวม (เช่น สำหรับการวิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่าย หรือสำหรับการวางแผนงบประมาณ)

บริการเริ่มต้นการชำระเงิน

โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถดำเนินการชำระเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคารในนามของลูกค้าได้ เช่น สำหรับการโอนเงินแบบทันทีในอีคอมเมิร์ซหรือสำหรับการชำระเงินตามใบแจ้งหนี้แบบอัตโนมัติ

แพลตฟอร์มสำหรับ Open Finance

แพลตฟอร์ม Open Finance นั้นเป็นมากกว่าระบบ Open Banking พื้นฐาน โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้จะผสานการทำงานบัญชีธนาคารเข้ากับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เช่น บัญชีหลักทรัพย์ การประกันภัย และแผนเกษียณอายุ เป็นต้น เป้าหมายของแพลตฟอร์มเหล่านี้คือความโปร่งใสและระบบอัตโนมัติทางการเงินที่ครอบคลุม

ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธนาคารและบริการฟินเทค

แพลตฟอร์มเหล่านี้มีไว้สำหรับธุรกิจที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Open Banking ของตนเอง โดยจะมีเครื่องมือทางเทคนิค เช่น เกตเวย์ API ที่ปลอดภัย สภาพแวดล้อมแซนด์บ็อกซ์ บริการด้านกฎระเบียบ และการวิเคราะห์ข้อมูล

มาร์เก็ตเพลสสำหรับบริการทางการเงิน

บางแพลตฟอร์มนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม และลูกค้า ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มเหล่านั้นจะรวมบริการต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันและช่วยให้เกิดการผสานการทำงานระหว่างแอปพลิเคชันหลายรายการผ่านสภาพแวดล้อมส่วนกลาง

ตัวอย่างของ Open Banking

Open Banking ช่วยให้เกิดแอปพลิเคชันหลากหลายที่ทำให้การรักษาความปลอดภัยสำหรับลูกค้าและธุรกิจเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ดีขึ้น และเป็นไปโดยอัตโนมัติ ด้านล่างนี้คือตัวอย่างบางส่วนของการใช้โซลูชัน Open Banking ที่หลากหลายและใช้งานได้จริง

การทำบัญชีดิจิทัล

ลูกค้าสามารถรวมบัญชีธนาคารหลายบัญชีเข้าไว้ในแอปเดียวเพื่อดูภาพรวมของรายได้ รายจ่าย และเป้าหมายการออมได้จากที่เดียว สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างงบประมาณได้โดยอัตโนมัติและวิเคราะห์พฤติกรรมทางการเงินได้อย่างง่ายดาย

การตรวจสอบเครดิตอัตโนมัติ

เมื่อสมัครสินเชื่อ ลูกค้าสามารถอนุญาตให้แชร์ข้อมูลบัญชีได้ จากนั้นเครดิตของพวกเขาจะได้รับการตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ โดยอิงจากการชำระเงินรับเข้าและจ่ายออกจริง สิ่งนี้ช่วยให้การตรวจสอบเครดิตเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าการใช้ข้อมูลเครดิตแบบดั้งเดิม

การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์

เมื่อชำระเงินในร้านค้าออนไลน์ ลูกค้าสามารถเข้าสู่ระบบผ่านธนาคารของตนและอนุมัติการชำระเงินได้โดยตรง จากนั้นการชำระเงินนั้นจะมีการโอนทันที โดยไม่มีความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นกับบัตรเครดิตหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล

บัญชีดิจิทัล

เมื่อเปิดบัญชีใหม่หรือเปลี่ยนผู้ให้บริการ ข้อมูลบัญชีเดิมสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันข้อมูลระบุตัวตน รายรับจากเงินเดือน หรือรายการชำระเงินประจำได้โดยไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษใดๆ

ภาพรวมสินทรัพย์และคำแนะนำในการลงทุน

ด้วยการเข้าถึงบัญชี พอร์ตโฟลิโอ และสัญญาทางการเงินทั้งหมด แอปจะสามารถสร้างภาพรวมสินทรัพย์ที่ครอบคลุมได้ โดยข้อมูลนี้สามารถใช้อ้างอิงเพื่อสร้างกลยุทธ์การออมและการลงทุนแบบกำหนดเองได้

ความช่วยเหลือด้านภาษีแบบอัตโนมัติ

ข้อมูล Open Banking สามารถนำมาใช้บันทึกรายได้ รายจ่าย และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษีโดยอัตโนมัติได้ โดยฟังก์ชันนี้อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระที่กำลังเตรียมแบบแสดงรายการภาษี

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย