Open Banking ได้ปฏิวัติโลกการเงินโดยเปิดโอกาสให้ธนาคารและบุคคลที่สามสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการธนาคารได้อย่างปลอดภัย ในเยอรมนี Open Banking ได้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ โดยได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจผ่านบริการชำระเงินที่ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนการทำบัญชีแบบอัตโนมัติ และโซลูชันทางการเงินที่มีการผสานการทำงาน
กล่าวอย่างเจาะจงคือ บริการฟินเทคและผู้ให้บริการการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) จากภูมิภาคเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ (DACH) ได้นำ Open Banking มาใช้เพื่อลดความซับซ้อนให้กับประสบการณ์ของลูกค้าและแปลงกระบวนการทางการเงินให้เป็นรูปแบบดิจิทัล โดยเยอรมนีได้ดำเนินการตาม Payment Services Directive (PSD2) ของสหภาพยุโรปอย่างครอบคลุมครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้น และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการพัฒนามาตรฐานทางเทคนิคเพิ่มเติม เช่น อินเทอร์เฟซ NextGenPSD2 ของ Berlin Group
ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับ Open Banking, วิธีการทำงานของ Open Banking รวมถึงข้อกำหนดและแนวทางที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เรายังจะกล่าวถึงข้อดีสำหรับธุรกิจในเยอรมนีและการพัฒนาระบบนี้ในเยอรมนีจนถึงปัจจุบัน
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- Open Banking คืออะไร
- Open Banking มีการทำงานอย่างไร
- Open Banking มอบโอกาสอะไรให้กับธุรกิจในเยอรมนีบ้าง
- Open Banking มีการพัฒนาอย่างไรในเยอรมนี
- ข้อดีของ Open Banking มีอะไรบ้าง
- Open Banking ปลอดภัยหรือไม่
- ข้อกำหนดและแนวทางสำหรับ Open Banking ในเยอรมนีมีอะไรบ้าง
- มีแพลตฟอร์ม Open Banking อะไรบ้าง
- ตัวอย่างของ Open Banking
Open Banking คืออะไร
Open Banking หมายถึงการเปิดอินเทอร์เฟซการธนาคารตามกฎระเบียบให้ผู้ให้บริการภายนอกสามารถเข้าถึงได้ ในสหภาพยุโรป PSD2 ได้สร้างพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับ Open Banking ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา โดยกำหนดให้ธนาคารในเยอรมนีและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ ต้องอนุญาตให้บุคคลที่สาม เช่น บริการฟินเทค แพลตฟอร์มการทำบัญชี หรือผู้ให้บริการชำระเงิน สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีได้ ตราบใดที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งแล้ว Open Banking มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงภาคการเงิน เสริมสร้างการแข่งขัน และให้ลูกค้าควบคุมข้อมูลการชำระเงินของตนได้มากขึ้น
Open Banking มีการทำงานอย่างไร
Open Banking ในเยอรมนีนั้นเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ที่บุคคลที่สามซึ่งได้รับอนุญาตสามารถใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีธนาคารหรือเริ่มต้นการชำระเงินได้ โดยการทำเช่นนั้นจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าเสมอ การโอนข้อมูลจะได้รับการเข้ารหัสและสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยระดับสูง มาตรการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้รวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ตาม PSD2 (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย)
Open Banking มอบโอกาสอะไรให้กับธุรกิจในเยอรมนีบ้าง
การใช้บริการธนาคารออนไลน์ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 56% ของประชากรในปี 2020 เป็น 67% ในปี 2024 สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี การใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 31% ในปี 2020 เป็น 54% ในปี 2024
การเพิ่มขึ้นนี้อาจเกิดจากโอกาสต่างๆ ที่ Open Banking สามารถมอบให้กับธุรกิจได้ ดังนี้
ขั้นตอนการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: ด้วย Open Banking ธุรกิจจะสามารถเริ่มต้นการชำระเงินได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชันเฉพาะทางโดยไม่ต้องอาศัยพอร์ทัลบริการธนาคารออนไลน์แบบเดิม สิ่งนี้ช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยตนเองได้
การทำบัญชีและการวางแผนสภาพคล่องแบบอัตโนมัติ: ด้วยการเข้าถึงข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์ เครื่องมือการทำบัญชีและการวางแผนด้านการเงินจะสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ ขั้นตอนต่างๆ เช่น การกระทบยอดการชำระเงิน การคาดการณ์สภาพคล่อง และขั้นตอนการติดตามหนี้จะรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
ภาพรวมบัญชีธนาคารหลายบัญชีที่ดียิ่งขึ้น: ธุรกิจหลายแห่งมีบัญชีธนาคารหลายบัญชีที่เปิดไว้กับสถาบันต่างๆ Open Banking ช่วยให้สามารถดูภาพรวมของบัญชีทั้งหมดแบบรวมได้ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดายในที่แบบรวมศูนย์เพียงแห่งเดียว
บริการทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น: บริการฟินเทคและบุคคลที่สามรายอื่นๆ ได้พัฒนาโซลูชันใหม่ๆ บนพื้นฐานของ Open Banking ตัวอย่างได้แก่ ข้อเสนอเครดิตแบบไดนามิกและโซลูชันการชำระเงินที่กำหนดเองสำหรับอีคอมเมิร์ซหรือการค้าแบบ B2B
ตัวอย่างเช่น Stripe Financial Connections จะช่วยให้ธุรกิจในเยอรมนีมีโซลูชันที่ทรงพลังในการเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารของลูกค้าโดยตรงผ่าน API ที่ปลอดภัย แต่เฉพาะต่อเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากลูกค้าเท่านั้น สิ่งนี้ช่วยให้ข้อมูลบัญชี ยอดคงเหลือ และข้อมูลธุรกรรมสามารถผสานการทำงานกับขั้นตอนที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น ด้วย Financial Connections ธุรกิจจะสามารถทำการตรวจสอบเครดิตโดยอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า หรือเร่งกระบวนการเริ่มต้นใช้งานทางการเงินได้ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ PSD2 โดยใช้กลไกการรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ เช่น การเข้ารหัสและการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA)
Open Banking มีการพัฒนาอย่างไรในเยอรมนี
เยอรมนีดำเนินการใช้ PSD2 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2018 ด้วยมาตรฐาน NextGenPSD2 ทาง Berlin Group ได้สร้างเฟรมเวิร์กทางเทคนิคที่ครอบคลุมทั่วทั้งยุโรป โดยเฟรมเวิร์กนี้จะใช้การเข้าถึงบัญชี (XS2A) ที่ PSD2 กำหนดในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานและปลอดภัย ปัจจุบันเฟรมเวิร์กนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางสำหรับอินเทอร์เฟซที่เชื่อมต่อกับบัญชีในยุโรป
Open Banking นั้นจำกัดอยู่แค่การเข้าถึงบัญชีและธุรกรรมการชำระเงินอย่างปลอดภัยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั่วทั้งอุตสาหกรรมกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ Open Finance ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่ง Open Finance มีเป้าหมายที่จะรวมเอาขอบเขตทางการเงินอื่นๆ ในอนาคต เช่น การประกันภัย การลงทุน หรือกองทุนบำนาญ เข้ามาไว้ในบริการแบบมีข้อมูลสนับสนุนและทำงานร่วมกันได้ โครงการนี้เป็นโครงการที่คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปกำลังผลักดันเป็นพิเศษด้วยกลยุทธ์ Open Finance ของตน
การนำ Open Banking มาใช้จริงในเยอรมนีในช่วงแรกนั้นเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างมาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลในภาคการเงินและบังคับให้ธนาคารต่างๆ ต้องขยายการนำเสนอบริการของตน ในขณะเดียวกัน ตลาด Open Banking ในเยอรมนีก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากการวิเคราะห์โดย Grand View Research รายรับของตลาด Open Banking ในปี 2024 มีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การคาดการณ์ชี้ให้เห็นว่ามูลค่านี้อาจเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 26.5%
นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีการยอมรับ Open Banking มากขึ้น จากการสำรวจพบว่า 40% ของชาวเยอรมันเปิดรับวิธีการชำระเงินใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 18-29 ปี ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 51%
ข้อดีของ Open Banking มีอะไรบ้าง
Open Banking มีข้อดีหลายประการสำหรับลูกค้า ธุรกิจ และภาคการเงิน ข้อดีที่สำคัญที่สุดบางประการมีดังนี้
ข้อดีสำหรับลูกค้า
ความโปร่งใสและการควบคุม
ลูกค้าจะได้รับภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการเงินของตนและแชร์ข้อมูลของตนได้อย่างตรงตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถจัดการการเงินของตนในธนาคารต่างๆ แบบรวมศูนย์ได้ และตัดสินใจได้ว่าบุคคลที่สามรายใดบ้างที่จะเข้าถึงข้อมูลของตนได้
บริการทางการเงินแบบเฉพาะบุคคล
ด้วยการเข้าถึงข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์ ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม เช่น บริการฟินเทคหรือธนาคารดิจิทัล จะสามารถพัฒนาบริการทางการเงินแบบปรับแต่งเองได้ ซึ่งจะปรับให้เข้ากับความต้องการและพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
บริการชำระเงินและบริการสลับบัญชีที่ง่ายขึ้น
Open Banking ช่วยให้กระบวนการทางการเงินราบรื่นขึ้น รวดเร็วขึ้น และเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการชำระเงินโดยตรง, ฟังก์ชันการชำระเงินที่มีการผสานการทำงานในแอปและร้านค้าออนไลน์, การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA), บริการสลับบัญชีที่ง่ายขึ้น และความโปร่งใสที่ดีขึ้นในสถานะการชำระเงิน
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
ผู้ให้บริการรายใหม่ที่ไม่ใช่ธนาคารสามารถเข้าสู่ตลาดและพัฒนาโซลูชันต่างๆ ได้ การแข่งขันนี้สามารถนำไปสู่ตัวเลือกและข้อเสนอที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ การแข่งขันยังจะช่วยกระตุ้นธุรกิจ เนื่องจากธนาคารแบบดั้งเดิมจะถูกบังคับให้หันมามุ่งเน้นที่ลูกค้ามากขึ้นและมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น
ข้อดีสำหรับธุรกิจ
บริการที่ดียิ่งขึ้น
ธุรกิจฟินเทคสามารถใช้ข้อมูลธุรกรรมจริงในการนำเสนอข้อเสนอแบบเฉพาะบุคคล พัฒนาโซลูชันเฉพาะสำหรับการวางแผนงบประมาณและการให้สินเชื่อ รวมถึงมอบเครื่องมือที่ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่แอปจัดการงบประมาณครัวเรือนไปจนถึงโซลูชันการออมและการลงทุนแบบอัตโนมัติ
การวิเคราะห์ทางการเงินและการทำบัญชีแบบอัตโนมัติ
ธุรกิจสามารถใช้ Open Banking เพื่อผสานการทำงานข้อมูลทางการเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคารของตนเข้ากับเครื่องมือการทำบัญชีและการวิเคราะห์ที่มีได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทำได้แบบเรียลไทม์โดยไม่มีการหยุดชะงักของสื่อใดๆ
การวางแผนสภาพคล่องที่ดียิ่งขึ้น
ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีปัจจุบันและข้อมูลธุรกรรมได้ตลอดเวลา สิ่งนี้ช่วยให้การจัดการสภาพคล่องเป็นไปอย่างแม่นยำและมุ่งเน้นไปยังอนาคตมากยิ่งขึ้น
การผสานการทำงานของโมเดลธุรกิจใหม่ๆ
ธุรกิจสามารถผสานการทำงานฟังก์ชันด้านการธนาคารเข้ากับผลิตภัณฑ์ แพลตฟอร์ม หรือบริการของตนได้โดยตรง สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ โดยอิงจากข้อมูลได้
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
ขั้นตอนแบบอัตโนมัติสามารถประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ นอกจากนี้ ยังสามารถลดต้นทุนของธุรกรรมและช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตได้ การไหลเวียนของเงินที่เร็วขึ้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับโมเดลธุรกิจแบบอีคอมเมิร์ซและแบบดิจิทัล
ทั้งนี้ ควรต้องนำผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวมมาพิจารณาด้วยเช่นกัน โดยความโปร่งใสและประสิทธิภาพในระบบการเงินสามารถเพิ่มความไว้วางใจได้ ในทำนองเดียวกัน การแข่งขันทั่วไปก็สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการปรับปรุงและการประหยัดต้นทุน และความครอบคลุมทางด้านการเงินก็สามารถขยายการเข้าถึงบริการด้านการธนาคารได้
Open Banking ปลอดภัยหรือไม่
Open Banking มีความปลอดภัย ตราบใดที่มีการนำไปใช้และดำเนินการอย่างถูกต้อง มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในยุโรป โดยเฉพาะในเยอรมนี เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดในโลก บางส่วนของมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสำหรับ Open Banking ของเยอรมนีมีดังนี้
กฎระเบียบโดยสำนักงานกำกับดูแลด้านการเงินของรัฐบาลกลาง (BaFin): ในเยอรมนี BaFin จะเป็นผู้กำกับดูแลผู้ให้บริการ Open Banking ทั้งหมด
ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้า: ข้อกำหนดของ PSD2 กำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
การเข้ารหัสข้อมูล: ข้อมูลจะได้รับการส่งและจัดเก็บไว้ตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุด
ข้อกำหนดและแนวทางสำหรับ Open Banking ในเยอรมนีมีอะไรบ้าง
PSD2 จะควบคุมดูแล Open Banking ในสหภาพยุโรปและมีการดำเนินการใช้งานในเยอรมนีผ่านพระราชบัญญัติการกำกับดูแลบริการชำระเงิน (ZAG) BaFin จะกำกับดูแลผู้ให้บริการ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
ในอนาคต กฎระเบียบด้านการเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน (FIDA) จะสร้างเฟรมเวิร์กสำหรับระบบ Open Finance และจะเป็นสิ่งที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินต่อไป
หากธุรกิจต้องการใช้ Open Banking หรือลงทุนในโซลูชัน Open Banking ของตนเอง พวกเขาควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่การดำเนินงานด้านเทคนิคไปจนถึงข้อกำหนดทางกฎหมาย ดังนี้
รักษาความปลอดภัยและควบคุมข้อมูล: การเข้าถึงข้อมูลธนาคารจะได้รับอนุญาตเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งเท่านั้น ธุรกิจยังคงควบคุมข้อมูลของตนได้ตลอดเวลา
เลือกผู้ให้บริการอย่างรอบคอบ: ผู้ให้บริการบุคคลที่สามบางรายไม่ได้มีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ PSD2 โดยอัตโนมัติ ใบรับรองและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PSD2 นั้นเป็นเกณฑ์สำคัญในการเลือกผู้ให้บริการ
คว้าโอกาสสำคัญ: Open Banking เป็นมากกว่ารายละเอียดทางเทคนิค สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจและเปิดโอกาสให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ
ทำความเข้าใจข้อกำหนดและกฎระเบียบทางกฎหมาย: ผู้ให้บริการ Open Banking ในเยอรมนีจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ BaFin และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด โดยผู้ให้บริการที่ใช้ข้อมูลบัญชีหรือเริ่มต้นการชำระเงินจำเป็นต้องมีใบอนุญาตเป็นสถาบันให้บริการชำระเงิน หรือต้องทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่ได้รับใบอนุญาต
มีแพลตฟอร์ม Open Banking อะไรบ้าง
Open Banking ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นหน่วยเดียวกันทั้งหมด แต่เป็นการประสานงานกันของแพลตฟอร์มเฉพาะทางที่มีภารกิจและกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันออกไป โดยอาจมีการใช้แพลตฟอร์มหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแนวทางด้านเทคนิค ฟังก์ชัน และขอบเขตของการนำไปใช้ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานของสภาพแวดล้อม Open Banking ที่เชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธนาคาร ธุรกิจ และนักพัฒนาที่พยายามจะนำโซลูชันทางการเงินที่ทันสมัยมาใช้ ตัวอย่างบางส่วนของแพลตฟอร์ม Open Banking มีดังนี้
แพลตฟอร์ม API สำหรับการผสานการทำงานด้านการธนาคาร
แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้บริการ API ที่บุคคลที่สามสามารถใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลบัญชีและบริการชำระเงินได้ โดยทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อทางเทคนิคระหว่างธนาคาร แอป เครื่องมือทางการเงิน หรือร้านค้าออนไลน์
บริการข้อมูลบัญชี (AIS)
แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้สามารถรวมข้อมูลจากบัญชีธนาคารต่างๆ ไว้ในแอปพลิเคชันเดียวได้ สิ่งนี้ทำให้ลูกค้ามีภาพรวมทางการเงินแบบรวม (เช่น สำหรับการวิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่าย หรือสำหรับการวางแผนงบประมาณ)
บริการเริ่มต้นการชำระเงิน
โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถดำเนินการชำระเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคารในนามของลูกค้าได้ เช่น สำหรับการโอนเงินแบบทันทีในอีคอมเมิร์ซหรือสำหรับการชำระเงินตามใบแจ้งหนี้แบบอัตโนมัติ
แพลตฟอร์มสำหรับ Open Finance
แพลตฟอร์ม Open Finance นั้นเป็นมากกว่าระบบ Open Banking พื้นฐาน โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้จะผสานการทำงานบัญชีธนาคารเข้ากับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เช่น บัญชีหลักทรัพย์ การประกันภัย และแผนเกษียณอายุ เป็นต้น เป้าหมายของแพลตฟอร์มเหล่านี้คือความโปร่งใสและระบบอัตโนมัติทางการเงินที่ครอบคลุม
ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธนาคารและบริการฟินเทค
แพลตฟอร์มเหล่านี้มีไว้สำหรับธุรกิจที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Open Banking ของตนเอง โดยจะมีเครื่องมือทางเทคนิค เช่น เกตเวย์ API ที่ปลอดภัย สภาพแวดล้อมแซนด์บ็อกซ์ บริการด้านกฎระเบียบ และการวิเคราะห์ข้อมูล
มาร์เก็ตเพลสสำหรับบริการทางการเงิน
บางแพลตฟอร์มนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม และลูกค้า ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มเหล่านั้นจะรวมบริการต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันและช่วยให้เกิดการผสานการทำงานระหว่างแอปพลิเคชันหลายรายการผ่านสภาพแวดล้อมส่วนกลาง
ตัวอย่างของ Open Banking
Open Banking ช่วยให้เกิดแอปพลิเคชันหลากหลายที่ทำให้การรักษาความปลอดภัยสำหรับลูกค้าและธุรกิจเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ดีขึ้น และเป็นไปโดยอัตโนมัติ ด้านล่างนี้คือตัวอย่างบางส่วนของการใช้โซลูชัน Open Banking ที่หลากหลายและใช้งานได้จริง
การทำบัญชีดิจิทัล
ลูกค้าสามารถรวมบัญชีธนาคารหลายบัญชีเข้าไว้ในแอปเดียวเพื่อดูภาพรวมของรายได้ รายจ่าย และเป้าหมายการออมได้จากที่เดียว สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างงบประมาณได้โดยอัตโนมัติและวิเคราะห์พฤติกรรมทางการเงินได้อย่างง่ายดาย
การตรวจสอบเครดิตอัตโนมัติ
เมื่อสมัครสินเชื่อ ลูกค้าสามารถอนุญาตให้แชร์ข้อมูลบัญชีได้ จากนั้นเครดิตของพวกเขาจะได้รับการตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ โดยอิงจากการชำระเงินรับเข้าและจ่ายออกจริง สิ่งนี้ช่วยให้การตรวจสอบเครดิตเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าการใช้ข้อมูลเครดิตแบบดั้งเดิม
การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์
เมื่อชำระเงินในร้านค้าออนไลน์ ลูกค้าสามารถเข้าสู่ระบบผ่านธนาคารของตนและอนุมัติการชำระเงินได้โดยตรง จากนั้นการชำระเงินนั้นจะมีการโอนทันที โดยไม่มีความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นกับบัตรเครดิตหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล
บัญชีดิจิทัล
เมื่อเปิดบัญชีใหม่หรือเปลี่ยนผู้ให้บริการ ข้อมูลบัญชีเดิมสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันข้อมูลระบุตัวตน รายรับจากเงินเดือน หรือรายการชำระเงินประจำได้โดยไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษใดๆ
ภาพรวมสินทรัพย์และคำแนะนำในการลงทุน
ด้วยการเข้าถึงบัญชี พอร์ตโฟลิโอ และสัญญาทางการเงินทั้งหมด แอปจะสามารถสร้างภาพรวมสินทรัพย์ที่ครอบคลุมได้ โดยข้อมูลนี้สามารถใช้อ้างอิงเพื่อสร้างกลยุทธ์การออมและการลงทุนแบบกำหนดเองได้
ความช่วยเหลือด้านภาษีแบบอัตโนมัติ
ข้อมูล Open Banking สามารถนำมาใช้บันทึกรายได้ รายจ่าย และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษีโดยอัตโนมัติได้ โดยฟังก์ชันนี้อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระที่กำลังเตรียมแบบแสดงรายการภาษี
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ