การโอนเงินผ่านสํานักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH) เป็นวิธีการรับส่งเงินที่ธุรกิจและบุคคลทั่วไปนิยมใช้กันโดยทั่วไป การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันก็คือการโอนเงินแบบ ACH แบบเก่าแต่ว่ามีความรวดเร็วขึ้น และออกแบบมาเพื่อเร่งระยะเวลาการชําระเงินผ่านธนาคารให้รวดเร็วขึ้น แม้ว่าการโอนเงินแบบ ACH แบบมาตรฐานอาจใช้เวลา 1-4 วันทําการ แต่การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันจะสามารถยืนยันธุรกรรมและชําระเงินภายในวันทําการเดียวกัน
การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันมีมาตั้งแต่ปี 2016 แม้ว่าจะในทางเทคนิคแล้วจะไม่ใช่การโอนเงินในทันที แต่ก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการส่งเงินผ่าน ACH ปัจจุบันธุรกรรมเหล่านี้ยังคงใช้เครือข่าย ACH แต่ใช้การประเมินความเสี่ยงและการยืนยันยอดคงเหลือแบบเรียลไทม์เพื่อลดโอกาสที่การชําระเงินจะดําเนินการไม่สําเร็จ การโอนเงินประเภทนี้มักจะใช้สําหรับบัญชีเงินเดือน การจัดสรรเงินทุนให้กับบัญชี หรือการชําระบิล โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเข้าถึงเงินได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ในบทความนี้ เราจะอธิบายวิธีการทํางานของการชําระเงินแบบ ACH รวมถึงวัตถุประสงค์การใช้งาน และวิธีที่ Stripe จะสนับสนุนการชําระเงินเหล่านั้น
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ACH แบบทันทีทํางานได้อย่างไร
- เหตุใดธุรกิจจึงใช้ ACH แบบทันทีแทนการใช้บัตรเครดิตหรือการโอนเงินระหว่างธนาคาร
- ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับ ACH แบบทันทีได้แก่อะไรบ้าง
- Stripe รองรับการชําระเงินแบบ ACH อย่างรวดเร็วอย่างไร
ACH แบบทันทีทํางานอย่างไร
แม้ว่าในการโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกัน จะไม่ใช่ธุรกรรมแบบทันที แต่ก็ช่วยเร่งเวลาในการโอนของธนาคารแบบเก่าด้วยการตรวจสอบยอดคงเหลือแบบเรียลไทม์และชําระเงินได้เร็วขึ้น ซึ่งบางครั้งก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ซึ่งโดยหลักแล้วยังเป็นการโอนเงินแบบ ACH แต่จะช่วยลดเวลารอให้เหลือน้อยที่สุดด้วยลำดับชั้นการยืนยันและการประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ วิธีการทำงานมีดังนี้
เมื่อลูกค้าชําระเงิน ระบบจะยืนยันได้ทันทีว่าลูกค้ามีเงินในบัญชีเพียงพอหรือไม่ การดําเนินการนี้เกิดขึ้นผ่านการเชื่อมโยงธนาคารโดยตรง โดยระบบจะดึงข้อมูลยอดคงเหลือในขณะนั้น
ระบบสแกนหาสัญญาณเตือน เช่น รูปแบบการใช้จ่ายที่ผิดปกติและธุรกรรมที่ไม่สําเร็จในอดีต เพื่อป้องกันการชําระเงินที่ไม่สําเร็จและการฉ้อโกง
การชําระเงินแบบ ACH โดยทั่วไปจะได้รับการประมวลผลเป็นกลุ่มและใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน แต่การชำระเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันจะทํางานร่วมกับธนาคารและเครือข่ายการชําระเงินที่รองรับการโอนเงินในวันเดียว
หลังการชําระเงินทำการตรวจสอบเหล่านี้แล้ว ผู้รับจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเงินทุนเร็วขึ้นมาก ในบางกรณี ผู้ให้บริการชําระเงินจะชำระเงินล่วงหน้าในระหว่างสรุปการโอนเงิน
เหตุใดธุรกิจจึงใช้ ACH แบบทันทีแทนการใช้บัตรเครดิตหรือการโอนเงินระหว่างธนาคาร
ธุรกิจต่างๆ ใช้การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันแทนบัตรเครดิตหรือการโอนเงินระหว่างธนาคาร เนื่องจากมีราคาถูกกว่าบัตร เร็วกว่าการโอนเงินแบบ ACH มาตรฐาน และยืดหยุ่นกว่าการโอนเงินระหว่างธนาคาร นี่คือเหตุผลที่พวกเขาเลือกที่จะเปลี่ยน
ลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสําหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง: ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การโอนเงินแยย ACH มีค่าธรรมเนียมคงที่หรือต่ำมากต่อธุรกรรม จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับการชําระเงินมูลค่าสูง เช่น การจ่ายเงินเดือน การเบิกจ่ายให้กับผู้ให้บริการ และการชําระเงินกู้
รวดเร็วโดยไม่มีขั้นตอนการโอนเงินระหว่างธนาคารที่ซับซ้อน: การโอนเงินแบบ ACH ดั้งเดิมนั้นช้า ส่วนการโอนเงินระหว่างธนาคาร แม้จะรวดเร็ว แต่ก็มีราคาแพงและต้องดําเนินการหลายอย่างด้วยตนเอง นอกจากนี้ การโอนเงินระหว่างธนาคารยังไม่เหมาะกับธุรกรรมตามแบบแผนล่วงหน้าด้วย การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันจะรับส่งเงินได้เร็วกว่า ACH มาตรฐานและไม่มีค่าดำเนินการอย่างการโอนเงินระหว่างธนาคาร
สภาพคล่องและการควบคุมกระแสเงินสดดีขึ้น: เมื่อธุรกิจใช้บัตรเครดิต ธุรกิจจะต้องรอการชําระเงินเป็นกลุ่ม และการโอนเงินระหว่างธนาคารก็ไม่ได้เหมาะกับการเบิกจ่ายเงินอัตโนมัติเสมอไป การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันช่วยให้บริษัทต่างๆ เข้าถึงเงินทุนได้เร็วขึ้นและในขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดใช้ระบบอัตโนมัติได้
ความเสี่ยงด้านการชําระเงินน้อยกว่าบัตรเครดิต: การชําระเงินด้วยบัตรอาจถูกปรับคืนด้วยการดึงเงินคืน ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงแบบดึงเงินคืน การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันมีความปลอดภัยมากว่า เนื่องจากเมื่อการชําระเงินชัดเจนแล้ว ก็จะโต้แย้งหรือปรับคืนได้ยาก
การผสานการทํางานกับธนาคารที่แข็งแกร่งกว่า: ธุรกิจที่พึ่งพาความสัมพันธ์กับธนาคารโดยตรง เช่น ฟินเทค บริษัทที่ให้บริการบัญชีเงินเดือน ผู้ให้กู้ และมาร์เก็ตเพลส ต่างก็ใช้การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันเพื่อรับส่งเงินอย่างมีประสิทธิภาพภายในระบบธนาคารโดยไม่มีข้อจํากัดของเครือข่ายบัตรหรือการโอนเงินระหว่างธนาคาร
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับ ACH แบบทันทีได้แก่อะไรบ้าง
การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันเป็นทางเลือกที่ดีสําหรับบัตรเครดิตและการโอนเงินระหว่างธนาคาร แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ต่อไปนี้คือส่วนที่ธุรกิจต่างๆ อาจประสบปัญหา
ไม่ใช่ทุกธนาคารที่เข้าร่วม: ACH แบบมาตรฐานได้รับการรองรับเกือบทุกที่ แต่การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันมีให้บริการในธนาคารที่รองรับการตรวจสอบยอดคงเหลือแบบเรียลไทม์และการสรุปยอดคงเหลือที่รวดเร็วกว่าปกติเท่านั้น หากธนาคารของลูกค้าไม่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ การชําระเงินอาจกลับไปเป็น ACH มาตรฐาน ซึ่งจะช้ากว่า
เงินทุนอาจหายไปได้: แค่มีเงินทุนเพียงพอในบัญชีเมื่อระบบตรวจสอบก็ไม่ได้หมายความว่าเงินจะยังอยู่เมื่อระบบชำระรายการเรียบร้อย สำหรับบัตรเครดิต ระบบจะกันเงินทุนไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งเมื่อการเรียกเก็บเงินได้รับอนุมัติ แต่ธุรกรรม ACH จะไม่กันเงินทุนจํานวนนั้นไว้เพื่อให้ลูกค้าย้ายเงินออกได้ก่อนที่การโอนเงินจะเสร็จสิ้น
อาจมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกง: แม้ว่าการโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันจะมีความเสี่ยงที่จะถูกดึงเงินคืนน้อยกว่าบัตรเครดิต แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยไปเสียทั้งหมด เพราะมิจฉาชีพอาจจะใช้ประโยชน์จากช่องว่างเวลา ใช้บัญชีของผู้อื่น หรือโต้แย้งธุรกรรมหลังจากซื้อสินค้าและบริการไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น อุตสาหกรรมบางประเภท (เช่น การให้กู้ยืม คริปโต การชําระเงินที่มีความเสี่ยงสูง) จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ไม่รับประกันความเร็วเสมอไป: ธนาคารบางแห่งอาจใช้เวลาประมวลผลการโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันไม่กี่ชั่วโมง แต่ธนาคารบางแห่งอาจใช้เวลาทั้งวันทําการ ความไม่แน่นอนนี้อาจส่งผลกระทบกับกระแสเงินสด โดยเฉพาะสําหรับธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเวลาที่แม่นยํา
ลูกค้าอาจต้องการความน่าเชื่อถือ: ลูกค้าคุ้นเคยกับบัตรเครดิต การขอให้ลูกค้าเชื่อมโยงบัญชีธนาคารเพื่อชำระเงินด้วยการโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป หากลูกค้าลังเลใจไม่อยากเชื่อมโยงบัญชีหรือไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยในขั้นตอนดังกล่าว ลูกค้าก็อาจเลิกทำรายการในระหว่างขั้นตอนการชำระเงิน
ต้องปฏิบัติตามกฎ: การโอนเงินแบบ ACH ภายวันเดียวยังคงดําเนินงานอยู่ภายในระบบ ACH ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามกฎของสมาคมสํานักหักบัญชีอัตโนมัติแห่งชาติ (Nacha) หากคุณอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการควบคุม (เช่น การให้กู้ยืม บริการทางการเงิน) ก็อาจมีอุปสรรคเพิ่มเติม
Stripe รองรับการชําระเงินแบบ ACH อย่างรวดเร็วอย่างไร
Stripe ทําให้การชําระเงินแบบ ACH รวดเร็วขึ้น ยืนยันได้ง่ายขึ้น และเชื่อถือได้มากขึ้นสําหรับบริษัทที่ต้องการก้าวข้ามบัตรเครดิต โดยใช้วิธีการดังต่อไปนี้
การดำเนินการอย่างรวดเร็วสำหรับเงินฝากจํานวนเล็กน้อย: โดยปกติแล้ว การยืนยันบัญชีธนาคารสําหรับ ACH จะใช้เวลา 1-2 วัน โดยใช้วิธีการฝากเงินทดสอบจํานวนเล็กน้อย Stripe ช่วยให้ธุรกิจข้ามขั้นตอนนี้ได้โดยใช้ Plaid มายืนยันบัญชีในทันที เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมโยงธนาคารและชําระเงินได้โดยไม่ต้องรอ
โอนเงินได้เร็วขึ้น: Stripe จะส่งการชําระเงินแบบ ACH ผ่านเครือข่าย ACH ภายในวันเดียวกันทุกครั้งที่ทําได้ การชําระเงินบางรายการอาจใช้เวลานานกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับธนาคาร แต่โดยรวมแล้วการชําระเงินเหล่านั้นเร็วกว่าการโอนเงินผ่าน ACH แบบมาตรฐาน
การชําระเงินก่อนที่การโอนเงินจะชำระรายการ: ในบางกรณี Stripe จะชำระเงินล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ธุรกิจต้องรอ ดังนั้นธุรกิจจึงไม่ต้องรอให้กระบวนการ ACH เสร็จสิ้นก่อนที่จะเข้าถึงเงินทุนได้ วิธีนี้จะช่วยเรื่องกระแสเงินสดและบรรเทาปัญหาเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านเวลาของการโอนเงินแบบ ACH
มาพร้อมระบบป้องกันการฉ้อโกงและการชําระเงินไม่สําเร็จในตัว: Stripe จะตรวจสอบธุรกรรม ACH โดยอัตโนมัติเพื่อหาการฉ้อโกงและเงินทุนไม่เพียงพอ หากการชําระเงินถูกตีกลับ Stripe จะลองใหม่อีกครั้งและให้รายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำธุรกรรมไม่สําเร็จ เพื่อที่ธุรกิจจะได้ไม่ต้องติดตามปัญหาด้วยตัวเอง
ค่าธรรมเนียมต่ำลง โดยเฉพาะสําหรับธุรกรรมขนาดใหญ่: บัตรเครดิตจะเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทุกรายการซึ่งจะสะสมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ค่าบริการ ACH ของ Stripe ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสําหรับธุรกิจที่ต้องจัดการการโอนเงินจํานวนมากหรือการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
การเชื่อมต่อกับฟังก์ชันอื่นๆ ของ Stripe: การโอนเงินแบบ ACH ภายในวันเดียวกันผสานการทํางานกับการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลและบริการเบิกจ่ายของ Stripe ดังนั้นธุรกิจจึงไม่ต้องเพิ่มโซลูชันแยกต่างหากเพื่อรับชําระเงินผ่านธนาคาร
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ