ข้อความสําคัญคือข้อความที่ชัดเจนและกระชับ ซึ่งจะสื่อสารถึงแก่นแท้ของธุรกิจไปยังกลุ่มเป้าหมาย ประมาณ 20% ของธุรกิจใหม่ของสหรัฐอเมริกาต่างก็ประสบความล้มเหลวในช่วงสองปีแรกที่ดําเนินงาน การสื่อสารข้อความสําคัญที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในระยะแรกๆ ของการเติบโตและหลังจากนั้น
นี่คือคำแนะนำในการเขียนข้อความสําคัญสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ
เนื้อหาหลักในบทความนี้
- ส่วนประกอบของข้อความสําคัญสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพมีอะไรบ้าง
- ข้อความสำคัญมีบทบาทอย่างไรในกลยุทธ์การตลาด
- เหตุใดข้อความสำคัญจึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
- วิธีเขียนข้อความสําคัญสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
ส่วนประกอบของข้อความสำคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพมีอะไรบ้าง
ข้อความสำคัญที่สื่อถึงคุณค่า พันธกิจ วิสัยทัศน์ และข้อเสนอสุดพิเศษของธุรกิจสตาร์ทอัพในลักษณะที่ดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่นๆ ซึ่งมักจะประกอบด้วย:
คุณค่าที่นำเสนอ: สิ่งที่ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องการนำเสนอ วิธีแก้ปัญหา หรือการตอบสนองความต้องการเฉพาะที่แตกต่างจากคู่แข่ง
ถ้อยแถลงพันธกิจ: วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของบริษัท
การสร้างวิสัยทัศน์: สถานะในอนาคตหรือผลกระทบในระยะยาวที่ธุรกิจสตาร์ทอัพมุ่งหวังจะบรรลุผล
คำมั่นสัญญาของแบรนด์: สิ่งที่ธุรกิจสตาร์ทอัพมุ่งมั่นที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าในแง่ของประสบการณ์ คุณภาพ หรือบริการ
กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องการให้บริการ รวมถึงกลุ่มประชากรหรือกลุ่มตลาดเฉพาะ
คําอธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการ: คำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ธุรกิจสตาร์ทอัพขายหรือเสนอ โดยเน้นที่ฟีเจอร์และประโยชน์
ประวัติความเป็นมา: เรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการและเหตุผลที่ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพนี้ขึ้น โดยมักจะพูดถึงแรงบันดาลใจและประสบการณ์ของผู้ก่อตั้ง
เป้าหมายและวัตถุประสงค์: เป้าหมายระยะสั้นและเป้าหมายระยะยาวที่ธุรกิจสตาร์ทอัพมุ่งหวังที่จะบรรลุผล
วัฒนธรรมและค่านิยมของบริษัท: ค่านิยมและหลักการที่ชี้นำการดำเนินงานและพฤติกรรมของบริษัทสตาร์ทอัพ
ความรับผิดชอบต่อสังคมและจริยธรรม วิธีที่ธุรกิจสตาร์ทอัพมีส่วนสนับสนุนต่อสังคมหรือปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม
ข้อความสำคัญมีบทบาทอย่างไรในกลยุทธ์การตลาด
เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การตลาด ข้อความสําคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพอาจเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่มีการพูดถึงมากที่สุด มาดูกันว่าข้อความสำคัญมีอิทธิพลต่อด้านใดบ้าง
_อัตลักษณ์และความสอดคล้องของแบรนด์: _ ข้อความสำคัญจะสร้างอัตลักษณ์แบรนด์ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกัน ความสอดคล้องกันในทุกช่องทางการตลาดและสื่อต่างๆ รวมถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ช่วยให้มั่นใจได้ว่าในทุกการมีส่วนร่วมกับแบรนด์นั้นจะเสริมสร้างค่านิยมหลักและข้อเสนอคุณค่าเดียวกัน
การสร้างความแตกต่างในตลาด: ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ข้อความสำคัญจะเน้นย้ำถึงจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ (USP) ของธุรกิจสตาร์ทอัพ และทําให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่ง ข้อความเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้ธุรกิจสตาร์ทนั้นมีความอัพแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีระดับนวัตกรรม การบริการลูกค้าที่เหนือกว่า หรือแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาทั่วไป
การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ข้อความสำคัญที่มีประสิทธิภาพจะจะดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่การทำธุรกรรม ข้อความเหล่านี้สามารถดึงดูดความสนใจและความต้องการของลูกค้า ซึ่งช่วยเสริมสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและความภักดี
การมุ่งเน้นและทิศทาง: ธุรกิจสตาร์ทอัพมักมีทรัพยากรจำกัด ข้อความสำคัญจะช่วยจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมทางการตลาด และทำให้แคมเปญสอดคล้องกับเป้าหมายและค่านิยมหลักของธุรกิจ
การรับรู้ชื่อเสียง: ธุรกิจสตาร์ทอัพพึ่งพาการรับรู้เป็นอย่างมาก ข้อความสำคัญจะเป็นตัวกำหนดมุมมองที่มีสตาร์ทอัพดังกล่าวของนักลงทุน ลูกค้า และกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ข้อความเหล่านี้ช่วยสร้างชื่อเสียงในด้านความน่าเชื่อถือ นวัตกรรม หรือคุณค่าอื่นๆ ที่ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องการจะเชื่อมโยงด้วย
การจัดการวิกฤต: ในช่วงวิกฤต ข้อความสําคัญเป็นของกลยุทธ์การรับมือ ข้อความเหล่านี้ช่วยรับประกันได้ว่าการสื่อสารยังคงยึดมั่นในค่านิยมหลักและพันธกิจของธุรกิจ ช่วยรักษาความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ
ความสามารถในการปรับตัวและการตอบสนองต่อตลาด: ข้อความสำคัญจะเป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดได้ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยสามารถนำไปปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่มีอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับลูกค้า หรือการเปลี่ยนแปลงทิศทางของธุรกิจได้
เหตุใดข้อความสำคัญจึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
แม้ว่าข้อความสำคัญจะเป็นส่วนสําคัญในแผนการตลาดของธุรกิจสตาร์ทอัพ แต่ไม่ใช่เพียงสถานที่เดียวที่ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องดำเนินงานสำคัญ รายงานในปี 2022 พบว่า การสื่อสารที่ไม่ดีสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจในสหรัฐอเมริกาประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และข้อความสำคัญสามารถช่วยหลีกเลี่ยงความสูญเสียเหล่านี้บางส่วนได้ การดำเนินงานต่อไปนี้เป็นการดำเนินงานทางธุรกิจเพิ่มเติมที่สามารถนำข้อความสำคัญไปปรับใช้ได้:
_การสื่อสารและวัฒนธรรมภายในองค์กร: _ ข้อความสำคัญช่วยส่งเสริมความเข้าใจและวัฒนธรรมร่วมภายในธุรกิจสตาร์ทอัพ ข้อความเหล่านี้ช่วยให้ทีมทำงานได้สอดคล้องกับเป้าหมายและค่านิยมของธุรกิจ และทำให้ทุกคนก้าวไปในทิศทางเดียวกัน
นักลงทุนสัมพันธ์: สําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ข้อความสําคัญจะสะท้อนถึงศักยภาพและวิสัยทัศน์ของธุรกิจให้นักลงทุนได้รับรู้ ข้อความเหล่านี้จะนำเสนอภาพรวมในการดำเนินงานและศักยภาพทางการตลาดของธุรกิจสตาร์ทอัพดังกล่าว
ความร่วมมือและการสร้างเครือข่าย: เมื่อธุรกิจสตาร์ทอัพร่วมมือกับพันธมิตร ซัพพลายเออร์ หรือกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันที่มีศักยภาพ ข้อความสำคัญจะช่วยแสดงจุดยืนและเป้าหมายของธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งความชัดเจนนี้จะช่วยในการสร้างพันธมิตรและความร่วมมือ
_การประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับสื่อ: _ ข้อความสำคัญช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถสื่อสารเรื่องราวที่สอดคล้องและชัดเจนแก่สื่อได้ ความสอดคล้องนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งต่อสาธารณชนและชื่อเสียงที่ดีของแบรนด์
_การสนับสนุนและบริการลูกค้า: _ ข้อความสำคัญจะช่วยกำหนดแนวทางในการพูดคุยกับลูกค้าให้กับสมาชิกทีมสนับสนุนลูกค้า ข้อความเหล่านี้ช่วยให้สมาชิกในทีมตอบคำถามและข้อกังวลต่างๆ ได้สอดคล้องกับค่านิยมและคำมั่นสัญญาของแบรนด์ธุรกิจสตาร์ทอัพ
กลยุทธ์การขาย: ข้อความสำคัญช่วยให้ทีมขายนำเสนอผลงานได้อย่างน่าเชื่อถือ ข้อความสำคัญยังช่วยให้ทีมสื่อสารเกี่ยวกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจสตาร์ทอัพไปยังผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การคัดเลือกบุคลากรและการสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพ: ในระหว่างกระบวนการจ้างงาน ข้อความสำคัญจะสื่อถึงวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กรของธุรกิจสตาร์ทอัพไปยังผู้มีโอกาสเป็นพนักงาน ข้อความเหล่านี้จะดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมและวัตถุประสงค์ของธุรกิจสตาร์ทอัพ
การจัดการวิกฤต: ในช่วงวิกฤต ข้อความสำคัญทำหน้าที่เป็นกรอบการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าการสื่อสารมีความสอดคล้อง โปร่งใส และมีความรับผิดชอบ ข้อความเหล่านี้มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเรื่องราวและรักษาความไว้วางใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม: เมื่อธุรกิจสตาร์ทอัพพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ข้อความสำคัญจะช่วยรับประกันได้ว่านวัตกรรมจะสอดคล้องกับภารกิจหลักและข้อเสนอคุณค่าของธุรกิจ
_การมีส่วนร่วมในชุมชน: _ ธุรกิจสตาร์ทอัพมักมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นหรือกลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะ ข้อความสำคัญจะอธิบายถึงบทบาทและการมีส่วนร่วมของธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีต่อชุมชนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีเขียนข้อความสําคัญสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
ก่อนที่จะเริ่มเขียนข้อความสําคัญ คุณจะต้องดําเนินการเตรียมการบางอย่าง คําแนะนําแบบทีละขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสร้างข้อความสําคัญได้อย่างถูกต้อง
ทําความเข้าใจเกี่ยวกับแก่นแท้ของธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ
วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ: พิจารณาสิ่งที่คุณนำเสนออย่างละเอียด มีฟีเจอร์อะไรบ้าง และฟีเจอร์เหล่านั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง ทำความเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเหมาะกับชีวิตของลูกค้าอย่างไร แก้ไขปัญหาอะไรให้ลูกค้าได้บ้าง และทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นหรือง่ายขึ้นอย่างไร
__ ทำให้ภารกิจและวิสัยทัศน์ของคุณชัดเจน: __ ลองคิดถึงเหตุผลที่คุณก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ พันธกิจของคุณจะเป็นตัวกำหนดวัตถุประสงค์ของคุณ ขณะที่วิสัยทัศน์ของคุณสะท้อนถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ที่คุณกำลังไล่ตามอยู่ สิ่งเหล่านี้ควรชัดเจนอยู่ในใจคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญของการสื่อสารทั้งหมด
กำหนดค่านิยมหลักของคุณ: ค่านิยมใดบ้างที่ขับเคลื่อนธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ อาจเป็นนวัตกรรม การให้ความสำคัญกับลูกค้า หรือความยั่งยืน ค่านิยมเหล่านี้เปรียบเสมือนตัวตนของธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ และค่านิยมเหล่านี้ควรสะท้อนในทุกสิ่งที่คุณทําและพูด
ทําความเข้าใจเกี่ยวกับ USP ของคุณ: USP ของคุณเป็นสิ่งที่ทําให้คุณแตกต่างออกไป บางทีอาจเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครของผลิตภัณฑ์ การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม หรือปัญหาที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่แก้ไขได้ ลองค้นหาว่าสิ่งนี้คืออะไร เพราะนี่เป็นส่วนสําคัญที่ทําให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณมีความพิเศษ
รวบรวมและนำความคิดเห็นมาปรับใช้: อย่าทำงานคนเดียว ลองรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าและทีมของคุณ ถามพวกเขาว่าสิ่งใดที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณโดดเด่น เพราะบางครั้งข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดก็มาจากภายนอกสำนักงานของผู้ก่อตั้งนั่นเอง
ศึกษากลุ่มเป้าหมายของคุณ
ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ: วิเคราะห์ว่าสมาชิกในกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใครจริงๆ พิจารณาจากอายุ เพศ สถานที่ และไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ดูสิ่งที่พวกเขาสนใจ สิ่งที่ทําให้พวกเขานอนไม่หลับ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขและข้อมูลประชากร แต่เป็นเรื่องของการทําความเข้าใจชีวิตประจําวันของพวกเขา
_ระบุปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย: _ ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณกำลังเผชิญปัญหาอะไรบ้างที่ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณสามารถแก้ไขได้ คุณสามารถพบคำตอบได้จากแบบสำรวจและการพูดคุยโดยตรง หรือการติดตามโซเชียลมีเดียและฟอรัมออนไลน์
วางแผนกระบวนการและประสบการณ์ผู้ใช้: ลองนึกถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าของคุณต้องพบเจอ ตั้งแต่ค้นพบผลิตภัณฑ์ของคุณไปจนถึงตัดสินใจซื้อ ลูกค้าต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง ติดขัดตรงไหน การเข้าใจเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้าจะช่วยให้คุณสร้างข้อความที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าได้ตลอดกระบวนการ
แบ่งกลุ่มและกําหนดเป้าหมาย: ลูกค้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ควรแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ที่มีลักษณะหรือความต้องการคล้ายคลึงกัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนข้อความให้เหมาะกับกับความกังวลและความต้องการเฉพาะของแต่ละกลุ่มได้
รับฟังความคิดเห็น: รับฟังเสมอ ใช้การพูดคุยแบบกลุ่ม แบบฟอร์มแสดงแสดงความคิดเห็น และการโต้ตอบออนไลน์ เพื่อดูว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์และข้อความของคุณ สิ่งสำคัญคือคุณต้องมีส่วนร่วมในการพูดคุย ไม่ใช่แค่เผยแพร่ข้อความเพียงอย่างเดียว
ตระหนักถึงวัฒนธรรมและจริยธรรม:คํานึงถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมและข้อควรพิจารณาด้านจริยธรรม ข้อความของคุณควรสอดคล้องกับค่านิยมและบริบททางวัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมาย
ใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อทําความเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ และเนื้อหาประเภทใดที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา แต่จำไว้ว่าข้อมูลดิจิทัลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวเท่านั้นและควรนำมารวมกับข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ของลูกค้า
วิเคราะห์คู่แข่ง
ลองพิจารณาดูว่าคู่แข่งของคุณวางตำแหน่งตัวเองอย่างไรในตลาด พิจารณาทั้งสิ่งที่พวกเขาพูดและวิธีการสื่อสาร จากนั้นมองหาจุดบกพร่องในข้อความที่พวกเขาสื่อสาร ซึ่งคุณอาจนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณได้
กําหนดจุดยืนในการแข่งขัน: ประเมินจุดยืนในตลาดของคู่แข่ง, พิจารณาข้อความสำคัญของคู่แข่ง, วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม (SWOT) สําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพและคู่แข่งหลักของคุณ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมในการแข่งขัน แล้วนำมาเสริมสร้างจุดแข็งและปรับปรุงจุดด้อย
โอกาสในการสร้างความแตกต่าง: ค้นหาจุดอ่อนในข้อเสนอหรือข้อความของคู่แข่ง มองหาจุดเด่นของธุรกิจสตาร์ทอัพที่คุณสามารถนำมาเน้นย้ำเพื่อสร้างความโดดเด่นในตลาด เช่น ฟีเจอร์ล้ำสมัย การบริการลูกค้าที่เหนือกว่า หรือแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหา
กลุ่มเป้าหมาย: สังเกตดูว่าใครบ้างที่มีส่วนร่วมกับคู่แข่งของคุณ พวกเขาชอบอะไรในผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆ เหล่านั้น การทำความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณค้นพบกลุ่มเป้าหมายเฉพาะในตลาดได้
แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของตลาด คอยติดตามแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่เสมอ ทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นส่งผลกระทบต่อคู่แข่งและสตาร์ทอัพของคุณอย่างไร แล้วปรับกลยุทธ์และข้อความของคุณให้เหมาะสม
ความคิดเห็นจากลูกค้า: รวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคู่แข่ง แล้วนำข้อมูลนี้มาใช้ปรับปรุงข้อเสนอคุณค่าและข้อความสำคัญของคุณ
กําหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
การกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน: เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า “ฉันต้องการให้ข้อความสำคัญเหล่านี้บรรลุผลในเรื่องใด” ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ การเพิ่มยอดขาย หรือการดึงดูดนักลงทุน วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยกำหนดน้ำเสียงและสาระสำคัญในข้อความที่คุณต้องการสื่อสาร
สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ: วัตถุประสงค์ในการสื่อสารของคุณควรสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจโดยรวม หากคุณต้องการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ข้อความที่คุณใช้สื่อสารนั้นควรตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว
_ให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย: _ ปรับวัตถุประสงค์ของคุณให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน สิ่งที่โดนใจลูกค้าใหม่อาจไม่ได้ผลกับลูกค้าเดิม หมั่นรับฟังความคิดเห็น และปรับวัตถุประสงค์ของคุณให้สอดคล้องกับความต้องการที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของกลุ่มเป้าหมาย
กําหนดวัตถุประสงค์ทางการแข่งขัน: พิจารณาตําแหน่งของคุณเทียบกับคู่แข่ง ดูว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนในแนวทางของพวกเขาได้หรือไม่ วัตถุประสงค์ของคุณควรมีความคล่องตัวและพร้อมที่จะปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดและคู่แข่ง
สร้างวัตถุประสงค์ด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์: ตัดสินใจว่าคุณต้องการให้ผู้คนมองแบรนด์ของคุณอย่างไร คุณเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมหรือผู้ที่เชื่อถือได้หรือไม่ กำหนดเป้าหมายสำหรับการจัดการภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่รับมือได้ยาก
คิดเพื่ออนาคต: ข้อความควรสะท้อนถึงสถานะปัจจุบันและเป้าหมายในอนาคตของคุณอยู่เสมอ เมื่อธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโต วัตถุประสงค์สำหรับข้อความของคุณก็ควรปรับเปลี่ยนตามไปด้วย โดยเน้นย้ำเกี่ยวกับอนาคตที่คุณกำลังสร้างอยู่เสมอ
พิจารณาทรัพยากร: ยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะทำสำเร็จได้ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณต้องการจะสร้างผลลัพธ์ให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป
การร่างข้อความ
เรียบง่ายและชัดเจน: ข้อความของคุณควรเข้าใจและจดจําได้ง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะทางหรือภาษาที่ซับซ้อน เพราะอาจทําให้กลุ่มเป้าหมายสับสน
สร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์: เชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายในระดับอารมณ์ ใช้การเล่าเรื่องหรือตัวอย่างที่เข้าใจง่ายเพื่อให้ข้อความของคุณทรงพลังยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณทำ แต่รวมถึงวิธีที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกด้วย
เน้นคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร: สิ่งใดที่ทําให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย การบริการลูกค้าที่เหนือชั้น หรือวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร ควรทำให้ข้อความของคุณสะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมา
ความสอดคล้องคือหัวใจสําคัญ: ข้อความของคุณต้องมีน้ำเสียง สไตล์ และเนื้อหาที่สอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสิ่งพิมพ์
ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับช่องทางต่างๆ: วิธีที่คุณแสดงข้อความอาจเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ข้อความจะปรากฏ โพสต์ใน X ซึ่งเดิมคือ Twitter นั้นต้องกระชับฉับไวและตรงประเด็น ในขณะที่หน้าแลนดิ้งเพจของเว็บไซต์อาจอธิบายรายละเอียดและให้คําอธิบายเพิ่มเติม
ใช้คํากระตุ้นให้ดําเนินการ คุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายทําอะไรหลังจากอ่านข้อความของคุณ ข้อความควรเข้าใจง่ายและชี้นำว่าควรทำอะไรต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการสมัครรับจดหมายข่าว การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ
การทดสอบและการรับฟังความคิดเห็น
ทดสอบข้อความของคุณ: เมื่อร่างข้อความเรียบร้อยแล้ว ให้ทดสอบข้อความเหล่านั้น คุณสามารถทำได้ผ่านการพูดคุยแบบกลุ่ม ในแคมเปญโฆษณาแบบจำกัด หรือแชร์กับเพื่อนที่ไว้ใจได้และผู้คนในสายอาชีพเดียวกัน เพื่อดูว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไร
รวบรวมมุมมองที่หลากหลาย: รับความคิดเห็นจากผู้คนหลากหลายกลุ่ม ไม่ใช่แค่ผู้ที่คิดเหมือนคุณเท่านั้น ซึ่งอาจรวมถึงลูกค้า สมาชิกในทีม และแม้แต่เพื่อนๆ หรือครอบครัว เพราะมุมมองที่แตกต่างจะช่วยให้คุณมองเห็นเห็นสิ่งต่างๆ ที่คุณอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน
รับฟังกลุ่มเป้าหมาย: ให้ความสําคัญกับคำตอบของสมาชิกในกลุ่มเป้าหมาย พวกเขามีความร่วมรู้สึกหรือไม่ สับสนหรือไม่ หรือตื่นเต้นหรือไม่ คำตอบของพวกเขาจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ คุณสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ได้จากโซเชียลมีเดีย แบบสำรวจ หรือการพูดคุยโดยตรง
วิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพ: หากคุณกำลังทดสอบข้อความออนไลน์ ให้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิภาพ ข้อความใดได้รับการคลิก ยอดไลก์ หรือการแชร์ ข้อความใดมีการมีส่วนร่วมต่ำ ข้อมูลเหล่านี้สามารถบอกคุณได้อย่างมากว่าสิ่งใดได้ผลและสิ่งใดไม่ได้ผล
เปิดรับการเปลี่ยนแปลง: อย่ายึดติดกับข้อความใดข้อความหนึ่งมากเกินไป เตรียมพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนหรือทิ้งข้อความนั้นไป โดยพิจารณาจากผลตอบรับและผลจากการปฏิบัติงานจริง สิ่งที่ฟังดูดีในห้องประชุมอาจไม่โดนใจลูกค้าเป้าหมายเสมอไป
ปรับเปลี่ยนและปรับปรุงให้สมบูรณ์
เปลี่ยนแปลงตามความคิดเห็น: เมื่อได้รับความคิดเห็นแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือปรับปรุงให้ดีขึ้น ปรับแต่งข้อความตามสิ่งที่คุณได้รับรู้ โดยอาจทำให้ภาษาที่ซับซ้อนนั้นเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น เพิ่มอารมณ์ความรู้สึก หรือทำให้คำกระตุ้นการตัดสินใจ (Call-to-Action) ชัดเจนขึ้น
สร้างความสอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์มตรวจสอบอีกครั้งว่าข้อความที่แก้ไขแล้วนั้นมีความสอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์มการสื่อสารของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ข้อความของคุณควรจะให้ความรู้สึกเหมือนมาจากบุคคลเดียวกัน
ทดสอบความชัดเจนและผลลัพธ์: หลังจากปรับเปลี่ยนแล้ว ให้ทดสอบอีกครั้ง ตรวจสอบว่าข้อความคุณมีความชัดเจนและให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ บางครั้งการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอาจสร้างความแตกต่างอย่างมากต่อการรับรู้ข้อความของคุณ
ขออนุมัติขั้นสุดท้าย: ก่อนที่คุณจะเขียนข้อความเสร็จ ควรขออนุมัติขั้นสุดท้ายจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงผู้ร่วมก่อตั้ง หัวหน้าฝ่ายการตลาด หรือแม้แต่นักลงทุนรายใหญ่
เตรียมพร้อมสําหรับการเปิดตัว: วางแผนว่าคุณจะเผยแพร่ข้อความเหล่านี้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นผ่านแคมเปญการตลาดหรือการปรับปรุงเว็บไซต์
ยืดหยุ่น พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคุณจะสรุปข้อความของคุณเรียบร้อยแล้ว แต่อย่าลืมว่าความยืดหยุ่นคือหัวใจสำคัญ ควรเปิดใจรับฟังและทบทวนข้อความเหล่านั้นเมื่อธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณเติบโตและพัฒนาขึ้น
สร้างคู่มือในการสื่อสาร
รวบรวมข้อความสําคัญของคุณ: เริ่มต้นด้วยการจัดทำคู่มือที่รวบรวมข้อความสำคัญทั้งหมดของคุณ พร้อมเพิ่มคุณค่าที่นำเสนอโดยรวมและข้อความเฉพาะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ และวัฒนธรรมองค์กรของคุณเข้าไปด้วย คู่มือนี้จะช่วยให้ทุกคนในทีมของคุณทำงานได้สอดคล้องกันและมั่นใจได้ว่าการสื่อสารมีความสอดคล้องกัน
_กำหนดสไตล์และน้ำเสียง: _ คู่มือของคุณควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับสไตล์และน้ำเสียงในการสื่อสารของคุณด้วย แบรนด์ของคุณต้องใช้น้ำเสียงแบบเป็นมิตรและเป็นกันเอง หรือเป็นทางการและเป็นมืออาชีพมากกว่า สิ่งนี้ควรกำหนดไว้อย่างชัดเจนเพื่อรักษาความสอดคล้องในทุกด้าน
เพิ่มตัวอย่างและเทมเพลต: การเพิ่มตัวอย่างวิธีการใช้ข้อความสำคัญของคุณไว้ด้วยมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพิ่มเทมเพลตสำหรับการสื่อสารทั่วไป เช่น ข่าวประชาสัมพันธ์ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และอีเมลที่ส่งถึงลูกค้า วิธีนี้จะช่วยให้ทุกรักษาความสอดคล้องของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
แนวทางสําหรับช่องทางต่างๆ: แพลตฟอร์มต่างๆ ต้องใช้แนวทางที่แตกต่างกัน ควรมีแนวทางในการปรับข้อความสำคัญของคุณให้เข้ากับช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย โฆษณาสิ่งพิมพ์ หรือการสื่อสารพูดคุยแบบพบหน้า
_คําแนะนําสำหรับการปรับเปลี่ยนแก้ไข: _ แม้ว่าความสอดคล้องจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ยังมีจุดให้ปรับเปลี่ยนแก้ไขเสมอ ควรมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่สมาชิกทีมสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขข้อความให้เหมาะกับสถานการณ์หรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะและไม่เบี่ยงเบนไปจากใจความหลัก
ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการ: ควรตรวจสอบและปรับปรุงคู่มือการสื่อสารระยะๆ ระบุวิธีและเวลาที่ควรทำ เมื่อธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณเติบโตและพัฒนามากขึ้น ข้อความสำคัญของคุณก็จะเติบโตตามไปด้วย
ฝึกอบรมทีมของคุณ: เมื่อคู่มือของคุณพร้อมแล้ว อย่าคิดว่าแค่แชร์ออกไปแล้วทีมก็จะทำตามได้อย่างยอดเยี่ยม ควรวางแผนการฝึกอบรมเพื่อแนะนำวิธีใช้งานคู่มือนี้ให้ทีมของคุณ พูดคุยถึงข้อความสำคัญ เหตุผลเบื้องหลัง และวิธีนำข้อความเหล่านั้นไปใช้จริง
ระบบการรับฟังความคิดเห็น: กระตุ้นให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคู่มือ คู่มือนี้มีความชัดเจนหรือไม่ มีจุดใดที่ต้องให้รายละเอียดเพิ่มเติมบ้าง คู่มือการสื่อสารที่ดีควรใช้งานง่ายและใช้งานได้จริง
หากพร้อมเริ่มต้นแล้ว โปรดใช้ Stripe Atlas เพื่อจัดตั้งบริษัท
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคำแนะนำทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความเพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความนี้ คุณควรขอคำแนะนำจากทนายความที่มีอำนาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินงานในเขตอำนาจศาลนั้นๆ เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ
Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร
Stripe Atlas สร้างรากฐานด้านกฎหมายของบริษัทเพื่อให้คุณสามารถระดมทุน เปิดบัญชีธนาคาร และรับชำระเงินได้ภายใน 2 วันทำการจากทุกที่ทั่วโลก
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัทกว่า 75,000 แห่งที่จัดตั้งขึ้นโดยใช้ Atlas ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำอย่าง Y Combinator, a16z และ General Catalyst
การสมัครใช้งาน Atlas
การสมัครเพื่อจัดตั้งบริษัทกับ Atlas ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คุณจะเลือกโครงสร้างบริษัทของคุณ จากนั้นจะยืนยันได้ทันทีว่าชื่อบริษัทของคุณใช้งานได้หรือไม่ และเพิ่มผู้ร่วมก่อตั้งได้ไม่เกิน 4 คน นอกจากนี้ คุณยังตัดสินใจได้ว่าจะแบ่งหุ้นอย่างไร สำรองหุ้นบางส่วนไว้สำหรับนักลงทุนและพนักงานในอนาคต แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ และลงนามเอกสารทั้งหมดแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นผู้ร่วมก่อตั้งจะได้รับอีเมลเชิญให้ลงนามในเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน
การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ
หลังจากจัดตั้งบริษัทแล้ว Atlas จะยื่นเอกสาร EIN ให้คุณ ผู้ก่อตั้งที่มีหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์มือถือจะมีสิทธิ์รับการประมวลผลแบบเร่งด่วนของ IRS ขณะที่ผู้ก่อตั้งรายอื่นๆ จะได้รับการประมวลผลแบบมาตรฐาน ซึ่งอาจใช้เวลานานขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ Atlas ยังเปิดใช้การชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN เพื่อให้คุณสามารถเริ่มรับชำระเงินและทำธุรกรรมก่อนที่จะได้รับ EIN ได้
การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด
ผู้ก่อตั้งสามารถซื้อหุ้นเริ่มต้นโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร) แทนเงินสดได้ โดยมีหลักฐานการซื้อที่จัดเก็บไว้ในแดชบอร์ด Atlas คุณต้องมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐจึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ หากคุณมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าสูงกว่านั้น โปรดปรึกษาทนายความก่อนที่จะดำเนินการต่อ
การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ
ผู้ก่อตั้งสามารถยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ โดย Atlas จะยื่นเอกสารให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาหรือนอกสหรัฐอเมริกา โดยใช้จดหมายรับรองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (USPS Certified Mail) และติดตามข้อมูล คุณจะได้รับเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) ที่ลงนามและหลักฐานการ การยื่นเอกสารโดยตรงในแดชบอร์ด Stripe
เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก
Atlas ให้บริการเอกสารทางกฎหมายทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการเริ่มดำเนินธุรกิจบริษัทของคุณ โดยเอกสารของบริษัทประเภท C ของ Atlas ได้รับการสร้างขึ้นโดยร่วมงานกับ Cooley ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก โดยเอกสารเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณระดมทุนได้ทันทีและช่วยให้มั่นใจว่าบริษัทของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยครอบคลุมถึงแง่มุมต่างๆ เช่น โครงสร้างกรรมสิทธิ์ การแจกจ่ายหุ้น และการ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี
Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Atlas ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับแนวหน้าเพื่อมอบส่วนลดและเครดิตสุดพิเศษกับผู้ก่อตั้ง ซึ่งได้แก่ส่วนลดสำหรับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านวิศวกรรม ภาษี การเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการปฏิบัติงานจากผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง AWS, Carta และ Perplexity เรายังมอบตัวแทนที่จดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ให้คุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในปีแรกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ใช้ Atlas คุณยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก Stripe เช่น การประมวลผลการชำระเงินแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Atlas ช่วยคุณจัดตั้งธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และเริ่มใช้งานได้เลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ