การจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยถือเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจอย่างเป็นระบบและถูกต้องตามกฎหมาย การจดทะเบียนช่วยให้บริษัทมีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วน คู่ค้า หรือผู้บริโภค อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจ
ในกระบวนการจดทะเบียนบริษัท การจัดทำเอกสารอย่างละเอียดครบถ้วนและถูกต้องตามเกณฑ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถือเป็นการวางรากฐานธุรกิจให้แข็งแรงและพร้อมสำหรับการต่อยอดและขยายผล อย่างไรก็ดี กระบวนการและขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทอาจมีความซับซ้อนและยุ่งยากหากผู้ประกอบการไม่มีความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย ประเภทของบริษัท ขั้นตอนในการจดทะเบียน เอกสารที่ต้องเตรียม และข้อกำหนดในการจดทะเบียนภาษีบริษัท เพื่อช่วยให้คุณทำความเข้าใจกระบวนการในการจดทะเบียนบริษัทได้ง่ายขึ้น
เนื้อหาหลักในบทความ
● การจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย
● ประเภทของบริษัทในประเทศไทย
● ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทและเอกสารที่ต้องใช้
● ข้อกำหนดในการจดทะเบียนภาษีบริษัท
● วิธีจดทะเบียนธุรกิจในสหรัฐอเมริกากับบริการ Atlas
● ความสำคัญของการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย ขั้นตอนต่อไป
การจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย
การจดทะเบียนบริษัท หรือการจดทะเบียนประเภทนิติบุคคล เป็นขั้นตอนสำคัญที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจดำเนินงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการจัดการทรัพย์สิน ความรับผิดชอบทางกฎหมาย หรือภาระด้านภาษี นอกจากสถานะทางกฎหมายแล้ว บริษัทที่จดทะเบียนอย่างสมบูรณ์จะมีความน่าเชื่อถือในสายตาของคู่ค้า นักลงทุน และลูกค้า อีกทั้งยังทำให้การขยายธุรกิจ การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน และการดำเนินงานในระดับสากลเป็นไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
การจดทะเบียนบริษัทเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำหากกิจการของคุณเริ่มขยับขยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธุรกิจมีรายได้มากกว่า 750,000 บาทขึ้นไป เนื่องด้วยเหตุผลทางภาษี เพราะหากคุณเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จำนวนนี้ คุณก็จะต้องเสียภาษีถึง 35% แต่หากจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ภาษีเงินได้สูงสุดที่ต้องเสียจะอยู่ที่ 20%
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทนั้นไม่ได้ยุ่งยากจนเกินไป หากมีการศึกษาและเตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม โดยเริ่มด้วยการตัดสินใจว่าจะจดทะเบียนเป็นบริษัทประเภทใด
ประเภทของบริษัทในประเทศไทย
ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท คุณต้องทำความเข้าใจถึงแต่ละประเภทขององค์กรธุรกิจในประเทศไทย ดังนี้
● ห้างหุ้นส่วนสามัญแบบจดทะเบียน: รูปแบบธุรกิจที่หุ้นส่วนทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและแบ่งผลกำไรอย่างเท่าเทียมกัน การจดทะเบียนเป็นการบันทึกข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ ให้เป็นที่รู้เห็นของภาครัฐ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือกับธนาคาร คู่ค้า และนักลงทุน หุ้นส่วนแต่ละคนจะต้องมีความรับผิดร่วมกันต่อหนี้สินและภาระผูกพันโดยไม่จำกัดเฉพาะตามสัดส่วนการลงทุน ซึ่งทำให้หุ้นส่วนทุกคนมีความเสี่ยงสูงในด้านการเงิน เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน พร้อมร่วมมือและรับผิดชอบไปด้วยกัน
● ห้างหุ้นส่วนจำกัด: มีผู้ร่วมธุรกิจตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยมีความรับผิดชอบแตกต่างจากห้างหุ้นส่วนสามัญแบบจดทะเบียน เนื่องด้วยมีหุ้นส่วนอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด (หุ้นส่วนผู้จัดการ) และหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด (หุ้นส่วนจำกัด) หุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินแบบไม่จำกัดจำนวน แต่มีสิทธิในการตัดสินใจต่างๆ ในการบริหารจัดการ ส่วนหุ้นส่วนจำกัดจะมีความรับผิดชอบต่อหนี้สินแบบจำกัด โดยรับผิดชอบไม่เกินเงินที่ได้ลงทุน แต่สิทธิในการตัดสินใจในกิจการก็จำกัดไปด้วย
● บริษัทจำกัด: รูปแบบบริษัทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย มีผู้ร่วมดำเนินงานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปถือหุ้นในจำนวนเท่าๆ กัน ซึ่งเรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” มีลักษณะการทำกิจการเพื่อหากำไรร่วมกัน และรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันโดยไม่เกินจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป บริษัทจำกัดต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เหมาะกับกิจการที่มีการเติบโตระดับหนึ่ง มีรายได้หรือมูลค่าสูง และควรมีการบริหารที่เป็นระบบ แม้จะจ่ายภาษีถูกกว่าการจดทะเบียนแบบอื่นๆ แต่ต้องมีการจ่ายภาษี 2 ครั้งต่อปี
● บริษัทมหาชนจำกัด: เป็นบริษัทจำกัดที่มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดหลักทรัพย์ใหม่ และร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทได้ตามสัดส่วนที่ซื้อ ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 15 คนขึ้นไป มีการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่ชัดเจนและเข้มงวดมากกว่าบริษัทจำกัดทั่วไป เหมาะกับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้น
● องค์กรธุรกิจจัดตั้งหรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะ: หมายถึงองค์กรที่ถูกกำหนดรูปแบบการจัดตั้งและการดำเนินงานโดยใช้กรอบกฎหมายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้นๆ แทนการใช้กฎหมายบริษัททั่วไป เช่น ธนาคาร ประกันภัย หรือธุรกิจด้านพลังงานและเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใสและมั่นคงให้กับผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อีกทั้งยังช่วยให้การควบคุมดูแลและการตรวจสอบกิจการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป และมีกรรมการบริษัทไม่ต่ำกว่า 5 คน
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทและเอกสารที่ต้องใช้
ควรมีการศึกษาข้อมูลพื้นฐานให้เข้าใจก่อนตัดสินใจจดทะเบียนบริษัท ทั้งในเรื่องของขอบเขตความรับผิดชอบ การบริหารจัดการ และเรื่องภาษี เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของเอกสาร รวมถึงเงื่อนไขทางกฎหมายต่างๆ ให้เรียบร้อยตามขั้นตอน
การจดทะเบียนบริษัทประเภทนิติบุคคลในประเทศไทยนั้นมี 2 ขั้นตอนหลัก คือการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ เมื่อดำเนินเรื่องหนังสือบริคณห์สนธิเป็นอันเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถทำขั้นตอนที่สองได้ คือการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด การยื่นสามารถทำได้หลังจากบันทึกเอกสารข้อมูลเท่านั้น
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทไว้ตามขั้นตอนดังนี้
1. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ
จองชื่อบริษัท หรือ จองชื่อนิติบุคคล
เริ่มต้นด้วยการคิดชื่อที่ต้องการ แล้วตรวจสอบว่าชื่อนั้นไม่ซ้ำหรือคล้ายกับชื่อของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้ว และควรตั้งชื่อโดยหลีกเลี่ยงคำที่ขัดต่อกฎหมายหรืออาจทำให้เข้าใจผิดทุกกรณี เช่น ไม่ใช้ชื่อประเทศ หรือชื่อส่วนของราชการ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง
จากนั้นให้จองชื่อด้วยการสมัครสมาชิกที่เว็บไซต์ DBD ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อได้รับอนุมัติชื่อแล้ว คุณจะได้รับใบจองชื่อ และสามารถเริ่มจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิได้
จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ โดยเตรียมข้อมูลและเอกสารดังต่อไปนี้
- ใบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคลหรือชื่อของบริษัท (ที่ยังไม่หมดอายุ ตามที่ได้จองไว้)
- ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ รวมถึงอีเมล เว็บไซต์ และเบอร์โทรศัพท์
- วัตถุประสงค์ของบริษัท
- จำนวนทุนจดทะเบียน (มูลค่าหุ้น) ที่เรียกชำระแล้ว ต้องมีจำนวนอย่างน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน
- รายชื่อและข้อมูลส่วนตัวของแต่ละกรรมการ ผู้ถือหุ้น และพยาน (จำนวน 2 คน) เช่น ที่อยู่ อาชีพ อายุ สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรประจำตัวอื่นๆ (กรณีเป็นชาวต่างชาติ) และจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้น
- ชื่อและเลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
- เอกสารข้อบังคับบริษัท หากต้องการระบุเงื่อนไขในการบริหารบริษัทเพิ่มเติม
ยื่นจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ
เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว สามารถยื่นจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิต่อนายทะเบียนภายในวันที่กำหนดในใบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคล
ชำระและออกหุ้น
หลังจากการประชุมจัดตั้ง ผู้ถือหุ้นจะต้องชำระค่าหุ้นตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งอาจชำระเต็มจำนวนหรือชำระบางส่วนตามที่กฎหมายกำหนด และต้องมีการเซ็นเอกสารต่างๆ ก่อนขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นทางการ
เปิดให้มีการจองซื้อหุ้นของบริษัท
คนที่มีสิทธิซื้อหุ้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจเท่านั้น ใครก็สามารถเข้าซื้อหุ้นบริษัทได้ โดยจะต้องซื้อขั้นต่ำจำนวน 1 หุ้นขึ้นไป เมื่อมีการจองซื้อขายหุ้นจนครบแล้ว ลำดับต่อไปคือการออกหนังสือเพื่อนัดประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทอีกครั้ง
ประชุมจัดตั้งบริษัท
ผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นจะประชุมเพื่อรับรองงบประมาณ จัดตั้งกรรมการ แต่งตั้งผู้สอบบัญชี กำหนดวิธีการจ่ายเงินค่าหุ้น และนัดประชุมผู้ถือหุ้นและบุคลากรที่ได้รับคัดเลือกในบริษัททั้งหมดเพื่อให้เข้าใจข้อมูลตรงกัน
จัดตั้งคณะกรรมการบริษัท
จัดทำขึ้นเพื่อดำเนินการจัดเก็บค่าหุ้นบริษัทจำนวน 25% ของราคาหุ้นจริงให้ครบแทนผู้ก่อตั้งบริษัท โดยการยื่นจดทะเบียนบริษัทจะต้องดำเนินการภายใน 3 เดือนหลังจากที่มีการประชุมจัดตั้งเท่านั้น หากล่าช้าจะต้องจัดการประชุมขึ้นใหม่
ทำรายงานประชุม
จัดเตรียมเอกสารประชุมเพื่อใช้ประกอบการยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
2. ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
สิ่งสำคัญของขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยคือการเตรียมเอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อยและครบถ้วน โดยหลักๆ แล้ว เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด มีดังนี้
- คำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด: แบบฟอร์มหลักที่ใช้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนบริษัท ซึ่งระบุข้อมูลเบื้องต้นของบริษัท เช่น ชื่อบริษัท ที่ตั้ง และวัตถุประสงค์
- แบบขอรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด: แบบฟอร์มสรุปข้อมูลสำหรับนายทะเบียน
-รายการจดทะเบียนจัดตั้ง: แบบฟอร์มที่บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท เช่น ทุนจดทะเบียน จำนวนหุ้น และรายละเอียดทางการเงินเบื้องต้น - รายละเอียดกรรมการ: แบบฟอร์มที่ใช้บันทึกข้อมูลของกรรมการทุกคน เช่น ชื่อ ที่อยู่ และตำแหน่งในบริษัท
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น: รายการที่แสดงชื่อและจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นทุกคนในบริษัท
- สำเนาหนังสือนัดประชุมจัดตั้งบริษัท: เอกสารที่ใช้ยืนยันว่ามีการนัดประชุมและดำเนินการตามขั้นตอนในการจัดตั้งบริษัท ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น วัน เวลา สถานที่ และวาระการประชุม
- สำเนารายงานการประชุมจัดตั้งบริษัท: สำเนาบันทึกจากการประชุมแรกหลังจากบริษัทจัดตั้งขึ้น เพื่อบันทึกการแต่งตั้งกรรมการ การกำหนดนโยบายเบื้องต้น และมติสำคัญอื่นๆ
- สำเนาใบหุ้นที่บริษัทจะออกให้แก่ผู้ถือหุ้น: เอกสารที่แสดงสิทธิการถือหุ้นของผู้ลงทุน อาจเป็นสำเนาข้อร้องหุ้นหรือใบหุ้นจริงที่บริษัทจัดทำ
- แบบ สสช.1: เอกสารที่ออกโดยสำนักงานประกันสังคม ซึ่งยืนยันว่าบริษัทได้ทำการจดทะเบียนเข้าร่วมระบบประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว สำหรับบริษัทที่มีพนักงาน
- สำเนาบัตรประจำตัวของกรรมการ: สำเนาบัตรประชาชนหรือเอกสารประจำตัวของกรรมการทุกคน เพื่อยืนยันตัวตนและข้อมูลส่วนบุคคล
- แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงาน: แผนที่อาจเป็นภาพถ่ายหรือแผนที่สังเขปที่ระบุรายละเอียดชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้
- สำเนาข้อบังคับ (ถ้ามี): เอกสารที่ระบุหลักเกณฑ์และกฎระเบียบในการบริหารและดำเนินงานของบริษัท เช่น โครงสร้างองค์กร สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้น วิธีการจัดการประชุม และการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี): เอกสารที่มอบอำนาจอย่างถูกกฎหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนผู้ยื่นคำขอจดทะเบียน
ในบางกรณีอาจมีความจำเป็นต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ ประกอบการยื่นจดทะเบียนบริษัท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของแต่ละธุรกิจ เช่น ลักษณะกิจการ มีผู้ถือหุ้นเป็นชาวต่างชาติ จำนวนทุนจดทะเบียน หรือข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละบริษัท ควรตรวจสอบและเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยก่อนทำการยื่นจดทะเบียนบริษัท
ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
เมื่อเสร็จขั้นตอนประชุมจัดตั้งและเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว กรรมการบริษัทหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจะทำการยื่นขอจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากเจ้าหน้าที่พิจารณาและตรวจสอบความถูกต้องแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาด บริษัทจะได้รับเลขทะเบียนนิติบุคคล
รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
ขั้นตอนการรับเอกสารสำคัญทางกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ เมื่อถึงขั้นตอนนี้แสดงว่าบริษัทของคุณได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการและจดทะเบียนบริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถขอรับทะเบียนบริษัทได้จากนายทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในพื้นที่ที่อาศัยอยู่หรือสำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัด
เอกสารทั้งหมดจะต้องมีการลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง โดยเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวกับองค์กรให้ใช้ลายเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องจากผู้ถือหุ้นคนใดก็ได้ 1 คน ส่วนเอกสารประจำตัวของผู้ถือหุ้นแต่ละคน ให้ลงชื่อด้วยตนเอง
การจดทะเบียนภาษีสำหรับธุรกิจมีข้อกำหนดอะไรบ้าง
เมื่อมีการจดทะเบียนบริษัท สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือเกณฑ์การชำระและการจดทะเบียนภาษี เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกกฎหมาย รวมถึงหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับหน่วยงานด้านภาษีในภายหลัง ซึ่งในเบื้องต้นมีข้อกำหนดต่างๆ ดังนี้
- หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี: ทุกคนที่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล จำเป็นต้องขอรับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจากกรมสรรพากรของประเทศไทย
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล: บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 20% แต่มีการยกเว้นให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี (ภ.ง.ด.50) และอาจต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) ตามรายได้โดยประมาณ ภาษีจะคำนวณจากกำไรสุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและค่าลดหย่อนต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
- การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): หากธุรกิจมีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือคาดว่าจะเกิน 1.8 ล้านบาทในปีถัดไป ธุรกิจดังกล่าวต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ยื่นขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักจากกรมสรรพากรเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจและออกใบกำกับภาษี ซึ่งรวมถึงการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) เป็นรายเดือน
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: บริษัทมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจากการจ่ายรายได้แบบต่างๆ เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าบริการ โดยบริษัทต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่จำเป็น
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ: ธุรกิจธนาคาร การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจในด้านที่คล้ายกันนี้ก็จะต้องเสียภาษีนี้
- ใบอนุญาตประกอบธุรกิจพิเศษ: ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การนำเข้า/ส่งออก วัตถุอันตราย หรือเครื่องสำอางมักต้องขอใบอนุญาตเพิ่มเติม โปรดดูข้อกฎหมายของภาคธุรกิจนั้นๆ
วิธีจดทะเบียนธุรกิจในสหรัฐอเมริกากับบริการ Atlas
หากคุณสนใจเปิดกิจการในประเทศสหรัฐอเมริกา Atlas สามารถช่วยคุณเริ่มจัดตั้งบริษัทได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้คุณพร้อมที่จะรับชำระเงินจากลูกค้า จ้างทีมงาน และระดมทุนได้โดยเร็วที่สุด
คุณสามารถกรอกรายละเอียดกับ Stripe Atlas ได้ภายในไม่ถึง 10 นาที จากนั้นระบบจะดำเนินการจัดตั้งบริษัท, ขอหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของ IRS (EIN), จัดให้มีการซื้อหุ้นในบริษัทใหม่และยื่นเอกสาร 83(b) เพื่อเลือกสถานะภาษีโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ Stripe ยังมีเทมเพลตด้านกฎหมายมากมายให้เลือกปรับใช้กับสัญญาการให้บริการ และการจ้างพนักงาน อำนวยความสะดวกด้วยการเปิดบัญชีธนาคารและมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Stripe Payments ช่วยให้คุณเริ่มธุรกิจและรับชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว
ความสำคัญของการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย ขั้นตอนต่อไป
การจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพหรือนักลงทุนขนาดใหญ่ระดับประเทศ การมีรูปแบบบริษัทที่จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เพียงส่งเสริมความน่าเชื่อถือในสายตาของคู่ค้าและลูกค้า แต่ยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการทำธุรกิจ การร่วมทุน และเพิ่มโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจในระยะยาว
แม้การจดทะเบียนบริษัทจะดูซับซ้อนเพราะมีหลายขั้นตอนและเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐหลายส่วน แต่หากคุณวางแผนล่วงหน้าและเตรียมเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน การจดทะเบียนบริษัทก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป เร็วๆ นี้ประเทศไทยจะมีบริการอย่าง Atlas เข้ามาอำนวยความสะดวกและช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการจดทะเบียนบริษัท พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและกฎหมาย ที่สามารถช่วยดูแลเรื่องเอกสารทั้งหมด ทำให้กระบวนการจดทะเบียนบริษัทที่ยุ่งยากกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ