อธิบาย API ทางการเงิน: คืออะไร ทำงานอย่างไร และเปลี่ยนแปลงฟินเทคอย่างไร

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก อาทิ Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. API ทางการเงินทำงานอย่างไร
  3. ฟีเจอร์หลักของ API ทางการเงิน
  4. ธุรกิจที่ใช้ API ทางการเงิน
    1. บริษัทฟินเทค
    2. สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม
    3. บริษัทประเภทอื่นๆ
  5. API ส่งผลต่อฟินเทคอย่างไร
    1. การทำให้ข้อมูลทางการเงินเข้าถึงได้
    2. เข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
    3. ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น
    4. การทำงานร่วมกัน
    5. โอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจ
    6. บริการทางการเงินที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน
  6. ประโยชน์ของการใช้ API ทางการเงิน
  7. ความปลอดภัยใน API ทางการเงิน
    1. ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย
    2. การเข้ารหัส
    3. กระบวนการรักษาความปลอดภัย

ในด้านฟินเทค (เทคโนโลยีทางการเงิน) API (อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน) จะเชื่อมต่อเทคโนโลยีและบริการที่แตกต่างกัน และอยู่เบื้องหลังบริการที่แพร่หลายมากมายในปัจจุบัน เช่น แอปธนาคารและแอปซื้อขายหุ้นแบบทันที

บริการฟินเทคซึ่งส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดย API ทางการเงิน เป็นตลาดขนาดใหญ่และกำลังเติบโต การลงทุนด้านฟินเทคทั่วโลกมีมูลค่ารวม 113.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดย API ทางการเงินเป็นช่องทางที่แพลตฟอร์มทางการเงินต่างๆ สื่อสารและแบ่งปันความสามารถ ด้วยการกำหนดกฎสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่ง API เหล่านี้ช่วยให้ระบบที่แตกต่างกันสามารถทำงานร่วมกันได้ และสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และการส่งมอบบริการ

API ทางการเงินช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินและเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงข้อเสนอต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดย API เหล่านี้ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งตามความต้องการ ซึ่งตอบสนองและเหนือกว่าความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคได้

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่า API ทางการเงินทำงานอย่างไรและส่งผลต่อฟินเทคย่างไร

เนื้อหาหลักในบทความ

  • วิธีการทำงานของ API ทางการเงิน
  • ฟีเจอร์หลักของ API ทางการเงิน
  • ธุรกิจที่ใช้ API ทางการเงิน
  • API ส่งผลต่อฟินเทคอย่างไร
  • ประโยชน์ของการใช้ API ทางการเงิน
  • ความปลอดภัยใน API ทางการเงิน

API ทางการเงินทำงานอย่างไร

API ทางการเงินหรืออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันเป็นตัวกลางซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้แอปพลิเคชันและระบบทางการเงินต่างๆ สื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยจะมีการเชื่อมโยงกับสถาบันการเงิน (เช่น ธนาคาร) และบริการของบริษัทอื่น (เช่น แอปจัดทำงบประมาณ แพลตฟอร์มการลงทุน)

นี่คือวิธีการทำงานของ API ทางการเงิน

  • คำขอ: ผู้ใช้เริ่มต้นคำขอผ่านแอปพลิเคชันของบริษัทอื่น (เช่น ตรวจสอบยอดเงินในธนาคารในแอปจัดทำงบประมาณ)

  • การตรวจสอบสิทธิ์: API จะตรวจสอบสิทธิ์ของคำขอเพื่อยืนยันว่าผู้ใช้ได้อนุญาตให้แอปพลิเคชันของบริษัทอื่นเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตน

  • การดึงข้อมูล: API จะดึงข้อมูลที่ร้องขอจากสถาบันการเงิน

  • การจัดรูปแบบข้อมูล: API จะแปลข้อมูลเป็นรูปแบบมาตรฐานที่แอปพลิเคชันของบริษัทอื่นสามารถเข้าใจและใช้งานได้

  • การตอบกลับ: API จะส่งข้อมูลที่จัดรูปแบบกลับไปยังแอปพลิเคชันของบริษัทอื่นซึ่งจะแสดงไปที่ผู้ใช้

ฟีเจอร์หลักของ API ทางการเงิน

API ทางการเงินจะให้ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดระดับสูงที่อุตสาหกรรมการเงินกำหนด โดย API ทางการเงินถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันทางการเงินที่ซับซ้อนและปลอดภัย ฟีเจอร์หลักของ API ทางการเงินประกอบด้วย

  • __ การเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์:__ API ทางการเงินจะช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากข้อมูลทางการเงินจำนวนมาก เช่น ราคาหุ้น อัตราสกุลเงิน และยอดคงเหลือบัญชีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

  • การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA): API ทางการเงินจะผสานการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย เพื่อให้เฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนได้ กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับรหัสผ่าน ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ และรหัสแบบใช้ครั้งเดียวที่ส่งทาง SMS หรืออีเมล

  • การสื่อสารที่ปลอดภัย: โดยทั่วไปแล้ว API ทางการเงินจะใช้การเข้ารหัสแบบ SSL/TLS สำหรับการส่งข้อมูลทั้งหมดเพื่อปกป้องความสมบูรณ์และการรักษาความลับของข้อมูล สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลทั้งหมดที่ส่งระหว่างไคลเอ็นต์ แอปพลิเคชัน และเซิร์ฟเวอร์ API นั้นปลอดภัย

  • เอกสารประกอบและชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK): โดยทั่วไปแล้ว API ทางการเงินจะมาพร้อมกับเอกสารประกอบที่ครอบคลุม รวมถึงคำแนะนำโดยละเอียด แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ตัวอย่างโค้ด และคู่มือการแก้ไขปัญหา รวมถึง SDK สำหรับภาษาโปรแกรมที่หลากหลาย

  • ความสามารถในการปรับขนาด: API ทางการเงินสามารถจัดการกับคำขอได้ในปริมาณที่หลากหลาย และสามารถปรับขนาดเพื่อตอบสนองทั้งความต้องการของแอปพลิเคชันขนาดเล็กและระบบองค์กรขยายธุรกิจขนาดใหญ่

  • การประมวลผลธุรกรรมและการชำระเงิน: API ทางการเงินอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมประเภทต่างๆ รวมถึงการชำระเงิน การโอน และการคืนเงิน โดยสามารถเชื่อมต่อได้โดยตรงกับเกตเวย์การชำระเงิน ธนาคาร หรือสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อขั้นตอนธุรกรรมเหล่านี้

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: API ทางการเงินปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) สำหรับข้อมูลการชำระเงินและข้อบังคับทั่วไปด้านการคุ้มครองข้อมูล (GDPR) สำหรับการคุ้มครองข้อมูลในยุโรป การปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและรักษาความไว้วางใจกับผู้บริโภคได้

  • การจัดการข้อผิดพลาด: API ทางการเงินมีกลไกการจัดการข้อผิดพลาดที่สื่อสารข้อผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเรียกใช้ API ไปยังนักพัฒนาหรือแอปพลิเคชัน ซึ่งรวมถึงข้อความแสดงข้อผิดพลาดและรหัสโดยละเอียดที่ช่วยวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

  • ชุดรวม API: API ทางการเงินสามารถทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อเดียวในการเข้าถึงสำหรับบริการทางการเงินและสถาบันต่างๆ ทำให้การผสานการทำงานง่ายยิ่งขึ้นและช่วยให้นักพัฒนาสามารถเพิ่มฟีเจอร์จากสถาบันการเงินต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเป็นพาร์เนอร์กับแต่ละสถาบันโดยตรง

  • การวิเคราะห์และการรายงาน: API ทางการเงินมักมีฟีเจอร์การวิเคราะห์และการรายงานที่ช่วยให้ธุรกิจติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรม ตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้ และสร้างรายงานสำหรับการวางแผนทางการเงินและการตรวจสอบ

ธุรกิจที่ใช้ API ทางการเงิน

ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธนาคารใช้ API ทางการเงินเพื่อให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าของตน ต่อไปนี้คือสรุปข้อมูลของประเภทธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีนี้

บริษัทฟินเทค

  • แอปการเงินส่วนบุคคล: แอปเหล่านี้ใช้ API เพื่อรวบรวมข้อมูลทางการเงินจากบัญชี ติดตามการใช้จ่าย สร้างงบประมาณ และให้ข้อมูลเชิงลึกทางการเงินแก่ผู้ใช้

  • ผู้ประมวลผลการชำระเงิน: บริษัท อย่างเช่น Stripe ใช้ API เพื่อให้ธุรกิจสามารถรับการชำระเงินออนไลน์ได้

  • ธนาคารยุคใหม่และธนาคารรูปแบบใหม่ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี: ธนาคารยุคใหม่ และธนาคารรูปแบบใหม่ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีเป็นธนาคารดิจิทัลที่ให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยการใช้ API เพื่อเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมและให้บริการธนาคารผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

  • ที่ปรึกษาหุ่นยนต์: แพลตฟอร์มการลงทุนอัตโนมัติเหล่านี้ใช้ API เพื่อเข้าถึงข้อมูลตลาด จัดการพอร์ตการลงทุน และดำเนินการซื้อขายในนามของลูกค้า

  • แพลตฟอร์มการให้กู้ยืม: ผู้ให้บริการสินเชื่อแบบระหว่างบุคคลและสินเชื่อออนไลน์จะใช้ API เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของผู้กู้ ประมวลผลการสมัครสินเชื่อ เบิกจ่ายเงิน และทำให้กระบวนการสินเชื่อเป็นไปโดยอัตโนมัติ รวมถึงการดำเนินการ การประเมินและควบคุมความเสี่ยง และการเบิกจ่าย โดย API ยังช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมตามข้อมูลทางการเงินของผู้กู้

สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม

  • ธนาคาร: ธนาคารนำ API มาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้บริการการธนาคารแบบเปิด ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถแชร์ข้อมูลทางการเงินของตนกับผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่ได้รับอนุญาตได้

  • สหภาพแรงงานเครดิต: เช่นเดียวกับธนาคาร สหภาพเครดิตใช้ API เพื่อปรับปรุงข้อเสนอดิจิทัลและให้สมาชิกเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่ดีขึ้น

  • บริษัทประกันภัย: ผู้ให้บริการประกันภัยใช้ API เพื่อลดความซับซ้อนในการประมวลผลการเคลม รวบรวมข้อมูลลูกค้า และสร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยเฉพาะบุคคลและอิงตามการใช้งาน

  • บริษัทจัดการความมั่งคั่ง: บริษัทจัดการความมั่งคั่งใช้ API เพื่อให้คำแนะนำการลงทุนเฉพาะบุคคล การจัดการพอร์ตการลงทุน และการปรับสมดุลอัตโนมัติตามโปรไฟล์ความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล

บริษัทประเภทอื่นๆ

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: ผู้ค้าปลีกออนไลน์ใช้ API เพื่อผสานการทำงานเกตเวย์การชำระเงินกับตัวเลือกการผ่อนชำระ และเพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งเฉพาะบุคคลตามรูปแบบการใช้จ่ายของลูกค้า

  • ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การทำบัญชี: บริษัทซอฟต์แวร์การทำบัญชีใช้ API เพื่อเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร การกระทบยอดกับธนาคารโดยอัตโนมัติ และการสร้างรายงานทางการเงิน

  • แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์: เว็บไซต์และแอปอสังหาริมทรัพย์ใช้ API เพื่อยืนยันข้อมูลรายได้และการจ้างงาน ประเมินความสามารถในการจ่าย และอำนวยความสะดวกในการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย

  • หน่วยงานราชการ: หน่วยงานราชการใช้ API เพื่อเก็บข้อมูลทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษี การแจกจ่ายสวัสดิการ และติดตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

API ส่งผลต่อฟินเทคอย่างไร

API ขับเคลื่อนนวัตกรรมในฟินเทคโดยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน ความร่วมมือระหว่างบริษัท และโอกาสทางธุรกิจสำหรับแพลตฟอร์มนอกภาคการเงิน นี่คือภาพรวมทั้งหมด

การทำให้ข้อมูลทางการเงินเข้าถึงได้

  • การธนาคารแบบเปิด: API ได้ช่วยเปิดทางให้การธนาคารแบบเปิดเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งลูกค้าสามารถให้สิทธิแก่ผู้ให้บริการบุคคลที่สามในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตนที่ธนาคารถือครองไว้ได้ สิ่งนี้เปิดโอกาสให้บริษัทฟินเทคสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของบุคคลทั่วไปได้

เข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

  • ลดเวลาในการพัฒนา: API มีฟังก์ชันที่สร้างไว้ล่วงหน้าสำหรับงานทางการเงินทั่วไป เช่น การประมวลผลการชำระเงิน การรวบรวมบัญชี และการวิเคราะห์ข้อมูล สิ่งนี้ช่วยลดเวลาและทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับบริษัทฟินเทคในการพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้

  • รูปแบบที่ปรับเปลี่ยนได้และการนำกลับมาใช้ใหม่ได้: บริษัทฟินเทคสามารถผสานการทำงานและรวม API เพื่อสร้างโซลูชันทางการเงินใหม่ ซึ่งช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นไปที่คุณค่าที่นำเสนอหลักแทนที่จะสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น

ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น

  • การปรับแต่งให้เหมาะกับตัวบุคคล: API ช่วยให้บริษัทฟินเทคสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า รวมถึงการสร้างผลิตภัณฑ์และคำแนะนำทางการเงินที่ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล ส่งผลให้ประสบการณ์ผู้ใช้มีความเฉพาะตัวและน่าสนใจยิ่งขึ้น

  • การผสานการทำงาน: API ช่วยให้แอปฟินเทคผสานการทำงานกับแพลตฟอร์มและบริการอื่นๆ ได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวและสะดวกสบายในจุดสัมผัสทางการเงินที่แตกต่างกัน

  • การอัปเดตแบบเรียลไทม์: API สามารถให้การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้โดยมีข้อมูลที่ครบถ้วน

การทำงานร่วมกัน

  • การเป็นพาร์ทเนอร์: API ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทฟินเทค สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม และผู้ให้บริการเทคโนโลยีอื่นๆ สิ่งนี้นำไปสู่การพัฒนาโมเดลธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ

  • มาร์เก็ตเพลสสำหรับ API: มาร์เก็ตเพลสสำหรับ API ช่วยให้บริษัทฟินเทคสามารถค้นหาและผสานการทำงาน API จากผู้ให้บริการต่างๆ เพื่อเร่งนวัตกรรมให้เร็วยิ่งขึ้น

โอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจ

  • การให้บริการธนาคาร (BaaS): API ทำให้เกิด BaaS ซึ่งเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่ไม่ใช่ธนาคารสามารถให้บริการด้านการธนาคารได้โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานและใบอนุญาตของธนาคารที่มีอยู่แล้ว สิ่งนี้ช่วยเปิดช่องทางรายรับใหม่ให้กับธนาคารและช่วยให้บริษัทฟินเทคเข้าสู่ตลาดได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตธนาคาร

  • การเงินแบบผสานรวมในตัว: API ช่วยให้สามารถผสานการทำงานด้านบริการทางการเงินเป็นผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ทางการเงินที่สามารถสร้างโอกาสในการสร้างรายรับใหม่ๆ ให้กับบริษัทฟินเทคและเสริมคุณค่าที่นำเสนอของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่

บริการทางการเงินที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน

  • การเข้าถึง: API สามารถช่วยลดช่องว่างระหว่างบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมและประชากรที่ด้อยโอกาสโดยมอบการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ราคาไม่แพงและสะดวกสบายผ่านช่องทางดิจิทัล

  • แหล่งข้อมูลทางเลือก: API สามารถใช้แหล่งข้อมูลทางเลือก เช่น การใช้งานโทรศัพท์มือถือและกิจกรรมโซเชียลมีเดียเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือด้านเครดิต ซึ่งสร้างความครอบคลุมทางการเงินมากขึ้นสำหรับบุคคลที่มีประวัติเครดิตจำกัด

ประโยชน์ของการใช้ API ทางการเงิน

API ทางการเงินมอบประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจ ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายขึ้นไปจนถึงแหล่งรายรับใหม่ โดยประโยชน์เหล่านี้รวมถึง

  • บริการทางการเงินเฉพาะบุคคล: ธุรกิจสามารถใช้ API เพื่อเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าและเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และคำแนะนำต่างๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการและความชอบเฉพาะบุคคลได้

  • กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายขึ้น: API ทางการเงินช่วยทำให้กระบวนการเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น โดยทำการยืนยันตัวตน การเปิดบัญชี และการประเมินความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ

  • อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้น: ด้วยการผสานรวม API เข้ากับแพลตฟอร์ม ธุรกิจต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การอัปเดตบัญชีแบบเรียลไทม์ การจัดหมวดหมู่ธุรกรรม และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่าย

  • ลดแรงงานคน: API ทางการเงินทำให้งานที่ต้องทำด้วยตนเองเป็นอัตโนมัติ เช่น การป้อนข้อมูล การกระทบยอด และการรายงาน ทำให้เกิดเวลาและทรัพยากรอันมีค่ามากขึ้นที่ธุรกิจสามารถใช้เพื่อมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมหลัก เช่น การลดต้นทุนการดำเนินงานต่างๆ

  • การพัฒนาที่เร็วขึ้น: API ช่วยให้ธุรกิจสามารถผสานการทำงานฟีเจอร์และบริการทางการเงินใหม่ๆ ลงในแพลตฟอร์มที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดเวลาในการพัฒนาและเร่งเวลาในการเข้าสู่ตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม

  • แหล่งรายรับใหม่: ธุรกิจสามารถใช้ API ทางการเงินเพื่อพัฒนาบริการเสริมใหม่ๆ เช่น คำแนะนำทางการเงินเฉพาะบุคคล การจัดการการลงทุน และผลิตภัณฑ์ประกันภัย ที่เป็นการสร้างแหล่งรายรับใหม่เพิ่มเติม

  • การเป็นพาร์ทเนอร์และการทำงานร่วมกัน: API อำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างธุรกิจและสถาบันการเงิน ช่วยส่งเสริมความร่วมมือเชิงนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกัน

  • เข้าถึงตลาดใหม่ๆ: API ทางการเงินสามารถช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยการสร้างโซลูชันทางการเงินที่ปรับให้เหมาะสมผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งช่วยขยายการเข้าถึงตลาดและฐานลูกค้า

ความปลอดภัยใน API ทางการเงิน

API ทางการเงินจะจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างสูงและการรักษาความปลอดภัยเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดเพียงอย่างเดียวในการสร้างและใช้งาน API ทำให้เกิดพื้นที่โจมตีมากขึ้น เผยให้เห็นปลายทางมากขึ้นและอาจเพิ่มช่องโหว่ การผสานรวม API หลายตัวและการจัดการความปลอดภัยอาจมีความซับซ้อนเป็นพิเศษ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการปกป้อง API ได้แก่ การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น แนวทางการใช้งาน API ระดับการเงิน (FAPI) การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะสิทธิ์ที่จำเป็น โดยใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยและรหัสผ่านที่รัดกุม ติดตามรูปแบบการใช้งาน และการตรวจจับความผิดปกติ และให้ความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับวิธีปกป้องข้อมูลของตนและรู้จักภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น

ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย

ต่อไปนี้คือฟีเจอร์และกระบวนการด้านความปลอดภัยหลักที่เกี่ยวข้องกับ API ทางการเงิน

การตรวจสอบสิทธิ์และการอนุมัติ

  • การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA): การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ต้องใช้ปัจจัยหลายประการในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นสิ่งที่พวกเขารู้ (รหัสผ่าน) สิ่งที่พวกเขามี (โทรศัพท์) และสิ่งที่พวกเขาเป็น (ไบโอเมตริกซ์)

  • OAuth 2.0: โปรโตคอลนี้ช่วยให้การอนุมัติที่ปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

  • OpenID Connect: การเสริมขั้นตอนนี้บน OAuth จะช่วยทำหน้าที่ตรวจสอบยืนยันตัวตนสำหรับผู้ใช้

การเข้ารหัส

  • Transport layer security (TLS): โปรโตคอลนี้จะเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งระหว่าง API และแอปพลิเคชันหรือผู้ใช้เพื่อป้องกันการสกัดกั้น

  • การเข้ารหัสข้อมูลขณะพัก: ขั้นตอนนี้จะปกป้องที่จัดเก็บไว้ข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์จากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

เกตเวย์ API

สิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่าง API และผู้บริโภค การจัดการการใช้งาน การบังคับใช้ขีดจำกัดอัตรา และการคัดกรองคำขอเพื่อป้องกันการโจมตี

การตรวจสอบและการกรองข้อมูลนำเข้า

ขั้นตอนนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าเฉพาะข้อมูลที่จัดรูปแบบอย่างถูกต้องและปลอดภัยเท่านั้นที่จะเข้าสู่ API เพื่อป้องกันการโจมตีแบบแทรก

การตรวจจับและการป้องกันภัยคุกคาม

  • ระบบตรวจจับการบุกรุก (IDS): ระบบเหล่านี้จะติดตามตรวจสอบการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย

  • ไฟร์วอลล์สำหรับแอปพลิเคชันบนเว็บ (WAF): ระบบเหล่านี้จะป้องกันการโจมตีเว็บทั่วไป เช่น การแทรก SQL และการเขียนสคริปต์ข้ามไซต์

กระบวนการรักษาความปลอดภัย

  • การตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ: การทดสอบอย่างต่อเนื่องและการประเมินช่องโหว่จะช่วยระบุและแก้ไขจุดอ่อน

  • การย่อขนาดข้อมูล: การรวบรวมและจัดเก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้นจะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิด

  • แผนการรับมือเหตุการณ์: การมีแผนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย

  • การปฏิบัติตามข้อกำหนด: ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ดำเนินการ โดย API ทางการเงินต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ เช่น GDPR, กฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งแคลิฟอร์เนีย (CCPA) และคำสั่งว่าด้วยบริการชำระเงิน (PSD2) ฉบับปรับปรุง

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย