ในปี 2021 สหภาพยุโรปได้ประกาศใช้ "กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือน" กฎระเบียบนี้ทำให้ตลาดออนไลน์ต้องรับผิดต่อภาษีสำหรับการจัดส่งแบบ B2C ซึ่งจะขยายไปสู่การจัดส่งแบบ B2B เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2027

ในบทความนี้ เราจะอธิบายกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือน รวมถึงวิธีการใช้งาน และกฎใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในอนาคต นอกจากนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าใครคือผู้ต้องรับผิดต่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในกรณีที่ถือว่าเป็นซัพพลายเออร์ และสิ่งที่ต้องระวังเมื่อออกใบแจ้งหนี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• ซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนคืออะไร
  
• กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนมีหลักการทำงานอย่างไร
  
• มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือน
  
• ใครเป็นผู้รับผิดต่อภาษีมูลค่าเพิ่มในซัพพลายเชนที่ถือเสมือน
  
• การออกใบแจ้งหนี้ในซัพพลายเชนที่ถือเสมือน
  

ซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนคืออะไร

กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนเป็นกฎภาษีอีคอมเมิร์ซที่มีตลาดดิจิทัลอยู่ในธุรกรรมซัพพลายเชนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แพ็กเกจภาษีมูลค่าเพิ่มแบบดิจิทัลของสหภาพยุโรปซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 นั้นรวมถึงกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนสำหรับการจัดส่งให้กับบุคคลเอกชนจากผู้ค้าปลีกออนไลน์ในประเทศที่สามผ่านตลาดออนไลน์ (เช่น B2C) สหภาพยุโรปจะขยายกฎดังกล่าวให้ครอบคลุมไปยังการจัดส่งแบบ B2B ในปี 2027 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มในยุคดิจิทัล (ViDA)

วัตถุประสงค์ของกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนเป็นการควบคุมกระแสภาษีในการค้าระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ มาร์เก็ตเพลสออนไลน์จึงต้องเป็นผู้รับผิดต่อภาษี ก่อนที่จะนำกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนมาใช้ ผู้ค้าปลีกออนไลน์มีหน้าที่รับผิดชอบในการชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ส่งผลให้เกิดการขาดทุนทางภาษี เนื่องจากผู้ค้าปลีกบางรายไม่ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ หรือไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างเพียงพอ ตามกฎของซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือน มาร์เก็ตเพลสออนไลน์ได้รับการปฏิบัติเสมือนว่าขายสินค้า ดังกล่าว จึงถือว่ามีความรับผิดชอบต่อการประมวลผลภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว

ด้วยวิธีนี้ กฎของซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนจึงสร้างความโปร่งใสและความแน่นอนทางกฎหมายมากขึ้น และยังช่วยลดภาระของหน่วยงานด้านภาษีอีกด้วย แทนที่จะคอยติดตามร้านค้าปลีกออนไลน์ที่ต้องเสียภาษีจำนวนหลายแสนร้าน หน่วยงานด้านภาษีสามารถเน้นไปที่แพลตฟอร์มขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งที่ทำหน้าที่เป็นลูกหนี้ภาษีส่วนกลางได้ วิธีนี้จะช่วยลดภาระการบริหารจัดการ และทำให้มีโอกาสหลีกเลี่ยงภาษีน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เนื่องจากผู้ค้าปลีกในประเทศไม่เสียเปรียบทางภาษีเมื่อเทียบกับคู่แข่งต่างชาติ

ViDA คืออะไร

ViDA หมายถึงแผนริเริ่มของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปเพื่อปรับระบบภาษีมูลค่าเพิ่มของยุโรปในปัจจุบันให้ทันสมัยขึ้น ชุดมาตรการดังกล่าวได้รับการเสนอโดยคณะกรรมาธิการยุโรปในปี 2022 และได้รับการรับรองโดยคณะมนตรียุโรปในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยมีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญบางประการ

ViDA มีเป้าหมายที่จะกำกับดูแล 3 ด้านหลัก โดยอิงตามคำสั่งระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีอยู่ (คำสั่ง 2006/112/EC) สิ่งเหล่านี้ได้แก่ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรวม การออกใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ และการรายงานแบบดิจิทัล รวมไปถึง “เศรษฐกิจแบบแพลตฟอร์ม” ที่กำหนดได้ยาก ข้อกำหนดการรายงานแบบดิจิทัลและการขยายระบบเบ็ดเสร็จมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กระบวนการภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและปิดช่องโหว่ทางภาษี ด้วยเหตุนี้ จึงมีการขยายกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนด้วยเช่นกัน

กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนมีหลักการทำงานอย่างไร

ในกรณีการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล สัญญาจะสรุปได้เฉพาะระหว่างผู้ค้าปลีกออนไลน์และลูกค้าตามกฎหมายแพ่งเท่านั้น หากไม่มีกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือน มาร์เก็ตเพลสจะอยู่ภายนอกการทำธุรกรรมนี้และไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนเป็นการรับรองว่ามาร์เก็ตเพลสดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชน

โดยสันนิษฐานว่าตลาดจะซื้อสินค้าจากผู้ขายออนไลน์ก่อน แล้วค่อยนำมาขายต่อให้กับลูกค้า อย่างไรก็ตาม สินค้าจะได้รับการขนส่งเพียงครั้งเดียวและสัญญาระหว่างผู้ค้าปลีกออนไลน์และลูกค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง สมมติฐานนี้จะสร้างห่วงโซ่ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสองครั้งเพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม

ส่วนที่ 3 วรรค 3a ของกฎหมายว่าด้วยภาษีมูลค่าเพิ่มของเยอรมนี (UStG) กําหนดเงื่อนไขสําหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนดังนี้

• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: การจัดส่งสินค้าตามคําสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เฟซอิเล็กทรอนิกส์ เช่น มาร์เก็ตเพลสออนไลน์ แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่คล้ายกัน
  
• ประเทศที่สาม: ผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศที่สามนอกสหภาพยุโรป
  
• การจัดส่ง: การจัดส่งจะเริ่มและสิ้นสุดภายในสหภาพยุโรป (เช่น การส่งสินค้าภายในประเทศหรือภายในยุโรป)
  
• ลูกค้า: จะดำเนินการจัดส่งถึงลูกค้ารายบุคคลในที่สุด
  

ข้อจํากัดด้านการขายแบบ B2C จะถูกยกเลิกไปพร้อมกับการบังคับใช้ ViDA

กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนมียังใช้กับสถานการณ์อื่นๆ สำหรับผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่อยู่ในสหภาพยุโรปด้วย กฎดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หากสินค้ายังคงอยู่นอกสหภาพยุโรปในขณะที่ส่งมอบ และจะต้องนำเข้าก่อนเพื่อจัดส่งถึงลูกค้า อย่างไรก็ตาม มูลค่าวัตถุดิบของสินค้าที่นําเข้าจากประเทศที่สามจะต้องไม่เกิน 150 ยูโร (ส่วนที่ 3 วรรค 3a ของ UStG)

มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในกฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือน

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2027 เป็นต้นไป กฎสำหรับซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนขยายเวลาไปสู่ธุรกรรม B2B ด้วย ซึ่งหมายความว่าข้อกำหนดนี้จะใช้กับการจัดส่งสินค้าภายในสหภาพยุโรปทั้งหมดโดยผู้ค้าปลีกที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปผ่านทางตลาดออนไลน์

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2030 เป็นต้นไป จะมีการสร้างซัพพลายเชนที่ถือเสมือนสำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ให้บริการด้านการขนส่งผู้โดยสารและที่พักระยะสั้น เพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษี ตลาดเหล่านี้จะได้รับการปฏิบัติเสมือนว่าพวกเขาได้ให้บริการด้วยตัวเอง เเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2028 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะสามารถบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าวได้โดยสมัครใจ

ใครเป็นผู้รับผิดต่อภาษีมูลค่าเพิ่มในซัพพลายเชนที่ถือเสมือน

ระหว่างการทำธุรกรรมแบบลูกโซ่ที่ถือเสมือน จะมีสัญญาการขายเพียงฉบับเดียว และลูกค้าจะต้องชำระราคาซื้อเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น ระบบจะเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียงครั้งเดียว การจัดส่งจากผู้ค้าปลีกออนไลน์ไปยังมาร์เก็ตเพลสไม่ต้องเสียภาษี แต่การจัดส่งจากมาร์เก็ตเพลสไปยังลูกค้าต้องเสียภาษี ซึ่งหมายความว่ามาร์เก็ตเพลสออนไลน์ต้องรับผิดต่อภาษี

เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารและที่พักระยะสั้น อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นดังนี้ ผู้ให้บริการ เช่น ผู้ขับรถหรือเจ้าของบ้านสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากยอดขายของตนได้จากแพลตฟอร์มและระบุหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของตน นอกจากนี้ รัฐสมาชิกยังสามารถยกเว้นผู้ประกอบการรายย่อยจากโครงการได้

มาร์เก็ตเพลสออนไลน์ตควรทำความคุ้นเคยกับกฎภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกรรมจริงและธุรกรรมแบบลูกโซ่ ซึ่ง Stripe Connect สามารถช่วยคุณได้ เมื่อใช้ Connect ธุรกิจต่างๆ สามารถนำเสนอการคำนวณและการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตโนมัติและอื่นๆ ได้บนแพลตฟอร์มของตน วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับการคำนวณอย่างถูกต้องในการจัดส่งทั้งหมดให้แก่ลูกค้าปลายทาง นอกจากนี้ Connect ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการชําระเงินที่จุดขาย การเบิกจ่ายทันที การจัดหาเงินทุน บัตรใช้จ่าย และวิธีการชําระเงินในท้องถิ่นได้ทั่วโลกด้วย

การออกใบแจ้งหนี้ในซัพพลายเชนที่ถือเสมือน

กฎของซัพพลายเออร์ที่ถือเสมือนมาพร้อมกับข้อกําหนดใหม่ในการออกใบแจ้งหนี้ด้วย ในซัพพลายเชนที่ถือเสมือน มาร์เก็ตเพลสออนไลน์จะส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้า ไม่ใช่ผู้ค้าปลีก ดังนั้นมาร์เก็ตเพลสออนไลน์จึงต้องรับผิดชอบในการชำระภาษี ใบแจ้งหนี้ที่เกี่ยวข้องต้องระบุภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชําระ หากธุรกิจในเยอรมนีต้องรับผิดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มของซัพพลายเชนที่ถือเสมือน ใบแจ้งหนี้ดังกล่าวจะต้องมีข้อมูลที่จําเป็นดังต่อไปนี้ภายใต้มาตราที่ 14 ของ UStG:

• ชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของผลิตภัณฑ์หรือผู้ให้บริการ
  
• ชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของผลิตภัณฑ์หรือผู้รับบริการ
  
• วันที่ในใบแจ้งหนี้
  
• วันที่นําส่ง
  
• หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของผู้ให้บริการที่ออกโดยสํานักงานภาษีหรือหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่ออกโดยสํานักงานภาษีกลางของรัฐบาลกลาง (BZSt)
  
• หมายเลขใบแจ้งหนี้แบบต่อเนื่องและไม่ซ้ำกัน
  
• จํานวนและประเภทของสินค้าที่จัดส่ง หรือขอบเขตและประเภทของบริการที่จัดส่ง
  
• ยอดสุทธิหรือยอดขั้นต้น
  
• อัตราภาษีที่ใช้และจำนวนภาษีที่เกี่ยวข้องหรือการอ้างอิงถึงการยกเว้นภาษี