ข้อมูลเบื้องต้นในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจขนาดเล็ก: สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มต้น

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ควรจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจเมื่อใดจึงจะเหมาะสม
    1. ความรับผิดส่วนบุคคล
    2. ตำแหน่งทางการเงิน
    3. การวางแผนด้านภาษี
  3. ประเภทของโครงสร้างธุรกิจ
    1. ประเภทบริษัท
    2. โครงสร้างธุรกิจแบบอื่นๆ
  4. วิธีการจัดตั้งบริษัท
  5. ข้อดีและข้อเสียของการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล
    1. ข้อดี
    2. ข้อเสีย
  6. วิธีเลือกโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสม
  7. Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร
    1. การสมัครใช้งาน Atlas
    2. การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ
    3. การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด
    4. การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ
    5. เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก
    6. Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจ คือ ขั้นตอนในการจดทะเบียนจัดตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคลแยกจากเจ้าของ ผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท และเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ธุรกิจทุกขนาดสามารถจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ โดยมีโครงสร้างแบบต่างๆ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กไว้โดยเฉพาะ

คู่มือนี้จะอธิบายเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจ ได้แก่ เวลาที่ควรจดทะเบียนจัดตั้ง วิธีการจดทะเบียนจัดตั้ง โครงสร้างบริษัทประเภทต่างๆ และวิธีเลือกโครงสร้างที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ควรจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจเมื่อใดจึงจะเหมาะสม
  • ประเภทของโครงสร้างธุรกิจ
  • วิธีการจัดตั้งบริษัท
  • ข้อดีและข้อเสียของการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล
  • วิธีเลือกโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสม

ควรจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจเมื่อใดจึงจะเหมาะสม

ยิ่งธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเร็วเท่าใด ก็จะยิ่งได้รับประโยชน์จากการคุ้มครองความรับผิด ข้อได้เปรียบทางภาษี และความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นได้เร็วขึ้นเท่านั้น หากคุณมีแผนจะขยายธุรกิจ การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อความสำเร็จในอนาคตได้ การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลอาจช่วยเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ซึ่งทำให้ดึงดูดลูกค้า พาร์ทเนอร์ และพนักงานได้ง่ายขึ้น ปัจจัยต่อไปนี้อาจส่งผลต่อเวลาที่ควรจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล

ความรับผิดส่วนบุคคล

หากกิจกรรมทางธุรกิจของคุณมีความเสี่ยงหรือความรับผิดจำนวนมาก การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยปกป้องสินทรัพย์ส่วนบุคคลของคุณให้รอดพ้นจากหนี้สินของธุรกิจและการดำเนินคดีได้ การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลก่อนที่คุณจะลงนามในสัญญาหรือจ้างพนักงานก็ช่วยคุ้มครองการเงินส่วนบุคคลของคุณจากการฟ้องร้องทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงทางธุรกิจหรือการดำเนินงานของพนักงานได้

ตำแหน่งทางการเงิน

การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และอาจทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่สนใจยิ่งขึ้นในหมู่นักลงทุนและผู้ให้กู้ยืมเงิน เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและโครงสร้างในระดับที่สูงขึ้น การระดมทุนผ่านการออกหุ้นได้จะมีประโยชน์มากหากคุณคาดว่าจะขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว

การวางแผนด้านภาษี

การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลอาจมาพร้อมกับประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนสำหรับค่าใช้จ่ายของธุรกิจและอัตราภาษีที่อาจถูกลงเมื่อเทียบกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งและโครงสร้างธุรกิจของคุณ ให้พูดคุยกับที่ปรึกษาด้านภาษีเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลตามสถานการณ์และเป้าหมายทางการเงินของคุณโดยเฉพาะ

ประเภทของโครงสร้างธุรกิจ

โครงสร้างธุรกิจแต่ละประเภทก็ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป และการเลือกโครงสร้างที่เหมาะสมก็มีปัจจัยต่างๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น ข้อพิจารณาทางด้านภาษี จำนวนผู้ถือหุ้น และระดับการคุ้มครองความรับผิดที่คุณต้องการ

ประเภทบริษัท

  • บริษัทประเภท C (C corp): เราจะพบบริษัทรูปแบบนี้ได้บ่อยที่สุด เป็นประเภทที่ให้การคุ้มครองความรับผิดแก่เจ้าของธุรกิจและมีผู้ถือหุ้นได้ไม่จำกัดจำนวน ผู้ถือหุ้นจะต้องเสียภาษีซ้ำสองครั้ง ได้แก่ กำไรจะมีการคำนวณภาษีนิติบุคคล และนำไปคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาอีกครั้งเมื่อมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ บริษัทประเภท C สามารถเลือกระดมทุนผ่านการขายหุ้นได้

  • บริษัทประเภท S (S corp): บริษัทประเภท S ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เข้าเกณฑ์บางอย่างโดยเฉพาะ โดยบริษัทประเภท S จะมีการเก็บภาษีแบบส่งผ่าน ซึ่งกำไร (และการขาดทุนบางส่วน) จะส่งต่อเข้าเป็นรายได้ส่วนตัวของเจ้าของโดยตรงโดยไม่ต้องเสียอัตราภาษีนิติบุคคล จึงไม่มีการเก็บภาษีซ้ำสองครั้ง ทั้งนี้ บริษัทประเภท S มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนและประเภทของผู้ถือหุ้นที่มีได้ และให้การคุ้มครองความรับผิดแก่เจ้าของธุรกิจ

  • บริษัทไม่แสวงผลกำไร: บริษัทไม่แสวงผลกำไรจะดำเนินงานการกุศล การศึกษา ศาสนา หรือวิทยาศาสตร์ องค์กรไม่แสวงผลกำไรสามารถขอรับสถานะยกเว้นภาษีได้ ซึ่งหมายความว่าจะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินที่ได้มาโดยเกี่ยวข้องกับภารกิจที่ไม่แสวงผลกำไร ทั้งนี้ องค์กรประเภทนี้จะต้องนำผลกำไรกลับไปลงทุนตามวัตถุประสงค์ขององค์กรและไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับสมาชิกได้

  • บริษัทเฉพาะทาง (PC): บริษัทประเภทนี้มักใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ ทนายความ และนักบัญชี บริษัทประเภทนี้จะให้การคุ้มครองความรับผิดเช่นเดียวกับบริษัทประเภท C แต่มีไว้สำหรับบริษัทที่ให้บริการเฉพาะทางจากผู้ประกอบวิชาชีพที่ได้รับใบอนุญาต บริษัทเฉพาะทางจะเหมือนกับบริษัทประเภท C ตรงที่บริษัททั้งสองรูปแบบนี้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการเก็บภาษีแบบส่งผ่าน

  • บริษัทเพื่อประโยชน์สาธารณะ: โครงสร้างทางกฎหมายประเภทนี้มีไว้สำหรับหน่วยงานที่สร้างผลกำไรในขณะเดียวกันก็สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปด้วย ซึ่งแตกต่างจากบริษัททั่วๆ ไปตรงที่เพื่อประโยชน์สาธารณะจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่การตัดสินใจต่างๆ มีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้น แต่บริษัทประเภทนี้จะให้การคุ้มครองความรับผิดส่วนบุคคล บริษัทเพื่อประโยชน์สาธารณะสามารถเลือกสถานะภาษีแบบบริษัทประเภท S ได้หากมีคุณสมบัติตามข้อกำหนด

  • บริษัทปิด: บริษัทปิดจะคล้ายกับบริษัทประเภท S และให้การคุ้มครองความรับผิดที่คล้ายๆ กัน แต่มักดำเนินงานโดยมีการบริหารจัดการที่เป็นทางการน้อยกว่าและมีภาระการบริหารน้อยกว่า ข้อตกลงของผู้ถือหุ้นมักนำมาใช้แทนโครงสร้างการกำกับดูแลที่เป็นทางการแบบต่างๆ (เช่น คณะกรรมการบริษัท) ที่พบเห็นกันในบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทปิดสามารถเลือกสถานะบริษัทประเภท S และมีการเก็บภาษีในฐานะบริษัทประเภท S ได้

โครงสร้างธุรกิจแบบอื่นๆ

  • บริษัทจำกัด (LLC): LLC เป็นการผสานรวมองค์ประกอบของโครงสร้างแบบห้างหุ้นส่วนกับบริษัทเข้าด้วยกัน LLC จะให้การคุ้มครองความรับผิด แต่ไม่ต้องเสียภาษีซ้ำสองครั้ง บริษัทประเภทนี้มีการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น และไม่ต้องมีความเป็นทางการมากเท่ากับบริษัทต่างๆ (เช่น การประชุมคณะกรรมการ)

  • ธุรกิจเจ้าของคนเดียว: ธุรกิจเจ้าของคนเดียวเป็นโครงสร้างที่เรียบง่ายและพบได้บ่อยที่สุด แต่ไม่มีการคุ้มครองความรับผิด แม้ว่าธุรกิจประเภทนี้จะไม่ต้องเสียภาษีซ้ำสองครั้ง แต่ก็ต้องเสียภาษีการประกอบอาชีพอิสระ

  • ห้างหุ้นส่วน (ไม่จำกัดหรือจำกัดความรับผิด): ห้างหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดหรือจำกัดความรับผิดจะมีเจ้าของตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยแบ่งผลกำไรและการขาดทุนกัน ห้างหุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดจะให้การคุ้มครองความรับผิดแก่หุ้นส่วน ในขณะที่ห้างหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดอาจมีความรับผิดส่วนบุคคลได้ไม่จำกัด ทั้งนี้ ห้างหุ้นส่วนจะต้องมีการเก็บภาษีแบบส่งผ่าน

วิธีการจัดตั้งบริษัท

ข้อกำหนดและขั้นตอนเฉพาะในการจัดตั้งบริษัทอาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้ง ดังนั้น ให้ปรึกษากับทนายความหรือที่ปรึกษาทางธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อบังคับในท้องถิ่น ขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำในการจัดตั้งบริษัทมีดังนี้

  • เลือกชื่อธุรกิจ: เลือกชื่อที่ไม่ซ้ำกับธุรกิจอื่นและเป็นไปตามกฎการตั้งชื่อในท้องถิ่น ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อนั้นยังไม่มีใครนำไปใช้ และให้ลองค้นหาเครื่องหมายการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น

  • แต่งตั้งตัวแทนจดทะเบียน: กำหนดให้บุคคลหรือหน่วยงานธุรกิจเป็นผู้รับเอกสารทางกฎหมายและการติดต่ออย่างเป็นทางการในนามของบริษัท ตัวแทนจดทะเบียนจะต้องมีที่อยู่จริงที่ใช้ในการจัดตั้งบริษัท

  • ยื่นหนังสือสำคัญการจดทะเบียน: จัดทำและยื่นหนังสือสำคัญการจดทะเบียน (บางครั้งเรียกว่าหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท) โดยทั่วไปแล้ว เอกสารนี้จะมีชื่อ ที่อยู่ วัตถุประสงค์ที่ระบุ จำนวนหุ้นสูงสุดที่ได้รับอนุญาตให้ออกได้ รวมถึงชื่อและที่อยู่ของตัวแทนจดทะเบียนและผู้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของคุณ

  • วางกฎข้อบังคับของบริษัท: ร่างกฎข้อบังคับของบริษัทเพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท กฎข้อบังคับจะเป็นกฎและขั้นตอนภายในสำหรับการประชุมผู้ถือหุ้น การเลือกกรรมการบริษัท หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ การออกหุ้น และขั้นตอนการแก้ไข

  • แต่งตั้งกรรมการบริษัทและเจ้าหน้าที่: เลือกคณะกรรมการบริษัทมาดูแลการบริหารจัดการของบริษัทและแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ (เช่น CEO, CFO, เลขานุการ) มาจัดการการดำเนินงานในแต่ละวัน

  • ยื่นขอหมายเลขประจำตัวนายจ้าง: ยื่นขอหมายเลขประจำตัวนายจ้าง (เช่น EIN ในสหรัฐอเมริกา) หมายเลขนี้จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษีและใช้เปิดบัญชีธนาคารของบริษัท

  • จัดการประชุมคณะกรรมการครั้งแรก: จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งแรกเพื่อนำกฎข้อบังคับมาใช้ ออกหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น เลือกเจ้าหน้าที่ และอนุมัติสัญญาหรือธุรกรรมที่จำเป็น

  • ขอรับหนังสืออนุญาตและใบอนุญาตที่จำเป็น: คุณอาจต้องขอรับหนังสืออนุญาตและใบอนุญาตของธุรกิจโดยเฉพาะในการดำเนินงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและตำแหน่งที่ตั้งของคุณ

เมื่อธุรกิจของคุณมีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลแล้ว คุณจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอยู่ตลอด เช่น การยื่นแบบแสดงรายการภาษีนิติบุคคล การยื่นรายงานประจำปี และการจัดทำบันทึกของบริษัทอย่างเหมาะสม

ข้อดีและข้อเสียของการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล

ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีกับข้อเสียของการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล โดยพิจารณาความต้องการ เป้าหมาย และสถานการณ์สำหรับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ธุรกิจหลายๆ แห่งก็มองว่า ประโยชน์จากการคุ้มครองความรับผิดและการเข้าถึงเงินทุนมีค่ามากกว่าข้อเสียในเรื่องความซับซ้อนและกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น แต่ธุรกิจอื่นๆ ก็อาจเห็นว่า โครงสร้างที่เรียบง่ายขึ้น เช่น ธุรกิจเจ้าของคนเดียวหรือห้างหุ้นส่วน ดูจะเหมาะสมกว่า

ข้อดี

  • การจำกัดความรับผิด: ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลก็คือการคุ้มครองผู้ถือหุ้นและสินทรัพย์ส่วนบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ผู้ถือหุ้นจะมีความรับผิดไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุนไปกับบริษัทเท่านั้น และสินทรัพย์ส่วนบุคคลต่างๆ เพิ่มเติมจะได้รับการคุ้มครองจากหนี้สินของธุรกิจและคำพิพากษาทางกฎหมาย

  • การดำรงอยู่อย่างถาวร: บริษัทจะยังคงดำเนินต่อไปได้โดยไม่ขึ้นกับผู้ก่อตั้ง หากเจ้าของขายหุ้น เกษียณอายุ หรือเสียชีวิต บริษัทก็ยังสามารถดำเนินงานต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก

  • ความน่าเชื่อถือ: เมื่อผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพาร์ทเนอร์เห็นคำว่า "Inc." หรือ "Corp." ในชื่อธุรกิจของคุณ ก็จะช่วยให้คุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะบ่งบอกให้เห็นว่าคุณดำเนินงานธุรกิจอย่างจริงจังและมุ่งมั่น

  • การเข้าถึงเงินทุน: บริษัทสามารถระดมทุนได้ผ่านการขายหุ้น ความสามารถในการออกหุ้นนี้ช่วยให้ดึงดูดการลงทุนได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับโครงสร้างธุรกิจแบบอื่นๆ ที่ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้

  • ความยืดหยุ่นทางภาษี: บริษัทต่างๆ จะได้ประโยชน์จากการดูแลจัดการภาษีนิติบุคคลและการหักภาษีที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งธุรกิจเจ้าของคนเดียวหรือห้างหุ้นส่วนจะไม่ได้รับสิทธิ์นี้ เช่น เบี้ยประกันสุขภาพของบริษัทสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน

  • สิทธิ์ซื้อหุ้น: บริษัทสามารถเสนอสิทธิ์ซื้อหุ้นหรือหุ้นในแพ็กเกจค่าตอบแทนได้ ซึ่งอาจช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถโดดเด่นได้เป็นอย่างดี

ข้อเสีย

  • ค่าใช้จ่าย: การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้กับธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งในช่วงแรก และมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องที่อาจสูงขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมในการยื่นเอกสารรายปี ภาษีแฟรนไชส์ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการดูแลจัดการพิธีการต่างๆ ขององค์กร

  • การเก็บภาษีซ้ำสองครั้ง: บริษัทประเภท C จะต้องมีการเก็บภาษีซ้ำสองครั้ง ซึ่งอาจทำให้จำนวนเงินโดยรวมที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจากผลกำไรน้อยลงได้

  • ภาระด้านการบริหารจัดการ: บริษัทต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและการกำกับดูแลของรัฐมากกว่าธุรกิจรูปแบบอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการจัดทำบันทึกโดยละเอียด จัดการประชุมเป็นประจำ และการยื่นรายงานประจำปี

  • โครงสร้างการบริหารจัดการที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้: บริษัทจะมีโครงสร้างการบริหารจัดการแบบตายตัว ซึ่งรวมถึงผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท และเจ้าหน้าที่ โครงสร้างนี้อาจยุ่งยากและยืดหยุ่นน้อยกว่าธุรกิจรูปแบบอื่นๆ เช่น LLC

  • โอกาสเกิดความขัดแย้ง: เมื่อบริษัทเติบโตขึ้นและเพิ่มผู้ถือหุ้น ก็อาจเกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่ผู้ถือหุ้นหรือระหว่างผู้ถือหุ้นกับฝ่ายบริหาร ความขัดแย้งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องของทิศทางธุรกิจ การกระจายผลกำไร หรือประเด็นด้านการบริหารจัดการที่สำคัญอื่นๆ

  • การควบคุมได้จำกัด: การออกหุ้นเพื่อเพิ่มเงินทุนจะส่งผลให้เปอร์เซ็นต์ความเป็นเจ้าของลดลง ซึ่งอาจทำให้เสียสิทธิ์ควบคุมการตัดสินใจต่างๆ ในธุรกิจ หากหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทตกเป็นของนักลงทุน

วิธีเลือกโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสม

โครงสร้างธุรกิจจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย การเงิน หรือการดำเนินงาน และการเลือกโครงสร้างที่เหมาะสมก็ต้องคำนึงถึงความต้องการ เป้าหมาย และวิสัยทัศน์ในระยะยาวของคุณอย่างรอบคอบ ให้ปรึกษากับทนายความ นักบัญชี หรือที่ปรึกษาของธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์เฉพาะของคุณ รวมถึงผลกระทบทางกฎหมายและการเงินของโครงสร้างแต่ละแบบให้ดียิ่งขึ้น ที่ปรึกษาเหล่านี้จะช่วยแนะนำให้คุณเลือกได้เหมาะสมที่สุด แต่อย่าลืมว่าคุณเปลี่ยนโครงสร้างในภายหลังได้หากธุรกิจของคุณจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ให้คำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้เมื่อกำหนดโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด

  • การคุ้มครองความรับผิด: โครงสร้างแบบจำกัดความรับผิด เช่น บริษัทและ LLC จะช่วยให้สินทรัพย์ส่วนบุคคลของคุณไม่ได้รับผลจากหนี้สินและความรับผิดต่างๆ ของธุรกิจ

  • นัยทางภาษี: โครงสร้างที่ต่างกันก็มีการดูแลจัดการภาษีที่ไม่เหมือนกัน บริษัทประเภท S และ LLC ต้องมีการเก็บภาษีแบบส่งผ่าน ส่วนบริษัทประเภท C จะต้องเสียภาษีนิติบุคคล

  • การบริหารจัดการและการควบคุม: ธุรกิจเจ้าของคนเดียวจะช่วยให้ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่บริษัทจะมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ซับซ้อนกว่า

  • การระดมทุน: บริษัทประเภท C ช่วยเปิดโอกาสในการระดมทุนจากนักลงทุนได้มากกว่า

  • ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ: โครงสร้างบางรูปแบบจำเป็นต้องมีงานบริหารจัดการมากกว่าแบบอื่นๆ ให้เลือกโครงสร้างให้เข้ากับความสะดวกสบายที่คุณต้องการและทรัพยากรในการบริหารจัดการที่คุณมี

  • ความยืดหยุ่น: ให้คำนึงถึงความยืดหยุ่นที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น การเพิ่มหุ้นส่วนหรือการเปลี่ยนไปใช้โครงสร้างแบบอื่น

Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร

Stripe Atlas สร้างรากฐานด้านกฎหมายของบริษัทเพื่อให้คุณสามารถระดมทุน เปิดบัญชีธนาคาร และรับชำระเงินได้ภายใน 2 วันทำการจากทุกที่ทั่วโลก

เข้าร่วมกับบริษัทกว่า 75,000 แห่งที่จัดตั้งขึ้นโดยใช้ Atlas ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Y Combinator, a16z และ General Catalyst

การสมัครใช้งาน Atlas

การสมัครเพื่อจัดตั้งบริษัทกับ Atlas ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คุณจะเลือกโครงสร้างบริษัทของคุณ จากนั้นจะยืนยันได้ทันทีว่าชื่อบริษัทของคุณใช้งานได้หรือไม่ และเพิ่มผู้ร่วมก่อตั้งได้ไม่เกิน 4 คน นอกจากนี้ คุณยังตัดสินใจได้ว่าจะแบ่งหุ้นอย่างไร สำรองหุ้นบางส่วนไว้สำหรับนักลงทุนและพนักงานในอนาคต แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ และลงนามเอกสารทั้งหมดแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นผู้ร่วมก่อตั้งจะได้รับอีเมลเชิญให้ลงนามในเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน

การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ

หลังจากจัดตั้งบริษัทแล้ว Atlas จะยื่นเอกสาร EIN ให้คุณ ผู้ก่อตั้งที่มีหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์มือถือจะมีสิทธิ์รับการประมวลผลแบบเร่งด่วนของ IRS ขณะที่ผู้ก่อตั้งรายอื่นๆ จะได้รับการประมวลผลแบบมาตรฐาน ซึ่งอาจใช้เวลานานขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ Atlas ยังเปิดใช้การชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN เพื่อให้คุณสามารถเริ่มรับชำระเงินและทำธุรกรรมก่อนที่จะได้รับ EIN ได้

การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด

ผู้ก่อตั้งสามารถซื้อหุ้นเริ่มต้นโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร) แทนเงินสดได้ โดยมีหลักฐานการซื้อที่จัดเก็บไว้ในแดชบอร์ด Atlas คุณต้องมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐจึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ หากคุณมีทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่านั้น โปรดปรึกษาทนายความก่อนที่จะดำเนินการต่อ

การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ

ผู้ก่อตั้งสามารถยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ โดย Atlas จะยื่นเอกสารให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาหรือนอกสหรัฐอเมริกา โดยใช้จดหมายรับรองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (USPS Certified Mail) และติดตามข้อมูล คุณจะได้รับเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) ที่ลงนามและหลักฐานการ การยื่นเอกสารโดยตรงในแดชบอร์ด Stripe

เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก

Atlas ให้บริการเอกสารทางกฎหมายทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการเริ่มดำเนินธุรกิจบริษัทของคุณ โดยเอกสารของบริษัทประเภท C ของ Atlas ได้รับการสร้างขึ้นโดยร่วมงานกับ Cooley ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก โดยเอกสารเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณระดมทุนได้ทันทีและช่วยให้มั่นใจว่าบริษัทของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยครอบคลุมถึงแง่มุมต่างๆ เช่น โครงสร้างกรรมสิทธิ์ การแจกจ่ายหุ้น และการ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี

Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Atlas ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับแนวหน้าเพื่อมอบส่วนลดและเครดิตสุดพิเศษกับผู้ก่อตั้ง รวมถึงส่วนลดสำหรับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านวิศวกรรม ภาษี การเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการปฏิบัติงานจากผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง AWS, Carta และ Perplexity เรายังมอบตัวแทนที่จดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ให้คุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในปีแรกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ใช้ Atlas คุณยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก Stripe รวมถึงการประมวลผลการชำระเงินแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Atlas ช่วยคุณจัดตั้งธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และเริ่มใช้งานได้เลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas