บริษัทประเภท C (C corp) ยังคงเป็นหนึ่งในโครงสร้างองค์กรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา สํานักงานสํามะโนประชากรของของสหรัฐอเมริการายงานว่ามีใบสมัครก่อตั้งธุรกิจใหม่กว่า 473,000 แห่ง เฉพาะในเดือนกันยายน 2023 และ 32,000 แห่งในนั้นสามารถจัดตั้งนิติบุคคลบริษัทขึ้นอย่างสมบูรณ์ และอีกหลายๆ แห่งที่เปลี่ยนมาเป็นบริษัทประเภท C แม้ว่าแรงจูงใจในการจัดตั้งบริษัทประเภท C จะมีความชัดเจน ซึ่งก็คือการรับโอกาสในการเติบโตและสร้างธุรกิจให้ประสบความสําเร็จ แต่กระบวนการสร้างบริษัทประเภท C นั้นมีความซับซ้อน
ด้านล่างนี้ เราจะมาอธิบายขั้นตอนสําคัญที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งบริษัทประเภท C หากคุณกำลังพิจารณาโครงสร้างบริษัทประเภทนี้อยู่ ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับลักษณะและประโยชน์ รวมถึงการตั้งกรอบการดำเนินงานตามกฎหมายให้กับธุรกิจ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- บริษัทประเภท C คืออะไร
- ลักษณะสําคัญของบริษัทประเภท C
- ประโยชน์ของการก่อตั้งบริษัทประเภท C
- วิธีก่อตั้งบริษัทประเภท C
- Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง
บริษัทประเภท C คืออะไร
บริษัทประเภท C คือนิติบุคคลประเภทหนึ่งซึ่งก่อตั้งตามกฎหมายของรัฐ ซึ่งกําหนดธุรกิจแยกออกมาจากเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น ในฐานะบริษัทประเภท C ธุรกิจจะได้รับเงินและจ่ายภาษีในอัตราองค์กร ส่วนผู้ถือหุ้นจะต้องรับผิดชอบเฉพาะการชําระภาษีจากการลงทุนเท่านั้น ซึ่งช่วยป้องกันความรับผิดต่อบริษัทโดยตรง
ลักษณะสําคัญของบริษัทประเภท C
เช่นเดียวกับโครงสร้างองค์กรอื่นๆ บริษัทประเภท C จะมีลักษณะและผลกระทบต่อธุรกิจแบบเฉพาะตัว ซึ่งคุณควรต้องเข้าใจเพื่อประเมินว่าประเภท C เป็นโครงสร้างองค์กรที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุดหรือไม่ โครงสร้างบริษัทประเภท C มีรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจดังนี้
นิติบุคคลแยกต่างหาก: บริษัทประเภท C ดําเนินงานในฐานะนิติบุคคลอิสระ ซึ่งแตกต่างจากเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น
ความรับผิดแบบจํากัด: ความรับผิดชอบทางการเงินของผู้ถือหุ้นจํากัดอยู่เพียงการลงทุนเท่านั้น ซึ่งคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลจากหนี้สินทางธุรกิจ
การเก็บภาษีสองต่อ: บริษัทจะจ่ายภาษีจากผลกําไรของตน เมื่อผลกําไรเหล่านี้ถูกแจกจ่ายเป็นเงินปันผล ผู้ถือหุ้นจะจ่ายภาษีจากผลตอบแทนส่วนบุคคล
โครงสร้างผู้ถือหุ้น: บริษัทประเภท C สามารถมีผู้ถือหุ้นได้ไม่จํากัดจํานวน และบริษัทสามารถซื้อขายหุ้นต่อสาธารณะได้
สถานะของธุรกิจระยะยาว: บริษัทจะยังคงมีอยู่ แม้ว่าเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเสียชีวิต
โครงสร้างการจัดการ: ผู้ถือหุ้นเลือกคณะกรรมการซึ่งจะทำหน้าที่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในการจัดการการดำเนินงานประจำวัน
ประโยชน์ของการก่อตั้งบริษัทประเภท C
การเลือกนิติบุคคลเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลต่อธุรกิจมากที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะโครงสร้างนี้ส่งผลโดยตรงต่อการเติบโต ผลกระทบทางภาษี และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือผลประโยชน์ร่วม บริษัทประเภท C เป็นตัวเลือกยอดนิยมสําหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท โดยเฉพาะธุรกิจที่คาดว่าจะขยายกิจการหรือหาเงินลงทุนจากภายนอก ประโยชน์ที่มาพร้อมกับการเลือกที่จดทะเบียนเป็นบริษัทประเภท C มีดังนี้
การคุ้มครองความรับผิดแบบจํากัด: ผู้ถือหุ้นได้รับความคุ้มครองระหว่างทรัพย์สินส่วนบุคคลกับหนี้สินทางธุรกิจ ความคุ้มครองนี้ช่วยให้อุ่นใจเมื่อการฟ้องร้องคดีหรือหากธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน
ศักยภาพในการเติบโตด้วยการออกหุ้น: บริษัทประเภท C สามารถออกหุ้นประเภทต่างๆ ซึ่งช่วยให้ระดมทุนจากนักลงทุนได้ ข้อนี้จะน่าสนใจเป็นพิเศษสําหรับนักลงทุนของบริษัทร่วมลงทุนและนักลงทุนหุ้นภาคเอกชน
ไม่มีข้อจํากัดเกี่ยวกับผู้ถือหุ้น: บริษัทประเภท C ไม่มีข้อจํากัดเกี่ยวกับจํานวนผู้ถือหุ้น ซึ่งแตกต่างจากนิติบุคคลของธุรกิจอื่นๆ คุณลักษณะนี้มีความสําคัญสําหรับบริษัทที่กําลังพิจารณาจะเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน
การดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถด้วยสิทธิ์การซื้อหุ้น: การนําเสนอสิทธิ์การซื้อหุ้นหรือการให้หุ้นสามารถเป็นสิ่งจูงใจที่จะดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับภาคธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในด้านการหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
สถานะของธุรกิจระยะยาว: บริษัทประเภท C จะรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจได้โดยไม่คํานึงถึงการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนระยะยาว
ความยืดหยุ่นทางภาษีพร้อมผลกําไรที่รักษาไว้ได้: แม้คนจะมองว่าการเก็บภาษีสองต่อเป็นข้อเสีย แต่บริษัทประเภท C สามารถเลือกเก็บผลกำไรและนำกลับมาลงทุนทําธุรกิจอีกครั้งได้ ซึ่งบางครั้งก็อาจทําให้อัตราภาษีต่ำลง
บริษัทประเภท C มีการผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่นทางการเงิน โอกาสในการเติบโต และการคุ้มครองความเสี่ยงบางประการ สําหรับธุรกิจที่พิจารณาการขยายกิจการให้เติบโต หรือผู้ที่พยายามดึงดูดนักลงทุน บริษัทประเภท C ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เมื่อคุณระบุได้ว่าบริษัทประเภท C เป็นตัวเลือกที่จะให้ประโยชน์สูงสุดสําหรับธุรกิจของคุณโดยอิงตามเป้าหมายและลำดับความสำคัญแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มจัดตั้งธุรกิจของคุณเป็นบริษัทประเภท C
วิธีก่อตั้งบริษัทประเภท C
การก่อตั้งบริษัทประเภท C เป็นกระบวนการที่มีโครงสร้างซึ่งต้องอาศัยความพยายาม ความมีระบบระเบียบ และความเข้าใจในข้อกําหนดของรัฐและรัฐบาลกลางอย่างละเอียด ขั้นตอนเหล่านี้อาจซับซ้อน แต่การไม่ปฏิบัติตามแบบแผนที่เหมาะสมจะทําให้กระบวนการนี้ยุ่งยากขึ้น ต่อไปนี้เป็นบทสรุปขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งบริษัทประเภท C
1. เลือกชื่อธุรกิจ
การสร้างบริษัทประเภท C เริ่มจากด้วยการเลือกชื่อธุรกิจ โดยชื่อนี้ต้องทำให้บริษัทแตกต่างจากนิติบุคคลอื่นที่จดทะเบียนในรัฐที่ดำเนินกิจการ รัฐส่วนใหญ่ยังมีกฎเกี่ยวกับการกําหนดชื่อเฉพาะ เช่น “corporation,” “incorporated,” “limited” หรือตัวย่อของชื่อเหล่านี้ เพื่อระบุสถานะอย่างเป็นทางการของธุรกิจในฐานะนิติบุคคล
2. เลือกรัฐจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
การตัดสินใจว่าจะจัดตั้งบริษัทที่ไหนถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แม้ธุรกิจหลายๆ แห่งจะจัดตั้งบริษัทในรัฐที่ตนอยู่เนื่องจากความสะดวกและคุ้นเคย แต่บางแห่งก็เลือกรัฐมีชื่อเสียงในด้านประโยชน์ของการก่อตั้งธุรกิจ ตัวอย่างเช่น เดลาแวร์ เป็นตัวเลือกยอดนิยมเนื่องจากมีกฎหมายบริษัทในระดับสูงและมีความยืดหยุ่น ในขณะที่เนวาดามีประโยชน์ในแง่ของโครงสร้างภาษี แคลิฟอร์เนียก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมเช่นกัน
3. แต่งตั้งตัวแทนที่จดทะเบียน
บริษัทประเภท C ทุกแห่งจะต้องมีตัวแทนที่จดทะเบียน โดยเป็นบุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลที่รับผิดชอบด้านการรับเอกสารทางกฎหมาย รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความหรือการสื่อสารอย่างเป็นทางการของรัฐ ตัวแทนที่มีสิทธิ์จะต้องมีที่อยู่ภายในรัฐที่จัดตั้งบริษัทและดำเนินงานในช่วงเวลาทําการปกติเพื่อรับและตอบกลับเอกสารของทางราชการ
4. ยื่นหนังสือสำคัญการจดทะเบียน
เอกสารพื้นฐานนี้มีรายละเอียดพื้นฐาน เช่น ชื่อธุรกิจ ที่อยู่ ตัวแทนจดทะเบียน และลักษณะการดำเนินงาน และจํานวนหุ้นที่จะออก ธุรกิจต้องยื่นหนังสือสำคัญนี้ต่อสำนักงานรัฐมนตรีบริหารกิจการรัฐเดลาแวร์ (Secretary of State’s Office) หรือหน่วยงานกํากับดูแลที่คล้ายกัน และจ่ายค่าธรรมเนียมการยื่นเอกสารเพื่อจัดตั้งสถานะบริษัท
5. ร่างกฎข้อบังคับขององค์กร
กฎข้อบังคับนี้ทําหน้าที่เป็นหนังสือกฎภายในของบริษัท โดยกําหนดขั้นตอนการดำเนินงาน อธิบายสิทธิ์และหน้าที่ของผู้ถือหุ้น เจ้าหน้าที่ และกรรมการ ตลอดจนวางกรอบการบริหารจัดการของธุรกิจ การร่างกฎข้อบังคับให้มีความละเอียดและชัดเจนเป็นสิ่งสําคัญในการสร้างความโปร่งใสและการแก้ไขความขัดแย้ง
6. แต่งตั้งกรรมการ
กรรมการมีบทบาทสําคัญในการกำหนดทิศทางของบริษัทและทําการตัดสินใจที่สําคัญ ในตอนแรก ผู้ก่อตั้งบริษัทหรือกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งบริษัทมักจะแต่งตั้งกรรมการ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในช่วงแรกเหล่านี้จะดํารงตําแหน่งจนถึงการประชุมผู้ถือหุ้นที่เป็นทางการครั้งแรกของบริษัท โดยผู้ถือหุ้นจะเลือกคณะกรรมการ
7. จัดการประชุมระดับองค์กร
การประชุมครั้งแรกนี้ทําหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงานของบริษัท ในการประชุม กรรมการจะรับทราบกฎข้อบังคับที่เคยร่างขึ้นก่อนหน้านี้ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่บริษัทเพื่อจัดการการดําเนินงานรายวัน และแก้ไขปัญหาด้านการก่อตั้งธุรกิจอื่นๆ ที่สําคัญ ในขณะเดียวกันก็เก็บบันทึกการประชุมโดยละเอียด
8. ออกหุ้น
บริษัทประเภท C จะออกหุ้นเพื่อระดมเงินทุนและให้กรรมสิทธิ์ผ่านหุ้น หุ้นเหล่านี้ซึ่งระบุไว้ในหนังสือสำคัญการจดทะเบียนบริษัท จะได้รับการกระจายให้กับผู้ถือหุ้นรายแรกๆ และทําหน้าที่เป็นหลักฐานการกรรมสิทธิ์ในบริษัท
9. สมัครขอทะเบียนและใบอนุญาต
ลักษณะและที่ตั้งของธุรกิจจะเป็นตัวกําหนดทะเบียนและใบอนุญาตที่ต้องใช้ เอกสารทางกฎหมายเหล่านี้อนุญาตให้บริษัทดําเนินงานภายในอุตสาหกรรมและตําแหน่งที่ตั้งของตน โดยมีตั้งแต่ทะเบียนประกอบกิจการของเมืองไปจนถึงใบอนุญาตเฉพาะทาง
10. จดทะเบียนภาษีของรัฐ
ภาระหน้าที่ทางภาษีจะแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ หากรัฐเรียกเก็บภาษีการขายและบริษัทจัดการเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษี บริษัทจะต้องขอใบอนุญาตภาษีการขายเพื่อเรียกเก็บภาษีจากลูกค้า
11. ขอรับหมายเลขประจําตัวนายจ้าง (EIN)
EIN เหมือนกับหมายเลขประกันสังคมของธุรกิจ โดยเป็นหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของรัฐบาลกลางที่ IRS ออกให้ หมายเลขนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่บริษัทต้องมีเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจหลายๆ อย่าง ตั้งแต่การจ้างพนักงานไปจนถึงการยื่นแบบแสดงภาษีต่อรัฐบาลกลาง
12. เปิดบัญชีธนาคารของธุรกิจ
การนำเงินส่วนบุคคลและของธุรกิจมารวมกันอาจเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรง โดยมีโอกาสที่จะทำลายความคุ้มครองความรับผิดชอบแบบจำกัดที่บริษัทมี การเปิดบัญชีธนาคารของธุรกิจคือกุญแจสําคัญในการรักษาขอบเขตทางการเงินที่ชัดเจน
13. ปฏิบัติตามข้อกําหนด
การก่อตั้งบริษัทประเภท C ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางธุรกิจ บริษัทจะต้องปฏิบัติตามหนังสือมอบอํานาจของรัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสถานะของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการเก็บบันทึกข้อมูลองค์กรที่เป็นปัจจุบัน การประชุมประจําปีและเก็บบันทึกข้อมูลการประชุม รวมทั้งตรวจสอบว่าทะเบียนและใบอนุญาตทั้งหมดยังคงเป็นปัจจุบัน

Stripe จะช่วยได้อย่างไร
Stripe Atlas ช่วยคุณก่อตั้งและจัดตั้งบริษัทได้ง่ายๆ เพื่อให้คุณพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จ้างทีมงาน และระดมทุนโดยเร็วที่สุด
กรอกรายละเอียดบริษัทของคุณในแบบฟอร์ม Stripe Atlas ภายในไม่ถึง 10 นาที จากนั้นเราจะจัดตั้งบริษัทของคุณในเดลาแวร์ ขอหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของ IRS (EIN) ให้คุณ เพื่อช่วยคุณซื้อหุ้นในบริษัทใหม่ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว และยื่นเอกสาร 83(b) การเลือกสถานะภาษีโดยอัตโนมัติ Atlas มีเทมเพลตทางกฎหมายมากมายสําหรับสัญญาการให้บริการและการจ้างพนักงาน และจะช่วยคุณเปิดบัญชีธนาคารและเริ่มรับชําระเงินได้ก่อนที่ IRS จะกําหนดหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีให้คุณ
ผู้ก่อตั้ง Atlas ยังสามารถเข้าถึงส่วนลดสุดพิเศษจากพาร์ทเนอร์ซอฟต์แวร์ชั้นนํา เริ่มต้นใช้งานกับพาร์ทเนอร์บางส่วนได้ในคลิกเดียว รวมถึงรับเครดิตประมวลผลการชําระเงิน Stripe ฟรี เริ่มก่อตั้งบริษัทได้แล้ววันนี้
การส่งใบสมัครใน Stripe Atlas
ระบบจะใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทใหม่ของคุณ คุณต้องเลือกโครงสร้างบริษัท (บริษัทประเภท C, บริษัทจํากัด หรือบริษัทในเครือ) แล้วเลือกชื่อบริษัท โปรแกรมตรวจสอบชื่อบริษัทแบบทันทีของเราจะแจ้งให้คุณทราบว่าพร้อมให้ใช้งานหรือไม่ก่อนที่จะส่งใบสมัคร คุณสามารถเพิ่มผู้ร่วมก่อตั้งได้ไม่เกิน 4 คน ตัดสินใจเลือกวิธีการแบ่งหุ้นระหว่างผู้ร่วมก่อตั้งและกันวงเงินกลุ่มหุ้นสําหรับเพื่อนร่วมทีมในอนาคตที่คุณเลือก คุณจะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ เพิ่มที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ (ผู้ก่อตั้งมีสิทธิ์รับที่อยู่ดิจิทัลฟรี 1 ปีหากคุณต้องการ) จากนั้นก็ตรวจสอบและลงนามในเอกสารทางกฎหมายได้ในคลิกเดียว
การก่อตั้งบริษัทในเดลาแวร์
Atlas จะตรวจสอบใบสมัครและยื่นเอกสารก่อตั้งบริษัทในรัฐเดลาแวร์ภายใน 1 วันทําการ ใบสมัครที่ยื่นผ่าน Atlas ทั้งหมดจะได้รับบริการประมวลผลด่วนตลอด 24 ชั่วโมงในรัฐ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม Atlas จะเรียกเก็บค่าใช้จ่าย 500 ดอลลาร์สําหรับการจัดตั้งบริษัทและค่าบริการของตัวแทนที่จดทะเบียนในปีแรก (ข้อกําหนดการปฏิบัติตามของรัฐ) และ 100 ดอลลาร์ต่อปีเพื่อรักษาตัวแทนที่จดทะเบียนของคุณ
การขอหมายเลข IRS (EIN) ของคุณ
หลังจากจัดตั้งบริษัทในรัฐเดลาแวร์เสร็จแล้ว Atlas จะยื่นขอหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี IRS ของบริษัทคุณ ผู้ก่อตั้งที่แจ้งหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ของสหรัฐอเมริกา และหมายเลขโทรศัพท์ในสหรัฐอเมริกาจะมีสิทธิ์ประมวลผลการชําระเงินแบบเร่งด่วน ส่วนผู้ใช้รายอื่นทั้งหมดจะได้รับการประมวลผลแบบมาตรฐาน สําหรับการดำเนินการแบบมาตรฐาน Atlas จะติดต่อ IRS เพื่อขอ EIN ให้คุณ โดยใช้ข้อมูล IRS แบบเรียลไทม์เพื่อพิจารณาว่าการยื่นขอหมายเลขของคุณจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Atlas ดึงข้อมูล EIN ของคุณและดูหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีในปัจจุบัน
การซื้อหุ้นของบริษัท
หลังจากที่ Atlas จัดตั้งบริษัทแล้ว เราจะออกหุ้นให้แก่ผู้ก่อตั้งโดยอัตโนมัติ และจะช่วยคุณซื้อหุ้นในบริษัทอย่างเป็นทางการ Atlas ช่วยให้ผู้ก่อตั้งสามารถซื้อหุ้นของตนด้วยทรัพย์สินทางปัญญาได้ในคลิกเดียว และแสดงข้อมูลการซื้อดังกล่าวในเอกสารของบริษัท คุณจึงไม่จําเป็นติดตามเงินสดหรือการชำระเงินด้วยเช็คทางไปรษณีย์
การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b)
ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพหลายรายเลือกยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) เพื่อช่วยลดยอดภาษีส่วนบุคคลในอนาคต Atlas สามารถยื่นและส่งเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) ไปทางไปรษณีย์ได้ภายในคลิกเดียวสําหรับทั้งผู้ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาและผู้ก่อตั้งที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยไม่จําเป็นต้องไปที่สํานักงานไปรษณีย์ เราจะยื่นเอกสารโดยใช้พัสดุลงทะเบียนของสหรัฐอเมริกาพร้อมหมายเลขติดตาม โดยคุณจะได้รับสําเนาเอกสาร 83(b) ที่ลงนามแล้วและหลักฐานการยื่นเอกสารในแดชบอร์ดของคุณ
สิทธิพิเศษและส่วนลดสําหรับพาร์ทเนอร์
Atlas เป็นพาร์ทเนอร์กับเครื่องมือจากบริษัทภายนอกจำนวนมาก เพื่อเสนอค่าบริการพิเศษหรือการเข้าถึงต่างๆ ให้แก่ผู้ก่อตั้งที่ใช้งาน Atlas เรามีส่วนลดสําหรับเครื่องมือด้านวิศวกรรม ภาษีและการเงิน การปฏิบัติตามข้อกําหนด และการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึง OpenAI และ Amazon Web Services นอกจากนี้ Atlas ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Mercury, Carta และ AngelList เพื่อทำให้กระบวนการเริ่มต้นใช้งานอัตโนมัติรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยใช้ข้อมูลบริษัท Atlas ช่วยให้คุณเตรียมพร้อมสําหรับธนาคารและระดมทุนได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ผู้ก่อตั้งที่ใช้งาน Atlas ยังอาจมีสิทธิ์รับส่วนลดสําหรับผลิตภัณฑ์ Stripe อื่นๆ อีกด้วย ซึ่งรวมถึงเครดิตฟรีสําหรับประมวลผลการชําระเงินได้สูงสุด 1 ปีด้วย
อ่านคู่มือ Atlas สําหรับผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Atlas และวิธีที่จะช่วยคุณก่อตั้งธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ก่อตั้งบริษัทของคุณได้แล้ววันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ