ความท้าทาย
Postmates ให้บริการจัดส่งแบบออนดีมานด์ที่ครอบคลุมถึง 80% ทั่ว 4,200 เมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ดังนั้นจึงมีโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงต้องการแพลตฟอร์มการชำระเงินที่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับวิธีการชำระเงินหลากหลายวิธี การชำระเงินตามรอบ การชำระเงินทันทีเมื่อได้รับพัสดุ และยังต้องมีประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งานแบบไม่ติดโลโก้แบรนด์สำหรับผู้ค้า KYC ด้วย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ Postmates ให้ความสำคัญกับอัตราการอนุมัติวงเงินที่ยอดเยี่ยม ซึ่ง Samantha Philips หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์กล่าวว่า "Postmates อยู่ในอุตสาหกรรมบริการแบบออนดีมานด์ และเพื่อที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทีมผลิตภัณฑ์ของเราจึงทุ่มเทให้กับการปรับปรุงทุกๆ ขั้นตอนตลอดเส้นทางของลูกค้า นั่นหมายความว่าที่ขั้นตอนการชำระเงิน เราจะต้องเลือกผู้ประมวลผลการชำระเงินที่มีอัตราการอนุมัติสำเร็จสูงที่สุดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงซึ่งการได้ลูกค้าใหม่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เปอร์เซ็นต์การเพิ่มของอัตราการอนุมัติวงเงินเพียงเล็กน้อยก็จะช่วยเพิ่มรายรับและคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้า
โซลูชัน
Postmates ทำการทดสอบ A/B เพื่อเปรียบเทียบ Stripe กับผู้ประมวลผลการชำระเงินเจ้าใหญ่อีกรายโดยเน้นไปที่อัตราการอนุมัติวงเงินในเครือข่ายบัตรเครดิตต่างๆ เช่น Visa, Mastercard และ American Express และในระหว่างการทดสอบ Postmates ก็ได้วัดความสำเร็จของทั้งสองแพลตฟอร์ม
Philips บอกว่า "ถ้ามีลูกค้ารายหนึ่งได้รับการประมวลผลผ่าน Stripe และหลังจากนั้นประมวลผลผ่าน "ผู้ประมวลผล B" Postmates จะสามารถเปรียบเทียบอัตราการอนุมัติวงเงินของลายมือบนบัตรเดียวกันได้อย่างเท่าเทียมเพื่อให้เห็นชัดเจนว่าแพลตฟอร์มการชำระเงินใดมีอัตราที่ดีกว่า ปรากฏว่าอัตราการอนุมัติวงเงินที่ดำเนินการสำเร็จของ Stripe สูงกว่าคู่แข่ง 1 เปอร์เซ็นต์เต็ม"
ผลลัพธ์
ในช่วง 12 เดือนนับตั้งแต่เริ่มการทดสอบ A/B Postmates พบว่าอัตราการอนุมัติเพิ่มขึ้น 2.16% เมื่อใช้ Stripe ซึ่งคิดเป็นรายรับที่เพิ่มขึ้นกว่า 70 ล้านดอลลาร์ รายละเอียดการเพิ่มขึ้น 2.16% ของ Postmates เมื่อใช้ Stripe มีดังนี้
ปริมาณการสมัครใช้บริการที่เพิ่มขึ้น +0.33% เมื่อใช้ Adaptive Acceptance นำไปสู่รายรับที่เพิ่มขึ้น 11 ล้านดอลลาร์
"นวัตกรรม Adaptive Acceptance ใช้เทคนิคแมชชีนเลิร์นนิงแบบหลายตัวแปรในการปรับปรุงอัตราการอนุมัติวงเงินให้ Postmates ด้วยการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดว่าเมื่อไรควรลองเรียกเก็บเงินธุรกรรมซ้ำ อัตราที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นรายรับที่เพิ่มเข้ามาให้ธุรกิจ" การใช้ Adaptive Acceptance ช่วยเพิ่มรายรับให้ Postmates ถึง 11 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
ปริมาณการสมัครใช้บริการที่เพิ่มขึ้น +1.72% เมื่อใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ (CAU) นำไปสู่รายรับที่เพิ่มขึ้น 60 ล้านดอลลาร์
ความสัมพันธ์โดยตรงที่ Stripe มีกับเครือข่ายบัตรช่วยให้สามารถอัปเดตบัตรได้อย่างราบรื่นโดยที่บริการไม่สะดุดแทนที่จะต้องขอให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลของบัตรที่บันทึกไว้ซึ่งหมดอายุหรือเปลี่ยนใหม่ด้วยตัวเอง จึงช่วยหลีกเลี่ยงการเลิกใช้บริการของลูกค้าและการสูญเสียรายรับ CAU ช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติวงเงินด้วยการอัปเดตข้อมูลประจำตัวในบัตรที่บันทึกไว้ซึ่งหมดอายุหรือเปลี่ยนใหม่อย่างชาญฉลาด ซึ่งช่วยให้การชำระเงินตามรอบบิลดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น เมื่อปีที่แล้ว Postmates มีการอัปเดตบัตรโดยอัตโนมัติกว่า 2 ล้านใบซึ่งนำไปสู่รายรับที่เพิ่มขึ้น 60 ล้านดอลลาร์
การเพิ่มขึ้น +0.11% จาก Billing Smart Retries ก่อให้เกิดรายรับกว่า 3 ล้านดอลลาร์
Smart Retries เป็นฟีเจอร์ของ Stripe Billing ที่ช่วยให้ผู้ใช้ลองชำระค่าสมาชิกที่จ่ายไม่สำเร็จซ้ำในเวลาที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะชำระเงินสำเร็จ Smart Retries ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิงจะใช้สัญญาณการซื้อและธุรกรรมหลายร้อยอย่างเพื่อเลือกจังหวะที่ดีที่สุดในการลองใหม่ Postmates ใช้ Smart Retries เพื่อเรียกเก็บเงินจากการชำระเงินกว่า 200,000 รายการที่อาจสูญเสียไป ก่อให้เกิดรายรับเพิ่มขึ้น 3 ล้านดอลลาร์
ถ้ามีลูกค้ารายหนึ่งได้รับการประมวลผลผ่าน Stripe และหลังจากนั้นประมวลผลผ่าน "ผู้ประมวลผล B" Postmates จะสามารถเปรียบเทียบอัตราการอนุมัติวงเงินของลายมือบนบัตรเดียวกันได้อย่างเท่าเทียมเพื่อให้เห็นชัดเจนว่าแพลตฟอร์มการชำระเงินใดมีอัตราที่ดีกว่า ปรากฏว่าอัตราการอนุมัติวงเงินที่ดำเนินการสำเร็จของ Stripe สูงกว่าคู่แข่ง 1 เปอร์เซ็นต์เต็ม