แต่ละประเทศและภูมิภาคมีระบบกฎหมายภาษีเป็นของตนเอง ในสหรัฐอเมริกามีภาษีการขาย ซึ่งกำกับดูแลในระดับรัฐ ในสหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่จะกำหนดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ส่วนในญี่ปุ่นก็มีภาษีการบริโภค แม้ว่าภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น (JCT) จะมีหลักการคล้ายกับภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ก็มีข้อแตกต่างสำคัญบางประการที่ต้องคำนึงถึงหากคุณคิดจะขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่น
ต่อไปนี้คือคู่มือเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลที่บอกคุณว่าควรเรียกเก็บภาษีการบริโภคจากลูกค้าเมื่อใด อัตราการเรียกเก็บภาษีการบริโภคที่ถูกต้อง รวมถึงสิ่งที่คุณต้องทําเมื่อถึงเวลาต้องยื่นและนําส่งภาษี
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น (JCT) คืออะไร
- ฉันจําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นจากลูกค้าเมื่อใด
- อัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นคือเท่าใด
- ฉันจะจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นได้อย่างไร
- ต้องยื่นและนําส่งภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นเมื่อใด
ภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น (JCT) คืออะไร
ภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น (JCT) คือภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากสินค้าหรือบริการที่จําหน่ายภายในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสินค้าและบริการที่นําเข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ ภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นยังมีผลกับการขายบริการดิจิทัลข้ามพรมแดนโดยผู้ให้บริการชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน ในสถานการณ์นี้ มีการใช้กลไกการเรียกเก็บภาษีจากผู้บริโภคโดยให้ผู้ประกอบการเป็นผู้นำส่ง (Reverse Charge Mechanism) ซึ่งจะมีผลบังคับกับธุรกรรมแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) แต่ผู้ให้บริการต่างประเทศอาจจําเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อจุดประสงค์ในการชำระภาษีการบริโภคที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมแบบธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C)
ฉันจําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นจากลูกค้าเมื่อใด
ธุรกิจจะต้องเรียกเก็บภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นจากลูกค้าในญี่ปุ่นหากมียอดขายถึงเกณฑ์บังคับ 10 ล้านเยนในรอบระยะเวลาฐาน โดยรอบระยะเวลาฐานคือระยะเวลา 2 ปีปฏิทินก่อนถึงรอบระยะเวลาปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น รอบระยะเวลาฐานของปี 2023 คือ 2021
นอกจากนี้ ธุรกิจยังต้องเรียกเก็บภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นหากยอดขายหรือเงินเดือนที่ต้องเสียภาษีสูงเกินเกณฑ์ 10 ล้านเยนในรอบระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งรอบระยะเวลาที่กำหนดหมายถึงระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีปฏิทินก่อนหน้า (สําหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว) หรือ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (สําหรับบริษัท)
ในญี่ปุ่น ธุรกิจธุรกิจต่างประเทศจะต้องมีสํานักงานในญี่ปุ่นหรือมีตัวแทนภาษีในญี่ปุ่น
อัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นคือเท่าใด
ณ เดือนตุลาคม 2019 อัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นอยู่ที่ 10% สําหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ และมีอัตราลดหย่อน 8% สําหรับการขายอาหาร เครื่องดื่ม และหนังสือพิมพ์บางประเภท อัตราเหล่านี้เป็นการรวมกันของอัตราการบริโภคระับประเทศและระดับท้องถิ่น การส่งออกและการมอบบริการบางอย่างให้แก่ชาวต่างชาติต้องเสียภาษีในอัตรา 0%
ฉันจะจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นได้อย่างไร
ณ เดือนตุลาคม 2015 รัฐบาลได้ประกาศขั้นตอนอย่างง่ายสําหรับการจดทะเบียนธุรกิจต่างชาติที่ให้บริการดิจิทัล โดยธุรกิจต่างชาติจำเป็นต้องแต่งตั้งตัวแทนภาษีของญี่ปุ่น เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างธุรกิจกับหน่วยงานด้านภาษีของญี่ปุ่น
ในวันที่ 1 ตุลาคม 2023 ญี่ปุ่นประกาศเปิดตัวระบบการออกใบกำกับภาษีแบบใหม่ที่เรียกว่า Qualified Invoicing System (QIS) ซึ่งส่งผลให้เกิดเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีและการออกใบกำกับภาษี การเปลี่ยนแปลงหลักๆ มีดังต่อไปนี้
- ผู้เสียภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นต้องจดทะเบียนกับสํานักงานภาษีเพื่อรับหมายเลขทะเบียนของผู้ออกใบกํากับภาษีที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์
- ผู้ออกใบกำกับภาษีที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ต้องออกใบกำกับภาษีที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ให้กับลูกค้าธุรกิจ
- ธุรกิจจะหักภาษีการบริโภคได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบกำกับภาษีที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จากบริษัทผู้ออกใบกำกับภาษีที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์เท่านั้น
ต้องยื่นและนําส่งภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นเมื่อใด
โดยทั่วไปแล้ว จะต้องยื่นภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นทุกปี บริษัทต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นประจําปีภายใน 2 เดือนหลังจากสิ้นสุดปีงบประมาณของตน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสามารถเลือกยื่นแบบแสดงรายการภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาสแทนการยื่นเป็นรายปีได้
Stripe Tax ทําให้การยื่นเอกสารและนําส่งภาษีเป็นเรื่องง่ายขึ้น พาร์ทเนอร์ทั่วโลกที่เชื่อถือได้ของเราช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและเชื่อมต่อกับข้อมูลธุรกรรม Stripe ของคุณ ให้พาร์ทเนอร์ของเราจัดการยื่นเอกสารให้คุณ เพื่อที่คุณจะสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจได้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ