การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ใช้กันอย่างแพร่หลายที่ญี่ปุ่นในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์บนร้านค้าอีคอมเมิร์ซเท่านั้น แต่ยังใช้สำหรับสินค้าหลากหลายประเภทในร้านค้าที่มีหน้าร้าน เช่น ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร ช่วยให้ผู้ซื้อชำระเงินโดยไม่ต้องใช้เงินสด มอบสิทธิประโยชน์หลากหลายประการให้แก่ทั้งธุรกิจและลูกค้า
คุณอาจพบว่าตัวเองถามคำถาม เช่น "จริงๆ แล้วคำว่า 'การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์' หมายความว่าอย่างไร" หรือ "ทำไมการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงได้รับความนิยม" ในบทความนี้ เราจะตอบคำถามเหล่านั้นและเสริมด้วยบริบท รวมถึงอธิบายพื้นหลังของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ ในตลาด ตลอดจนข้อดีและข้อเสีย
เนื้อหาหลักในบทความ
- การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร
- ตลาดการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่นใหญ่แค่ไหน
- เหตุใดการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงเพิ่มสูงขึ้น
- มีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทใดบ้าง
- ข้อดีของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกิจ
- ข้อเสียของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกิจ
- ข้อดีของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้า
- ข้อเสียของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้า
- การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างไร
การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร
การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์คือธุรกรรมที่ดำเนินการโดยใช้สกุลเงินเงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่าเงินอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวคือการโอนเงินเหล่านี้ดำเนินการผ่านระบบดิจิทัล ไม่ใช่เงินสด
ตัวอย่างเช่น การชำระเงินด้วยบัตร เช่น บัตรเครดิตและบัตรเดบิต รวมถึงการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ผ่านแอปที่สแกนรหัส QR เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของแต่ละตัวเลือกกันภายหลังในบทความนี้
การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เทียบกับการชำระเงินแบบไร้เงินสด
เรามักสับสนระหว่างการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และการชำระเงินแบบไร้เงินสด โดยธุรกรรมแบบไร้เงินสดจะครอบคลุมการชำระเงินทั้งหมดที่ไม่ใช้ธนบัตรและเหรียญ รวมถึงเช็คและเช็คเดินทาง ซึ่งญี่ปุ่นยุติการออกเช็คเดินทางไปแล้วตั้งแต่ปี 2014 การชำระเงินดิจิทัลจัดอยู่ในกลุ่มที่กว้างกว่าและอาศัยข้อมูลที่แสดงถึงเงินสด ซึ่งมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าคำว่า "การชำระเงินแบบไร้เงินสด"
ลำดับเวลาในการประมวลผลการชำระเงิน
การชำระเงินดิจิทัลมี 3 ลำดับเวลาสำคัญที่ควรคำนึงถึง โดยขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือกดังนี้
- การชำระเงินล่วงหน้า (วิธีการเติมเงิน): บัตรหรือแอปชำระเงินที่มีวงจรรวม (IC) จะจัดเก็บยอดคงเหลือที่เติมเงินไว้ล่วงหน้า โดยจะใช้จ่ายเกินกว่ายอดที่เติมไว้ไม่ได้
- การชำระเงินภายหลัง (วิธีการชำระเงินในภายหลัง เช่น ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง) ในกรณีนี้ ระบบจะหักเงินเท่าราคาผลิตภัณฑ์จากบัญชีธนาคารของลูกค้าหลังจากชำระเงิน ไม่ว่าจะผ่านบัตรเครดิตหรือโดยการผูกรายละเอียดบัตรกับแอปชำระเงิน
- การชำระเงินทันที (เดบิต): ในกรณีนี้ ระบบจะหักเงินที่ค้างชำระจากสถาบันการเงินของเจ้าของทันที โดยจะชำระเงินเกินยอดคงเหลือไม่ได้ ซึ่งครอบคลุมถึงการชำระเงินผ่านบัตรเดบิต การผูกบัตรเดบิตกับแอปชำระเงิน และการทำธุรกรรมผ่านธนาคารทางอินเทอร์เน็ต
ขั้นตอนการชำระเงิน
เมื่อลูกค้าทำการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะดำเนินการเบิกจ่ายให้กับธุรกิจตามขั้นตอนด้านล่าง ซึ่งประเภทการชำระเงินล่วงหน้า การชำระเงินภายหลัง และการหักบัญชีที่อธิบายไว้ข้างต้นก็ใช้ขั้นตอนเดียวกันนี้
- ผู้ซื้อชำระเงินที่ธุรกิจ ไม่ว่าจะที่หน้าร้าน ทางออนไลน์ หรือที่อื่น
- ตัวแทนการชำระเงินยืนยันและตรวจสอบสิทธิ์ข้อมูล
- สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องดำเนินการโอนเงิน
- เงินย้ายไปยังตัวแทนการชำระเงิน
- ตัวแทนโอนการชำระเงินไปยังธุรกิจ
ตลาดการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่นใหญ่แค่ไหน
มีการนำมาใช้เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี โดยอิงจากกราฟที่กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารเผยแพร่ในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งระบุว่าอัตราการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศแตะ 42.8% ในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40% โดยรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าจะยังคงส่งเสริมความพยายามในการบรรลุอัตรา 80% ในอนาคต
เหตุใดการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงเพิ่มสูงขึ้น
ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ การใช้งานการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นทุกปี โดยมี 4 ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย:
การตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขอนามัยที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากโควิด-19
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ต้องใช้เงินสดกลายเป็นเรื่องปกติทั่วไป ผู้คนตระหนักถึงสุขอนามัยของตัวเองมากขึ้นและลดการสัมผัสทางกายภาพกับผู้อื่นในร้านค้าเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าสิ่งนี้ได้ช่วยส่งเสริมตัวเลือกดิจิทัลให้แพร่หลายมากขึ้น
การขาดแคลนบุคลากร
การที่ประชากรของญี่ปุ่นสูงวัยขึ้นและอัตราการเกิดที่ลดลง ทำให้สถานประกอบการบางแห่งต้องเผชิญกับช่องว่างด้านแรงงาน และในระยะยาว มีข้อกังวลที่ว่าสถานที่ทำงานจำนวนมากจะต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต
เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในอนาคต ธุรกิจจะต้องตรวจสอบและทบทวนนโยบายของตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในหลายๆ ด้าน โดยการนำการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในวงกว้างก็เป็นอีกมาตรการหนึ่ง
การท่องเที่ยวขาเข้า
เนื่องจากความต้องการด้านการท่องเที่ยวเขาเข้าในญี่ปุ่นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจจำนวนมากขึ้นจึงเปลี่ยนวิธีการชำระเงินของตนเพื่อให้ผู้เยี่ยมเยือนได้รับประสบการณ์การชอปปิ้งที่ราบรื่น ตัวอย่างเช่น ร้านค้าบางแห่งเริ่มใช้บริการชำระเงินที่ได้รับความนิยมในจีน เช่น WeChat Pay
ภาระและค่าใช้จ่ายของการชำระเงินด้วยเงินสด
การดำเนินงานที่มีเงินสดจำนวนมากกำลังเปลี่ยนไปใช้ขั้นตอนแบบดิจิทัลเพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีและการจัดการเงินสด ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ช่วยป้องกันปัญหา เช่น การปลอมแปลงธนบัตรและการโจรกรรมได้ ธุรกิจสามารถหลีกเลี่ยงปัญหา เช่น การทอนเงินผิด รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการดำเนินการชำระเงิน
มีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทใดบ้าง
ลองมาดูวิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่แตกต่างกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ อุปกรณ์เคลื่อนที่ บัตร และการชำระเงินผ่านธนาคารออนไลน์
การชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
การชำระเงินด้วยบัตร |
อื่นๆ |
---|---|---|
|
(การชำระเงินด้วยบัตรบางครั้งยังรวมถึงเทคโนโลยี NFC ที่ระบุไว้ทางด้านซ้าย) |
|
การชำระเงินด้วยรหัส QR
เป็นวิธีการที่ผู้ชำระเงินสแกนรหัส QR หรือบาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน ลูกค้าต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันการชำระเงินลงในสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ จากนั้นลงทะเบียนบัญชี เมื่อผู้ซื้อชำระเงินด้วยรหัส QR แอปจะหักเงินจำนวนดังกล่าวจากบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตที่ผูกไว้
เมื่อใช้ตัวเลือกนี้ ธุรกิจหรือลูกค้าจะแสดงรหัส QR ซึ่งนำไปสู่การดำเนินการ 2 วิธีที่แตกต่างกันเล็กน้อย
หากธุรกิจแสดงรหัส QR: ลูกค้าจะสแกนรหัสดังกล่าวด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่และป้อนจำนวนเงินเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
หากลูกค้าแสดงรหัส QR: ธุรกิจจะสแกนรหัสดังกล่าวบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของลูกค้า ระบุจำนวนเงินเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
การชำระเงินผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย
การชำระเงินผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ซึ่งดำเนินการผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ เช่น NTT Docomo, au และ SoftBank โดยที่ผู้ซื้อจะรวมค่าสินค้าเข้ากับค่าบริการมือถือของตน ไม่จำเป็นต้องระบุข้อมูลบัตรเครดิต เนื่องจากมีการยืนยันตัวตนระหว่างการลงทะเบียนของผู้ให้บริการอยู่แล้ว ทำให้การชำระเงินสะดวกยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้รองรับการเรียกเก็บเงินเป็นก้อนเดียวเท่านั้นและจำกัดวงเงินที่ใช้ได้ จึงทำให้วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับการซื้อสินค้าที่มีราคาแพง
การชำระเงินผ่าน NFC (IC แบบไร้สัมผัส)
การชำระเงินโดยใช้ NFC หมายถึง การชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารระยะใกล้ ด้วย NFC ข้อมูลจะถูกส่งออกไปได้ง่ายๆ เพียงแค่ถือสมาร์ทโฟนหรือบัตรเครดิตที่มีชิป IC แบบไร้สัมผัสไว้ใกล้ๆ กับเทอร์มินัล ด้วยเหตุนี้ จึงมักเรียกการชำระเงินแบบแตะเพื่อชำระเงินว่า "การแตะจ่าย"
การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน
บัตรเติมเงินช่วยให้ผู้ซื้อชำระเงินด้วยการเติมเงินสดลงในบัตรก่อนที่จะใช้ ตัวอย่างเช่น บัตรโดยสาร (PASMO, Suica) และบัตรต่างๆ เช่น nanaco และ Ponta ที่ผู้ใช้สามารถเติมเงินลงในบัตร ณ สถาบันการเงิน บริการธนาคารออนไลน์ ร้านสะดวกซื้อ หรือที่เครื่องจำหน่ายตั๋วและตู้จ่ายเงินที่สถานีรถไฟสำหรับบัตรโดยสาร
บัตรเติมเงินจะให้คุณใช้จ่ายได้ไม่เกินจำนวนเงินในบัตร ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายมากเกินไป ผู้สูงอายุและเด็กจึงพกพาไปใช้แทนเงินสดได้อย่างปลอดภัย
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
บัตรเครดิตยังคงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น นอกเหนือจากการซื้อสินค้าออนไลน์และที่ร้านค้าแล้ว ลูกค้ายังใช้บัตรเครดิตเพื่อจ่ายบิลค่าสาธารณูปโภคได้ด้วย
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตขึ้นอยู่กับเครดิตที่ผู้ซื้อมี โดยระบบจะดึงเงินจำนวนดังกล่าวจากบัญชีธนาคารที่ผูกไว้ตามกำหนดเวลา แทนที่จะเรียกเก็บเงินทันทีในวันที่ซื้อ
บัตรเครดิตที่รองรับ NFC ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
การชำระเงินด้วยบัตรเดบิต
บัตรเดบิตจะต่างจากบัตรเครดิตตรงที่ระบบจะหักเงินจำนวนดังกล่าวออกจากบัญชีธนาคาร ณ เวลาที่ซื้อ โดยทั่วไปแล้วจะใช้จ่ายได้ไม่เกินยอดคงเหลือที่มี ช่วยให้ลูกค้าจัดการเงินและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายมากเกินไป ในทางกลับกัน จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ที่มอบให้แก่บัตรเครดิต เช่น การผ่อนชำระ การชำระเงินสินเชื่อหมุนเวียน และการเบิกเงินสดล่วงหน้า รวมถึงชำระเงินเป็นก้อนเดียวได้เท่านั้น
การชำระเงินผ่านธนาคารออนไลน์
บริการธนาคารออนไลน์ช่วยให้ดำเนินการชำระเงินผ่านพอร์ทัลเว็บโดยเฉพาะ ข้อดีที่ชัดเจนคือลูกค้าไม่ต้องนำเล่มสมุดบัญชีมาที่สถาบันการเงินหรือตู้เอทีเอ็ม ลูกค้าสามารถเข้าสู่ระบบจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนและทำธุรกรรมได้ทุกเมื่อ
ข้อดีของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกิจ
ตัวเลือกดิจิทัลมอบข้อดีหลายประการ ดังนี้
ขั้นตอนการบันทึกเงินสดที่เรียบง่าย
การจัดการเงินสดต้องมีเหรียญและธนบัตรสำรองไว้เพื่อทอนเงิน โดยการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการเงิน เพิ่มความรวดเร็วของขั้นตอนต่างๆ และลดความวุ่นวายที่เครื่องบันทึกเงินสด รวมถึงช่วยให้คุณยังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการทอนเงินผิด ซึ่งขั้นตอนที่ง่ายขึ้นนี้จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
โอกาสในการขายที่เพิ่มขึ้น
การนำเสนอตัวเลือกดิจิทัลที่หลากหลายเน้นย้ำถึงความสะดวกและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะมาเยี่ยมชมมากขึ้นจากการเลือกชำระเงินด้วยวิธีที่ต้องการได้ และมีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้ซื้อซ้ำ
ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ธุรกิจที่มุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังต้องมีรองรับวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชำระเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น
การใช้จ่ายของลูกค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับการชำระเงินด้วยเงินสด ลูกค้าไม่สามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงกว่าเงินสดที่มีติดตัวได้ อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่ยังหลีกเลี่ยงการพกเงินจำนวนมากด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่การชำระเงินดิจิทัลช่วยให้ผู้ซื้อชำระเงินได้โดยไม่ต้องมีเงินสดติดตัว ทำให้โดยเฉลี่ยลูกค้าจะใช้จ่ายมากขึ้น หากไม่จำเป็นต้องพกเงินสด
ข้อเสียของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกิจ
เมื่อมีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสียที่ต้องระวัง
ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายเบื้องต้นแล้ว การรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ก็มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมด้วย เช่น การติดตั้งเทอร์มินัลนั้นต้องใช้เงินลงทุน คุณควรตระหนักถึงค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หมายเหตุ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่คุณจะต้องจ่ายเมื่อรับการชำระเงินดิจิทัล
การแก้ปัญหาเทอร์มินัลการชำระเงิน
หากเทอร์มินัลไม่ทำงาน เนื่องจากข้อผิดพลาดของระบบ การเชื่อมต่อ หรือไฟดับ การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จะหยุดชั่วคราวจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข ให้ดำเนินการทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียยอดขาย
หมายเหตุ: ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสามารถติดต่อกับผู้ให้บริการเทอร์มินัลได้ทุกเมื่อและพร้อมที่จะจัดการปัญหาใดก็ตามที่เกิดขึ้น สร้างคู่มือการรับมือเพื่อจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้พนักงานรู้วิธีแก้ไขข้อผิดพลาด นอกจากนี้ยังควรรองรับวิธีการชำระเงินให้หลากหลาย รวมถึงเงินสด
ลำดับเวลากระแสเงินสด
เมื่อดำเนินการชำระเงินดิจิทัล คุณควรให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดอย่างมาก เนื่องจากการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ต่างจากธนบัตรและเหรียญตรงที่จะไม่ได้รับเงินได้ทันที ธุรกิจต่างๆ จะได้รับการเบิกจ่ายในภายหลังเท่านั้น และเมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการติดตั้งใช้งาน รวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่กล่าวมาข้างต้น การจัดการทางการเงินที่มีเสถียรภาพควบคู่ไปกับการประเมินความคุ้มค่าจึงเป็นสิ่งที่คุณควรทำ
หมายเหตุ: วิธีแก้ปัญหาหนึ่งคือการเลือกบริการชำระเงินที่ให้คุณกำหนดรอบการเบิกจ่ายที่ค่อนข้างสั้นได้ เช่น 1 วันหรือ 1 สัปดาห์หลังจากการชำระเงิน ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบกำหนดเวลาการชำระเงินล่วงหน้า
ข้อดีของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้า
ตัวเลือกดิจิทัลมีประโยชน์แก่ผู้ซื้อดังต่อไปนี้
ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด
การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ลดการพึ่งพาเงินสด ช่วยประหยัดเวลาในการเดินหาตู้ ATM ขณะซื้อสินค้า หากคุณลืมกระเป๋าเงินไว้ที่บ้าน ก็ยังชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น อีกทั้งการพกเงินสดในจำนวนที่น้อยลงยังช่วยลดการโจรกรรมและการสูญหายได้
การชำระเงินที่เร็วขึ้น
การชำระเงินดิจิทัลช่วยให้ทำธุรกรรมสำเร็จได้ด้วยการแตะหรือสแกนที่เทอร์มินัลอย่างรวดเร็ว ธุรกรรมนั้นทำได้รวดเร็วเช่นเดียวกับเงินสด แต่ไม่ต้องวุ่นวายกับการจัดการเหรียญหรือธนบัตร
การทำบัญชีที่ได้รับการปรับปรุง
การติดตามการใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญ ได้รู้ว่าการซื้อแต่ละรายการนั้นเป็นอะไร ที่ไหน ทำไม เวลาใด และจำนวนเท่าไร ซึ่งบันทึกดิจิทัลช่วยให้ลูกค้าดูประวัติคำสั่งซื้อบนอุปกรณ์ได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องจัดระเบียบหรือจัดเก็บใบเสร็จที่เป็นกระดาษ ทำให้จัดการการเงินของครัวเรือนได้ง่ายขึ้น
คะแนนและส่วนลด
วิธีดิจิทัลบางวิธี เช่น การชำระเงินผ่านบัตรและ QR จะมีแคมเปญได้รับเงินคืนหรือสะสมคะแนน ผู้ซื้อสามารถแลกรับคะแนนเหล่านี้เพื่อรับส่วนลดได้ ทำให้ประหยัดได้มากกว่าการชำระด้วยเงินสด
ข้อเสียของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้า
การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เองก็มีข้อเสียเช่นกัน โดยที่ลูกค้าต้องทำความเข้าใจข้อเสียเหล่านี้ก่อนที่จะเลือกใช้
การเติมเงินบัตร
ตัวเลือกการเติมเงินใดก็ตามที่ต้องเติมเงินล่วงหน้าอาจใช้เวลานานและไม่สะดวก เช่น การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน หากยอดคงเหลือไม่เพียงพอ การชำระเงินจะล้มเหลว และต้องทำการเติมเงินอย่างรีบเร่ง
ความเสี่ยงของการฉ้อโกง
การลงทะเบียนการชำระเงินดิจิทัลต้องมีการจดทะเบียนที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่อยากใช้บริการ ทั้งนี้ ให้ตรวจสอบการป้องกันการฉ้อโกงของผู้ให้บริการแต่ละรายก่อนแล้วจึงค่อยทำตัดสินใจ
เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน คุณควรตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมและเปิดใช้ข้อมูลไบโอเมตริก หากทำได้ การปิดบังหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์จากสายตาที่คอยแอบมองเมื่ออยู่นอกบ้านจะช่วยลดความเสี่ยงในการฉ้อโกงได้
ไม่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย
บางครั้งการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์อาจล้มเหลว เนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟนทำงานผิดปกติหรือข้อผิดพลาดของบัตรเครดิต การมีแผนสำรอง เช่น พกเงินสดและบัตรเครดิตไว้ ในกรณีที่โทรศัพท์ของคุณสูญหายหรือใช้งานไม่ได้
นอกจากนี้ ร้านค้าบางแห่งอาจรองรับตัวเลือกดิจิทัลแค่บางประเภท เมื่อคุณออกไปข้างนอก ควรหลีกเลี่ยงการพึ่งพาอุปกรณ์หรือบัตรเครดิตเพียงอย่างเดียวมากเกินไป เพราะคุณอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ว่าตนเองไม่สามารถชำระเงินได้ในเวลาที่ไม่คาดคิด
ก่อนที่จะนำวิธีการใหม่มาใช้ โปรดตรวจสอบว่าร้านค้าจริงและร้านค้าออนไลน์ที่คุณใช้เป็นประจำยอมรับบริการใดบ้าง เพื่อเลือกวิธีการชำระเงินที่ตรงกับความต้องการของคุณ
การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างไร
ตัวเลือกการชำระเงินที่มากขึ้นทำให้การซื้อง่ายขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้นจะกระตุ้นการมีส่วนร่วมซ้ำๆ และช่วยเพิ่มยอดขาย
มีวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย และการผสมผสานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย ก่อนทำการตัดสินใจเลือกใช้วิธีการชำระเงิน ให้ประเมินความจำเป็นและดูว่าจะเพิ่มรายรับหรือไม่ นอกจากนี้ หากคุณเริ่มใช้ตัวเลือกหลายอย่างพร้อมกัน ให้ร่วมมือกับตัวแทนการชำระเงินที่สามารถมอบระบบการสนับสนุนที่ครอบคลุม เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มการซื้อและการจัดการการขาย เพื่อความสบายใจมากขึ้น
Stripe มอบเครื่องมือและฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการชำระเงินประจำวัน รวมถึงการผสานการทำงานของวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสดต่างๆ เช่น บัตรเครดิต รวมถึงการประมวลผลข้อมูลและการจัดการรายรับ ตัวอย่างเช่น Stripe Payments ที่ช่วยให้คุณสร้างสภาพแวดล้อมการชำระเงินที่ปรับให้เหมาะกับธุรกิจของคุณได้โดยไม่ต้องพัฒนาระบบของตนเองตั้งแต่ต้น อีกทั้งการชำระเงินยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ซึ่งช่วยให้คุณมอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่ปลอดภัยแก่ลูกค้าได้
การใช้ Stripe จะช่วยให้คุณลดความยุ่งยากในการชำระเงิน ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และได้รับประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย การผสานรวมวิธีการชำระเงินที่ให้บริการผ่าน Stripe จะช่วยเพิ่มความสะดวกของบริการโดยรวมและเพิ่มยอดขาย
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ