การทดลองกำหนดราคา: วิธีทดสอบ เรียนรู้ และปรับปรุง

Billing
Billing

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การทดลองกำหนดค่าบริการคืออะไร
  3. เป้าหมายของการทดลองกำหนดค่าบริการคืออะไร
    1. ค้นหาราคาที่มีประสิทธิภาพ
    2. ดูผลของการเปลี่ยนแปลงค่าบริการต่อรายรับ
    3. ประเมินความอ่อนไหวของกลุ่มลูกค้า
    4. ลองใช้โมเดลใหม่ๆ
    5. ติดตามการรักษาลูกค้า
  4. ธุรกิจสามารถจัดทำการทดลองกำหนดค่าบริการประเภทใดได้บ้าง
  5. คุณจะออกแบบการทดลองกำหนดค่าบริการที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
    1. กำหนดขอบเขตคำถาม
    2. เลือกตัวแปรหนึ่งรายการ
    3. ตั้งค่ากลุ่มควบคุมและกลุ่มทดสอบ
    4. กำหนดตัวชี้วัดของคุณล่วงหน้า
    5. ใช้เครื่องมือคำนวณศักยภาพ
    6. ควบคุมตัวแปร
    7. ตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของคุณ
  6. คุณใช้และจัดการการทดสอบการกำหนดค่าบริการอย่างไร
  7. คุณวิเคราะห์ผลการทดลองกำหนดราคาอย่างไร
    1. เริ่มจากนัยสำคัญ
    2. พิจารณาเมตริกหลักร่วมกัน
    3. แบ่งส่วนข้อมูล
    4. พิจารณาระยะยาว
    5. เปลี่ยนผลการทดสอบให้กลายเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจ
    6. ตัดสินใจ จากนั้นจัดทำเอกสาร
  8. Stripe Billing ช่วยอะไรได้บ้าง

การเปลี่ยนแปลงค่าบริการอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็ว เมื่อราคาเพิ่มขึ้น ยอดขายก็อาจลดลง แต่หากลดราคาลงต่ำเกินไป อัตรากำไรก็อาจเหลือน้อยได้เช่นกัน และเมื่อต้นทุนการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น แรงบีบคั้นในการกำหนดค่าบริการให้ถูกต้องจะเพิ่มขึ้นไปด้วย โดย 84% ขององค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางทั่วโลกระบุว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นปัญหาหลักในปี 2024

บริษัทต่างๆ ที่ต้องการหาวิธีเพิ่มรายรับให้สูงสุดสามารถจัดทำการทดลองเพื่อทดสอบราคาในตลาดและดูปฏิกิริยาของลูกค้าได้ โดยเราจะอธิบายวิธีออกแบบ ดำเนินการ และปรับปรุงการทดลองกำหนดค่าบริการเพื่อเพิ่มพูนรายรับไว้ที่ด้านล่างนี้

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การทดลองกำหนดค่าบริการคืออะไร
  • เป้าหมายของการทดลองกำหนดค่าบริการคืออะไร
  • ธุรกิจสามารถจัดทำการทดลองกำหนดค่าบริการประเภทใดได้บ้าง
  • คุณจะออกแบบการทดลองกำหนดค่าบริการที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
  • คุณจะใช้และจัดการการทดสอบกำหนดค่าบริการอย่างไร
  • คุณจะวิเคราะห์ผลการทดลองกำหนดค่าบริการอย่างไร
  • Stripe Billing ช่วยอะไรได้บ้าง

การทดลองกำหนดค่าบริการคืออะไร

การทดลองกำหนดค่าบริการเป็นวิธีการทดสอบอย่างมีแบบแผนว่าลูกค้าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อคุณเปลี่ยนราคาของผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยคุณต้องจัดทำการทดสอบที่มีการควบคุมโดยที่องค์ประกอบทั้งหมด (เช่น ผลิตภัณฑ์ ฟีเจอร์ ขั้นตอนการชำระเงิน) ยกเว้นราคาจะไม่เปลี่ยนแปลง กลุ่มหนึ่งจะเห็นราคาปัจจุบัน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเห็นราคาอื่น จากนั้นคุณก็จะวัดความแตกต่างในแง่การลงทะเบียน รายรับเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) และอัตราการรักษาลูกค้าระหว่างกลุ่มเหล่านี้

คุณต้องให้ค่าบริการเป็นตัวแปรเพียงตัวเดียวเท่านั้น เพราะหากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปหรือมีแคมเปญการตลาดทับซ้อนกัน คุณจะไม่อาจทราบได้ว่าองค์ประกอบใดกันแน่ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ดังกล่าว

เป้าหมายของการทดลองกำหนดค่าบริการคืออะไร

จุดประสงค์ของการทดลองกำหนดราคาคือหาคำตอบว่าลูกค้ามีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อคุณเปลี่ยนแปลงราคา โดยการทดลองกำหนดราคาสามารถช่วยคุณได้ดังนี้

ค้นหาราคาที่มีประสิทธิภาพ

การเรียกเก็บเงินต่ำเกินไปหรือสูงเกินไปเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยสำหรับบริษัทต่างๆ การทดลองกำหนดราคานั้นจะสามารถแสดงจุดราคาที่ลูกค้าจะซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณและจุดราคาที่ลูกค้าจะไม่ซื้อได้

ดูผลของการเปลี่ยนแปลงค่าบริการต่อรายรับ

บางครั้ง หากอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินคงที่ คุณก็สามารถเพิ่มรายรับด้วยการปรับราคาให้สูงขึ้นได้ แต่บางครั้ง การลดราคาก็จะช่วยเพิ่มรายรับด้วยการดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้เช่นกัน

ประเมินความอ่อนไหวของกลุ่มลูกค้า

ในการทดลองกำหนดราคา คุณสามารถดูว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้นและลดลงได้แบบเรียลไทม์ โดยคุณจะเห็นว่าใครเป็นผู้ที่ยังคงยอมใช้จ่ายเมื่อคุณปรับราคาขึ้นและใครเลิกใช้บริการ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มใดที่คุณปรับราคาขึ้นได้อีกและกลุ่มใดไม่ควรขึ้นราคา

ลองใช้โมเดลใหม่ๆ

จากการสำรวจของ Stripe ในปี 2024 69% ของผู้นำธุรกิจด้านการชำระเงินตามรอบบิลทั่วโลกระบุว่าตนวางแผนที่จะเปิดตัวโมเดลค่าบริการใหม่ในปีหน้า เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับการเลิกใช้บริการ หากคุณกำลังพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ชุดผลิตภัณฑ์, การชำระเงินตามรอบบิล หรือการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน การทดลองกำหนดราคานี้ก็อาจทำให้ลดอุปสรรคในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ลงได้ เพราะคุณได้ทดลองกับลูกค้ากลุ่มเล็กๆ ดูก่อนแล้ว

ติดตามการรักษาลูกค้า

แพ็กเกจการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานจะช่วยลดอัตราการเลิกใช้บริการและช่วยให้ลูกค้ายังคงใช้บริการต่อเนื่องยาวนานขึ้น การติดตามการรักษาลูกค้าในระหว่างการทดลองจะแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงโมเดลค่าบริการเพิ่มศักยภาพในการรักษาลูกค้าเอาไว้ได้หรือเพียงดึงดูดผู้ที่สนใจในข้อเสนอชั่วคราวเท่านั้น

หากทดลองอย่างมีประสิทธิภาพ การทดลองการกำหนดราคาจะสรุปความสัมพันธ์ระหว่างราคากับอุปสงค์ในตลาดจริง และช่วยให้คุณกำหนดราคาที่สมดุลระหว่างมูลค่าของลูกค้ากับรายรับที่ยั่งยืนได้

ธุรกิจสามารถจัดทำการทดลองกำหนดค่าบริการประเภทใดได้บ้าง

ประเภทการทดลองกำหนดค่าบริการที่คุณควรดำเนินการจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณต้องการทราบ โดยรูปแบบที่พบบ่อยมีดังนี้

  • การทดสอบราคาแบบ A/B: แบ่งลูกค้าออกเป็น 2 กลุ่มโดยวิธีสุ่มและแสดงราคาที่แตกต่างกัน (เช่น $50 สำหรับกลุ่มหนึ่ง และ $45 สำหรับอีกกลุ่มหนึ่ง) การทดสอบรูปแบบง่ายๆ นี้แสดงให้เห็นว่าราคาส่งผลต่อการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินและ รายรับโดยตรงอย่างไร

  • การทดสอบแบบแบ่งระดับหรือแบบหลายตัวเลือก: ทดสอบรายการผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมด ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) อาจจัดทำการทดลองที่โดยนำเสนอแพ็กเกจบริการหลายระดับ ได้แก่ ระดับ Basic ที่ราคา $19, ระดับ Pro ที่ราคา $49, และระดับ Enterprise ที่ราคา $99 วิธีนี้จะวัดความเต็มใจของลูกค้าที่จะจ่ายเงินเพื่อใช้งานฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน และจะแสดงให้เห็นได้ว่าการแบ่งบริการเป็นหลายตัวเลือกจะส่งผลให้ลูกค้าเลือกตัวเลือกระดับกลางๆ ไว้ก่อนหรือไม่

  • เปรียบเทียบการจัดชุดสำเร็จกับการจำหน่ายแยกรายการ: ลองรวมผลิตภัณฑ์หรือบริการไว้ในแพ็กเกจเดียว (เช่น "จับคู่ X กับ Y ในราคา $99") และขายแต่ละรายการแยกกันเพื่อดูว่าโมเดลค่าบริการแบบใดช่วยเพิ่มยอดใช้จ่ายโดยรวมได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณทราบว่าลูกค้าชอบวิธีการกำหนดราคาแบบเป็นแพ็กเกจหรือแบบแยกรายการมากกว่ากัน

  • ส่วนลดและโปรโมชัน: มอบคูปองหรือส่วนลด (เช่น "ส่วนลด 20% ในเดือนนี้") ให้กับลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ให้อีกกลุ่มหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์จากสองกลุ่ม คุณจะรู้ได้ว่าโปรโมชันช่วยเพิ่มยอดขายได้มากพอที่จะชดเชยอัตรากำไรที่น้อยลงจากสินค้าลดราคาได้หรือไม่ นอกจากนี้คุณยังจะได้รู้ด้วยว่าส่วนลดประเภทต่างๆ (เช่น การหั่นราคา การจัดส่งฟรี การทดลองใช้ฟรี) ส่งผลต่อการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินอย่างไร

  • การกำหนดราคาเชิงจิตวิทยา: ทดสอบหลักฐานทางจิตวิทยา เช่น การกำหนดราคาให้น่าดึงดูด (เช่น $49.99 แทนที่จะตั้งเป็น $50), การกำหนดราคาแบบมีตัวเปรียบเทียบ (เช่น "ลดจาก $129 เหลือ $99) และการตั้งเงื่อนไขจำกัด (เช่น แสดงราคาในรูปแบบข้อเสนอจำกัดเวลา) รูปแบบเชิงจิตวิทยาเช่นนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมอย่างแยบยลและสามารถนำไปทดสอบเช่นเดียวกับตัวแปรอื่นๆ ได้อีกด้วย

  • การทดลองแบบไดนามิกหรือแบบตามการใช้งาน: เพิ่มราคาเมื่อความต้องการสูงขึ้นหรือเรียกเก็บเงินต่อธุรกรรมแทนที่จะคิดค่าธรรมเนียมตายตัว การทดสอบลักษณะนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการกำหนดราคาครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม การทดสอบเพียงไม่นานก็จะบอกได้ว่าลูกค้ายอมรับรูปแบบที่ยืดหยุ่นเช่นนี้ได้หรือไม่

  • การทดสอบเฉพาะกลุ่ม: ทดสอบด้วยอัตราราคาสำหรับนักเรียนที่ต่ำลงหรือส่วนลดระดับภูมิภาค และเปรียบเทียบผลลัพธ์กับผลลัพธ์ที่ได้จากราคามาตรฐาน วิธีนี้จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าลูกค้าบางกลุ่มยินดีจ่ายเท่าใด

คุณจะออกแบบการทดลองกำหนดค่าบริการที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร

หากคุณออกแบบการทดลองกำหนดราคาไม่ดีพอ คุณจะไม่ทราบว่าผลลัพธ์นั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ โดยวิธีออกแบบการทดสอบให้คุณได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มีดังนี้

กำหนดขอบเขตคำถาม

เริ่มจากการตั้งสมมติฐานที่ตรวจสอบได้ชัดเจนมากกว่าการทดสอบโดยใช้ราคาที่สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว (เช่น "การลดราคาจาก $50 เป็น $45 จะเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินได้มากพอที่จะเพิ่มรายรับรายเดือนขึ้น 10% หรือไม่") สมมติฐานแบบนี้บังคับให้คุณระบุทั้งตัวแปรที่คุณจะเปลี่ยนและตัวชี้วัดที่คุณจะประเมินได้

เลือกตัวแปรหนึ่งรายการ

จุดราคา รอบการเรียกเก็บเงิน การจัดชุดสินค้า และส่วนลดล้วนเป็นปัจจัยที่ทดสอบได้ แต่ต้องไม่ทดสอบพร้อมกัน หากคุณเปลี่ยนทั้งราคาและชุดฟีเจอร์ คุณจะไม่สามารถระบุได้ว่าการเปลี่ยนแปลงใดที่ส่งผลให้ได้รับผลการทดลองนั้นๆ ออกมา

ตั้งค่ากลุ่มควบคุมและกลุ่มทดสอบ

กลุ่มควบคุมจะทดสอบด้วยราคาปัจจุบันตลอด ส่วนกลุ่มทดสอบจะได้รับราคาตัวแปร ซึ่งโดยปกติแล้ว การกำหนดราคาแบบสุ่มให้กับกลุ่มจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด บางครั้งธุรกิจที่มีปริมาณการชำระเงินต่ำอาจกำหนดกลุ่มพื้นฐานตามภูมิภาคหรือช่วงเวลาของปี แต่อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ช่วงเทศกาลและกลยุทธ์ของคู่แข่ง

กำหนดตัวชี้วัดของคุณล่วงหน้า

เลือกตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของคุณ เช่น อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน มูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ย รายรับสุทธิ อัตราการเลิกใช้บริการ มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า เป็นต้น ให้กำหนดเกณฑ์ความสำเร็จเอาไว้ (เช่น "ราคาที่เป็นตัวแปรจะถือว่าผ่านเกณฑ์หากอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินเพิ่มขึ้น 15% โดยไม่ลด ARPU") โดยให้กำหนดขีดจำกัดที่จะบอกคุณว่าควรหยุดทดสอบเร็วกว่ากำหนดหรือไม่หากรายรับลดลง

ใช้เครื่องมือคำนวณศักยภาพ

การทดลองที่ทำให้เกิดการลงทะเบียนจำนวนไม่กี่รายการไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ให้ใช้เครื่องมือคำนวณศักยภาพแทน เนื่องจากเครื่องมือทางสถิตินี้จะช่วยให้คุณทราบจำนวนผู้เข้าร่วมหรือจุดข้อมูลที่จำเป็นต่อความน่าเชื่อถือของผลการทดสอบ รวมถึงระยะเวลาที่แนะนำสำหรับการทดลองด้วย การทดสอบกำหนดราคาจำนวนมากต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญ

ควบคุมตัวแปร

หลีกเลี่ยงการเปิดตัวฟีเจอร์หรือโปรโมชันใหม่ในระหว่างการทดสอบ ปรับสภาพแวดล้อมการทดสอบให้สม่ำเสมอเพื่อให้คุณสามารถระบุได้อย่างน่าเชื่อถือว่าราคาเป็นตัวขับเคลื่อนผลลัพธ์จริงๆ

ตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของคุณ

ระบบการเรียกเก็บเงินแบบเดิมไม่สามารถรองรับการใช้หลายราคาควบคู่กันได้เสมอไป Stripe Billing นั้นสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงการทดลองด้วย ดังนั้น คุณจึงสามารถสร้าง ID ราคาหลายรายการสำหรับผลิตภัณฑ์เดียวกัน กำหนดเส้นทางให้กับลูกค้าแบบสุ่ม และจัดทำรายงานแยกต่างหากได้ ไม่ว่าคุณจะใช้สแต็กการเรียกเก็บเงินแบบไหนก็ตาม โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าระบุราคาตามที่กำหนดไว้ ตั้งแต่หน้าแลนดิ้งเพจไปจนถึงใบแจ้งหนี้

คุณใช้และจัดการการทดสอบการกำหนดค่าบริการอย่างไร

เมื่อคุณออกแบบการทดลองเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องเริ่มดำเนินการและจัดการการทดสอบด้วยวิธีที่ไม่สร้างความยุ่งยากให้กับลูกค้าหรือทีมของคุณ ซึ่งวิธีการที่เหมาะสมมีดังนี้

  • ให้ข้อมูลทุกคนอย่างสอดคล้องกัน: แจ้งให้ทุกคนที่โต้ตอบกับลูกค้าหรือจัดการกับรายรับ (เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายการตลาด ฝ่ายการเงิน) ได้ทราบเมื่อเริ่มการทดลองแล้ว ทีมงานภายในของคุณต้องพร้อมตอบคำถามหากมีผู้ถามเข้ามา

  • เริ่มทดลองอย่างค่อยเป็นค่อยไป: เริ่มทดลองกับการใช้งานในปริมาณไม่มากก่อน เพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดในการออกใบแจ้งหนี้ แล้วจึงขยับขยายไปสู่ปริมาณที่มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณควบคุมความเสียหายได้ในกรณีที่เกิดความขัดข้องหรือกรณีที่ผลการทดสอบไม่ดีเท่าที่ควรได้

  • ดูข้อมูลเรียลไทม์ แต่ตัดสินใจในภายหลัง: แดชบอร์ดควรติดตามตัวชี้วัดการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน รายรับ และการป้องกันขณะที่ข้อมูลเข้ามา หากรายรับลดลง ก็ควรหยุดการทดลอง ทั้งนี้คุณไม่ควรรีบหยุดการทดลองแต่เนิ่นๆ เนื่องจากผลการทดลองในช่วงแรกไม่ได้บ่งบอกถึงภาพรวมทั้งหมดเสมอไป

  • ทดสอบอย่างตรงไปตรงมา: อย่าปล่อยให้ลูกค้าที่จัดอยู่ในกลุ่มหนึ่งกลายไปเป็นลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง (เช่น การแชร์ลิงก์หรือการสลับอุปกรณ์) อย่าปล่อยให้การทดลองที่สำคัญๆ ทับซ้อนกันเองเนื่องจากจะรบกวนผลการทดสอบซึ่งกันและกัน

  • ปกป้องประสบการณ์ของลูกค้า: ค่าบริการเป็นสิ่งที่ผู้ใช้จะเห็นได้และนำไปพูดต่อกัน ดังนั้นหากคุณกำลังทดสอบราคาที่แตกต่างกันในตลาดเดียวกัน ให้ลองพิจารณาว่าคุณจะรับมือกับการที่ลูกค้านำราคามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร บางบริษัทก็จะจัดทำการทดสอบในรูปแบบข้อเสนอแบบจำกัดเวลาเพื่อลดทอนภาพจำเรื่องการกำหนดราคาไม่ยุติธรรมลงไป

  • ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม: การเรียกเก็บค่าบริการ 2 รายการพร้อมกันอาจทำให้สแต็กการเรียกเก็บเงินทำงานยากขึ้น ทั้งนี้ Stripe Billing จะช่วยให้เรียกเก็บค่าบริการที่แตกต่างกันทำได้ง่ายขึ้น และรวมศูนย์การดำเนินการทั้งหมดไว้ในที่เดียว

คุณวิเคราะห์ผลการทดลองกำหนดราคาอย่างไร

เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลง คุณจะต้องตรวจดูข้อมูลดิบที่ได้มา โดยมีวิธีวิเคราะห์ผลการทดลองกำหนดราคาของคุณดังต่อไปนี้

เริ่มจากนัยสำคัญ

ตรวจสอบว่าผลลัพธ์นั้นถูกต้องหรือไม่ในทางสถิติ การเพิ่มขึ้นของอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน 2% นั้นจะส่งผลเพียงเล็กน้อยหากกลุ่มตัวอย่างมีขนาดเล็ก ให้ใช้ตัวเลข เช่น ค่า P และช่วงความน่าเชื่อถือ หรือใช้แพลตฟอร์มการทดลองของคุณเพื่อยืนยันว่าผลลัพธ์นั้นถูกต้องทางสถิติ

พิจารณาเมตริกหลักร่วมกัน

จัดเก็บผลลัพธ์ของกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดสอบซึ่งได้แก่ อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน เงินค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ย, ARPU และกำไรขั้นต้น ไว้ข้างเคียงกัน การบันทึกตัวชี้วัดแยกกันจะไม่ให้ภาพรวมที่สมบูรณ์ ค่าบริการที่สูงขึ้นอาจลดอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน แต่ยังคงเพิ่มรายรับได้ ในขณะที่ส่วนลดอาจเพิ่มการลงทะเบียนได้มาก แต่ทำให้อัตรากำไรลดลงมากเช่นกัน ตรวจสอบตัวชี้วัดทั้งหมดร่วมกันเพื่อให้ได้คำตอบที่รอบด้าน

แบ่งส่วนข้อมูล

แยกผลลัพธ์ออกเป็นกลุ่มประชากรต่างๆ เช่น ธุรกิจใหม่เทียบกับธุรกิจหมุนเวียน องค์กรเทียบกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือภูมิภาค A เทียบกับภูมิภาค B การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้กลุ่มหนึ่งเพิ่มขึ้นและอีกกลุ่มหนึ่งลดลงได้ในบางครั้ง การเปรียบเทียบผลลัพธ์ในกลุ่มหนึ่งกับอีกกลุ่มหนึ่งก็จะสามารถบอกได้ว่าควรปรับใช้ราคาของคุณกับลูกค้าทุกคนหรือควรเจาะจงเพียงบางกลุ่มเท่านั้น

พิจารณาระยะยาว

การบรรลุเป้าหมายระยะสั้นอาจมีข้อเสียในระยะยาวซุกซ่อนอยู่ ให้พิจารณาว่าลูกค้าที่ได้มาจากการเสนอส่วนลดจะเลิกใช้บริการเร็วกว่าหรือไม่ หรือลูกค้าที่ยอดชำระเงินสูงกว่าให้การมีส่วนร่วมได้มากกว่าหรือไม่ หากคุณติดตามการรักษาลูกค้า คะแนนผู้สนับสนุนสุทธิ อัตราการคืนเงิน หรือปริมาณการสนับสนุน ก็ให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ด้วย การบรรลุเป้าหมายจากการกำหนดราคาที่ส่งผลลบต่ออัตราความพึงพอใจในภายหลังนั้นไม่ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายเสียทีเดียว

เปลี่ยนผลการทดสอบให้กลายเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจ

คำนวณผลลัพธ์ระยะยาวจากการเพิ่มขึ้นหรือลดลง: ตัวอย่างเช่น "ค่าบริการระดับนี้ช่วยเพิ่มรายรับต่อผู้เข้าชมได้ 5% ซึ่งเทียบเท่ากับ X ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีหากเปิดตัว" อธิบายผลลัพธ์โดยใช้ข้อกำหนดที่ผู้บริหารและทีมการเงินสนใจ

ตัดสินใจ จากนั้นจัดทำเอกสาร

ใช้สูตรราคาที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดหากตรงตามเกณฑ์ความสำเร็จของคุณ หากไม่ตรงตามเกณฑ์ดังกล่าว ให้ใช้ค่าบริการปัจจุบันหรือออกแบบการทดสอบครั้งถัดไป ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร โปรดบันทึกข้อมูลที่คุณได้เรียนรู้ ซึ่งได้แก่ตัวแปร ผลกระทบ และตัวเลข การทดลองกำหนดราคาแต่ละครั้งจะสอดคล้องต่อเนื่องกันไป และบันทึกที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณปรับปรุงผลลัพธ์เหล่านั้นได้ในระยะยาว

เป้าหมายคือการสร้างชุดข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับปฏิกิริยาของตลาดต่อราคา เพื่อให้คุณมีหลักฐานเชิงประจักษ์เมื่อเริ่มการประเมินราคาครั้งต่อไป

Stripe Billing ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและบริหารจัดการลูกค้าได้ตามที่คุณต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าง่ายๆ ไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานและสัญญาที่ตกลงกันทางการขาย เริ่มรับชำระเงินแบบตามแผนล่วงหน้าจากทั่วโลกได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ด หรือใช้วิธีสร้างการผสานการทำงานแบบกำหนดเองโดยใช้ API

Stripe Billing ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • กำหนดค่าบริการแบบยืดหยุ่น: ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้เร็วขึ้นด้วยโมเดลการกำหนดค่าบริการที่ยืดหยุ่น ซึ่งมีทั้งแบบตามการใช้งาน แบบแบ่งระดับ ค่าธรรมเนียมคงที่บวกค่าธรรมเนียมส่วนเกิน และอีกมากมาย ทั้งยังรองรับคูปอง การทดลองใช้งานฟรี การแบ่งชำระตามสัดส่วน และส่วนเสริมในตัวอีกด้วย

  • ขยายไปทั่วโลก: เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินด้วยการเสนอวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับวิธีการชำระเงินในแต่ละประเทศมากกว่า 125 วิธีและกว่า 130 สกุลเงิน

  • เพิ่มรายได้และลดอัตราการเลิกใช้บริการ: ให้คุณเก็บรายรับได้มากขึ้นและลดการเลิกใช้บริการโดยไม่สมัครใจด้วย Smart Retries และระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการกู้คืน เครื่องมือการกู้คืนของ Stripe ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกู้คืนรายรับกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในปี 2024

  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ใช้เครื่องมือภาษีแบบโมดูลาร์ การรายงานรายรับ และข้อมูลของ Stripe เพื่อรวมระบบรายรับหลายระบบให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ภายนอกได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Billing หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Billing

Billing

เรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก

Stripe Docs เกี่ยวกับ Billing

สร้างและจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ติดตามการใช้งาน และออกใบแจ้งหนี้