การฉ้อโกงด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย: การฉ้อโกงด้านอีคอมเมิร์ซคืออะไรและจะป้องกันอย่างไร

Radar
Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ
  3. การฉ้อโกงในระบบอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีอะไรบ้าง
    1. กรณีผู้บริโภค
    2. กรณีผู้ประกอบการ
  4. มาตรการป้องกันความปลอดภัยบนระบบอีคอมเมิร์ซ
  5. Stripe Radar ตัวช่วยสำคัญในการป้องกันการฉ้อโกงทางการเงิน
  6. รู้ทันและป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ

ในยุคดิจิทัลที่ระบบอีคอมเมิร์ซกลายเป็นช่องทางค้าขายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายสินค้าออนไลน์ การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางเม็ดเงินและโอกาสทางธุรกิจที่มากมายย่อมแฝงมาด้วยความเสี่ยงจากการฉ้อโกงออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือการปลอมแปลงเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งาน ผู้บริโภคควรรู้ทันกลโกงบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความเข้าใจและมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันระบบจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในระบบอีคอมเมิร์ซ รู้เท่าทันรูปแบบการฉ้อโกงที่พบบ่อย พร้อมทั้งทำความรู้จักกับเทคโนโลยีและมาตรการป้องกันการฉ้อโกง อย่าง Stripe Radar ที่จะช่วยตรวจจับและสกัดภัยคุกคามบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น

เนื้อหาหลักในบทความ

  • แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ
  • การฉ้อโกงในระบบอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีอะไรบ้าง
  • มาตรการป้องกันความปลอดภัยบนระบบอีคอมเมิร์ซ
  • Stripe Radar ตัวช่วยสำคัญในการป้องกันการฉ้อโกงทางการเงิน
  • รู้ทันและป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ

แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็เปิดช่องทางให้มิจฉาชีพใช้กลโกงในรูปแบบต่างๆ เพื่อหลอกลวงผู้บริโภค เช่น สแกมเมอร์หลอกว่าจ้างงานรีวิว โดยมีการหลอกให้โอนเงินก่อนได้รับงานทั้งที่งานไม่มีอยู่จริง หรือเพื่อฉ้อโกงผู้ประกอบการ เช่น การปลอมแปลงการชำระเงินโดยการส่งสลิปโอนเงินปลอม ซึ่งหากไม่มีความรู้และมาตรการป้องกันที่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายต่อทรัพย์สิน และสำหรับผู้ประกอบการก็อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรายได้ การดำเนินงาน และภาพลักษณ์ของธุรกิจ

เกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากการฉ้อโกงคือพฤติกรรมการซื้อขายที่รอบคอบและการรู้เท่าทันกลโกง การอัปเดตข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อโกงในระบบอีคอมเมิร์ซเป็นหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ผู้ประกอบการควรอบรมพนักงานให้ตระหนักถึงความสำคัญของการรู้ทันและป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งมีแผนรับมือกรณีเกิดการฉ้อโกงหรือข้อมูลรั่วไหล นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น มาตรฐาน PCI DSS ในการจัดการข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้า การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย หรือตัวช่วยอย่าง Stripe Radar ซึ่งเป็นระบบที่สามารถตรวจจับและระบุพฤติกรรมฉ้อโกงได้ทันทีแบบเรียลไทม์ ป้องกันเหตุร้ายก่อนที่จะเกิดผลกระทบกับธุรกิจ

การฉ้อโกงในระบบอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีอะไรบ้าง

รูปแบบการฉ้อโกงที่พบได้บ่อยในระบบอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ทั้งในมุมผู้บริโภคและในมุมผู้ประกอบการมีดังนี้

กรณีผู้บริโภค

  • การหลอกลวงผ่านบัญชีโซเชียลปลอม: ใช้รีวิวจากบัญชีปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าและสินค้าหลอกลวง เช่น การหลอกขายทุเรียนโดยอ้างว่าเป็นดาราเจ้าของสวน ควรมีการตรวจสอบชื่อบัญชีหรือวิธีชำระให้รอบคอบเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
  • สินค้าปลอมหรือคุณภาพต่ำ: ผู้ขายแอบอ้างว่าสินค้าเป็นของแท้หรือคุณภาพสูง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นของปลอม ต่ำกว่ามาตรฐานที่ได้ระบุข้อมูลไว้ หรือได้รับสินค้าที่ไม่ตรงกับที่โฆษณา และมีกรณีมากมายที่ผู้บริโภคโอนเงินไปให้ผู้ขายแต่ไม่ได้รับสินค้า
  • การลักลอบเก็บข้อมูล (Hacking): แฮ็กเกอร์หรือผู้ไม่หวังดีใช้เว็บไซต์ปลอมหรือฟิชชิ่งเว็บไซต์เพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลส่วนตัว
  • สแกมเมอร์ขายฝัน: สร้างเรื่องราวมาหลอกให้เหยื่อจ่ายเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับเป้าหมายบางอย่าง เช่น การหลอกโอนเงินเพื่อให้ลูกได้งานถ่ายแบบหรือโฆษณา, งานปลอมที่ต้องโอนเงินก่อนได้งาน, สแกมเมอร์หลอกให้รักเพื่อหวังเงิน เป็นต้น การทำงานควรได้รับเงินตอบแทน ไม่ควรโอนเงินก่อนได้งานหรือเพื่อให้ได้งานไม่ว่ากรณีใดๆ
  • เว็บไซต์/แอปพลิเคชันปลอม: มิจฉาชีพสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่เลียนแบบของจริงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลหรือชำระเงินผ่านช่องทางปลอม ข้อมูลบัตรจะถูกขโมยเพื่อนำไปใช้งาน ควรหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้แหล่งที่มาและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันก่อนทำธุรกรรม เว็บไซต์ที่ปลอดภัยมักจะมีการแสดง “https” ในแถบที่อยู่
  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์: มิจฉาชีพที่โทรศัพท์มาหลอกลวงเหยื่อ เช่น ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือโปรโมชันพิเศษ เพื่อขอให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลบัตรเครดิต บางครั้งอาจหลอกล่อด้วยของรางวัลหรือคะแนนสะสม ถ้าเจ้าของบัตรหลงเชื่อและกรอกข้อมูล ก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงิน

กรณีผู้ประกอบการ

  • การแอบอ้างชื่อร้านหรือคนที่มีชื่อเสียง: มิจฉาชีพใช้ชื่อร้าน แบรนด์ หรือคนที่มีชื่อเสียงไปเปิดเพจปลอมเพื่อหลอกลวงลูกค้า ร้านค้าควรแสดงข้อมูลชื่อบัญชีชำระเงินที่ถูกต้องให้ชัดเจน และควรตรวจสอบและทำโพสต์ประกาศเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้บริโภคในกรณีที่มีการแอบอ้างชื่อร้านหรือบุคคล
  • การฉ้อโกงผ่านการคืนเงิน/คืนสินค้า: ลูกค้าอาจอ้างว่าสินค้ามีปัญหาเพื่อขอเงินคืน แต่กลับส่งสินค้าปลอมมาแทน หรืออ้างว่าไม่ได้รับสินค้าและเรียกร้องคืนเงิน ทั้งที่จริงได้รับไปแล้ว
  • ปลอมแปลงการชำระเงิน: ลูกค้าส่งสลิปปลอมเพื่อแสดงว่ามีการโอนเงินเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่จริงไม่ได้มีการโอนแต่อย่างใด
  • การสั่งซื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต: การแอบใช้บัตรเครดิตโดยบุคคลใกล้ตัวที่ไม่ได้รับอนุญาต เช่น คนในบ้าน ญาติ พนักงาน หรือการใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมา เพื่อทำการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัตร อาจส่งผลให้เจ้าของบัตรขอยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขอรับเงินคืนในภายหลัง
  • การใช้โปรโมชันในทางที่ผิด: การละเมิดหรือใช้โปรโมชันของธุรกิจในทางที่ผิด เช่น การสมัครบัญชีใหม่เรื่อยๆ เพื่อเป็นลูกค้าใหม่ในการรับข้อเสนอส่วนลดพิเศษหรือปฏิเสธการชำระเงิน จนอาจทำให้ธุรกิจมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงในระยะยาว
  • การโจมตีระบบคอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์เข้าถึงโจมตีและเข้าถึงระบบของร้าน แล้วดึงข้อมูลบัญชีของลูกค้าเพื่อใช้บัตรของลูกค้าซื้อของโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจต้องรับผิดชอบในความไม่ได้มาตรฐานของระบบความปลอดภัย หรือแฮ็กเกอร์อาจแอบเข้าสู่ระบบร้านค้าเพื่อเปลี่ยนข้อมูลบัญชีหรือเบิกเงินออกจากร้านได้
  • การฉ้อโกงจากพนักงาน: พนักงานของร้านอาจนำข้อมูลบัตรของลูกค้าไปใช้งานต่อ ขายข้อมูลบัตรและ/หรือข้อมูลของลูกค้าให้กลุ่มมิจฉาชีพ หรือร่วมกันก่อเหตุปลอมแปลงหรือหลอกลวง ปัญหานี้สามารถป้องกันได้โดยการฝึกอบรมพนักงาน ให้ความรู้เรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตร และกฎลงโทษทางกฎหมายจากการฉ้อโกง

มาตรการป้องกันความปลอดภัยบนระบบอีคอมเมิร์ซ

ถึงแม้มิจฉาชีพมักจะมีกลอุบายใหม่ๆ ในการฉ้อโกง แต่ผู้ประกอบการและผู้บริโภคก็สบายใจได้ว่าธุรกรรมบนระบบอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการดำเนินการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยมากมาย ตัวอย่างเช่น

  • การป้องกันการฉ้อโกงด้วยการดึงเงินคืน: เพื่อลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงด้วยการดึงเงินคืน (Chargeback Fraud) และการใช้ข้อมูลปลอมทางออนไลน์ ร้านค้าควรจัดเก็บหลักฐานการทำธุรกรรมและใช้ระบบความปลอดภัย เช่น เก็บใบเสร็จและลายเซ็นลูกค้าเพื่อเป็นหลักฐาน, ใช้ระบบ KYC (Know Your Customer) หรือการตรวจสอบตัวตนของลูกค้าก่อนให้บริการ เช่น การยืนยันผ่านรหัส OTP หรือ การยืนยันตัวตนผ่านบัตรประชาชน
  • การเข้ารหัสข้อมูล: เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (encryption) หรือกระบวนการแปลงข้อมูลจากรูปแบบที่สามารถอ่านและเข้าใจได้ไปเป็นรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านหรือทำความเข้าใจได้ ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่างผู้ส่งและผู้รับมีความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกงหรือโจรกรรม
  • การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (Multi-Factor Authentication): เป็นกลไกเพิ่มความปลอดภัยในเทคโนโลยีการชำระเงินเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งในการตรวจสอบสิทธิ์ก่อนที่จะมีการอนุญาตให้เข้าถึงการดำเนินธุรกรรม เช่นลายเซ็นดิจิทัล การใช้รหัสผ่าน ควบคู่กับการยืนยันผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือข้อมูลไบโอเมตริก (Biometrics)
  • การใช้โปรโตคอลความปลอดภัย: การใช้โปรโตคอล SSL (Secure Sockets Layer) และ S-HTTP (Secure Hypertext Transfer Protocol) ช่วยสร้างช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัยระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์
  • การใช้ระบบรักษาความปลอดภัย: การติดตั้งไฟร์วอลล์ (firewall) และพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ (proxy server) ช่วยป้องกันการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตและกรองข้อมูลที่อาจเป็นอันตราย
  • มาตรฐานความปลอดภัย PCI DSS: มาตรฐานสากลนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลบัตรเครดิตและการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การจำกัดการเข้าถึงข้อมูล และการตรวจสอบระบบเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก
  • ระบบตรวจสอบธุรกรรมที่มีความเสี่ยง: กระบวนการประเมิน วิเคราะห์ และติดตามธุรกรรมที่น่าสงสัยและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการทุจริตหรือการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี เมื่อมีการระบุธุรกรรมที่มีความเสี่ยง ระบบจะแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการทำรายการผิดปกติ เช่น ธุรกรรมที่มีจำนวนเงินสูง ความถี่ในการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือข้อมูลผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับประวัติการใช้งานปกติ

Stripe Radar ตัวช่วยสำคัญในการป้องกันการฉ้อโกงทางการเงิน

Stripe Radar สามารถตรวจจับและบล็อกการฉ้อโกงด้วยแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) แบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและยกระดับระบบรักษาความปลอดภัย โดยอ้างอิงข้อมูลจากสถิติการฉ้อโกงออนไลน์ที่ได้รับการฝึกสอนด้วยขุมทรัพย์ข้อมูลจากบริษัทหลายล้านรายทั่วโลก และจำนวนธุรกรรมนับล้านรายการในแต่ละปี ทำให้ Radar สามารถประเมินระดับความเสี่ยงของการชำระเงินทั้งหมดออกมาเป็นคะแนนได้ ช่วยให้คุณคัดแยกมิจฉาชีพออกจากกลุ่มลูกค้าได้ง่ายๆ

อัลกอริทึมของ Radar สามารถเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน และพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับรูปแบบการฉ้อโกงที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ พร้อมด้วยระบบ 3D Secure ที่มีไว้คัดกรองและบล็อกธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงได้โดยอัตโนมัติ ตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงก่อนที่จะกระทบกับธุรกิจของคุณ

รู้ทันและป้องกันกลโกงบนอีคอมเมิร์ซ

ท่ามกลางการเติบโตของอีคอมเมิร์ซไทยในยุคดิจิทัล กลโกงต่างๆ ก็มีการพัฒนาตามเป็นเงาไปด้วย เพราะฉะนั้นความรู้ในการใช้งานอีคอมเมิร์ซอย่างปลอดภัย การมีสติและรู้เท่าทันถึงพฤติกรรมฉ้อโกงที่พบบ่อย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาตรการความปลอดภัยที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการชำระเงินที่มีความเสี่ยงสูง คัดกรองและป้องกันการฉ้อโกงได้โดยอัตโนมัติ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ช่วยเกื้อหนุนสภาพแวดล้อมอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยให้ปลอดภัยและยั่งยืนได้ในระยะยาว

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Radar

Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

Stripe Docs เกี่ยวกับ Radar

ใช้ Stripe Radar เพื่อปกป้องธุรกิจจากการฉ้อโกง