ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินสำหรับธุรกิจในประเทศไทย

Billing
Billing

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การเรียกเก็บเงินในประเทศไทย
  3. การเตรียมเอกสารสำหรับการเรียกเก็บเงิน
    1. ใบแจ้งหนี้ (Invoice)
    2. ใบสั่งซื้อจากลูกค้า (Purchase Order)
    3. ใบส่งสินค้า/ ใบส่งมอบงาน (Delivery Order/ Work Completion Form)
    4. ใบกำกับภาษี (Tax Invoice)
    5. เอกสารอื่นๆ
  4. ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินในประเทศไทยมีอะไรบ้าง
    1. ตกลงเงื่อนไขการชำระเงิน
    2. นัดวันวางบิล
    3. จัดเตรียมเอกสารเรียกเก็บเงิน
    4. จัดส่งเอกสาร
    5. ตรวจสอบและยืนยันการรับเอกสาร
    6. ติดตามธุรกรรม (หากจำเป็น)
    7. รับชำระเงินและบันทึกบัญชี
  5. Stripe Billing ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

การเรียกเก็บเงินถือเป็นหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญในการทำธุรกิจและเป็นขั้นตอนที่มีผลโดยตรงต่อกระแสเงินสดขององค์กร ระบบการเรียกเก็บเงินมักมีขั้นตอนต่างๆ เช่น การออกใบแจ้งหนี้ การส่งมอบเอกสารประกอบการชำระเงิน และการรับชำระเงินด้วยเช็คหรือโอนเงินเข้าบัญชี แม้กระบวนการนี้อาจดูเป็นเหมือนเรื่องทั่วไป แต่จริงๆ แล้วต้องปฏิบัติด้วยความแม่นยำสูง ทั้งในด้านการเตรียมเอกสารและการจัดการตั้งแต่ต้นจนจบ

บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการเรียกเก็บเงินในประเทศไทย ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร การออกใบแจ้งหนี้ ไปจนถึงการติดตามการชำระเงิน และขอแนะนำตัวช่วยที่ทำให้ขั้นตอนการวางบิลเป็นไปได้ง่ายขึ้น

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การเรียกเก็บเงินในประเทศไทย
  • การเตรียมเอกสารสำหรับการเรียกเก็บเงิน
  • ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินในประเทศไทยมีอะไรบ้าง
  • Stripe Billing ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

การเรียกเก็บเงินในประเทศไทย

การเรียกเก็บเงิน หรือ การวางบิล (Billing) คือกระบวนการที่ผู้ให้บริการหรือผู้ขายสินค้าดำเนินงานทางเอกสารเพื่อแจ้งให้ผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการทราบถึงรายละเอียดการชำระเงินตามที่ตกลงกันไว้ เป็นกระบวนการสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ก็ต้องมีระบบการเรียกเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง ช่วยป้องกันปัญหาเรื่องการชำระเงินล่าช้า อีกทั้งยังสามารถช่วยลดข้อผิดพลาดและข้อขัดแย้งระหว่างคู่ค้าได้อีกด้วย

ประเทศไทยยังมีการใช้เอกสารกระดาษและการชำระเงินด้วยเช็คกันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ หน่วยงานราชการและองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆ มักมีระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดและซับซ้อนกว่าทั่วไป ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรมีความเข้าใจในขั้นตอนของระบบการเรียกเก็บเงิน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

การเตรียมเอกสารสำหรับการเรียกเก็บเงิน

การเตรียมเอกสารสำหรับการเรียกเก็บเงิน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "การวางบิล" เป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างมีระบบแบบแผนและสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเอกสารหลักๆ ที่ใช้มีดังนี้

ใบแจ้งหนี้ (Invoice)

เอกสารเพื่อแจ้งยอดเงินที่ต้องชำระสำหรับสินค้าหรือบริการ

ควรจัดทำใบแจ้งหนี้ที่มีรายละเอียดครบถ้วน ดังนี้

  • หมายเลขใบแจ้งหนี้ (Invoice No.)
  • วันที่ออกเอกสาร
  • ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขายและผู้ซื้อ
  • รายการสินค้า/บริการ พร้อมรายละเอียด จำนวน หน่วย ราคา และราคารวม
  • จำนวนเงินรวมก่อนภาษี, ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%)
  • ยอดรวมสุทธิ
  • เงื่อนไขการชำระเงิน (เช่น เครดิต 30 วัน หรือชำระทันที)
  • ช่องทางการชำระเงิน (เช่น โอนผ่านบัญชีธนาคารหรือเช็ค)

ใบสั่งซื้อจากลูกค้า (Purchase Order)

เอกสารที่ผู้ซื้อออกให้กับผู้ขายเพื่อแสดงความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ ควรแนบใบสั่งซื้อไปกับเอกสารเรียกเก็บเงินเพื่อช่วยยืนยันว่าเป็นการซื้อขายตามข้อตกลง โดยในเอกสารจะระบุรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • รายการสินค้า/บริการที่ต้องการซื้อ
  • จำนวน
  • ราคาต่อหน่วย
  • ราคารวม
  • วันที่จัดส่ง
  • เงื่อนไขการชำระเงิน (เช่น เครดิต 30 วัน หรือชำระทันที)
  • ข้อมูลของผู้ซื้อและผู้ขาย

ใบส่งสินค้า/ ใบส่งมอบงาน (Delivery Order/ Work Completion Form)

เอกสารเพื่อใช้ยืนยันว่ามีการส่งมอบสินค้าหรือบริการแล้ว โดยมีรายละเอียดสินค้าที่ตรงกับใบแจ้งหนี้ ดังนี้

  • หมายเลขเอกสารและวันที่
  • รายการสินค้าหรือบริการที่ส่ง
  • จำนวนและหน่วยนับ
  • ผู้รับของเซ็นรับ พร้อมวันที่รับ
  • อ้างอิงเลขที่ใบสั่งซื้อ (ถ้ามี)

ใบกำกับภาษี (Tax Invoice)

เอกสารที่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ต้องออกให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ เพื่อให้ทราบถึงจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขาย
  • ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ (หากเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ)
  • เลขที่ของใบกำกับภาษีและวันที่ออกใบกำกับภาษี
  • รายละเอียดของสินค้าหรือบริการ
  • มูลค่าสินค้าหรือบริการก่อนภาษี
  • จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เรียกเก็บ
  • มูลค่ารวมของทั้งรายการ (รวมภาษี)

เอกสารอื่นๆ

ตัวอย่างเช่น หนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย (ถ้ามี) และสำเนาบัตรประชาชน (ในนามบุคคล) หรือหนังสือรับรองบริษัท เพื่อแสดงสิทธิ์ในการรับเงิน

ควรมีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและเรียงลำดับเอกสารอย่างชัดเจนเพื่อให้ฝ่ายบัญชีของลูกค้าตรวจสอบได้ง่ายและลดโอกาสเอกสารตกหล่นหรือถูกตีกลับ นอกจากนี้ควรแนบสำเนาและเก็บต้นฉบับไว้เสมอ เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีมีข้อโต้แย้งหรือจำเป็นต้องใช้ในการตรวจสอบย้อนหลัง

ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินในประเทศไทยมีอะไรบ้าง

ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินหรือขั้นตอนการวางบิลนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ การดำเนินการ และข้อตกลงของคู่ค้าแต่ละราย ซึ่งโดยทั่วไปสามารถสรุปเป็นขั้นตอนหลักๆ ตามลำดับที่ต้องทำก่อนหลังได้ดังนี้

ตกลงเงื่อนไขการชำระเงิน

ตกลงเรื่องราคา, เงื่อนไขการจ่ายเงิน (เช่น เงินสด, เครดิต 30 วัน ฯลฯ), สัญญา, เงินมัดจำ, ค่าปรับล่าช้า และข้อตกลงทางธุรกิจต่างๆ แล้วระบุไว้ชัดเจนในใบเสนอราคาหรือสัญญา เพื่อป้องกันการโต้แย้งในภายหลัง

นัดวันวางบิล

ผู้ขายติดต่อกับลูกค้าหรือแผนกบัญชีของลูกค้าเพื่อนัดหมายวันวางบิลหรือสอบถามถึงรอบวันวางบิล เนื่องจากลูกค้าบางรายอาจมีรอบวางบิลเฉพาะ เช่น ทุกวันที่ 25 ของเดือน เมื่อนัดแนะวันแล้ว ก็สามารถส่งเอกสารทั้งหมดไปยังแผนกบัญชีหรือจัดซื้อของลูกค้าได้

จัดเตรียมเอกสารเรียกเก็บเงิน

(ตามรายละเอียดและขั้นตอนที่ได้ระบุไว้ข้างต้น)

  • ใบแจ้งหนี้ (Invoice)
  • ใบสั่งซื้อจากลูกค้า (Purchase Order)
  • ใบส่งของ / ใบส่งสินค้า
  • ใบกำกับภาษี (Tax Invoice)
  • เอกสารอื่นๆ เช่น หนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)

จัดส่งเอกสาร

ออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) อย่างเป็นทางการ พร้อมแนบเอกสารเรียกเก็บเงินอื่นๆ และส่งมอบเอกสารให้ลูกค้าตามวิธีการจัดส่งเอกสารที่เหมาะสมหรือที่ได้มีการตกลงกันไว้

ตรวจสอบและยืนยันการรับเอกสาร

ลูกค้าจะลงนามรับเอกสารและลงวันที่รับเอกสารเพื่อเริ่มนับรอบการจ่ายเงิน ฝ่ายลูกค้าควรตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งหนี้และเอกสารอื่นๆ เผื่อมีปัญหาหรือต้องการแก้ไขข้อมูลใด

ติดตามธุรกรรม (หากจำเป็น)

หากครบกำหนดชำระแล้วยังไม่ได้รับเงิน จะต้องมีการติดตามธุรกรรมโดยใช้วิธีโทรศัพท์ ส่งอีเมล หรือส่งจดหมายทวงถามอย่างเป็นทางการ ควรจัดเก็บบันทึกการติดตาม เช่น วันที่ติดตาม ชื่อผู้รับสาย และคำตอบที่ได้รับ เพื่อประกอบการดำเนินการในกรณีมีปัญหาตามมา และอาจพิจารณาเรียกเก็บดอกเบี้ยกรณีล่าช้า

รับชำระเงินและบันทึกบัญชี

จบกระบวนการวางบิล ผู้ขายรับเงินและบันทึกรายการในระบบบัญชีของบริษัทเพื่อปิดยอด เมื่อลูกค้าชำระเงินแล้ว ควรออกใบเสร็จรับเงิน (Receipt) เพื่อยืนยันว่าการชำระเสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมทั้งจัดเก็บเอกสารการชำระไว้เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบและยื่นภาษี

Stripe Billing ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและบริหารจัดการลูกค้าได้ตามที่คุณต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าง่ายๆ ไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานและสัญญาที่ตกลงกันทางการขาย เริ่มรับชำระเงินแบบตามแผนล่วงหน้าจากทั่วโลกได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ด หรือใช้วิธีสร้างการผสานการทำงานแบบกำหนดเองโดยใช้ API

Stripe Billing สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เสนอราคาที่ยืดหยุ่น: ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เร็วขึ้นด้วยโมเดลการตั้งราคาที่ยืดหยุ่น ซึ่งรวมถึงการคิดค่าบริการตามการใช้งาน แบ่งระดับ ค่าธรรมเนียมคงที่บวกการใช้งานเกิน และอีกมากมาย ระบบยังรองรับการใช้คูปอง การทดลองใช้ฟรี การแบ่งชำระตามสัดส่วน และส่วนเสริมที่ติดตั้งมาในตัว
  • ขยายไปทั่วโลก: เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินด้วยการเสนอวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับวิธีการชำระเงินในแต่ละประเทศมากกว่า 100 วิธีและกว่า 135 สกุลเงิน
  • เพิ่มรายได้และลดอัตราการเลิกใช้บริการ: เพิ่มการเก็บรายได้และลดการเลิกใช้บริการโดยไม่สมัครใจด้วย Smart Retries และระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการกู้คืน เครื่องมือกู้คืนของ Stripe ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกู้คืนรายได้กว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024
  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ใช้เครื่องมือภาษีแบบโมดูลาร์ รายงานรายได้ และเครื่องมือข้อมูลของ Stripe เพื่อรวมระบบรายรับหลายระบบให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Billing หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Billing

Billing

เรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก

Stripe Docs เกี่ยวกับ Billing

สร้างและจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ติดตามการใช้งาน และออกใบแจ้งหนี้