ทีมบริการเฉพาะทางของ Stripe ได้สัมภาษณ์แพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จ 14 แห่งที่เปิดตัวธุรกิจการชำระเงินกับ Stripe เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบ สร้าง และขยายบริการชำระเงิน เราได้นำบทเรียนเหล่านี้มารวมเข้ากับประสบการณ์ตรงจากการทำงานกับธุรกิจหลายพันรายที่ผสานการทำงานการชำระเงินเป็นครั้งแรก แล้วสรุปเคล็ดลับเหล่านี้ออกมาเป็นหัวข้อหลักๆ เพื่อช่วยคุณฝังระบบการชำระเงินลงในแพลตฟอร์ม ดังนี้
- การกำหนดวัตถุประสงค์หลักของธุรกิจสำหรับการชำระเงิน
- การกำหนดค่าบริการและกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด
- การจัดหาบุคลากรสำหรับธุรกิจการชำระเงินของคุณ
- การเสริมศักยภาพให้ทีมขายสามารถขายบริการชำระเงินได้
- การจัดการความเสี่ยงด้านการชำระเงิน
- การกำหนดความสำเร็จสำหรับธุรกิจการชำระเงินของคุณ
การกำหนดวัตถุประสงค์หลักของธุรกิจสำหรับการชำระเงิน
ก่อนที่คุณจะนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า คุณต้องการเปิดธุรกิจการชำระเงินอย่างไรและทำไม โดยเริ่มจากการตอบคำถามพื้นฐานสองข้อดังนี้
1. ทำไมคุณจึงต้องการผสานรวมระบบชำระเงิน
แรงจูงใจในการสร้างธุรกิจการชำระเงินจะขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ และความต้องการของลูกค้าเดิมและลูกค้าในอนาคต โดยทั่วไป เราพบว่าเป้าหมายด้านการชำระเงินของแพลตฟอร์มส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่หลักๆ ดังนี้
- สร้างความแตกต่างให้แพลตฟอร์มของคุณ: แพลตฟอร์มหลายแห่งใช้การชำระเงินสร้างความแตกต่างระหว่างซอฟต์แวร์ของตนกับคู่แข่ง และเพิ่มการนำไปใช้ในหมู่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ตัวอย่างเช่น Classy Pay ที่ขับเคลื่อนโดย Stripe ช่วยให้ Classy มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นในองค์กรไม่แสวงผลกำไรทุกขนาด โดยมอบการประมวลผลระบบชำระเงินที่ผสานรวมในตัว เพื่อทำให้การระดมทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- เพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า: แพลตฟอร์มต่างๆ ยังเพิ่มบริการชำระเงินเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับลูกค้าเดิมและปรับปรุงอัตราการรักษาลูกค้า ตัวอย่างเช่น Lightspeed ได้เปิดตัว Lightspeed Payments เพื่อช่วยให้ร้านค้าปลีกและร้านอาหารกว่า 115,000 แห่งทั่วโลกสามารถรับชำระเงินทางออนไลน์และที่จุดขาย และจัดการการดำเนินงานทางการเงินได้ในที่เดียว
- กระตุ้นช่องทางรายรับใหม่ๆ: ธุรกิจอื่นๆ ได้สร้างช่องทางรายรับใหม่ๆ และเพิ่มมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าด้วยการสร้างรายได้จากการชำระเงินและบริการทางการเงิน ตัวอย่างเช่น หลังจากเป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe เพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มการชำระเงินสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ลูกค้าของ Weave มีจำนวนเพิ่มขึ้น 13% ต่อเดือน และปริมาณการประมวลผลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 37% ต่อเดือน
ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายใด การชี้แจงและปรับตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน จะช่วยให้ทีมชำระเงินของคุณติดตามความคืบหน้าและรับผิดชอบได้อย่างต่อเนื่อง
2. คุณจะผสานการทำงานการชำระเงินอย่างไร
เพื่อควบคุมประสบการณ์การชำระเงินแบบครบวงจร แพลตฟอร์มบางแห่งเริ่มต้นจากการพิจารณาเป็นผู้ให้บริการสนับสนุนด้านการชำระเงินเต็มรูปแบบ แต่ในไม่ช้าก็พบว่าการเส้นทางนี้จำเป็นต้องมีการจัดการกระบวนการเริ่มต้นใช้งานของลูกค้า การประเมินและควบคุมความเสี่ยง การจัดการการโต้แย้งการชำระเงิน ไปจนถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนด การสนับสนุน แดชบอร์ดลูกค้า การรายงาน และอื่นๆ อีกมากมาย
เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรด้านวิศวกรรม ต้นทุน ความเชี่ยวชาญด้านการชำระเงิน รวมถึงข้อพิจารณาด้านความปลอดภัย กฎหมาย การปฏิบัติตามข้อกำหนด และความเสี่ยง แพลตฟอร์มจำนวนมากจึงเลือกทำงานร่วมกับผู้ให้บริการสนับสนุนด้านการชำระเงินแทน โดยอาศัย API และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เพื่อนำเสนอบริการและโซลูชันการชำระเงิน วิธีนี้ช่วยให้เข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ลดต้นทุนและความซับซ้อน แพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จมักทำงานร่วมกับผู้ให้บริการชำระเงินที่มีโซลูชันที่ยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถควบคุมประสบการณ์การชำระเงินได้มากขึ้น ช่วยให้พวกเขาสามารถเริ่มต้น ขยาย และพัฒนาโมเดลธุรกิจการชำระเงินของตนในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สูงสุด ในขณะเดียวกันก็ลดความซับซ้อนในการเปิดตัวและการจัดการธุรกิจการชำระเงิน
การกำหนดค่าบริการและกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด
เมื่อคุณเข้าใจ "เหตุผล" เบื้องหลังธุรกิจการชำระเงินของคุณและมีแผนที่จะผสานการทำงานฟีเจอร์การชำระเงินแล้ว คุณก็สามารถเริ่มมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดได้ ให้ทำการตลาดข้อเสนอการชำระเงินเหมือนกับที่คุณทำกับฟีเจอร์ใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มของคุณ อันดับแรก คุณต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายและข้อความของคุณก่อน จากนั้นสร้างแบรนด์และประสบการณ์ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกัน และใช้ช่องทางการเผยแพร่เพื่อให้ข้อความของคุณไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
แม้ว่ากลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดจะมีองค์ประกอบหลายด้าน แต่เราสอบถามแพลตฟอร์มต่างๆ โดยมุ่งเน้น 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การสร้างข้อความทางการตลาดที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และการกำหนดค่าบริการของข้อเสนอการชำระเงิน
แพลตฟอร์มต่างๆ ระบุว่าการสร้างข้อความทางการตลาดที่เหมาะสมต้องอาศัยองค์ประกอบหลัก 4 ข้อ
แพลตฟอร์มต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าระบบชำระเงินที่ผสานรวมในตัวช่วยเสริมคุณค่าที่นำเสนออย่างไร การทำความเข้าใจปัญหาของลูกค้าไม่เพียงช่วยให้คุณสร้างข้อเสนอการชำระเงินที่เหมาะสม แต่ยังช่วยให้คุณสร้างเรื่องราวของผลิตภัณฑ์จะที่ตอบโจทย์ด้วย
[คุณ]ต้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจเพื่ออธิบายว่าทำไมธุรกิจถึงควรเลือกใช้บริการชำระเงิน[ของคุณ] เรื่องราวนั้นควรเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้าปลายทาง ประเภทอุตสาหกรรม และความสามารถในการรักษาลูกค้าของโซลูชัน SaaS ของคุณ"
หลังจากสัมภาษณ์แพลตฟอร์มต่างๆ เกี่ยวกับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และคุณค่าที่นำเสนอ เราพบว่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 4 ประการดังนี้
- มุ่งเน้นความต้องการเฉพาะของลูกค้า
- มุ่งเป้าหมายไปยังลูกค้าบางส่วนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน แทนที่จะต้องพยายามรองรับทุกคน
- ปรับตามอุตสาหกรรมและขนาดธุรกิจต่างๆ
- อธิบายว่าทำไมโซลูชันการชำระเงินที่ผสานการทำงานของคุณจึงมีความโดดเด่นอย่างแท้จริงในการตอบสนองความต้องการ
60% ของแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์เลือกใช้โมเดลค่าบริการที่สมดุลเพื่อเพิ่มรายรับให้สูงสุด
โดยทั่วไปแล้ว คุณมีสองสามตัวเลือกเมื่อตัดสินใจว่าจะสร้างรายได้จากการชำระเงินอย่างไร เช่น คุณสามารถเพิ่มราคาซอฟต์แวร์โดยชี้ให้เห็นถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการมีระบบชำระเงิน หรืออาจเรียกเก็บเงินจากลูกค้าแยกต่างหากสำหรับการรับชำระเงินออนไลน์ก็ได้
ในบรรดาแพลตฟอร์มที่เราสัมภาษณ์ เราพบว่าแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ยังคงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามแบบแผนล่วงหน้าสำหรับการเข้าถึงซอฟต์แวร์นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงินที่แยกต่างหาก ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ เน้นไปที่การเรียกเก็บเงินสำหรับการเข้าถึงซอฟต์แวร์หรือสำหรับการเข้าถึงบริการชำระเงินเพียงอย่างเดียว
- 20% ของแพลตฟอร์มที่เราสัมภาษณ์สร้างรายได้จากซอฟต์แวร์ของตน โดยให้บริการชำระเงินเป็นฟีเจอร์เสริม: แนวทางนี้เสนอค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่สมเหตุสมผลแก่ผู้ใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มและฟีเจอร์หลักทั้งหมดรวมถึงการชำระเงิน ฟีเจอร์การชำระเงินมักเปิดให้ลูกค้าทุกรายใช้งานโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพูดคุยเกี่ยวกับการขายโดยเฉพาะ
- 60% ใช้แนวทางผสมผสานด้วยการสร้างรายได้จากทั้งซอฟต์แวร์และการชำระเงิน: แนวทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการที่แพลตฟอร์มสร้างรายได้จากทั้งซอฟต์แวร์และฟังก์ชันการชำระเงิน ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มหนึ่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนสำหรับซอฟต์แวร์ของตนเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมคงที่ 2.9% + $0.30 ต่อธุรกรรมบัตร
- 20% สร้างรายได้จากบริการชำระเงิน โดยให้บริการซอฟต์แวร์ในราคาลดพิเศษหรือไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: บางแพลตฟอร์มตัดสินใจให้บริการซอฟต์แวร์ฟรี แต่สร้างรายได้จากฟังก์ชันการชำระเงินเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มหนึ่งสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่ 2.9% + $0.30 ต่อธุรกรรมบัตร เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการประมวลผล 4% ความสำเร็จของแนวทางนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการชำระเงินของลูกค้า ซึ่งแม้ว่าการผูกรายรับของคุณไว้กับความสำเร็จของลูกค้าจะมีข้อดี แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อรายรับของคุณได้เช่นกัน หากลูกค้ามีปริมาณการชำระเงินน้อยลงในเดือนนั้นๆ
การจัดหาบุคลากรสำหรับธุรกิจการชำระเงินของคุณ
แพลตฟอร์มต่างๆ ตระหนักดีว่าการสร้างธุรกิจการชำระเงินต้องใช้ทักษะที่แตกต่างจากการสร้างธุรกิจซอฟต์แวร์ หลายแห่งจึงตั้งทีมชำระเงินขึ้นมาโดยเฉพาะ และผสานรวมทีมเหล่านี้เข้ากับองค์กรหลักตั้งแต่ต้น เพื่อให้เข้ากับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่แล้ว
แพลตฟอร์มที่เราสัมภาษณ์ได้ดึงดูดผู้สนับสนุนในทุกระดับขององค์กร แทนที่จะพึ่งพาหัวหน้าฝ่ายชำระเงินเพียงอย่างเดียว โดยผู้สนับสนุนเหล่านี้สนับสนุนธุรกิจการชำระเงินทั้งในด้านวิศวกรรม ความเสี่ยง การขาย ผลิตภัณฑ์ การตลาด และการสนับสนุน รวมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการชำระเงินทั่วทั้งองค์กร
ไม่ว่าทีมชำระเงินของคุณจะแบ่งเวลาไปทำส่วนอื่นๆ ของธุรกิจหรือมุ่งเน้นเรื่องการชำระเงินเพียงอย่างเดียว ก็ควรจัดโครงสร้างทีมตามหน้าที่หลัก 4 ด้าน ดังนี้
การสร้างผลิตภัณฑ์การชำระเงิน
ทีมผลิตภัณฑ์ของคุณไม่เพียงต้องรับผิดชอบในการสร้างและผสานการทำงานระบบการชำระเงินเข้ากับแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ยังต้องขยายขนาดและดูแลรักษาผลิตภัณฑ์การชำระเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความแตกต่างให้กับซอฟต์แวร์หลักของแพลตฟอร์ม ทีมนี้ซึ่งประกอบด้วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ นักออกแบบ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และนักวิเคราะห์ข้อมูลจะต้องกำหนดแผนงาน การนำไปใช้ และประสบการณ์ของผู้ใช้ของผลิตภัณฑ์การชำระเงิน เราขอแนะนำให้จ้างบุคลากรในบทบาทต่อไปนี้
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์การชำระเงิน
- นักออกแบบผลิตภัณฑ์และ UX
- วิศวกร
- นักวิเคราะห์ข้อมูล
การดำเนินงานของธุรกิจการชำระเงิน
การชำระเงินอาจเป็นแง่มุมหนึ่งที่ละเอียดอ่อนที่สุดสำหรับธุรกิจของลูกค้า คุณจำเป็นต้องสร้างทีมปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนลูกค้าของคุณ เช่น ในขณะที่ลูกค้ากำลังเริ่มต้นใช้บริการ และต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ด้านความเสี่ยง กฎหมาย และข้อบังคับ ทีมปฏิบัติการนี้จะช่วยให้องค์กรมีความก้าวหน้าเกี่ยวกับกฎต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน รวมถึงมาตรฐานการประเมินและควบคุมความเสี่ยง การให้คะแนนความเสี่ยง และการลดการฉ้อโกง ซึ่งได้แก่ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำความรู้จักลูกค้า (KYC) การปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI การปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้ให้บริการสนับสนุนด้านการชำระเงิน และภาระหน้าที่ทางภาษี
เราขอแนะนำให้จ้างบุคลากรในบทบาทต่อไปนี้
- ผู้จัดการโปรแกรม
- ทีมขาย
- ทีมสนับสนุนลูกค้า
- ที่ปรึกษาทางกฎหมาย
- ผู้จัดการด้านการฉ้อโกง
- ผู้จัดการด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด
- ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน
การเปิดตัวและสร้างรายได้จากการชำระเงิน
เมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณถูกสร้างขึ้นและระบบปฏิบัติการพร้อมใช้งานแล้ว ทีมดูแลการเข้าสู่ตลาดก็จะสามารถสร้างรายได้ เปิดตัว และขยายการชำระเงินของคุณได้ องค์ประกอบของส่วนงานที่ดูแลเข้าสู่ตลาดของคุณจะขึ้นอยู่กับโมเดลการหาลูกค้าของคุณโดยเฉพาะ หากคุณวางแผนที่จะกระตุ้นให้ลูกค้าลงทะเบียนออนไลน์ ก็อาจต้องพึ่งพาทีมการตลาดเป็นหลัก แต่ถ้าหากคุณใช้แนวทางแบบให้บริการดูแลเป็นพิเศษเพื่อระบุและให้ลูกค้าใหม่เริ่มต้นใช้งาน การสร้างทีมขายด้านการชำระเงินที่มีความรู้จะเป็นสิ่งสำคัญ การรักษาวงจรข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องระหว่างลูกค้าของคุณกับทีมภายใน จะช่วยให้ทีมดูแลการเข้าสู่ตลาดพัฒนาประสบการณ์และจุดประกายให้กับการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้ต่อเนื่อง ตำแหน่งที่แนะนำให้จ้างมีดังนี้
- ผู้จัดการฝ่ายการสร้างรายได้
- ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์
- ทีมขาย
การขยายธุรกิจการชำระเงินในระดับสากล
ทีมนี้จะมีบทบาทสำคัญเมื่อคุณต้องการขยายผลิตภัณฑ์และข้อเสนอการชำระเงินในระดับสากล ซึ่งเป็นด้านที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษและจัดสรรทรัพยากรเฉพาะทาง เนื่องจากแพลตฟอร์มที่เราสัมภาษณ์ต่างยอมรับว่าพวกเขาประสบปัญหาในการขยายตัว
[เรา]ต้องการการสนับสนุนเกี่ยวกับคำแนะนำเรื่องการชำระเงินข้ามพรมแดนและระหว่างประเทศ รวมถึงวิธีที่เราให้บริการแก่ผู้ค้าในตลาดทางภูมิศาสตร์ใหม่ๆ โดยเฉพาะ"
นอกเหนือจากข้อกำหนดด้านข้อบังคับและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเพิ่มเติมเมื่อคุณเข้าสู่ภูมิภาคใหม่ๆ แล้ว วิธีที่ลูกค้าชอบใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ก็แตกต่างกันไปตามที่อยู่ของแต่ละคนด้วย หากคุณไม่สร้างประสบการณ์การชำระเงินที่เหมาะสมและลูกค้าคุ้นเคย คุณก็อาจเสียตลาดทั้งประเทศไปได้
บริษัททุกขนาดจากทั่วโลกใช้ Stripe เพื่อรับชำระเงินด้วยวิธีการชำระเงินที่หลากหลายและทำให้การปฏิบัติงานทั่วโลกเรียบง่ายขึ้น Stripe จัดการความซับซ้อนด้านระเบียบข้อบังคับและการปฏิบัติตามข้อกำหนดระหว่างประเทศให้กับแพลตฟอร์มที่กำลังขยายตัว และเพิ่มวิธีการชำระเงินใหม่ๆ อยู่เสมอด้วยเป้าหมายที่จะทำให้ธุรกิจต่างๆ รับชำระเงินด้วยวิธีการชำระเงินใดก็ได้ในโลกด้วยการผสานการทำงานครั้งเดียว
เราขอแนะนำให้จัดสรรบทบาทต่อไปนี้เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในระดับโลกโดยเฉพาะ
- ทีมขาย
- ทีมสนับสนุนลูกค้า
- ที่ปรึกษาทางกฎหมาย
- ผู้จัดการด้านการฉ้อโกง
- ผู้จัดการด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด
การเสริมศักยภาพให้ทีมขายสามารถขายบริการชำระเงินได้
ใช้ศักยภาพของทีมขายในการหาธุรกิจใหม่และปิดการขายที่รวมโซลูชันการชำระเงินของคุณไว้ด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่การสอดแทรกฟีเจอร์การชำระเงินของคุณไว้ในบทสนทนาในการขายเท่านั้น แต่ยังต้องแน่ใจว่าทีมขายได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีจนมีความเข้าใจในฟังก์ชัน มีสื่อการขายที่เหมาะสม และเข้าใจว่าเป้าหมายเกี่ยวกับการชำระเงินเชื่อมโยงกับลำดับความสำคัญและแรงจูงใจของทีมอย่างไร
แพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จฝึกอบรมทีมขายของตน 100%
ฝ่ายขายควรคุ้นเคยกับฟีเจอร์พื้นฐานและเข้าใจถึงประโยชน์เข้าใจประโยชน์และวิธีนำเสนอต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า อีกทั้งควรเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามที่พบบ่อยและจัดการกับข้อโต้แย้งได้ทุกกรณี
คุณอาจพิจารณาแต่งตั้งบทบาท "ผู้เชี่ยวชาญด้านการชำระเงินประจำทีม" ซึ่งอาจเป็นพนักงานประจำที่มีหน้าที่ให้ความรู้ด้านการชำระเงินแก่ฝ่ายขายโดยเฉพาะ หรืออาจเป็นที่ปรึกษาด้านการชำระเงินจากภายนอกก็ได้ โดยทั้งสองตำแหน่งมีเป้าหมายคือการนำเสนอทรัพยากรด้านความรู้การชำระเงินให้กับฝ่ายขายโดยเฉพาะ
การลงทุนเช่นนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริง ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มหนึ่งที่เราสัมภาษณ์ มุ่งเน้นการฝึกอบรมทีมขายให้ขายทั้งซอฟต์แวร์และบริการชำระเงิน โดยเริ่มจากกลุ่ม 10-15 คนที่คอยติดตามทีมขายเกี่ยวกับทุกดีลใหม่เป็นเวลา 6 เดือน และจ้างที่ปรึกษาด้านการชำระเงิน 2 คนเพื่อถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ ปริมาณการชำระเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลา 6 เดือน
แพลตฟอร์มจัดสรรพนักงานขาย 8% ให้กับการขายบริการชำระเงิน
แพลตฟอร์มที่เราสัมภาษณ์จัดสรรพนักงานขายโดยเฉลี่ย 8% ให้กับการขายบริการชำระเงิน
Each bar in this graph represents a platform business we interviewed (anonymized) and how they split their staff to support payments.
โมเดลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการมีสมาชิกฝ่ายขายที่ทุ่มเทกับการชำระเงินโดยเฉพาะ เช่น ทีมขนาด 5-15 คนที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าสำคัญเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แพลตฟอร์มหนึ่งที่เราสัมภาษณ์ได้จ้างสมาชิกฝ่ายขายด้านการชำระเงิน 9 คนและสมาชิกทีมความสำเร็จของลูกค้า 8 คนเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้รายใหญ่โดยเฉพาะ
การจัดการความเสี่ยงด้านการชำระเงิน
ธุรกิจออนไลน์ทุกแห่งต้องจัดการความเสี่ยง โดยความเสี่ยงมีหลายประเภท ตั้งแต่ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (เช่น การรับรู้แบรนด์ของคุณ) ไปจนถึงความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน (เช่น ระยะเวลาหยุดทำงาน)
อย่างไรก็ตาม เมื่อแพลตฟอร์มเพิ่มการอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินลงในข้อเสนอของตน ก็จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากเป็นโมเดลธุรกิจแบบ 3 ฝ่าย (ซึ่งประกอบด้วยแพลตฟอร์ม ผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่รับชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ และเจ้าของบัตรที่จ่ายเงินให้ผู้ขายหรือผู้ให้บริการเหล่านั้น) ระดับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้ยิ่งทำธุรกิจการชำระเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยหลายแพลตฟอร์มที่เราสัมภาษณ์กล่าวว่าพวกเขาต้องการ "คำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงและวิธีจัดการที่ดีกว่านี้"
แพลตฟอร์มต่างๆ มักเผชิญกับความเสี่ยง 3 ประเภท ได้แก่
- ความเสี่ยงด้านเครดิต: ความเสี่ยงด้านเครดิตมีแนวโน้มที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้ขายมีจุดประสงค์ที่จะดำเนินการตามคำสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ แต่ไม่มีทรัพยากรทางการเงินที่จะดำเนินการเช่นนั้น สะสมการคืนเงินและการดึงเงินคืนมากกว่าที่สามารถจ่ายได้ และอาจจะต้องออกจากธุรกิจไป เจ้าของบัตรสามารถขอดึงเงินคืนได้ เนื่องจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวไม่ได้รับการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ คุณจะเป็นหนี้ลูกค้าเหล่านั้น เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินยินยอมที่จะรับผิดต่อกิจกรรมของผู้ขาย
- ความเสี่ยงจากการฉ้อโกง: แพลตฟอร์มต่างๆ ยังต้องจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผู้ขายที่ฉ้อโกงด้วย ตัวอย่างเช่น อาจมีบุคคลเดียวกันแสดงบทบาททั้งผู้ขายและเจ้าของบัตรที่ที่ฉ้อโกง โดยที่บุคคลนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลบัตรที่ถูกขโมยมา ลงทะเบียนใช้บัญชีบนแพลตฟอร์มของคุณ และชำระเงินให้ตัวเองด้วยบัตรที่ถูกขโมยมา หรืออาจเกิดกรณีผู้ขายที่ฉ้อโกงกับเจ้าของบัตรที่ดี โดยที่ผู้ขายหลอกให้เจ้าของบัตรโอนเงินให้ (เช่น ขายสินค้าโดยไม่คิดจะจัดส่ง)
- การเข้าควบคุมบัญชี: การมีผู้ขายที่ดีและเจ้าของบัตรที่ดีนั้นไม่เพียงพอที่จะขจัดความเสี่ยงด้านการชำระเงินได้อย่างสิ้นเชิง แพลตฟอร์มต่างๆ ยังต้องจัดการการเข้าควบคุมบัญชีด้วย ซึ่งบุคคลที่สามที่ประสงค์ร้ายจะเข้าถึงข้อมูลประจำตัวบัญชีของผู้ขายและขโมยเงินของเขา
คุณสามารถดูแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้โดยอ่านคู่มือเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงสำหรับแพลตฟอร์มของเรา
การกำหนดความสำเร็จสำหรับธุรกิจการชำระเงินของคุณ
การเปิดใช้ระบบการชำระเงินไม่ใช่กลยุทธ์แบบ “ตั้งค่าแล้วจบ” คุณจะต้องติดตามสถานะของธุรกิจการชำระเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อทำความเข้าใจว่ามีส่วนใดบ้างที่ทำงานได้ดีและส่วนใดควรปรับปรุง โดยตัวชี้วัดที่พาร์ทเนอร์ของเรามักติดตาม ได้แก่
- ปริมาณการชำระเงิน
- จำนวนผู้ใช้การชำระเงิน
- จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายเดือน
- ปริมาณการชำระเงินต่อผู้ใช้ที่ใช้งาน
- จำนวนการลงทะเบียนใช้การชำระเงินใหม่
- การรักษาจำนวนผู้ใช้
- รายรับจากการชำระเงิน
- มูลค่าระยะยาวของลูกค้าที่ใช้การชำระเงิน เทียบกับลูกค้าที่ไม่ได้ใช้การชำระเงิน (เฉพาะซอฟต์แวร์)
- เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมดที่เป็นลูกค้าที่ใช้การชำระเงิน
How Stripe can help
Platforms of all sizes—from new startups to public companies—use Stripe Connect to quickly and easily integrate payments and offer financial services. Connect enables platforms to onboard customers, accept payments, pay out to third parties, and monetize payments. You can quickly and easily launch a payments solution, collect a portion of each transaction, and configure payments pricing for your customers. You can also monetize a variety of products, such as invoicing, subscription billing, or in-person payments. With a single integration, Stripe makes it easy to expand your platform internationally and reach customers in new countries.
Stripe Connect is flexible and fully integrated, so you can monetize payments and create new revenue streams by offering the following solutions to your customers:
- Online payments: Enable your customers to accept payments in minutes. They can easily integrate hosted checkout pages or build customizable flows tailored to their business needs while easily localizing their payments experience to increase conversion abroad.
- Monetization: Turn payments and related services into a revenue stream. Easily earn a revenue share on payments, or set and control fees for customer transactions.
- Dashboards: Offer your customers payments dashboards so they can run their business seamlessly. Choose from a range of dashboard options, including Stripe’s hosted Dashboard with powerful reporting, querying, and payments management or embeddable dashboard UIs for a more integrated customer experience. Or use Stripe APIs to build custom dashboards and reporting workflows directly into your platform.
- Risk management: Protect your business and your customers’ business with Stripe’s fraud and risk solutions. Radar provides tools to manage transaction fraud risk, and Stripe’s end-to-end risk management solution includes ongoing monitoring and mitigation and risk-of-loss protection for credit and fraud risk.
You can also offer your users access to all of Stripe’s features—enabling point-of-sale payments, sending invoices, spending with payment cards, accessing business financing, collecting sales taxes, and more.
- Point-of-sale payments: Help your customers expand into the physical world by enabling their own in-person checkout. Stripe Terminal allows them to manage their online and offline sales in one place with a single integration, simplifying reporting and reconciliation.
- Subscriptions: Allow your customers to experiment with new business models by offering flexible subscription and billing plans with Stripe Billing. They can iterate on pricing—testing one-time, recurring, usage-based, or tiered subscriptions—and offer promotions and trial periods. They can also reduce churn with smart retry logic and easily expand globally, accepting any supported payment method.
- Recurring and one-time invoices: Help your customers get paid faster with integrated invoices. They can send recurring invoices for subscriptions or one-off invoices with built-in support for credit and debit cards, customizing them to match their brand and applying inclusive or exclusive tax rates for different locales.
- Payments cards: Create, distribute, and customize virtual and physical credit cards for your customers with Stripe Issuing. You can design branded cards, set dynamic spending controls, and enable your customers to fund the cards with their own bank accounts.
- Reporting and analytics: From out-of-the-box summaries to customizable reports, Stripe Sigma offers a range of reporting options that you can integrate into your own platform. You can pull data from the Stripe API and add it directly into your own reporting features, or point customers to the Stripe Dashboard for payments-specific data.
If you’re considering building your payments business with Stripe, our professional services team can help you navigate the best path to launch. To build a foundation for your payments program, we can co-develop a product strategy and business plan, defining your resourcing needs, functionality requirements, and monetization approach. Through regular reviews, our consultants will work with your team to integrate payments, covering everything from experience mapping and customer migration to data ingestion and financial reporting. To bring your new payments product to market, we’ll help you craft your marketing strategy, plan a phased rollout, and equip your internal teams with the necessary resources and processes to support the launch.
Get in touch with our team to learn more about how you can launch your payments business.