ความท้าทาย

Semble ซึ่งก่อตั้งในปี 2018 ที่สหราชอาณาจักรเป็นโซลูชันการจัดการคลินิกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพสร้างผลลัพธ์จากการทำงานได้มากขึ้นและเชื่อมต่อกับระบบนิเวศรอบๆ ตัวได้ในวงกว้าง Semble รวบรวมทุกอย่างที่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะต้องใช้ไว้ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลคนไข้ การจัดการการนัดหมาย การประมวลผลการชำระเงิน และอื่นๆ

วิสัยทัศน์ของ Semble ที่จะสร้างแพลตฟอร์มแบบบูรณาการนั้นประกอบด้วยการประมวลผลการชำระเงินในตัวที่จะช่วยให้คลินิกจัดการเส้นทางของคนไข้ตลอดทั้งเส้นทางโดยใช้โซลูชันที่มีประสิทธิภาพเพียงโซลูชันเดียวซึ่งทั้งปลอดภัยและสอดคล้องกับ PCI นอกเหนือจากการชำระเงินแล้ว Semble ต้องการใช้ระบบป้องกันการฉ้อโกงที่จะช่วยดูแลทั้งคลินิกและคนไข้ให้ปลอดภัยเสมอ

หลังจากเปิดตัว Semble ก็พบว่าตนจำเป็นต้องให้บริการโซลูชันการชำระเงินสำหรับคลินิกและคนไข้ทั้งแบบออนไลน์และแบบทำธุรกรรมด้วยตนเองที่หน้าเคาน์เตอร์

นอกจากนี้ ขั้นตอนการทำงานด้านการเรียกเก็บเงินสำหรับการชำระเงินตามรอบบิลของ Semble แบบดำเนินการด้วยตนเองนั้นต้องใช้เวลามาก เสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาด และทำให้กระบวนการเรียกเก็บเงินจากคลินิกซับซ้อนยิ่งขึ้น Semble ต้องการทำให้การเรียกเก็บเงินสำหรับการชำระเงินตามรอบบิลและการทำบัญชีเป็นเรื่องง่ายขึ้น รวมถึงทำให้งานที่ต้องใช้เวลามากอย่างเช่น การปรับกระทบข้อมูลการชำระเงินขาเข้า เป็นไปโดยอัตโนมัติ

โซลูชัน

ความสัมพันธ์ระหว่าง Semble กับ Stripe เริ่มต้นเมื่อปี 2018 เมื่อบริษัทนำ Stripe Connect ไปใช้เพื่อรวมบริการซอฟต์แวร์เข้ากับการประมวลผลการชำระเงินเพื่อให้คลินิกทุกขนาดสามารถจัดการเส้นทางของคนไข้ตลอดเส้นทางได้ในโซลูชันซอฟต์แวร์ที่เดียว Semble เลือกใช้ Stripe เพราะมีแนวทางที่เน้นการใช้ API เป็นหลักซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตนที่อยากได้การเชื่อมต่อระบบที่ง่ายดายและการเริ่มต้นใช้งานที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นบริษัทก็เปลี่ยนจาก Standard Connect ไปใช้ Express Connect เพื่อให้แพทย์จัดการการชำระเงินได้ง่ายขึ้น ทำให้กระบวนการชำระเงินสะดวกและรวดเร็วขึ้นไปอีก และมอบประสบการณ์แบบครบช่องทางที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า

"นี่เป็นการปรับโฉม SaaS 3.0 ที่เราคงทำเองไม่ได้ถ้าไม่มี Stripe" Mikael Landau ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีที่ Semble กล่าว

เพื่อเสริมประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันการฉ้อโกงมากขึ้นไปอีก Semble จึงเปิดตัวซอฟต์แวร์พร้อมกับ Stripe Radar ซึ่งนำแมชชีนเลิร์นนิงมาใช้เพื่อปรับตามรูปแบบการฉ้อโกงที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา รวมถึงใช้ 3D Secure ซึ่งเป็นมาตรฐานการตรวจสอบสิทธิ์ที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับการชำระเงินออนไลน์

ในการเปิดตัว Semble ยังได้นำ Stripe Elements ซึ่งเป็นชุดคอมโพเนนต์ UI แบบฝังได้มาใช้ด้วยเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการปฏิบัติตาม PCI ด้วยการทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีการส่งต่อข้อมูลบัตรเครดิตไปที่เซิร์ฟเวอร์ของ Semble "Elements ช่วยให้การปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI เป็นเรื่องง่ายและเราก็ไม่ต้องนำข้อมูลการชำระเงินมาเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ และเมื่อนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกงแล้ว เราก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย นี่เป็นหนึ่งในบริการหลักของ Stripe ที่โดดเด่นมากสำหรับเรา" Landau กล่าว

ในปี 2024 Semble ขยายความสัมพันธ์กับ Stripe ด้วยการประมวลผลการชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ผ่านซอฟต์แวร์ของตัวเองโดยตรงซึ่งช่วยให้กระทบยอดใบแจ้งหนี้ได้ทันทีและมีประสิทธิภาพ หลังจากใช้ Stripe Terminal ซึ่งเป็นโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับจุดขายของ Stripe ตอนนี้คลินิกก็สามารถรับการชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งลิงก์ไปที่แพลตฟอร์ม Semble โดยตรงได้แล้ว

ในปี 2022 Semble เปลี่ยนจากการเรียกเก็บเงินด้วยตัวเองมาใช้การเรียกเก็บเงินอัตโนมัติโดยใช้ Stripe Billing ตอนนี้บริษัทสามารถอัปเดต หยุดชั่วคราว ยกเลิก และคืนเงินให้การชำระเงินตามรอบบิลของคลินิก รวมถึงสร้างใบแจ้งหนี้ที่ถูกต้องแม่นยำจากแพลตฟอร์มตัวเองได้โดยตรง "เมื่อใช้ Billing เราก็ไม่ต้องใช้กระบวนการการเรียกเก็บเงินด้วยตัวเองที่ซับซ้อนและมักจะมีข้อผิดพลาดอีกต่อไป" Landau กล่าว

ผลลัพธ์

ประมวลผลธุรกรรมออนไลน์มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์จากลูกค้ากว่า 1,000 ราย

Stripe ช่วยแพลตฟอร์มประมวลผลธุรกรรมออนไลน์มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ Semble ได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับผู้ปฏิบัติการคลินิกหลายพันรายด้วยการเชื่อมโยงการประมวลผลการชำระเงินหลังบ้านของธุรกิจเข้ากับประสบการณ์ที่จุดขายของลูกค้า ซึ่งส่งผลให้รายรับของ Semble เติบโตขึ้น "ปัจจุบันรายรับจากการชำระเงินมีสัดส่วนคิดเป็นเพียงเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียวต่ำๆ ของรายรับของเราและคาดว่าจะโตขึ้นอย่างมาก" Landau กล่าว "ยิ่งเราให้บริการผู้ใช้ผ่านโซลูชันของเราได้มากเท่าไหร่ เราก็จะทำเงินได้มากเท่านั้นและธุรกิจก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้น"

มอบธุรกรรมที่ปลอดภัยและลดการฉ้อโกงจนเกือบเป็นศูนย์ด้วย Radar

นอกจากการจัดการการชำระเงินแล้ว Semble ยังสามารถจัดการธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยด้วยการปกป้องจาก Radar ด้วย แพลตฟอร์มทำงานร่วมกับ Stripe เพื่อเปิดใช้ Radar และเชื่อมต่อ 3D Secure เพื่อตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่ฉ้อโกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจองออนไลน์ "การฉ้อโกงไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเรา นั่นเป็นเพราะว่า Stripe ได้จัดการให้แล้ว เรามีการฉ้อโกงรวมแล้วเกือบเป็นศูนย์" Landau กล่าว

มีลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยระดับสูง

Stripe ช่วยจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องเก็บหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้าไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ Stripe Elements ยังช่วยให้ Semble ได้โรงพยาบาลใหญ่ๆ มาเป็นลูกค้าด้วยเนื่องจากการที่ Stripe ปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในอุตสาหกรรม รวมถึงใบรับรอง PCI ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

เพิ่มประสิทธิภาพในการรายงานและการกระทบยอด

Semble ใช้ Stripe เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานในคลินิกสามารถติดตามการชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ของตนในแพลตฟอร์มที่รวมไว้ในศูนย์กลางจุดเดียว ยิ่งมีการชำระเงินเข้ามาที่ Semble มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีการกระทบยอดโดยอัตโนมัติมากเท่านั้น "การที่ลูกค้าสามารถส่งรายการทำบัญชีหรือระเบียนบัญชีให้นักบัญชีได้ง่ายๆ นั้นเป็นการประหยัดเงินได้อย่างมากสำหรับพวกเขา" Landau กล่าว "นี่เป็นบริการที่มีประโยชน์มากสำหรับคลินิก และอาจมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายกับ Semble ผ่าน Stripe ได้"

การชำระเงินผ่านธนาคารที่เร็วขึ้นและการลดเวลาในการจัดการใบแจ้งหนี้

การใช้ Billing เพื่อรวมการจัดการทั้งใบแจ้งหนี้และการชำระเงินตามรอบบิลเข้าด้วยกันช่วยให้ Semble ประหยัดเวลาและมีกระแสรายรับที่สม่ำเสมอ "ก่อนหน้านี้ ใบแจ้งหนี้ของเรามีกำหนดเวลา 14 วัน แต่เมื่อใช้ฟังก์ชันการหักบัญชีอัตโนมัติและวิธีการชำระเงินที่หลากหลายของ Stripe ตอนนี้เราได้รับชำระเงินภายในแค่ 2 วันแทนที่จะต้องรอถึง 2 สัปดาห์" Landau กล่าว ตอนนี้ทีม Semble แทบไม่ต้องใช้เวลาไปกับการจัดการใบแจ้งหนี้อีกต่อไป