เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2016 Gazetta Ufficiale เผยแพร่กฎหมายฉบับที่ 106/2016 ซึ่งมอบอํานาจให้รัฐบาลปฏิรูปภาคส่วนที่สาม (Third Sector) ด้วยการออกกฤษฎีกาหลายฉบับ รวมถึงกฎหมายของภาคส่วนที่ 3 (กฤษฎีกาฉบับที่ 117/2017) หนึ่งในมาตรการใหม่ที่เกิดขึ้นจากการปฏิรูปครั้งนี้คือโบนัสทางสังคม ซึ่งเป็นเครดิตภาษีที่มอบให้กับผู้เสียภาษีที่บริจาคเงินให้กับนิติบุคคลในภาคส่วนที่สาม (ETS) ในโครงการฟื้นฟูและบูรณะสังหาและอสังหาริมทรัพย์ บทความนี้จะอธิบายว่าโบนัสทางสังคมคืออะไร มีหลักการทํางานอย่างไร และข้อกําหนดเกี่ยวกับเกณฑ์คุณสมบัติมีอะไรบ้าง
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- โบนัสทางสังคมคืออะไร
- ใครบ้างที่มีสิทธิ์รับเครดิตภาษีโบนัสทางสังคม
- เครดิตภาษีนี้มีหลักการทํางานอย่างไร
- ข้อกําหนดเกณฑ์คุณสมบัติสําหรับนิติบุคคลในภาคส่วนที่ 3 มีอะไรบ้าง
- ข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดสําหรับนิติบุคคลในภาคส่วนที่สามมีอะไรบ้าง
โบนัสทางสังคมคืออะไร
มาตราที่ 81 ของกฎหมายภาคส่วนที่ 3 ระบุถึงโบนัสทางสังคม พร้อมแนวทางการดําเนินงานที่กำหนดโดยกฤษฎีกาฉบับที่ 89 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งกำหนดให้มอบเครดิตแก่ผู้เสียภาษีที่บริจาคเงินให้แก่ ETS ซึ่งดำเนินโครงการฟื้นฟูและบูรณะทรัพย์สินของรัฐที่ไม่มีการใช้งาน รวมทั้งสังหาและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการอายัดทรัพย์สินในคดีอาชญากรรมองค์กร
ใครบ้างที่มีสิทธิ์รับเครดิตภาษีโบนัสทางสังคม
ต่อไปนี้คือผู้ที่มีสิทธิ์รับเครดิตภาษีโบนัสทางสังคม:
- บุคคลทั่วไป
- นิติบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการค้า
- ธุรกิจทั้งหมด ไม่ว่าจะมีโครงสร้างทางกฎหมายแบบใด ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมใด หรือใช้ระบบบัญชีแบบใดก็ตาม
เครดิตภาษีนี้มีหลักการทํางานอย่างไร
ตามมาตรา 4 ของกฤษฎีกา จํานวนเครดิตภาษีจะแตกต่างกันไปตามประเภทของผู้เสียภาษี โดยมีอัตราเทียบเท่าดังต่อไปนี้
- 65% สําหรับเงินบริจาคเพื่อการกุศลของบุคคลทั่วไป ซึ่งไม่เกิน 15% ของรายรับที่ต้องเสียภาษี
- 50% สําหรับเงินบริจาคเพื่อการกุศลของบริษัท ซึ่งไม่เกิน 5 ต่อ 1,000 ส่วนของรายได้ต่อปี
- 50% สําหรับเงินบริจาคของนิติบุคคลนอกภาคธุรกิจ ซึ่งไม่เกิน 15% ของรายรับที่ต้องเสียภาษี
หน่วยงานภาษีจะแบ่งเครดิตโบนัสทางสังคมออกเป็น 3 งวดที่เท่าๆ กันในแต่ละปี บุคคลทั่วไปและนิติบุคคลนอกภาคธุรกิจจะเริ่มใช้เครดิตดังกล่าวได้ โดยเริ่มตั้งแต่การขอคืนภาษีสําหรับปีที่มีการบริจาคเงินที่มีสิทธิ์ได้รับเครดิตภาษี เครดิตภาษีรายปีที่ไม่ได้ใช้สามารถทบยอดไปยังการขอคืนภาษีรอบต่อๆ ไปจนกว่าคุณจะใช้เครดิตภาษีทั้งหมด
บุคคลที่มีรายรับจากธุรกิจสามารถใช้เครดิตภาษีมาหักลบภาษีได้ เริ่มจากรอบภาษีถัดจากการบริจาค โดยยื่นแบบฟอร์ม F24 ผ่านบริการออนไลน์ของกรมสรรพากรอิตาลี (Agenzia delle Entrate) เท่านั้น
ผู้เสียภาษีมีสิทธิ์รับโบนัสทางสังคมเฉพาะในกรณีที่บริจาคเงินโดยใช้วิธีการชําระเงินที่ตรวจสอบย้อนกลับได้เท่านั้น นอกจากนี้ รายละเอียดการชําระเงินจะต้องมีการอ้างอิงถึงโบนัส ETS ของผู้รับ และจุดประสงค์ของการบริจาคด้วย
เครดิตภาษีจะไม่นำมาคํานวณผลกําไรเพื่อจุดประสงค์ทางภาษีเงินได้ และไม่ส่งผลต่อมูลค่าการผลิตที่ใช้ในการคำนวณภาษีท้องถิ่นของอิตาลีสําหรับกิจกรรมการผลิต (IRAP)
ผู้เสียภาษีต้องบริจาคเงินเพื่อการกุศลภายใต้โปรแกรมโบนัสทางสังคมให้แก่ ETS ที่ได้ยื่นโครงการต่อกระทรวงแรงงานและนโยบายสังคมเพื่อฟื้นฟูทรัพย์สินของรัฐที่ยังไม่ใช้งานและสังหาและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการอายัดทรัพย์สินในคดีอาชกรรมองค์กรเท่านั้น กระทรวงจะต้องอนุมัติโครงการเหล่านี้ก่อน จากนั้นนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ต้องจัดสรรสินทรัพย์ให้กับ ETS ที่ระบุ ซึ่งสินทรัพย์เหล่านั้นต้องนำไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชนเท่านั้น
การปรับตัวตามระเบียบข้อบังคับด้านภาษีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสําหรับธุรกิจ เครื่องมืออย่าง Stripe Tax อาจทําให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดเป็นเรื่องง่าย โดยการสร้างรายงานอย่างละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการใช้เครดิตภาษีอย่างถูกต้อง เช่น โบนัสทางสังคม
ข้อกําหนดเกณฑ์คุณสมบัติสําหรับนิติบุคคลในภาคส่วนที่ 3 มีอะไรบ้าง
ข้อกําหนดสำหรับ ETS ในการเข้าร่วมการระบุโครงการฟื้นฟูที่มีสิทธิ์ได้รับโบนัสทางสังคมมีดังนี้
- มีสถานะตามที่ระบุไว้ในมาตรา 4 วรรค 1 ของกฎหมายภาคส่วนที่ 3
- ตัวแทนทางกฎหมายของนิติบุคคลต้องมีอํานาจหน้าที่ที่เหมาะสมในการยื่นโครงการ
- ต้องไม่มีเหตุอันควรให้จำเป็นต้องห้าม ระงับ หรือตัดสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 67 ของกฤษฎีกาฉบับที่ 159 ลงวันที่ 6 กันยายน 2011 ว่าด้วยตัวแทนทางกฎหมายและสมาชิกของหน่วยงานกํากับดูแลของนิติบุคคล
- นิติบุคคลต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ในการบริจาค
- นิติบุคคลต้องมีสถานะน่าเชื่อถือในการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายภาษีและค่าธรรมเนียม
- นิติบุคคลต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ในการประกันภัยสําหรับอาสาสมัครตามที่ระบุไว้ในมาตรา 18 ของกฤษฎีกาฉบับที่ 117/17
- โอนทรัพย์สินให้แก่นิติบุคคลได้สําเร็จ
นิติบุคคลพาร์ทเนอร์ทุกรายที่เกี่ยวข้องต้องมีคุณสมบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้
คุณสมบัติในฐานะนิติบุคคลในภาคส่วนที่สาม
เนื่องจากบุคคลทั่วไปหรือธุรกิจที่สนใจเครดิตภาษีโบนัสทางสังคมต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้รับประโยชน์จากเงินบริจาคของตนมีคุณสมบัติเป็น ETS คุณจึงอาจสงสัยว่าสิ่งใดที่ทำให้นิติบุคคลที่เสนอได้รับสถานะนี้ กระทรวงแรงงานและนโยบายสังคมออกมาตอบคําถามนี้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2024
นโยบายข้างต้นอธิบายว่า สถานะของผู้รับบริจาคในฐานะ ETS มีความสําคัญต่อการใช้เครดิตโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เสียภาษีที่บริจาคเงินให้แก่นิติบุคคล ดังนั้นผู้รับประโยชน์จึงต้องมีสถานะนี้ทั้งในตอนที่สมัครและวันที่มีการใช้มาตรการอนุมัติรายการโครงการฟื้นฟูที่มีสิทธิ์รับโบนัสสังคม ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องคงคุณสมบัตินี้ไว้ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการโครงการฟื้นฟูทรัพย์สิน
ข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดสําหรับนิติบุคคลในภาคส่วนที่สามมีอะไรบ้าง
เพื่อให้บุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลที่บริจาคเงินได้รับประโยชน์จากโบนัสทางสังคม โครงการฟื้นฟูและบูรณะทรัพย์สินของ ETS จะต้องยื่นสมัครต่อกระทรวงแรงงานและนโยบายสังคม (ผู้อํานวยการทั่วไปฝ่ายภาคส่วนที่สามและความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร) ภายในวันครบกำหนด 1 ใน 3 ดังต่อไปนี้: 15 มกราคม, 15 พฤษภาคม หรือ 15 กันยายน
หากต้องการสมัคร ปรดกรอกเอกสารที่จําเป็นในพอร์ทัลของกระทรวง คุณสามารถเข้าถึงพอร์ทัลได้โดยใช้ข้อมูลประจําตัว SPID, CIE หรือ eIDAS โดยแนบแบบฟอร์มที่จําเป็นตามที่กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้แนบเอกสารต่อไปนี้กับเอกสารที่ส่ง
- หนังถือรับรองฉบับทดแทนที่จัดทำขึ้นตามมาตรา 46 และ 47 ของรัฐกฤษฎีกาฉบับที่ 445 ลงวันที่วันที่ 28 ธันวาคม 2000 ซึ่งยืนยันการมีคุณสมบัติตามข้อกําหนดสําหรับการใช้โบนัสของรัฐบาลที่ระบุไว้ในวรรคก่อนหน้า
- ข้อกำหนดปลีกย่อยสำหรับนิติบุคคลที่เสนอและนิติบุคคลพาร์ทเนอร์
- งบประมาณฉบับล่าสุดที่ผ่านการอนุมัติแล้วของนิติบุคคลที่เสนอและนิติบุคคลพาร์ทเนอร์ (หากมี)
- งบการเงินของห้างหุ้นส่วน ถ้าเกี่ยวข้อง
- ภาพถ่ายของทรัพย์สินที่จะฟื้นฟูอย่างน้อย 2 ภาพ
- ใบอนุญาตการถ่ายโอนสินทรัพย์
- รายการเดินบัญชีแสดงค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- ลําดับเวลาของกิจกรรมในโครงการ
หลังจากโครงการโบนัสสังคมได้รับอนุมัติ นิติบุคคลที่เสนอต้องรายงานกระทรวงแรงงานและนโยบายสังคมทุกๆ 3 เดือน โดยให้รายละเอียดของเงินบริจาคที่ได้รับในไตรมาสนั้น นอกเหนือจากการรายงานจํานวนเงินบริจาคแล้ว นิติบุคคลเหล่านี้ยังต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะว่ามีการจัดสรรและใช้เงินเหล่านี้อย่างไรบ้างผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง
กระทรวงแรงงานและนโยบายสังคมได้จัดทำคู่มือสําหรับ ETS ซึ่งมีข้อมูลจําเป็นทั้งหมดในการสมัครเป็นผู้รับประโยชน์สําหรับโครงการฟื้นฟูทรัพย์สินภายใต้แผนโบนัสทางสังคม
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ