ในโลกดิจิทัลที่กระบวนการการชำระเงินเป็นเรื่องง่ายขึ้นเรื่อยๆ การมอบอำนาจ SEPA ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจ ธุรกิจควรตระหนักถึงประโยชน์ของการมอบอำนาจ SEPA และวิธีการทำงานของกระบวนการนี้ โปรดอ่านบทความนี้เพื่อเรียนรู้ว่า SEPA คืออะไร การมอบอำนาจ SEPA ทำงานอย่างไร และธุรกิจจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากการมอบอำนาจ SEPA
เนื้อหาหลักในบทความ
- การมอบอำนาจ SEPA คืออะไร
- การมอบอำนาจ SEPA มีประโยชน์ใดบ้าง
- SEPA คืออะไร
- การมอบอำนาจ SEPA ทำงานอย่างไร
- ใครบ้างที่ได้รับอนุญาตให้เซ็นมอบอำนาจ SEPA
- การมอบอำนาจ SEPA มีผลบังคับใช้นานเท่าใด
- การมอบอำนาจ SEPA มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
การมอบอำนาจ SEPA คืออะไร
การมอบอำนาจ SEPA หรือที่เรียกว่า การมอบอำนาจให้หักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA เป็นเอกสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมายที่อนุญาตให้บริษัทหักเงินจากบัญชีธนาคารของลูกค้าได้ การมอบอำนาจจะประกอบด้วยข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดของลูกค้า เช่น ชื่อและที่อยู่, IBAN, BIC รวมถึงจำนวนเงินและวันที่ของหักบัญชี โดยสามารถใช้สำหรับการชำระเงินได้ทั้งชำระครั้งเดียวหรือชำระตามแบบแผนล่วงหน้า ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรและเซ็นโดยผู้ที่ชำระเงิน ซึ่งสามารถทำได้ในรูปแบบดิจิทัลได้เช่นกัน
การมอบอำนาจ SEPA มีประโยชน์ใดบ้าง
การมอบอำนาจ SEPA มีประโยชน์หลายประการสำหรับธุรกิจ โดยช่วยลดความยุ่งยากในขั้นตอนการเรียกเก็บและประมวลผลการชำระเงิน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนลดลง คุณสามารถใช้การมอบอำนาจนี้เพื่อส่งคำขอรับการชำระเงินอัตโนมัติและประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทันที เป็นต้น วิธีการนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบสถานะการชำระเงินทั้งขาเข้าและขาออกในขณะนั้นได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ลูกค้ายังชำระเงินผ่านการมอบอำนาจ SEPA ได้สะดวกอีกด้วย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องสร้างการชำระเงินด้วยตนเอง ซึ่งช่วยประหยัดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ลูกค้าสามารถโอนเงินได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้การมอบอำนาจ SEPA โดยไม่มีความล่าช้าหรือมีปัญหาในการประมวลผลธุรกรรมการชำระเงินแต่อย่างใด
ขั้นตอนนี้เป็นการดำเนินการมาตรฐานที่ใช้ได้ทั่วเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) และมีให้บริการในประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป ธุรกิจสามารถเสนอวิธีการชำระเงินนี้ให้กับลูกค้าได้หากทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่เพื่อการชำระเงิน SEPA
SEPA คืออะไร
SEPA ซึ่งย่อมาจาก "Single Euro Payments Area" เป็นพื้นที่เพื่อการชำระเงินภายในสหภาพยุโรป (EU) ที่ช่วยให้ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถลดความซับซ้อนในการชำระเงินระหว่างประเทศได้ ในปัจจุบันมี 36 ประเทศที่เข้าร่วมใน SEPA โดย SEPA ช่วยให้ธุรกิจสามารถโอนเงินระหว่างบัญชีในยุโรปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA มีผลบังคับใช้ทั่วยุโรปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2014 โดยเข้ามาแทนที่การหักบัญชีอัตโนมัติแบบเดิมภายในประเทศเยอรมนี ธุรกิจสามารถใช้ SEPA เพื่อชำระเงินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น เนื่องจากลูกค้าไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ นอกจากเซ็นมอบอำนาจ SEPA และมอบให้กับบริษัท
การมอบอำนาจ SEPA ทำงานอย่างไร
เพื่อให้แน่ใจว่าขั้นตอนการชำระเงินจะดำเนินได้อย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาทางกฎหมายใดๆ ก่อนอื่นบริษัทต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าผ่านการมอบอำนาจ SEPA โดยลูกค้าต้องยอมรับเงื่อนไขของการมอบอำนาจและยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง หลังจากเซ็นมอบอำนาจและส่งแล้ว ลูกค้าสามารถชำระใบแจ้งหนี้และหักบัญชีอัตโนมัติได้โดยใช้บัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคาร หรือธุรกิจสามารถส่งการหักบัญชีอัตโนมัติไปยังธนาคารโดยใช้ข้อมูลอ้างอิงของหนังสือมอบอำนาจและรหัสระบุผู้ให้เครดิต ทั้งนี้ ต้องส่งให้กับทั้งผู้รับและผู้ส่งเงิน
บางธุรกิจใช้การมอบอำนาจที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับการทำธุรกรรมชำระเงินเป็นประจำ หรือให้ตัวเลือกในการปรับปรุงขั้นตอนการชำระเงินสำหรับลูกค้า ธุรกิจต้องโปร่งใสเมื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินและเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถยกเลิกการมอบอำนาจได้ทุกเมื่อ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการออกการมอบอำนาจ SEPA ได้ที่นี่
การมอบอำนาจ SEPA มีผลบังคับใช้นานเท่าใด
เมื่อทำการออกการมอบอำนาจ SEPA แล้ว โดยทั่วไปจะมีผลบังคับใช้อย่างไม่มีกำหนด เว้นแต่จะมีการยกเลิก แต่จะหมดอายุไปหากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 36 เดือน หากการมอบอำนาจหมดอายุ ธุรกิจจะต้องขอให้ลูกค้าให้ความยินยอมอีกครั้งเพื่อเรียกเก็บเงินผ่านการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA ต่อไป
การมอบอำนาจสามารถขยายหรือต่ออายุได้เป็นลายลักษณ์อักษรและผ่านการโอนข้อมูลที่ปลอดภัย (เช่น จดหมายหรืออีเมล) หากการมอบอำนาจถูกยกเลิกหรือหมดอายุ บริษัทก็จะไม่มีวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายในการเรียกเก็บเงินอีกต่อไป ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการมอบอำนาจนั้นยังคงมีผลบังคับใช้และต่ออายุในเวลาที่เหมาะสมเมื่อจำเป็น
ใครบ้างที่ได้รับอนุญาตให้ลงนามในการมอบอำนาจ SEPA
การมอบอำนาจ SEPA ที่ถูกต้องจะต้องลงนามโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรม โดยทั่วไปแล้วจะต้องลงนามโดยบุคคลที่กระทำการในนามบริษัท ซึ่งโดยปกติจะเป็นกรรมการบริษัทที่มีอำนาจจัดการหรือบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาต หากไม่ชัดเจนว่าใครควรลงนาม ธุรกิจควรปรึกษาที่ปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับวิธีดำเนินการ และตรวจสอบว่าจำเป็นต้องมีการอนุมัติพิเศษหรือไม่ หากธุรกิจมีผู้ถือหุ้นมากกว่าหนึ่งราย แต่ละรายจะต้องได้รับการอนุมัติและลงลายมือชื่อ ซึ่งสามารถทำได้ทางอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน วิธีนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมจะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนและให้ความยินยอมแล้ว
การมอบอำนาจ SEPA มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
โดยปกติจะไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าหรือธุรกิจ เว้นแต่จะมีการแปลงสกุลเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ควรสอบถามธนาคารที่คุณใช้บริการเป็นหลักล่วงหน้าว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือไม่
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ