การพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล: สิ่งที่ธุรกิจในเยอรมนีควรทราบ

Revenue Recognition
Revenue Recognition

Stripe Revenue Recognition เพิ่มประสิทธิภาพในการทำบัญชีคงค้างเพื่อให้คุณปิดบัญชีได้รวดเร็วและถูกต้อง รวมทั้งยังกำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติ คุณจึงปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลคืออะไร
    1. เหตุใดการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลจึงสําคัญต่อธุรกิจ
  3. กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลมีประโยชน์อย่างไร
    1. แนวทางแบบองค์รวม
    2. การวางแผนระยะยาว
    3. การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในธุรกิจ
    4. การจัดสรรทรัพยากรที่ดีขึ้น
    5. ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น
    6. การควบคุมความเสี่ยง
    7. การตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น
    8. การเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
    9. ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
    10. การปกป้องสำหรับอนาคต
  4. ธุรกิจต่างๆ จะพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลได้อย่างไร
    1. ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์สถานการณ์แรกเริ่ม:
    2. ขั้นตอนที่ 2: การระบุเป้าหมาย
    3. ขั้นตอนที่ 3: การระบุเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
    4. ขั้นตอนที่ 4: การจัดลําดับความสําคัญและการจัดงบประมาณ
    5. ขั้นตอนที่ 5: การฝึกอบรม
    6. ขั้นตอนที่ 6: การติดตามตรวจสอบและการปรับตัว
  5. มาตรการเพื่อการเปลี่ยนธุรกิจเป็นระบบดิจิทัล

การเปลี่ยนให้เป็นระบบดิจิทัลจะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมองค์กรทั่วโลก รวมถึงในเยอรมนีด้วย ธุรกิจมีโอกาสเกือบจะไร้ขีดจํากัดในการปรับปรุงและก้าวหน้าด้วยการใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลที่คิดมาอย่างรอบคอบ ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้ว่ากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลคืออะไร ประโยชน์ของกลยุทธ์ และธุรกิจจะพัฒนากลยุทธ์นี้ได้อย่างไร นอกจากนี้เรายังจะแสดงตัวอย่างมาตรการต่างๆ เพื่อเปลี่ยนธุรกิจของคุณให้เป็นระบบดิจิทัล

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลคืออะไร
  • กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลมีประโยชน์อย่างไร
  • ธุรกิจต่างๆ จะพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลได้อย่างไร
  • มาตรการสําหรับการเปลี่ยนธุรกิจเป็นระบบดิจิทัล

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลคืออะไร

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลคือแผนการแบบเป็นระบบของธุรกิจเพื่อพลิกโฉมกระบวนการทางธุรกิจ ตลอดจนผลิตภัณฑ์และบริการโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลโดยพื้นฐานแล้วคือการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและสร้างอิทธิพลต่อโครงสร้างและกระบวนการของธุรกิจทุกด้าน รวมถึงการวิจัยและพัฒนา การผลิต โลจิสติกส์ การขาย การบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยีข้อมูล (IT) การตลาด และการสื่อสาร ธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสที่การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลมอบให้จําเป็นต้องใช้มาตรการต่างๆ เพื่อดําเนินการเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีที่สุดคือการนำกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมมาใช้และไม่พึ่งพามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง และนี่คือส่วนที่กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลสามารถช่วยได้ กลยุทธ์ช่วยรับรองว่าแต่ละมาตรการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรและสามารถนําไปใช้ต่อเนื่องได้ แผนที่ครอบคลุมจะช่วยให้ผสานการทํางานและประสานงานของโครงการริเริ่มดิจิทัลทั้งหมดของธุรกิจได้ กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลจึงทําหน้าที่เป็นแผนกลยุทธ์และเป็นจุดอ้างอิงคงที่สําหรับการแปลงโฉมที่ยั่งยืน

เหตุใดการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลจึงสําคัญต่อธุรกิจ

การเปลี่ยนเป็นดิจิทัลไม่ใช่กระแสชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่ส่งผลกระทบต่อทุกด้านของชีวิตและการทํางาน ธุรกิจที่ปรับตัวตามสภาพใหม่ๆ และใช้โอกาสทางดิจิทัลจะได้รับประโยชน์เหนือธุรกิจที่ไม่ปรับตัว นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลโอกาสที่จะได้รับผลกระทบในเชิงบวก เช่น มียอดขายสูงขึ้นและมีความแข็งแกร่งกว่าเดิมในตลาด ในทางกลับกัน ธุรกิจในบางอุตสาหกรรมดูเหมือนจะไม่มีทางเลือก นอกจากต้องตามความก้าวหน้าทางดิจิทัลให้ทัน สาเหตุมีหลายประการดังนี้

  • สภาพแวดล้อมของตลาดมีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงคู่แข่งทางดิจิทัลรายใหม่
  • หลังจากมีเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ก็กําลังเกิดขึ้น
  • ความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าและพนักงานกําลังเปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลมีประโยชน์อย่างไร

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจมีข้อได้เปรียบหลายประการเหนือกว่าการใช้มาตรการเดี่ยวๆ โดยไม่มีแผนโดยรวม

แนวทางแบบองค์รวม

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นดิจิทัลจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ใช้มาตรการดิจิทัลแยกจากกัน แต่จะประสานงานกัน วิธีนี้จะช่วยป้องกันโซลูชันที่แยกจากกันอย่างไม่มีประสิทธิภาพและช่วยให้สามารถผสานการทํางานสําหรับธุรกิจ ซึ่งทุกแผนกได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล นอกจากนี้ กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นดิจิทัลยังช่วยให้มั่นใจได้ว่ามาตรการทั้งหมดสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรด้วย

การวางแผนระยะยาว

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจกําหนดเป้าหมายในระยะยาวและวางแผนการพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลได้ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจตอบสนองต่อแนวโน้มทางเทคโนโลยีได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และปรับโฉมการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในธุรกิจ

กลยุทธ์ที่คิดมาเป็นอย่างดีจะช่วยอํานวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมภายในธุรกิจโดยการให้พนักงานตระหนักถึงความสําคัญและประโยชน์ของการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลและการใช้มาตรการการฝึกอบรมที่ตรงเป้า สิ่งนี้สามารถส่งเสริมการยอมรับและความมุ่งมั่นของพนักงาน

การจัดสรรทรัพยากรที่ดีขึ้น

แทนที่จะดำเนินโครงการดิจิทัลโดยปล่อยให้เป็นไปเองหรือตามเหตุเฉพาะกิจ กลยุทธ์จะกําหนดลําดับความสําคัญที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้สามารถลงทุนทรัพยากรต่างๆ เช่น เวลา เงิน และบุคลากร ได้อย่างเฉพาะเจาะจงในมาตรการที่มีศักยภาพมากที่สุด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนที่ไม่ดี

ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลช่วยสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและเหมาะกับลูกค้าแต่ละรายโดยการเชื่อมต่อช่องทางดิจิทัลต่างๆ เช่น แอป เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย จากนั้นคุณจะสามารถระบุและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น

การควบคุมความเสี่ยง

กลยุทธ์ที่คิดมาเป็นอย่างดีจะช่วยให้คุณระบุความเสี่ยงในการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และช่วยให้มีเวลาใช้มาตรการป้องกัน ความเสี่ยงที่เป็นไปได้ได้แก่ ภัยคุกคามจากปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์หรือการปกป้องข้อมูล กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลจึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นคงของธุรกิจ

การตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น

ในการใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล คุณจะผสานการทํางานเครื่องมือวิเคราะห์และข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่วัดความสําเร็จของมาตรการการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล เมื่อมีข้อมูลที่ครอบคลุม ฝ่ายบริหารจะตัดสินใจได้เร็วขึ้น

การเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

แนวทางที่มีการวัดผลจะช่วยรับรองว่ามีการตรวจสอบและปรับโครงการริเริ่มดิจิทัลอย่างสม่ําเสมอ คุณควรแน่ใจว่ามาตรการทั้งหมดส่งผลสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจและติดตามการพัฒนาทางเทคโนโลยีอยู่เสมอ

ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน

ธุรกิจที่ดําเนินการตามกลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลที่ครอบคลุมจะโดดเด่นเหนือคู่แข่งด้วยการมอบเวลาตอบกลับที่รวดเร็วกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม และกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ

การปกป้องสำหรับอนาคต

กลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลช่วยธุรกิจเตรียมความพร้อมสําหรับการพัฒนาทางเทคโนโลยีและข้อกําหนดของตลาด ธุรกิจสามารถกําหนดจุดยืนของตัวเองตั้งแต่ระยะแรกและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ในตอนนี้ และสามารถรับมือกับความท้าทายและโอกาสต่างๆ ในอนาคตได้

ธุรกิจต่างๆ จะพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลได้อย่างไร

ต่อไปนี้คือ 6 ขั้นตอนสําคัญที่สุดในการพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล

ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์สถานการณ์แรกเริ่ม:

ขั้นตอนแรกในการพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลคือการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและการประเมินสถานะปัจจุบัน ธุรกิจควรตรวจสอบด้วยว่ากระบวนการใดบ้างที่ยังเป็นระบบอนาล็อกและกระบวนการใดเป็นระบบดิจิทัลอยู่แล้ว ในบรรดาปัจจัยอื่นๆ นอกจากนี้ธุรกิจควรระบุทุกด้านและกระบวนการที่สามารถปรับแต่งอย่างละเอียดโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ยิ่งไปกว่านั้น การวิเคราะห์ที่ละเอียดมากขึ้นยังให้ข้อมูลที่ระบุว่าธุรกิจสามารถพัฒนาธุรกิจด้านใหม่ๆ ผ่านมาตรการการแปลงเป็นระบบดิจิทัลได้หรือไม่

ขั้นตอนที่ 2: การระบุเป้าหมาย

เมื่อได้ตอบคําถามทุกข้อเกี่ยวกับสถานะของธุรกิจแล้ว ขั้นตอนที่ 2 ก็คือการระบุเป้าหมายสําหรับกลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล ซึ่งควรรวมถึงกระบวนการและพื้นที่ที่ธุรกิจมีแผนที่จะแปลงเป็นระบบดิจิทัลด้วย ธุรกิจยังต้องกําหนดผลกระทบที่คาดหวังด้วย กลยุทธ์การเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลของธุรกิจควรช่วยเพิ่มยอดขาย การได้ลูกค้า หรือเพิ่มความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกระบวนการต่างๆ หรือไม่ มีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมจึงควรใช้เวลาอย่างเพียงพอในการกําหนดวัตถุประสงค์

ขั้นตอนที่ 3: การระบุเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนที่ 3 คือการสร้างเงื่อนไขสําหรับการนํากลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลไปใช้จริง ในส่วนนี้ ธุรกิจควรได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม มีผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลจํานวนมากและเทรนด์ใหม่ๆ ที่ธุรกิจสามารถนำเข้ามาศึกษาข้อมูล สุดท้ายนี้ ธุรกิจจะต้องตัดสินใจว่าจะนําผู้ให้บริการ เทคโนโลยี และเครื่องมือใดบ้างไปปรับใช้กับโครงการแปลงเป็นระบบดิจิทัลแต่ละโครงการ

ขั้นตอนที่ 4: การจัดลําดับความสําคัญและการจัดงบประมาณ

ในขั้นตอนที่ 4 ธุรกิจสามารถให้ความสําคัญกับมาตรการที่วางแผนไว้ตามความต้องการของฝ่ายบริหารและความเร่งด่วน ในขณะเดียวกัน ธุรกิจก็ควรพิจารณางบประมาณที่มีอยู่ของตนด้วย ด้วยวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติและด้านการเงิน ธุรกิจไม่สามารถนํามาตรการทั้งหมดมาใช้พร้อมกันได้ ดังนั้นจึงต้องจัดลำดับความสําคัญกับโครงการทั้งหมดตามความเหมาะสมเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินโครงการต่อๆ กันได้

ขั้นตอนที่ 5: การฝึกอบรม

เทคโนโลยีใหม่ๆ มักต้องใช้ความรู้ใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจจึงควรให้การฝึกอบรมภายในและภายนอกแก่พนักงานทุกคนเพื่อทําความคุ้นเคยกับกระบวนการต่างๆ

ขั้นตอนที่ 6: การติดตามตรวจสอบและการปรับตัว

ในขั้นตอนที่ 6 ธุรกิจควรนําระบบการตรวจสอบและการประเมินมาใช้ จุดมุ่งหมายคือการวิเคราะห์มาตรการที่นำมาใช้และผลกระทบของมาตรการเหล่านี้อย่างครอบคลุม โครงการริเริ่มแต่ละโครงการสามารถบรรลุเป้าหมายที่กําหนดไว้ในกลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลหรือไม่ ธุรกิจต้องปรับมาตรการใดบ้าง มาตรการใดอาจต้องนำมาทบทวนใหม่ นอกจากผลที่ได้จากการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่องแล้ว ธุรกิจยังควรนําเทรนด์ใหม่ๆ และข้อกําหนดของตลาดมาพิจารณาในการปรับกลยุทธ์การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลด้วย

กราฟิก: แผนกลยุทธ์การพัฒนาการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล

มาตรการเพื่อการเปลี่ยนธุรกิจเป็นระบบดิจิทัล

มีมาตรการตัวอย่างมากมายที่ธุรกิจสามารถนำมาใช้เป็นกลยุทธ์การปรับให้เป็นระบบดิจิทัลได้ การเปลี่ยนจากเอกสารจริงเป็นเอกสารดิจิทัลมีข้อดีหลายประการ เอกสารดิจิทัลจะค้นหาได้ง่าย จึงช่วยเร่งกระบวนการและเพิ่มผลผลิต นอกจากนี้ เอกสารดิจิทัลยังประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกระดาษ เครื่องพิมพ์ และการจัดเก็บอีกด้วย ข้อดีอีกอย่าง: ธุรกิจสามารถปรับปรุงการส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศได้ด้วยการช่วยประหยัดทรัพยากร

นอกจากนี้คุณยังสามารถจัดเก็บเอกสารและข้อมูลดิจิทัลได้ที่ส่วนกลางได้อย่างรวดเร็ว เมื่อใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลหรือระบบคลาวด์ พนักงานทุกคนจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจะช่วยเพิ่มการทํางานร่วมกันภายในทีมและช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลจะได้รับการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันเสมอ ความพร้อมใช้งานแบบรวมศูนย์ของข้อมูลเป็นสิ่งสําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโมเดลการทํางานไฮบริดและการทำงานจากบ้าน

อีกแนวทางหนึ่งคือระบบอัตโนมัติในกระบวนการทําบัญชี โซลูชันซอฟต์แวร์สมัยใหม่ช่วยให้กระบวนการที่ใช้เวลานานและมักเกิดความผิดพลาดสามารถทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น การอนุมัติใบแจ้งหนี้หรือการจัดการหนี้การค้า ธุรกิจสามารถอนุมัติใบแจ้งหนี้ ส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติ และปรับปรุงกระบวนการชําระเงินได้ในคลิกเดียว การทำเช่นนี้ช่วยลดภาระด้านการบัญชีได้ อีกทั้งยังช่วยรับประกันกระบวนการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจอีกด้วย

หากคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการออกใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Invoicing Invoicing ช่วยให้คุณสร้างและส่งใบแจ้งหนี้ทางกฎหมายได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ Stripe Billing ยังช่วยให้สามารถออกใบแจ้งหนี้ตามแบบแผนล่วงหน้า ส่วน Stripe Revenue Recognition ก็จะแสดงภาพรวมการขายของคุณอย่างรวดเร็วและครอบคลุม คุณสามารถกําหนดค่าและปรับรายงานการขายหรือทําบัญชีธุรกรรมเป็นรอบๆ ได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้ง

การเปลี่ยนการบริการลูกค้าเป็นระบบดิจิทัลอาจเป็นทางเลือกที่ดีสําหรับธุรกิจที่ใช้รูปแบบอนาล็อก แทนที่จะใช้สายด่วนทางโทรศัพท์ ธุรกิจสามารถใช้แชทบ็อตหรือพอร์ทัลบริการตัวเองได้ ด้วยวิธีนี้ ธุรกิจจะสามารถประมวลผลการสอบถามข้อมูลลูกค้าได้เร็วขึ้นและทำได้ตลอดเวลา เครื่องมือดิจิทัลสามารถปรับปรุงคุณภาพบริการ ลดภาระการทํางานของพนักงาน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้

ความสะดวกสบายของลูกค้าควรมีความสําคัญในกระบวนการชําระเงินด้วย ปัจจัยสําคัญก็คือ ความสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะชําระด้วยวิธีใด Stripe Payments จะช่วยให้คุณนําเสนอตัวเลือกการชําระเงินกว่า 100 แบบให้แก่ลูกค้า รวมทั้งรับและจัดการการชําระเงินทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งมีประโยชน์ต่อคุณในฐานะธุรกิจและต่อลูกค้าที่สามารถชําระใบแจ้งหนี้ได้ตามต้องการทุกเมื่อ

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่ขายสินค้าในร้านค้าหรือเสนอบริการนอกสถานที่สามารถใช้โซลูชันดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าชําระเงินด้วยบัตรได้ Stripe Terminal จะช่วยให้คุณใช้เครื่องอ่านบัตรที่ได้รับการรับรองล่วงหน้า เช่น Stripe Reader S700 หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น BBPOS WisePad 3 ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถชําระเงินแบบไร้เงินสดได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม โดย Tap to Pay ช่วยให้ทำได้กับ iPhone หรืออุปกรณ์ Android ระบบจะโอนเงินธุรกรรมทั้งหมดไปยังระบบการทําบัญชีของธุรกิจโดยอัตโนมัติ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Revenue Recognition

Revenue Recognition

กำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Revenue Recognition

สร้างกระบวนการทำบัญชีแบบเกณฑ์คงค้างอัตโนมัติด้วย Stripe Revenue Recognition