ธุรกิจที่มีปริมาณยอดขายต่ำสามารถใช้ประโยชน์จากกฎของผู้ประกอบการรายย่อยของเยอรมนีและลดงานบริหารจัดการลงได้ บทความนี้จะช่วยอธิบายว่ากฎของผู้ประกอบการรายย่อยคืออะไรและคุณจะยื่นขอใช้กฎนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ เราจะพาไปดูด้วยว่าธุรกิจจะเปลี่ยนจากการเก็บภาษีแบบมาตรฐานมาเป็นการเก็บภาษีแบบผู้ประกอบการรายย่อยเป็นการย้อนหลังได้หรือไม่ รวมถึงอธิบายวิธีดำเนินการ ในช่วงท้ายของบทความ เราได้ใส่ตัวอย่างหนังสือที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อแจ้งให้สำนักงานภาษีทราบถึงการเปลี่ยนแปลงเอาไว้ให้ด้วย
เนื้อหาหลักในบทความ
- กฎของผู้ประกอบการรายย่อยคืออะไร
- ธุรกิจจะยื่นขอใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยอย่างไร
- ธุรกิจจะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยเป็นการย้อนหลังได้หรือไม่
- ธุรกิจจะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยเป็นการย้อนหลังได้อย่างไร
- ตัวอย่างการยื่นขอเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย
กฎของผู้ประกอบการรายย่อยคืออะไร
กฎของผู้ประกอบการรายย่อยเป็นกฎข้อบังคับพิเศษที่ช่วยบรรเทาเรื่องการบริหารจัดการและภาษีให้กับธุรกิจที่มีปริมาณยอดขายต่ำ โดยหลักแล้ว ธุรกิจในเยอรมนีมีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้าและบริการ แต่ธุรกิจเหล่านี้ก็สามารถยื่นขอรับการยกเว้นจากภาระหน้าที่นี้ได้ด้วยกฎของผู้ประกอบการรายย่อย โดยธุรกิจจะต้องมีผลประกอบการตลอดปีในปีก่อนหน้านั้นไม่เกิน 22,000 ยูโร และต้องคาดว่าจะไม่เกิน 50,000 ยูโรในปีปัจจุบันจึงจะเข้าเกณฑ์ในการใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย ข้อกำหนดเบื้องต้นเหล่านี้ระบุไว้ในมาตราที่ 19 ของกฎหมายว่าด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม (UStG) ในส่วนของธุรกิจที่ไม่ได้ก่อตั้งในวันที่ 1 มกราคม ขีดจำกัดเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้โดยคิดตามสัดส่วนในปีที่ก่อตั้ง เช่น หากธุรกิจเริ่มมีการซื้อขายในวันที่ 1 กรกฎาคม ยอดขายรวมตลอดช่วงที่เหลือของปีจะต้องไม่เกิน 11,000 ยูโร
กฎของผู้ประกอบการรายย่อยเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ก่อตั้ง ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ประกอบอาชีพอิสระ แต่กฎนี้ก็ไม่ได้บังคับให้ต้องใช้ ทุกคนที่มียอดขายต่ำกว่าขีดจำกัดดังกล่าวก็สามารถใช้กฎนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ การตัดสินใจยื่นขอใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยและการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นจะช่วยลดงานบริหารจัดการลง เนื่องจากคุณจะไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเบื้องต้น แต่ผู้ประกอบการรายย่อยก็จะไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อจากสำนักงานภาษีได้เช่นกัน
ผู้ประกอบการรายย่อยกับธุรกิจขนาดเล็กต่างกันอย่างไร
ผู้ประกอบการรายย่อยกับธุรกิจขนาดเล็กมีข้อแตกต่างกันอย่างชัดเจน ธุรกิจขนาดเล็กเป็นองค์กรเชิงพาณิชย์ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าอยู่ในทะเบียนพาณิชย์ของเยอรมนี (German Commercial Register) และไม่ได้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของประมวลกฎหมายพาณิชย์ของเยอรมัน (HGB) โดยจะต้องมียอดขายตลอดปีไม่ถึง 600,000 ยูโรหรือมีกำไรต่ำกว่า 60,000 ยูโร ธุรกิจขนาดเล็กนั้นจะจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กเท่านั้น ในขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยอาจเป็นได้ทั้งผู้ประกอบธุรกิจและฟรีแลนซ์ หรือพนักงานด้านการเกษตรและป่าไม้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กยังใช้ประโยชน์จากกฎของผู้ประกอบการรายย่อยได้ด้วยเช่นกัน
ธุรกิจจะยื่นขอใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยอย่างไร
ทุกคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากกฎของผู้ประกอบการรายย่อยและจดทะเบียนเป็นธุรกิจขนาดเล็กจะต้องแจ้งให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงการตัดสินใจดังกล่าว ธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและคาดการณ์แล้วว่าจะมีผลประกอบการตลอดปีต่ำกว่าขีดจำกัดจะมีสองทางเลือก ได้แก่ ธุรกิจสามารถแจ้งสำนักงานภาษีให้ทราบถึงความประสงค์ที่จะใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยในแบบฟอร์มการจดทะเบียนภาษี แต่หากเพิ่งจัดตั้งธุรกิจ ก็ยังสามารถเพิ่มหมายเหตุที่เกี่ยวข้องไว้ได้เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังยื่นขอใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยได้ในระหว่างการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง (เช่น เมื่อธุรกิจซื้อขายอยู่แล้ว) ในการทำเช่นนี้ แค่ยื่นหนังสืออย่างไม่เป็นทางการถึงสำนักงานภาษีที่เกี่ยวข้องโดยอ้างอิงถึงมาตราที่ 19 ของ UStG (ดูด้านล่าง) ก็เพียงพอแล้ว จากนั้น สำนักงานภาษีจะตรวจสอบว่าธุรกิจดังกล่าวเข้าเกณฑ์ตามข้อกำหนดหรือไม่และอนุมัติหนังสือดังกล่าว กฎของผู้ประกอบการรายย่อยจะไม่มีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติไม่ว่าผลประกอบการตลอดปีจะเป็นเช่นไร เพราะธุรกิจจะต้องตั้งใจเลือกและยื่นขอใช้กฎนี้ก่อนเสมอ
ธุรกิจจะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยเป็นการย้อนหลังได้หรือไม่
โดยหลักการแล้ว คุณสามารถตัดสินใจยื่นขอใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะในขณะจัดตั้งธุรกิจหรือหลังจากนั้นก็ตาม นอกจากนี้ ธุรกิจยังสลับไปมาระหว่างการเก็บภาษีแบบผู้ประกอบการรายย่อยและการเก็บภาษีแบบมาตรฐานในช่วงสิ้นปีการเงินได้ด้วย แต่ธุรกิจที่เลือกจะไม่จดทะเบียนใช้กฎดังกล่าวโดยสมัครใจในระหว่างจัดตั้งก็จะต้องใช้การเก็บภาษีแบบมาตรฐานไปเป็นเวลาห้าปี ซึ่งหลังพ้นช่วงห้าปีนี้ไปแล้ว ธุรกิจก็จะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยได้ ข้อจำกัดนี้มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจที่มียอดขายต่ำได้รับการคืนเงินภาษีซื้อเป็นจำนวนมากในปีแรก แล้วเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยที่มีความสะดวกกว่าในปีที่สอง
ธุรกิจจะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยเป็นการย้อนหลังได้อย่างไร
ในบางครั้ง ธุรกิจอาจพบว่ายอดขายน้อยกว่าที่คาดหรือวางแผนไว้ ในกรณีนี้ คุณสามารถส่งหนังสือย้อนหลังเพื่อขอรับสถานะผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มในปีถัดไป หากมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังดังกล่าว คุณจะต้องชำระเงินคืนที่เคยได้รับจากสำนักงานภาษีไป นอกจากนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป ใบแจ้งหนี้ที่ออกจะต้องไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มรวมอยู่ด้วย เราขอแนะนำให้คุณแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับการใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยในอนาคต ลูกค้าของคุณควรทราบถึงเหตุผลที่ใบแจ้งหนี้ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มปรากฏอยู่แล้ว
คุณควรแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าคุณจะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยโดยเร็วที่สุด หากจะให้ดี คุณควรแจ้งในช่วงสิ้นปีการเงินหรือเมื่อเริ่มปีการเงินใหม่ หากมีการแจ้งให้ทราบอยู่ในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็อาจส่งผลให้มีงานที่ต้องทำเพิ่มขึ้นอย่างมากได้ ทั้งนี้ ในทางทฤษฎีแล้ว คุณสามารถส่งใบแจ้งหนี้ที่แก้ไขแล้วให้ลูกค้าเป็นการย้อนหลังโดยไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มได้ แต่หากคุณเลือกทำเช่นนั้น ทั้งธุรกิจที่ออกใบแจ้งหนี้และลูกค้าที่มีสิทธิ์ได้รับการหักภาษีซื้อก็จะต้องแก้ไขปรับปรุงแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเบื้องต้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาและอาจทำให้ลูกค้าหงุดหงิดและไม่พึงพอใจได้
มีกรณีพิเศษใดบ้างที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย
หากธุรกิจเปลี่ยนรูปแบบการเก็บภาษีและเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย จะมีกรณีพิเศษบางกรณีสำหรับใบแจ้งหนี้ขาเข้าและขาออกในช่วงเปลี่ยนผ่านปี คุณควรคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เวลาที่ส่งมอบบริการหรือสินค้ามักจะมีส่วนสำคัญ
- กรณีพิเศษที่ 1: หากใบแจ้งหนี้มีการลงวันที่ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วและยังมีภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ แต่ลูกค้าไม่จ่ายเงินตามใบแจ้งหนี้จนถึงปีใหม่ คุณก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขใบแจ้งหนี้ดังกล่าวในภายหลัง ใบแจ้งหนี้นี้จะอยู่กับแบบแสดงรายการภาษีล่วงหน้าในเดือนที่ตรงกัน (เช่น มกราคม) หรือไตรมาสที่ตรงกัน และจะรวมอยู่ในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับปีใหม่
- กรณีพิเศษที่ 2: หากธุรกิจจัดทำใบแจ้งหนี้เพื่อส่งออกไปในช่วงต้นปีสำหรับบริการต่างๆ ที่มอบให้ไปแล้วเมื่อปีก่อน ใบแจ้งหนี้เหล่านี้จะต้องมีภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ด้วย รายรับที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องจะรวมอยู่ในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับปีใหม่ และควรรวมอยู่ในแบบแสดงรายการภาษีล่วงหน้าสำหรับเดือนหรือไตรมาสที่ตรงกันด้วย
- กรณีพิเศษที่ 3: หากธุรกิจได้รับใบแจ้งหนี้เข้ามาในปีใหม่สำหรับบริการหรือสินค้าที่ซื้อไปเมื่อปีก่อน คุณยังสามารถนำเงินในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นมาใช้เป็นภาษีซื้อในปีใหม่ได้
- กรณีพิเศษที่ 4: หากธุรกิจมีการระบุภาษีซื้อในช่วงห้าปีที่ผ่านมาในการซื้อสินทรัพย์ถาวร เช่น ยานพาหนะที่ใช้ในธุรกิจ เครื่องจักร หรืออุปกรณ์สำนักงาน ธุรกิจจะต้องคำนวณการหักภาษีซื้อนับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจจะต้องแก้ไขการหักภาษีซื้อก็ต่อเมื่อส่วนภาษีซื้อของสินทรัพย์ที่ซื้อไปมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ยูโรเท่านั้น
ตัวอย่างการยื่นขอเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย
การยื่นหนังสือ (ซึ่งแจ้งให้สำนักงานภาษีทราบว่าคุณจะเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อย) อาจอยู่ในรูปแบบไม่เป็นทางการได้ตามสมควร คุณสามารถใช้ตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นแนวทางได้
หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี: 12 / 345 / 67890
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม: DE123456789
เปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยตั้งแต่วันที่ 1/1/2025
เรียนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ฉันยื่นหนังสือมาเพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าธุรกิจ XYZ ของฉันจะใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยตามมาตราที่ 19 ของ UStG การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 ในส่วนของสถานการณ์ของธุรกิจนี้ ธุรกิจนี้มียอดขายตลอดปีต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยในปีการเงินก่อนหน้านี้ (2024) ยอดขายตลอดปีของฉันที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบวกกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องมีมูลค่ารวม 15,000 ยูโร ทั้งนี้ ยอดขายรวมในปีปฏิทินปัจจุบันก็แทบเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะไม่เกิน 50,000 ยูโร โปรดอัปเดตเอกสารของคุณให้ระบุว่าฉันเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงต้องการขอรับการยกเว้นจากข้อกำหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเบื้องต้นในอนาคต ฉันขอให้คุณนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ฉันเคยจ่ายให้กับคุณมาใช้หักลบกับจำนวนเงินที่ฉันต้องชำระ
หากคุณมีข้อสงสัยหรือความคิดเห็นใดๆ โปรดติดต่อฉันได้ทุกเมื่อ ฉันหวังว่าจะได้รับการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรตามเวลาที่เหมาะสม โดยทันทีที่ฉันได้รับการตอบกลับจากคุณ ฉันจะแจ้งให้ผู้ที่ได้รับใบแจ้งหนี้จากฉันทราบว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง จากนั้น ฉันจะส่งหนังสือให้กับคุณอีกฉบับหนึ่งเพื่อให้คุณคืนเงินตามจำนวนเงินที่ระบุให้กับฉันได้
ขอแสดงความนับถือ
จริยา มาดี
โดยปกติแล้ว เราขอแนะนำให้หารือเรื่องการเปลี่ยนมาใช้กฎของผู้ประกอบการรายย่อยกับที่ปรึกษาด้านภาษี โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บภาษีหรือการทำบัญชีธุรกิจที่พอร์ทัลแหล่งข้อมูลของ Stripe หากคุณกำลังมองหาการสนับสนุนอย่างมืออาชีพสำหรับขั้นตอนทางการเงิน โปรดติดต่อทีมขายของเรา
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ