หลังจากคำตัดสินของศาลในเดือนพฤษภาคม 2025 Apple ได้ปรับเปลี่ยนแนวทาง โดยอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ลิงก์ออกจากแอปเพื่อรับชำระเงินจากเว็บไซต์ภายนอกได้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถใช้ระบบชำระเงินบนเว็บสำหรับสินค้าหรือบริการดิจิทัลได้ ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าธรรมเนียมในการซื้อได้มากถึง 90% และเปลี่ยนค่าธรรมเนียมเหล่านั้นให้เป็นรายได้เพิ่มเติมให้กับธุรกิจของคุณ นอกจากนี้ ระบบชำระเงินบนเว็บยังช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนราคาและโปรโมชันต่างๆ อย่างที่ต้องการได้มากขึ้น สานสัมพันธ์กับลูกค้าได้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ดีขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ด้วยการเพิ่มตัวเลือกในการชำระเงิน เช่น "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" ซึ่งระบบการซื้อภายในแอป (In-App Purchase: IAP) ของ Apple ยังไม่รองรับตัวเลือกนี้
เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ให้เต็มที่ นักพัฒนาแอปจึงมองหาวิธีที่จะช่วยให้แอป iOS เปลี่ยนเข้าสู่ระบบชำระเงินบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ลูกค้ายังคงใช้บริการต่อไป แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าออกจากแอปก็ตาม
หากคุณเลือกวิธีนี้ แน่นอนว่า Stripe ช่วยคุณได้ เพราะ Stripe มาพร้อมชุดเครื่องมือทางการเงินและการชำระเงินที่ครบครัน ช่วยให้คุณจัดการรายได้ทั้งหมดของธุรกิจได้ในที่เดียว คุณสามารถประมวลผลการชำระเงิน สร้างขั้นตอนการชำระเงินบนเว็บแบบกำหนดได้เอง เปิดใช้โมเดลค่าบริการแบบใหม่ๆ และปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลกได้โดยอัตโนมัติ พร้อมรับรายงานฉบับเดียวที่ครอบคลุมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Stripe ได้ช่วยแอปหลายสิบรายการเริ่มประมวลผลการชำระเงินจากภายนอก โดยหลายๆ แอปก็รายงานว่าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมในการประมวลผลการชำระเงินได้อย่างน้อย 10% เราได้กลั่นกรองข้อมูลต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มาเอาไว้ในคู่มือนี้ เพื่อช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นได้ทั้งในแอปและบนเว็บ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้จะช่วยคุณในเรื่องต่อไปนี้
- เปลี่ยนเส้นทางการซื้อจากในแอปไปยังเว็บไซต์ในลักษณะที่เป็นไปตามข้อกำหนด
- สร้างการใช้งานที่ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์เดียวกันเมื่อสลับการใช้งานระหว่างแอปของคุณกับเว็บไซต์
- สร้างการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพสูง
- ทดสอบว่ากลยุทธ์ใดเหมาะกับลูกค้าของคุณที่สุด
- จัดการกิจกรรมหลังการซื้อ เช่น ภาษี การคืนเงิน และการโต้แย้งการชำระเงิน
เราจะมาหาคำตอบกันว่า Stripe จะเป็นประโยชน์ต่อคุณได้อย่างไร และมาดูว่า Stripe Checkout สำหรับการชำระเงินระหว่างแอปและเว็บไซต์นั้นได้นำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่กล่าวถึงในคู่มือนี้มาปรับใช้อย่างไร มาเริ่มกันเลย
หมายเหตุ: แอปที่จำหน่ายสินค้าและบริการที่จับต้องได้ เช่น แอปอีคอมเมิร์ซ แอปบริการจัดส่งสินค้า แอปบริการอาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ สามารถใช้ระบบการชำระเงินของบริษัทอื่นได้ในแอปของตน หากต้องการประมวลผลการชำระเงินด้วย Stripe โปรดดูโซลูชันการชำระเงินภายในแอปของเรา
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการสร้างระบบชำระเงินบนเว็บที่เหมาะสม
เมื่อสร้างประสบการณ์การชำระเงินบนเว็บสำหรับการชำระเงินผ่านแอปของคุณ เราขอแนะนำให้ใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้
เปลี่ยนเส้นทางการชำระเงินจากในแอปไปยังเว็บไซต์ในลักษณะที่เป็นไปตามข้อกำหนด
- ลิงก์ไปยังเบราว์เซอร์ภายนอก: นักพัฒนาที่พยายามใช้ WebView ในแอปของตนมีแนวโน้มที่จะไม่ผ่านการตรวจพิจารณาของ App Store บน iOS แต่ควรเปลี่ยนเส้นทางไปยังเบราว์เซอร์ภายนอกเพื่อคงการปฏิบัติตามข้อกำหนด
- ตรวจสอบประเทศที่เผยแพร่: แนวทางที่อัปเดตของ Apple ในปัจจุบันมีผลกับแอปที่ดาวน์โหลดจาก "หน้าร้านในสหรัฐอเมริกา" เท่านั้น โปรดใช้คุณสมบัติ “Storefront” ของ StoreKit เพื่อตรวจจับว่าผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปของคุณจากหน้าร้านใด หากแอปของคุณไม่ได้อยู่ในหน้าร้านของสหรัฐอเมริกา แนวทางนี้ก็อาจไม่มีผลบังคับใช้
- ใช้โซลูชันสำเร็จรูปเพื่อรับรองการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: นอกเหนือจากการปฏิบัติตามแนวทางของ Apple แล้ว ข้อสำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐบาล ธนาคาร และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น PCI, กฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัว เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และกฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA) รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลที่ธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตกำหนดไว้ ผู้ประมวลผลบุคคลที่สามของคุณควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้
สร้างประสบการณ์ของผู้ใช้ที่สอดคล้องกันเมื่อเปลี่ยนเส้นทางระหว่างแอปของคุณกับเว็บ
- คงการเลือกผลิตภัณฑ์ไว้ในแอปของคุณ: ให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ภายในแอปของคุณ และเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บเพื่อการชำระเงินเท่านั้น ซึ่งจะช่วยรักษาประสบการณ์ในแอปที่คุ้นเคยและหลีกเลี่ยงการส่งลูกค้าผ่านรถเข็นเว็บแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่ออัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า
- เปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บเฉพาะเวลาที่ชำระเงินเท่านั้น: เปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยังเว็บเมื่อถึงเวลาชำระเงินเท่านั้น วิธีนี้จะช่วยให้ขั้นตอนการชำระเงินของคุณมีความสอดคล้องต่อเนื่องและลดความยุ่งยากในการทดสอบที่คุณอาจต้องการดำเนินการบนหน้าชำระเงิน เนื่องจากคุณจะเปลี่ยนเพียงส่วนหนึ่งของขั้นตอนเท่านั้น
- รักษาการตรวจสอบยืนยันตัวตนระหว่างการเปลี่ยนเส้นทาง: หากลูกค้าเข้าสู่ระบบแอปของคุณ ลูกค้าควรเข้าสู่ระบบบนเว็บด้วยได้ หากต้องการประสบการณ์ที่ราบรื่น โปรดใช้บริการตรวจสอบยืนยันตัวตนของบริษัทอื่น เช่น เข้าสู่ระบบด้วย Apple หรือ Firebase Authentication ซึ่งจะสร้างโทเค็นที่มีอายุสั้นๆ ที่แอปของคุณสามารถส่งผ่านผ่านพารามิเตอร์ URL หากไม่มีข้อมูลนี้ ก็จะเป็นการจะสร้างความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นให้กับลูกค้าที่ต้องเข้าสู่ระบบอีกครั้งบนเว็บ
- เปลี่ยนเส้นทางลูกค้ากลับไปที่แอปโดยอัตโนมัติ: ใช้ลิงก์สากลเพื่อพาลูกค้ากลับไปที่แอปของคุณหลังชำระเงินบนเว็บ ลิงก์สากลจะทำงานได้ดีที่สุดใน Safari โดยใน Chrome ลิงก์เหล่านี้จะเปิดในเบราว์เซอร์แทนที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังแอป หากคุณต้องการใช้ลิงก์สากลใน Chrome โปรดตรวจสอบว่าหน้าแรกหลังจากเปลี่ยนเส้นทางมีปุ่มดีปลิงก์พาลูกค้ากลับไปที่แอป นอกจากนี้ ควรเพิ่มผลการชำระเงินไว้ในลิงก์เสมอ เพื่อให้แอปแสดงหน้าจอที่ถูกต้อง วิธีการแบบคู่ที่ใช้ลิงก์สากลและมีดีปลิงก์นี้เป็นขั้นตอนสำรองจะสร้างความมั่นใจว่าการเปลี่ยนเส้นทางจะมีความน่าเชื่อถือ
- รับรองความต่อเนื่องในการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บ: ลูกค้าอาจแปลกใจเมื่อแอปของคุณเปลี่ยนเส้นทางไปยังเบราว์เซอร์แทนที่จะเปิด Apple Pay ในแอป หากต้องการช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าการเปลี่ยนเส้นทางนั้นเกิดขึ้นจากความตั้งใจ ให้ลองเพิ่มไอคอนหรือข้อความเปลี่ยนเส้นทางในแอป และวางโลโก้แอป ชื่อ และภาพผลิตภัณฑ์ของคุณไว้อย่างชัดเจนในหน้าชำระเงินบนเว็บ
สร้างการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพสูง
- ออกแบบการชำระเงินบนเว็บของคุณให้มีรูปลักษณ์ที่สอดคล้องกัน: แทนที่จะออกแบบเว็บไซต์แบบตอบสนองรวดเร็วด้วยแม่แบบสำหรับเว็บที่ใช้กันทั่วไป ลองเปลี่ยนมาสร้างหน้าเว็บที่มีรูปลักษณ์เป็นไปในทิศทางเดียวกับแอปของคุณ แล้วปรับสีพื้นหลัง ฟอนต์ และสี CTA ให้เข้ากับแอปของคุณแทน
- ใน Apple Pay เป็นตัวเลือกแรกในระบบชำระเงินบนเว็บ: ลูกค้าคุ้นเคยกับการชำระเงินด้วย Apple Pay ในแอปของคุณ ดังนั้นให้แสดงตัวเลือกการชำระเงินนี้ให้เห็นอย่างเด่นชัดบนเว็บไซต์ เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า
- แสดงวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้และที่นิยมในระบบชำระเงินบนเว็บ: ระบบชำระเงินบนเว็บมีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ มีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย หากลูกค้าไม่ได้ใช้ Apple Pay การแสดงวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้ เช่น บัตรเครดิตที่มีข้อมูลอยู่ในระบบ และตัวเลือกยอดนิยมอื่นๆ เช่น Cash App Pay, Link (กระเป๋าเงินดิจิทัลของ Stripe) หรือซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้อย่างมาก
- พิจารณาสร้างเว็บไซต์ให้รองรับโหมดแนวนอน: หากแอปของคุณรองรับโหมดแนวนอน ระบบชำระเงินออนไลน์ของคุณก็ควรรองรับโหมดแนวนอนเช่นกัน วิธีนี้ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
- เพิ่มโค้ดโปรโมชันและขายต่อยอดบนเว็บ: แม้ว่าลูกค้าจะเลือกสินค้าจากในแอป แต่การชำระเงินบนเว็บก็ช่วยมอบคุณค่าให้มากขึ้นได้เป็นอย่างดี การเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บจะช่วยให้ลูกค้าสามารถกรอกโค้ดโปรโมชันหรือเลือกอัปเกรดเป็นการชำระเงินตามรอบบิลในระดับที่สูงขึ้นได้ในระหว่างการชำระเงิน การปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มทั้งอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและมูลค่าของคำสั่งซื้อโดยเฉลี่ยให้คุณได้
ทดสอบว่ากลยุทธ์ใดเหมาะกับลูกค้าของคุณที่สุด
- _ทดสอบกับลูกค้าใหม่ก่อน: _ เริ่มต้นด้วยการทดสอบ A/B สำหรับระบบชำระเงินบนเว็บกับลูกค้าใหม่ โดยเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าใหม่บางส่วนไปยังหน้าเว็บไซต์ภายนอก ในขณะเดียวกันก็คอยติดตามตัวชี้วัดทางธุรกิจที่สำคัญไปด้วย และเมื่อพอใจกับประสิทธิภาพแล้ว ให้ลองกระตุ้นให้ลูกค้าปัจจุบันซื้อสินค้าบนเว็บแทน
- เลือกกลยุทธ์การชำระเงินที่เหมาะสม: เมื่อ Apple ปรับปรุงแนวทางใหม่ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องใช้ระบบ IAP ของ Apple อีกต่อไป นักพัฒนาประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ต่างๆ ดังนี้:
- ตัวเลือกสำหรับทั้ง IAP และการชำระเงินผ่านเว็บ: นักพัฒนาบางรายเสนอทั้งสองวิธี โดยบางครั้งก็เสนอส่วนลดสำหรับการเลือกใช้เว็บเพื่อกระตุ้นให้ทำธุรกรรมที่คุ้มค่า
- การชำระเงินผ่านเว็บเท่านั้น: นักพัฒนารายอื่นๆ จะลบ IAP ออกทั้งหมด และรับชำระเงินผ่านเว็บเท่านั้นเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมสูงสุด
- ตัวเลือกสำหรับทั้ง IAP และการชำระเงินผ่านเว็บ: นักพัฒนาบางรายเสนอทั้งสองวิธี โดยบางครั้งก็เสนอส่วนลดสำหรับการเลือกใช้เว็บเพื่อกระตุ้นให้ทำธุรกรรมที่คุ้มค่า
- แผนสำหรับการชำระเงินตามรอบบิลเดิม: Apple ไม่อนุญาตให้ส่งออกข้อมูลการชำระเงิน IAP คุณจึงไม่สามารถย้ายการชำระเงินตามรอบบิลที่ใช้งานอยู่ไปยังผู้ให้บริการบุคคลที่สาม เช่น Stripe ได้โดยอัตโนมัติ หากต้องการให้ลูกค้าเปลี่ยน ให้ลองแจ้งให้ลูกค้าดำเนินการชำระเงินตามรอบบิลใหม่อีกครั้งผ่านการชำระเงินบนเว็บหลังจากที่การชำระเงินตามรอบบิลปัจจุบันในแอปสิ้นสุดลง แทนที่จะเสนอตัวเลือกการต่ออายุในแอป
จัดการเส้นทางลูกค้าหลังการซื้อ
- เสนอการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลบนเว็บ: เมื่อคุณมีบริการแบบชำระเงินตามรอบบิล ข้อสำคัญคือคุณต้องเปิดให้ลูกค้ามีวิธีการจัดการนอกแอปพลิเคชัน รูปแบบโดยทั่วไปคือการแสดงระดับการชำระเงินตามรอบบิลภายในแอปและเพิ่มปุ่มที่นำไปยังหน้าพอร์ทัลจัดการการชำระเงินตามรอบบิลบนเว็บ โดยทั่วไปแล้ว เว็บพอร์ทัลที่คุณสร้างขึ้นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนวิธีการชำระเงิน รวมถึงยกเลิกหรืออัปเกรดการชำระเงินตามรอบบิลได้ ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า แต่ยังช่วยลดการขอความช่วยเหลืออีกด้วย
- เตรียมพร้อมสำหรับภาษี การโต้แย้งการชำระเงิน และการคืนเงิน: เมื่อใช้ระบบ IAP ของ Apple ทาง Apple จะเป็นผู้ค้าในระเบียนที่จัดการภาษี การคืนเงิน และการโต้แย้งการชำระเงิน เมื่อคุณเปลี่ยนไปใช้การชำระเงินบนเว็บ ธุรกิจของคุณจะกลายเป็นผู้ค้าในระเบียนและรับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ หรือคุณจะใช้ผู้ให้บริการชำระเงินที่ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าในระเบียนให้กับธุรกิจของคุณก็ได้ ให้ลองดูผู้ให้บริการชำระเงินที่จะจัดการเรื่องต่อไปนี้แทนคุณได้
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลก: การคำนวณ การเรียกเก็บเงิน และการส่งภาษีที่ถูกต้องในเขตอำนาจศาลต่างๆ
- การจัดการการฉ้อโกง: การใช้ระบบตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
- การยุติการโต้แย้งการชำระเงิน: การตอบสนองและจัดการการโต้แย้งการชำระเงินและการดึงเงินคืนของลูกค้า
- ความรับผิดทางการเงิน: การรับผิดชอบทางกฎหมายและทางการเงินสำหรับธุรกรรมทุกรายการ
- การสนับสนุนลูกค้า: การจัดการคำถามเกี่ยวกับการชำระเงินและคำขอคืนเงิน
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลก: การคำนวณ การเรียกเก็บเงิน และการส่งภาษีที่ถูกต้องในเขตอำนาจศาลต่างๆ
หากบริษัทของคุณจัดการการชำระเงินบนเว็บอยู่แล้ว คุณอาจมีระบบเหล่านี้อยู่ หากไม่ใช่ คุณควรใช้โซลูชันอย่าง Stripe Managed Payments ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ค้าในระเบียน
Stripe จะช่วยให้คุณได้เปรียบจากโอกาสนี้อย่างไร
การนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้มาใช้อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมซึ่ง Apple วางเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้ Stripe มีโซลูชันแบบองค์รวมที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนไปใช้การชำระเงินบนเว็บได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ
- Stripe Checkout สำหรับการชำระเงินระหว่างแอปและเว็บไซต์: หน้าการชำระเงินสำเร็จรูปที่ปรับแต่งได้สูง ซึ่งออกแบบมาเพื่อรับการชำระเงินระหว่างแอปและเว็บไซต์
- Stripe Managed Payments: โซลูชันผู้ค้าในระเบียนของเราจะใช้ Link เพื่อจัดการความซับซ้อนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในฐานะผู้ค้าในระเบียน โดย Stripe จะจัดการกับความยุ่งยากที่อยู่เบื้องหลัง เช่น ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลก การจัดการการโต้แย้งการชำระเงิน การป้องกันการฉ้อโกง และการสนับสนุนลูกค้า เพื่อให้คุณรักษาความเรียบง่ายในการดำเนินงานที่คุณคุ้นเคยเอาไว้
- Stripe Billing: จัดการและเรียกเก็บเงินลูกค้าในแบบที่คุณต้องการ โดย Stripe รองรับการเรียกเก็บเงินตามรอบบิล ตามการใช้งาน และตามสัญญาที่เจรจาไว้เพื่อเปลี่ยนขั้นตอนการจัดการรายรับเป็นให้เป็นอัตโนมัติ นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลทางออนไลน์ด้วยพอร์ทัลลูกค้าเช่นกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละโซลูชันมีดังนี้
Stripe Checkout สำหรับการชำระเงินระหว่างแอปและเว็บไซต์
เมื่อใช้ Checkout คุณจะสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและเชื่อถือได้ ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับเป็นแอปของคุณเอง พร้อมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่น การควบคุม และความครอบคลุมของวิธีการชำระเงินบนเว็บ Stripe Checkout สำหรับการชำระเงินระหว่างแอปและเว็บไซต์เป็นหน้าการชำระเงินสำเร็จรูปที่ปรับแต่งได้สูง ซึ่งออกแบบมาสำหรับแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยจะช่วยให้คุณนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดไปใช้งานได้ทันที และจัดการกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจำนวนมากที่พูดถึงในคู่มือนี้
Stripe Checkout มี UI ที่ปรับให้เข้ากับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้แอป รวมถึงการจัดการการตรวจสอบสิทธิ์และการเปลี่ยนเส้นทางที่ปลอดภัยเพื่อรับรองว่าการชำระเงินจากแอปไปยังเว็บจะมีความราบรื่น นอกจากนี้ Stripe Checkout ยังรองรับโค้ดโปรโมชันและการอัปเกรดการชำระเงินตามรอบบิลในตัว ซึ่งช่วยให้มีตัวเลือกการซื้อที่ยืดหยุ่นและเป็นมิตรต่อการเปลี่ยนเป็นลูกค้ามากขึ้น
การสนับสนุนสำหรับวิธีการชำระเงินทั่วโลกกว่า 75 วิธี รวมถึง Apple Pay, Link และ Cash App Pay ช่วยให้ Checkout ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค โดยลูกค้าที่กลับมาใช้บริการจะได้รับความสะดวกจากวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้ ซึ่งช่วยใช้การชำระเงินรวดเร็วขึ้น และเพิ่มอัตราการกลับมาซื้อซ้ำ
Stripe Checkout ยังช่วยในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว ข้อกำหนดด้านการรักษาความปลอดภัย และข้อกำหนดด้านเครือข่ายทั่วโลก รวมทั้งจัดการสถานะรถเข็น การตรวจสอบสิทธิ์ และการเปลี่ยนเส้นทางโดยอัตโนมัติ โดยรองรับทั้งโมเดลการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวและการเรียกเก็บเงินแบบชำระตามรอบบิล และมาพร้อมกับพอร์ทัลการเรียกเก็บเงินสำเร็จรูปที่ช่วยให้ลูกค้าจัดการการชำระเงินตามรอบบิลบนเว็บได้
ทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลไกการเรียกเก็บเงินและภาษีอันทรงประสิทธิภาพของ Stripe ซึ่งช่วยให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลกและการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่เชื่อถือได้และพร้อมใช้งานได้ การใช้ Checkout จะช่วยให้คุณเริ่มรับชำระเงินผ่านเว็บได้ภายในไม่กี่วัน แถมยังไม่ต้องสร้างทุกอย่างใหม่ตั้งแต่ต้นอีกด้วย

Link out of app for one-time payments

Link out of app for recurring or subscription payments
Stripe Managed Payments
การขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เช่น SaaS, ซอฟต์แวร์, เนื้อหา หรือการดาวน์โหลดผ่านการชำระเงินบนเว็บช่วยไม่เพียงแค่เพิ่มความยืดหยุ่นและการควบคุมที่มากขึ้น แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่ก่อนหน้านี้จัดการโดย Apple เช่น ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีและการสนับสนุนลูกค้า
Stripe Managed Payments เป็นโซลูชันผู้ค้าในระเบียนที่จัดการกับความซับซ้อนเหล่านี้ให้คุณ เพื่อให้คุณลดความยุ่งยากในการดำเนินงานและเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า
ผู้ค้าในระเบียน คือ นิติบุคคลที่รับผิดชอบในการขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า โดย Stripe จะกลายเป็นผู้ค้าในระเบียนแทนคุณเมื่อคุณใช้ Managed Payments และมีหน้าที่รับผิดชอบหลักในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขายแบบดิจิทัล ซึ่งประกอบด้วย
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลก (ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีสินค้าและบริการ (GST), ภาษีการขาย) รวมถึงการคำนวณ การเรียกเก็บเงิน และการนำส่งเงิน
- การป้องกันการฉ้อโกงและการจัดการความเสี่ยง
- การจัดการกับการโต้แย้งการชำระเงินและการดึงเงินคืน
- การสนับสนุนลูกค้าและการจัดการการชำระเงินตามรอบบิล
Stripe Managed Payments จะสนับสนุนลูกค้าของคุณด้วยพอร์ทัลลูกค้าแบรนด์ Link หากลูกค้าของคุณใช้ Link ก็จะสามารถดูประวัติการซื้อ จัดการวิธีการชำระเงิน และอัปเดตหรือยกเลิกการชำระเงินตามรอบบิลได้ นอกจากนี้ Stripe Managed Payments ยังมีการสนับสนุนลูกค้าในระดับธุรกรรมผ่านทาง Link โดย Stripe จะจัดการงานที่ซับซ้อนเหล่านี้และช่วยให้ลูกค้าของคุณดำเนินการซื้อผ่านแอปได้สบายๆ อยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นและควบคุมการชำระเงินบนเว็บได้
สำหรับธุรกิจที่ต้องการลดภาระในการดำเนินงานในการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลทั่วโลก Managed Payments คือวิธีที่รวดเร็วที่สุด ซึ่งช่วยให้คุณเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสร้างระบบหลังบ้านที่ซับซ้อน ในขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์การชำระเงินจากแอปไปยังเว็บที่ราบรื่น พร้อมด้วยการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับระเบียบข้อบังคับด้านภาษีทั่วโลกในตัวจะช่วยให้คุณมุ่งขยายการเติบโตของธุรกิจได้ โดยไม่ต้องเป็นผู้ค้าในระเบียบเอง
Stripe Billing
ตอนนี้คุณสามารถรับชำระเงินผ่านเว็บไซต์ภายนอกได้แล้ว Stripe Billing จะช่วยให้คุณปรับแต่งโมเดลค่าบริการ เช่น การชำระเงินตามรอบบิล, ตามการใช้งาน, จ่ายเท่าที่ใช้ หรือการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียว ได้ง่ายขึ้นและเข้ากับความต้องการทางธุรกิจของคุณ
หากคุณไม่ได้ใช้ Managed Payments ของ Stripe แต่กำลังใช้ Billing ลูกค้าของคุณจะสามารถจัดการการชำระเงินตามรอบบิลบนเว็บได้ง่ายๆ โดยใช้พอร์ทัลลูกค้าของ Stripe ซึ่งพอร์ทัลนี้จะช่วยให้ลูกค้าจัดการรายละเอียดการชำระเงินของตนเอง ดูใบแจ้งหนี้ และอัปเดตการชำระเงินตามรอบบิลได้ในที่เดียว หากคุณใช้ Managed Payments การชำระเงินตามรอบบิลที่ครอบคลุมจะรวมอยู่ในบริการโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ คุณอาจให้ส่วนลดในช่วงแนะนำแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณโดยไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน หรือคุณอาจให้ส่วนลดแก่ผู้สมัครชำระเงินตามรอบบิล หากเป็นการอัปเกรดจากแพ็กเกจรายเดือนเป็นแพ็กเกจรายปี ซึ่ง Stripe Billing ยังช่วยให้คุณเพิ่มรายรับให้สูงสุดและลดอัตราการเลิกใช้บริการด้วย Smart Retries ที่ทำงานโดย AI และระบบอัตโนมัติสำหรับขั้นตอนการกู้คืน เครื่องมือการกู้คืนของ Stripe ช่วยให้ผู้ใช้กู้คืนรายรับกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2023
ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ของการใช้ Stripe
ชำระเงินได้อย่างรวดเร็วด้วย Link
Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe จะช่วยให้คุณรักษาประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็วและราบรื่นได้โดยการกรอกข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าชำระเงินได้ในไม่กี่วินาที โดยลูกค้าที่ใช้ Link จะชำระเงินเร็วกว่าลูกค้าที่ไม่ใช้ Link ถึง 3 เท่า
ลดต้นทุนการดำเนินการด้วย Instant Bank Payments
นอกเหนือจากการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้นแล้ว คุณยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลการชำระเงินด้วย Instant Bank Payments ผ่าน Link ได้ด้วย โดยเมื่อใช้ Instant Bank Payments ลูกค้าของคุณจะสามารถชำระเงินด้วย Link และชำระเงินด้วยบัญชีธนาคารของสหรัฐอเมริกาได้ในไม่กี่คลิก หลังจากนั้น Stripe จะยืนยันการชำระเงินทันที และลูกค้าจะชำระเงินภายใน 2 วันทำการทำการเช่นเดียวกับการชำระเงินด้วยบัตร โดยที่ Stripe จะรับประกันความเสี่ยงการคืนเงินที่ธนาคารเป็นผู้เริ่มเอง
โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือบัตรเดบิตของคุณได้ทันที
การเข้าถึงเงินสดเป็นปัญหาท้าทายสำหรับธุรกิจทุกราย แต่อาจยากเป็นพิเศษสำหรับนักพัฒนาแอปที่ต้องรออย่างน้อย 30 วันจึงจะได้รับเงิน ปัญหาเงินสดขาดมืออาจส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขยายการรองรับของแอป ทำให้การลงทุนในแคมเปญการตลาดหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ยากยิ่งขึ้น Instant Payouts ของ Stripe จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยช่วยให้คุณโอนเงินเข้าบัตรเดบิดหรือบัญชีธนาคารที่เข้าเกณฑ์ในเวลาไม่กี่นาทีหลังทำธุรกรรม คุณสามารถส่งคำขอ Instant Payout ได้ทุกวันทุกเวลา รวมถึงในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุด และโดยปกติแล้ว เงินจะเข้ามาบัญชีธนาคารที่ผูกเอาไว้ภายใน 30 นาที
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe จะช่วยคุณสร้างระบบชำระเงินบนเว็บได้อย่างไร โปรดอ่านคู่มือหรือติดต่อทีมฝ่ายขายของเรา หากต้องการเริ่มรับชำระเงินทันที โปรดลงทะเบียนใช้บัญชี