Warp เพิ่มการเรียกเก็บเงินค่าใช้ AI แบบตามปริมาณการใช้งานได้ถึง 20% ของรายรับโดยใช้ Stripe

Warp.dev พลิกโฉมประสบการณ์การใช้งานเทอร์มินัลสำหรับนักพัฒนามืออาชีพด้วย AI ซึ่งรวมถึงเอเจนต์ที่สามารถสร้างฟีเจอร์ที่ซับซ้อนในโค้ดเบสที่ใช้งานจริงได้ โดยบริษัทใช้ Stripe เพื่อจัดการการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลที่คิดค่าบริการตามการใช้งาน AI, ประมวลผลการชำระเงินอย่างราบรื่น และปรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีให้เป็นอัตโนมัติในตลาดทั่วโลก

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

    Billing
    Payments
    Checkout
    Link
    Tax
สหรัฐอเมริกา
ธุรกิจสตาร์ทอัพ

ความท้าทาย

Warp.dev คือสภาพแวดล้อมการพัฒนาแบบเอเจนติกที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถส่งมอบซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น บริษัทซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2020 และมีสำนักงานใหญ่ที่จัดตั้งขึ้นในนครนิวยอร์กได้ผสานการทำงาน Stripe Payments เข้ากับ Stripe Billing เพื่อจัดการการชำระเงินและการเรียกเก็บค่าบริการ ในปี 2024 บริษัทได้เริ่มผนวก AI เข้ากับโมเดลธุรกิจของตนเพื่อนำเอเจนต์ไปใช้งานในโค้ดเบสที่ใช้งานจริง เพื่อสั่งการ แก้ไข ตรวจสอบ และส่งมอบโค้ด อย่างไรก็ตาม รูปแบบการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลเดิมนั้นอนุญาตให้นักพัฒนาเข้าถึงคำขอ AI ได้เพียงจำนวนที่กำหนดไว้สำหรับระดับที่พวกเขาเลือกเท่านั้น โดยไม่มีช่องทางให้เติมเครดิตในระหว่างรอบการเรียกเก็บเงิน

"เมื่อก่อนเรามีผู้คนจำนวนมากส่งอีเมลมาหาเราและบอกว่า "สวัสดี ฉันใช้งานถึงขีดจำกัดของฉันแล้ว ฉันจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อขอใช้คำขอเพิ่มได้อย่างไร" และเราทำได้เพียงแค่ตอบว่า "คุณทำไม่ได้"" เจฟฟ์ ลอยด์ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของทีมรายรับของ Warp กล่าว "นั่นเป็นสถานการณ์ที่แย่มากๆ สำหรับธุรกิจ"

ขณะที่บริษัทเตรียมพร้อมที่จะเติบโต Warp ต้องการความสามารถในการทำให้การติดตามการใช้งานและการเรียกเก็บเงิน (รวมถึงการใช้งานเกินขีดจำกัด) เป็นไปโดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้หลายพันราย "เราต้องการให้แน่ใจว่าสิ่งจูงใจระหว่าง Warp กับลูกค้านั้นสอดคล้องกัน" ลอยด์กล่าว "เมื่อผู้ใช้กำลังเพิ่มการใช้งาน AI เราจำเป็นต้องเก็บรายรับจากประสบการณ์ที่เรามอบให้ เพราะไม่ว่างยังไงเราก็ต้องจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการโมเดลของเรา"

บริษัทต้องการโซลูชันการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานที่ผสานการทำงานได้ง่าย เพื่อให้ทีมวิศวกร 30 คนสามารถสร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์หลักได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Warp ขยายตัวไปทั่วโลก บริษัทก็ต้องการขั้นตอนการชำระเงินที่ราบรื่น พร้อมด้วยวิธีการชำระเงินที่ดึงดูดใจนักพัฒนาทั่วโลก รวมถึงการสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลกด้วย

โซลูชัน

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Warp ได้นำกลยุทธ์การกำหนดราคาแบบไฮบริดมาใช้ โดยตอนนี้ผู้ใช้สามารถสมัครใช้แพ็กเกจพื้นฐานที่มีเครดิตที่รวมอยู่ได้ และหากมีการใช้งานเกินขีดจำกัดดังกล่าว การเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานเกินจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่ง Warp จะจัดการกระบวนการนี้ผ่านเครื่องมือการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานของ Stripe ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถวัดปริมาณคำขอโมเดล AI ของผู้ใช้ จากนั้นจึงเรียกเก็บเงินตามปริมาณที่ใช้

การนำไปใช้งานทางเทคนิคนี้ทำได้ง่ายขึ้นด้วยการผสานการทำงานกับ Stripe ที่มีอยู่แล้วของ Warp ตอนนี้ผู้ใช้ที่มีการใช้งานถึงขีดจำกัดของแพ็กเกจพื้นฐานสามารถเปิดใช้การใช้งานเกินขีดจำกัดได้โดยตรงภายในแอปพลิเคชัน Warp ซึ่งจะทริกเกอร์ Webhook และการเรียกใช้ API ไปยัง Stripe ซึ่งจะตั้งค่าการเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานส่วนเกินโดยอัตโนมัติตามปริมาณการใช้ AI ทำให้นักพัฒนากลับไปทำงานได้ทันที

Warp ได้นำชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพของ Stripe มาใช้ ซึ่งเป็นการรวม UI การชำระเงินที่สร้างไว้ล่วงหน้า เช่น Stripe Checkout ซึ่งเป็นการเข้าถึงวิธีการชำระเงิน 125 วิธีได้อย่างง่ายดาย และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างโดย Stripe เข้าไว้ด้วยกัน โดย Warp ได้เปิดใช้งานวิธีการชำระเงินต่างๆ เช่น Apple Pay, Google Pay, ACH และ Link ตลอดจน Instant Bank Payments ของ Link นอกจากนี้ Warp ยังได้วางรากฐานสำหรับการเติบโตไปทั่วโลกเพิ่มเติมด้วยการนำ Adaptive Pricing มาใช้ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของตนได้ ขณะที่ Stripe จะคำนวณราคาที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นและจัดการการแปลงสกุลเงินทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

ขณะที่ Warp ขยายธุรกิจไปในระดับสากล Stripe Tax ก็จะจัดการภาระผูกพันทางภาษีโดยอัตโนมัติในเขตอำนาจศาลต่างๆ ใน 13 รัฐ โดยทีมงานจะได้รับการแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อบริษัทได้รับจำนวนผู้ใช้ที่เพียงพอในประเทศหนึ่งๆ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดภาระผูกพันทางภาษีใหม่

ผลลัพธ์

การใช้งานเกินขีดจำกัดคิดเป็น 20% ของรายรับทั้งหมดในปัจจุบัน

หลังจากนำการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานมาใช้ Warp ก็มีอัตราการเรียกเก็บเงินสำหรับการใช้งานเกินขีดจำกัดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 20% ของธุรกิจทั้งหมด ด้วยโมเดลการเรียกเก็บเงินตามปริมาณการใช้งาน รายรับของ Warp จะเติบโตขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อนักพัฒนาเพิ่มการใช้งาน AI โดยที่ไม่ต้องมีการแทรกแซงด้วยตนเองหรือการอัปเกรดแพ็กเกจ

"ผมจำได้ว่ารู้สึกตกใจเมื่อการใช้งานเกินขีดจำกัดคิดเป็นประมาณ 8% ของธุรกิจของเรา" ลอยด์กล่าว "ผู้คนเต็มใจที่จะจ่ายเงินสำหรับการใช้งานเกินขีดจำกัดเมื่อพวกเขาต้องการใช้งาน Warp เพิ่มขึ้น ซึ่งเราเห็นว่าส่วนแบ่งรายรับส่วนนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้น"

Warp เปิดตัวประสบการณ์การเรียกเก็บเงินตามการใช้งานที่ราบรื่นภายใน 3 สัปดาห์ด้วยทีมวิศวกร 2 คน

ทีมเทคนิคของ Warp ที่มีขนาดเล็กแต่คล่องตัวสามารถนำระบบการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานมาใช้ได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ โดยจัดการกับข้อกำหนดที่ซับซ้อน เช่น การเรียกเก็บเงินตามรอบบิลแบบคู่และการวัดปริมาณการใช้งานแบบเรียลไทม์ การเปิดตัวนี้เสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว แม้จะมีการผสานการทำงานกับระบบแบ็กเอนด์ที่ซับซ้อนเพื่อจัดการสถานะการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลและสิทธิ์ของผู้ใช้

ตอนนี้นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนใช้งานแพ็กเกจการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลแบบมาตรฐานผ่าน Checkout ได้แล้ว และเมื่อพวกเขาใช้งานถึงขีดจำกัดคำขอ AI ของตน ระบบจะเรียกเก็บเงินส่วนที่ใช้เกินตามปริมาณการใช้งาน ระบบการใช้งานเกินขีดจำกัดแบบอัตโนมัตินี้จะช่วยให้นักพัฒนาไม่ต้องแบ่งเครดิตตามสัดส่วนหรือหยุดทำงาน ในฝั่งของ Warp การติดตามที่แม่นยำจะทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทสามารถเรียกเก็บเงินตามมูลค่าที่ส่งมอบจริงได้ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างเส้นทางการขยายตัวที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งการเติบโตของรายรับและการกำหนดคุณค่าให้สอดคล้องกัน ขณะเดียวกันก็ครอบคลุมค่าใช้จ่ายโมเดล AI พื้นฐานได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย

เกือบทั้งหมด (98%) ของธุรกรรมของ Warp เกิดขึ้นผ่านประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นของ Checkout และประมาณ 50% ของธุรกรรมได้รับการประมวลผลผ่าน Link ซึ่งช่วยขจัดอุปสรรคในการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน

Warp เพิ่มรายรับขึ้น 150% ได้ในไม่กี่เดือน

หลังจากที่ Warp นำระบบการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานมาใช้ บริษัทก็ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 150% ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 ถึงเดือนสิงหาคม 2024

"การทำงานร่วมกับ Stripe ช่วยให้เราสามารถนำโซลูชันใหม่ๆ มาใช้ได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และยังมาพร้อมกับความสามารถในการขยายในตัวด้วย เราเติบโตมากกว่าที่เราคาดหวังไว้มากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา" โอลิเวีย จอห์นสตัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์อาวุโสของ Warp กล่าว

รู้เสมอว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร

ค่าบริการต่อธุรกรรมที่รวมไว้หมดแล้วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

เริ่มต้นผสานการทำงาน

เริ่มใช้งาน Stripe ได้ภายใน 10 นาที