ความท้าทาย
Figma เปิดตัวในปี 2012 ด้วยเป้าหมายในการสร้างเครื่องมือออกแบบแบบร่วมมือที่ทุกคนสามารถใช้ได้ เมื่อบริษัทพร้อมสร้างรายได้ Figma จึงสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินและการเรียกเก็บเงิน รวมถึงระดับการสมัครสมาชิกหลายระดับสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ของบริษัทบน Stripe Payments และ Stripe Billing
Figma พร้อมขยายธุรกิจใหญ่ขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยพัฒนาจากเครื่องมือออกแบบไปสู่แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยให้ทีมงานเปลี่ยนแนวคิดไปสู่ผลิตภัณฑ์ส่งมอบได้ เมื่อเตรียมขยายชุดผลิตภัณฑ์เป็นสองเท่าที่งานประจำปีสำหรับชุมชน Config บริษัทจึงทบทวนวิธีการกำหนดราคาและเรียกเก็บเงิน "เมื่อเรากลับมาดูโมเดลการเรียกเก็บเงินอีกครั้ง เราตัดสินใจว่าเราจำเป็นต้องอัปเดตโมเดลเพื่อรองรับอนาคตที่มีหลายผลิตภัณฑ์" Jamie Kite ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ Figma กล่าว
Jamie Kite และทีมงานต้องการแพลตฟอร์มการชำระเงินและเรียกเก็บเงินที่ทรงพลังและยืดหยุ่น ซึ่งสามารถย้ายผู้ใช้เดิมไปยังโมเดลการเรียกเก็บเงินใหม่ได้อย่างราบรื่น รวมถึงการจัดการผู้ใช้ที่ชำระเงินทั้งแบบรายเดือนและรายปีสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Figma เนื่องจากฐานผู้ใช้ของ Figma ครอบคลุมทั่วโลก บริษัทจึงจำเป็นต้องรองรับสกุลเงินและวิธีการชำระเงินท้องถิ่นด้วย
"เราต้องการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์เดียวกันเมื่อชําระเงินหรือดูใบแจ้งหนี้เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้รับเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหลือของเรา" DeAnna Caggiano ผู้อํานวยการฝ่ายออกแบบของ Figma กล่าว "เราต้องการให้พวกเขารู้สึกได้รับการสนับสนุนและตระหนักถึงคุณภาพและความใส่ใจในรายละเอียด"
สุดท้าย Figma ต้องการระบบการรับชำระเงินและการเรียกเก็บเงินที่ปรับขนาดได้ซึ่งสามารถพัฒนาได้เมื่อบริษัทขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง
โซลูชัน
Figma ใช้กำหนดเวลาการชำระเงินตามรอบบิล Billing เพื่อให้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ราบรื่นสำหรับลูกค้า Pro
นอกจากนี้ การผสานการทำงานกับ Billing และ Stripe Invoicing ยังช่วยให้ Figma ปรับแต่งใบแจ้งหนี้ และให้ผู้ใช้ดูตัวอย่างใบแจ้งหนี้ที่กําลังจะมาถึงเพื่อตรวจสอบการเรียกเก็บเงินก่อนวันที่ต่ออายุได้อีกด้วย
เนื่องจากมีฐานผู้ใช้ต่างประเทศจำนวนมาก Figma จึงหันมาใช้ Stripe เพื่อทำให้กระบวนการชำระเงินราบรื่น และมอบประสบการณ์เฉพาะท้องถิ่น Figma ใช้ Payment Element ซึ่งเป็นส่วนประกอบ UI ที่ฝังได้และปลอดภัย เพื่อเปิดใช้งานวิธีการชำระเงินต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึง การชำระเงินผ่านธนาคาร SEPA ในยุโรป โมเดล AI ของชุดเครื่องมือนี้จะปรับการแสดงผลวิธีการชำระเงินให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน
ผลลัพธ์
Figma เปิดตัวโมเดลการเรียกเก็บเงินรูปแบบใหม่
Figma เปิดตัวโมเดลการเรียกเก็บเงินแบบใหม่ในเดือนมีนาคม 2025 พร้อมกับย้ายผู้ใช้เดิมเข้ามาในระบบด้วย "สิ่งสำคัญมากคือโมเดลการเรียกเก็บเงินของเราต้องโปร่งใสและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้" Caggiano กล่าว "Stripe ดูเหมือนเป็นพันธมิตรตามธรรมชาติ เพราะเราต่างให้ความสำคัญกับสิ่งเดียวกัน นั่นคือ ความประณีต ความโปร่งใส และความยืดหยุ่น"
ผู้ใช้ต่างประเทศคิดเป็น 50% ของรายได้ของ Figma และ 85% ของฐานผู้ใช้
Payments ช่วยให้ Figma สามารถขจัดอุปสรรคในการนําไปใช้สําหรับผู้ใช้ต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 50% (2024) ของรายได้และประมาณ 85% ของฐานผู้ใช้ (2024)
ในอนาคต Kite และทีมของเธอสามารถใช้ชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเปิดวิธีการชําระเงินเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดายไม่ว่า Figma จะทําธุรกิจที่ใดในโลก "Stripe เป็นพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมสําหรับการขยายธุรกิจไปต่างประเทศของเรา"
ขับเคลื่อนการเติบโต
Figma ยังคงมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกใช้ Stripe เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินและการเรียกเก็บเงิน "เราเชื่อมั่นว่า Stripe จะพร้อมรองรับเราทุกครั้งที่เราส่งมอบผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ๆ ที่มีความต้องการด้านการเรียกเก็บเงินที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง" Kite กล่าว "มันยอดเยี่ยมมากที่ได้มีความสัมพันธ์ในแบบที่รู้สึกว่าเราเป็นเหมือนผู้ร่วมสร้างสรรค์ในสิ่งที่เราทั้งคู่กำลังพัฒนาร่วมกัน"
การให้ความสําคัญกับสิ่งที่คุณกําลังสร้างอยู่ และพึ่งพา Stripe ในการจัดการการชําระเงิน การออกใบแจ้งหนี้การสมัครใช้บริการ และการปฏิบัติตามข้อกําหนดทั้งหมดเป็นการเพิ่มศักยภาพ