โซเชียลคอมเมิร์ซคืออะไร ขนาดของตลาดและตัวอย่างความสำเร็จจากญี่ปุ่น

Payment Links

ใช้ Payment Links เพื่อขายสินค้าออนไลน์โดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ แค่สร้างหน้าการชำระเงินที่สมบูรณ์ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและแชร์กับลูกค้าของคุณ โดยไม่ต้องเสียเวลาเขียนโค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. โซเชียลคอมเมิร์ซคืออะไร
    1. ข้อแตกต่างจากอีคอมเมิร์ซ
  3. ขนาดของตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซ
  4. รูปแบบของโซเชียลคอมเมิร์ซ
    1. รูปแบบโซเชียลมีเดีย
    2. รูปแบบการแนะนำ
    3. รูปแบบ C2C
    4. รูปแบบ KOL
    5. รูปแบบการขายผ่านไลฟ์สด
  5. บริการโซเชียลมีเดียที่ใช้ในโซเชียลคอมเมิร์ซ
    1. Instagram
    2. TikTok
    3. Facebook
    4. LINE
  6. ข้อดีของโซเชียลคอมเมิร์ซ
    1. ทําให้ขายได้ด้วยต้นทุนต่ำ
    2. ธุรกิจที่ไม่มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซก็ทำได้
    3. การสั่งซื้อที่ง่ายดายช่วยลดการทิ้งตะกร้าสินค้า
  7. ข้อเสียของโซเชียลคอมเมิร์ซ
    1. อัปเดทบ่อย
    2. ความพยายามที่จะให้คนสังเกตเห็นและถูกค้นพบ
    3. วิธีการชําระเงินภายนอก
  8. ตัวอย่างโซเชียลคอมเมิร์ซที่ประสบความสําเร็จ
    1. NITORI
    2. Mitsui Shopping Park
    3. UNIQLO
  9. วิธีแนะนําโซเชียลคอมเมิร์ซมาใช้
  10. Stripe Payment Links ช่วยอะไรได้บ้าง

เนื่องจากการใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น โซเชียลคอมเมิร์ซที่เป็นการแนะนำและขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอย่าง Instagram และ TikTok จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น วิธีการขายนี้ซึ่งแตกต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั่วไป กำลังถูกนำมาใช้เป็นช่องทางการขายใหม่สำหรับเจ้าของกิจการรายเดียวและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

บทความนี้จะอธิบายประเภทของการตลาดทางโซเชียลมีเดีย ข้อดีและข้อเสีย ขนาดตลาดในญี่ปุ่น และกรณีศึกษาของตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ

เนื้อหาหลักในบทความ

  • โซเชียลคอมเมิร์ซคืออะไร
  • ขนาดของตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซ
  • รูปแบบของโซเชียลคอมเมิร์ซ
  • บริการโซเชียลมีเดียที่ใช้ในโซเชียลคอมเมิร์ซ
  • ข้อดีของโซเชียลคอมเมิร์ซ
  • ข้อเสียของโซเชียลคอมเมิร์ซ
  • ตัวอย่างของโซเชียลคอมเมิร์ซที่ประสบความสําเร็จ
  • วิธีแนะนําโซเชียลคอมเมิร์ซมาใช้
  • Stripe Payment Links ช่วยอะไรได้บ้าง

โซเชียลคอมเมิร์ซคืออะไร

โซเชียลคอมเมิร์ซคือการผสมผสานระหว่างโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซหมายถึงแพลตฟอร์มที่ใช้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อโปรโมตและขายสินค้าและบริการ จุดเด่นคือความสามารถในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ผ่านการโต้ตอบและโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาตัดสินใจซื้อ

ข้อแตกต่างจากอีคอมเมิร์ซ

สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั่วไป ลูกค้าจะค้นหาและเปรียบเทียบสินค้า แล้วจึงซื้อสินค้าที่ต้องการ ในทางกลับกัน โซเชียลคอมเมิร์ซมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ค้นพบสินค้าผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย วิดีโอ และไลฟ์สตรีม โพสต์เหล่านี้ประกอบด้วยข้อมูลสินค้าและลิงก์สำหรับซื้อ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าได้ทันที

ถึงแม้โซเชียลมีเดียจะสามารถใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและนำพวกเขาไปยังเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้ แต่กระบวนการซื้อจริงจะทำบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดยตรง โดยในโซเชียลคอมเมิร์ซ บางครั้งการชำระเงินอาจเกิดขึ้นภายในแอปโซเชียลมีเดียเลย

ขนาดของตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซ

ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับขนาดตลาดของโซเชียลคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นยังคงมีไม่มากนัก แต่ก็สามารถประมาณขนาดคร่าวๆ ได้โดยการดูการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซโดยรวมและอัตราการใช้งานโซเชียลมีเดีย

จากการสำรวจตลาดอีคอมเมิร์ซของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมในปีงบประมาณ 2023 พบว่าขนาดของตลาดอีคอมเมิร์ซ B2C ของญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 20.7 ล้านล้านเยนในปี 2021 ประมาณ 22.7 ล้านล้านเยนในปี 2022 และประมาณ 24.8 ล้านล้านเยนในปี 2023 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจน

แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลขนาดตลาดอย่างเป็นทางการสำหรับโซเชียลคอมเมิร์ซ หากสมมติว่าโซเชียลคอมเมิร์ซคิดเป็น 2-3% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ขนาดตลาดโดยประมาณจะอยู่ที่ 500-700 พันล้านเยน แม้มองอย่างรอบด้านแล้ว ขนาดตลาดก็ถือว่ามีนัยสำคัญ และมีโอกาสเติบโตได้อย่างแน่นอน

รูปแบบของโซเชียลคอมเมิร์ซ

โซเชียลคอมเมิร์ซมีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีวิธีการและลักษณะเฉพาะของตัวเอง รูปแบบที่คุณเลือกควรสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทของคุณขายและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

รูปแบบโซเชียลมีเดีย

รูปแบบนี้ใช้โพสต์และโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียเพื่อแนะนำสินค้าและกระตุ้นการซื้อ โซเชียลคอมเมิร์ซใช้ฟังก์ชันการช้อปปิ้งที่รวมอยู่ในแอปโซเชียลมีเดีย ลิงก์การชำระเงินก็ถูกนำมาใช้เพื่อปิดการขายมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคุณสามารถเริ่มต้นการขายได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ รูปแบบนี้จึงถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยผู้ขายอิสระและธุรกิจขนาดเล็ก

รูปแบบการแนะนำ

ก่อนซื้อสินค้า ลูกค้ามักจะตรวจสอบฟีดแบ็กและรีวิวออนไลน์อยู่เสมอ เมื่อพฤติกรรมการซื้อได้รับอิทธิพลจากโพสต์บนโซเชียลมีเดียและรีวิวเชิงบวก เช่น "ซื้ออันนี้แล้วถูกใจมาก" พฤติกรรมการซื้อจะถูกจัดเป็นรูปแบบการแนะนำ

รูปแบบ C2C

ในรูปแบบผู้บริโภคต่อผู้บริโภค (C2C) บุคคลหนึ่งขายสินค้าให้ผู้อื่นผ่านบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์และแอปพลิเคชันตลาดนัด Mercari และ Rakuma เป็นตัวอย่างของแพลตฟอร์ม C2C

รูปแบบ KOL

ในรูปแบบผู้นำทางความคิด (KOL) บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและมีอิทธิพลอย่างมากจะมีความสามารถในการจูงใจอย่างมากต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้ติดตาม ในญี่ปุ่น โซเชียลคอมเมิร์ซที่เน้นอินฟลูเอนเซอร์ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เมื่อบริษัทร่วมมือกับ KOL เพื่อแนะนำและรีวิวสินค้า คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทอาจได้รับการมองจากผู้ติดตามว่าน่าเชื่อถือและน่าเชื่อถือมากกว่า

รูปแบบการขายผ่านไลฟ์สด

รูปแบบการขายผ่านไลฟ์สดเป็นวิธีการขายสินค้าโดยแนะนำสินค้าแบบเรียลไทม์ผ่านการไลฟ์สตรีม คุณสามารถสื่อสารถึงความน่าสนใจของสินค้าได้อย่างสนุกสนาน พร้อมกับมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม

บริการโซเชียลมีเดียที่ใช้ในโซเชียลคอมเมิร์ซ

เราจะมาดูแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักๆ ที่ใช้ในญี่ปุ่นปัจจุบันกัน

Instagram

เนื่องจาก Instagram เน้นที่รูปภาพและวิดีโอ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการโปรโมตสินค้าที่ดึงดูดสายตา เช่น เครื่องสำอางและเสื้อผ้า เมื่อคุณเพิ่มแท็กช้อปปิ้งลงในโพสต์และสตอรี่ ผู้ใช้สามารถไปยังหน้าสินค้าต่างๆ ได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว การดูแลภาพลักษณ์บริษัทของคุณบน Instagram เป็นเรื่องง่าย ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังสำหรับการสร้างแบรนด์

TikTok

TikTok คือแอปโซเชียลมีเดียวิดีโอที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่ไหลลื่น ตั้งแต่โพสต์ทั่วไป การแนะนำสินค้า ไปจนถึงขั้นตอนการซื้อ TikTok Shop เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2025 ช่วยให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าไปพร้อมกับการดูวิดีโอสั้นๆ และสตรีมสดบนแอป TikTok

Facebook

เมื่อเทียบกับ Instagram และ TikTok แล้ว ผู้ใช้ Facebook มักจะมีอายุมากกว่า โพสต์ส่วนใหญ่จะเน้นการปฏิบัติจริงและเน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จึงเหมาะกับธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง

คุณสามารถขายแบบปิดตามชุมชนโดยใช้กลุ่ม Facebook หรือคุณสามารถขายผลิตภัณฑ์บนเพจของคุณโดยใช้ฟังก์ชัน Facebook Shops ได้

LINE

ถึงแม้ LINE จะเป็นที่รู้จักในฐานะแอปพลิเคชันส่งข้อความมากกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ LINE ก็ถูกนำมาใช้เพื่อการค้าขายทางโซเชียลมีเดียในญี่ปุ่นด้วยฐานผู้ใช้ที่กว้างขวาง ธุรกิจต่างๆ สามารถส่งข้อมูลผลิตภัณฑ์และคูปองให้ผู้ใช้โดยตรงได้ผ่านบัญชี LINE อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ด้วยฟีเจอร์ "Lineup" แม้แต่บริษัทที่ไม่มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซก็สามารถตั้งร้านค้าภายใน LINE และขายสินค้าได้โดยตรง

ข้อดีของโซเชียลคอมเมิร์ซ

โซเชียลคอมเมิร์ซไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจขยายช่องทางและวิธีการขายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าได้ด้วยการพบปะกับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ลองมาดูข้อดีเฉพาะของโซเชียลคอมเมิร์ซกันเลย

ทําให้ขายได้ด้วยต้นทุนต่ำ

โซเชียลคอมเมิร์ซใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก ช่วยให้คุณประหยัดค่าโฆษณาและการสร้างเว็บไซต์ ธุรกิจของคุณสามารถแนะนำสินค้าได้ฟรีด้วยโพสต์และสตอรี่ และดึงดูดผู้ติดตามและผู้ชมได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ธุรกิจที่ไม่มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซก็ทำได้

การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram, TikTok, LINE หรือ Facebook และผสานรวมกับบริการลิงก์การชำระเงิน ทำให้คุณสามารถขายสินค้าได้โดยไม่ต้องมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ยกตัวอย่างเช่น Instagram Shop ช่วยให้คุณเริ่มต้นการขายได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่วางลิงก์การชำระเงินลงในโพสต์และข้อความส่วนตัว โดยไม่ต้องเชื่อมต่อระบบตะกร้าสินค้าเฉพาะทางและเครื่องมือจัดการสินค้าคงคลัง

การสั่งซื้อที่ง่ายดายช่วยลดการทิ้งตะกร้าสินค้า

ในโซเชียลมีเดียคอมเมิร์ซ ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ผู้ใช้เห็นโพสต์และสนใจสินค้า ซึ่งช่วยให้เกิดการซื้อทันที การรวมการแนะนำสินค้าเข้ากับเส้นทางการซื้อที่ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงในการทิ้งตะกร้าสินค้าและเพิ่มอัตราการแปลงเป็นลูกค้าได้ด้วย

ข้อเสียของโซเชียลคอมเมิร์ซ

ถึงแม้โซเชียลคอมเมิร์ซจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรคำนึงถึง คุณจะต้องดูภาพรวมทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มใช้โซเชียลคอมเมิร์ซ

อัปเดทบ่อย

หากต้องการประสบความสำเร็จในการขายบนโซเชียลมีเดีย ผู้ขายต้องโพสต์อย่างสม่ำเสมอ แชร์เรื่องราว และไลฟ์สตรีม เนื่องจากโพสต์ต่างๆ มักถูกฝังอยู่ในฟีดได้ง่าย ผู้ขายจึงควรทำให้คอนเทนต์ของตนโดดเด่นและโพสต์อย่างสม่ำเสมอด้วยรูปภาพและวิดีโอที่ดึงดูดสายตา รวมถึงคอนเทนต์อื่นๆ ที่ดึงดูดความสนใจ

ความพยายามที่จะให้คนสังเกตเห็นและถูกค้นพบ

บนโซเชียลมีเดีย การค้นหาแบรนด์หรือสินค้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากบัญชีมีผู้ติดตามน้อยและมียอดการมีส่วนร่วมต่ำ ก็อาจต้องใช้เวลาและความพยายามกว่าจะเป็นที่รู้จัก ผู้ขายอาจต้องปรับแต่งเนื้อหา ประเมินจังหวะเวลาการโพสต์ และลองใช้วิธีการสื่อสารที่หลากหลายกับผู้ใช้

วิธีการชําระเงินภายนอก

บน TikTok Shop และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ผู้ใช้สามารถชำระเงินภายในแอปพร้อมรับชมวิดีโอหรือสตรีมสดได้ แต่บางแพลตฟอร์มยังคงใช้ลิงก์ชำระเงินภายนอกที่นำผู้ใช้ไปยังหน้าเพจแยกต่างหาก เช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ในกรณีนี้ ควรระมัดระวังในการลดโอกาสที่ลูกค้าจะยกเลิกการซื้อเนื่องจากประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีหรือมีวิธีการชำระเงินน้อยเกินไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บที่เชื่อมโยงได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสม โหลดได้รวดเร็ว และรองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและ Konbini ซึ่งเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น

ตัวอย่างโซเชียลคอมเมิร์ซที่ประสบความสําเร็จ

มาดูตัวอย่างบางส่วนของการพาณิชย์โซเชียลที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นกันเลย

NITORI

NITORI หรือที่รู้จักกันในนาม "ได้คุ้มเกินจ่าย" คือเชนร้านค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยการดูแลจัดการทุกอย่างตั้งแต่การวางแผน การผลิต และการขาย บริษัทจึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาประหยัด และมีสาขามากกว่า 700 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา NITORI ได้เริ่มมุ่งเน้นไปที่การขายออนไลน์และดิจิทัล โดยใช้โซเชียลมีเดียเพื่อถ่ายทอดสดโปรโมชั่นการขาย ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ NITORI LIVE ซึ่งเป็นกิจกรรมการค้าแบบสดบนเว็บไซต์ของบริษัท NITORI ประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้ชมผ่านการรวมโซเชียลมีเดียเข้ากับการประกาศการออกอากาศและการเชิญชวนผู้ชมผ่านบัญชี Instagram อย่างเป็นทางการ

Mitsui Shopping Park

Mitsui Shopping Park ซึ่งบริหารงานโดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง Mitsui Fudosan ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยศูนย์การค้า LaLaport และ Mitsui Outlet Park มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่าข้อจำกัดที่จับต้องได้ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งเสริมโครงการริเริ่มต่างๆ ที่ผสานรวมประสบการณ์ออนไลน์และประสบการณ์จริงเข้าด้วยกัน

ยกตัวอย่างเช่น การใช้โซเชียลมีเดียและการไลฟ์สด โดย Mitsui Shopping Park & ​​​​Mall เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกชมและซื้อสินค้าที่อาจพลาดไปในร้าน ขณะที่พนักงานและอินฟลูเอนเซอร์แนะนำสินค้าผ่านการไลฟ์สด ผู้ชมสามารถถามคำถามในช่องแสดงความคิดเห็น แล้วกดติดตามลิงก์ภายในสตรีมเพื่อซื้อสินค้าได้

UNIQLO

UNIQLO เป็นแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของลูกค้าและนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ โดย Fast Retailing Group เจ้าของแบรนด์ UNIQLO เน้นการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยบริหารจัดการทุกอย่างภายในองค์กร ตั้งแต่การวางแผนและการผลิต ไปจนถึงการขนส่งและการขาย ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน UNIQLO จึงมุ่งมั่นที่จะผลิตเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่คุณภาพสูงที่คงทนยาวนาน ภายใต้สโลแกน “พลังแห่งเสื้อผ้าคือพลังแห่งสังคม”

UNIQLO อัปเดตรูปภาพและวิดีโอบน Instagram เป็นประจำเพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแท็กบนเว็บไซต์ได้

ผู้ใช้สามารถใช้ StyleHint ซึ่งเป้นแอปค้นหาเสื้อผ้าของ UNIQLO เพื่อถ่ายภาพเสื้อผ้าที่มีอยู่ หรืออัปโหลดภาพสินค้าชิ้นโปรดที่พบเห็นในโซเชียลมีเดีย แล้วแอปจะค้นหาไอเดียการแต่งตัวที่เข้ากับสไตล์นั้น แอปจะแสดงสินค้าของ UNIQLO ที่คล้ายกับภาพที่อัปโหลด และผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ถูกใจได้

วิธีแนะนําโซเชียลคอมเมิร์ซมาใช้

การเพิ่มโซเชียลคอมเมิร์ซเข้ากับอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณค้นพบกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสในการขายได้ เริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมายของบริษัท

Stripe Payment Links เป็นโซลูชันแบบไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งช่วยให้คุณสร้างและแชร์หน้าการชำระเงินที่ปลอดภัยทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว

Payment Links ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • ได้รับเงินเร็วขึ้น: แชร์ลิงก์ชำระเงินที่กำหนดเองให้กับลูกค้าและรับชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือตามแบบแผนล่วงหน้าได้ทันที โดยไม่ต้องออกใบแจ้งหนี้หรือผสานการทำงานให้ซับซ้อน
  • เพิ่มการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน: เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินด้วยการออกแบบให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่และประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นขึ้น
  • ประหยัดเวลา: สร้าง ปรับแต่ง และแชร์หน้าการชำระเงินได้ง่ายๆ ผ่านแดชบอร์ดของ Stripe โดยแทบไม่ต้องเขียนโค้ด
  • ขยายไปทั่วโลก: รับชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลก โดย Adaptive Pricing จะช่วยปรับราคาให้เข้ากับท้องถิ่นด้วยสกุลเงินมากกว่า 135 แบบ และเสนอวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นที่พร้อมใช้งาน
  • เข้าถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Stripe: ผสานการทำงาน Payment Links เข้ากับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Stripe เช่น Stripe Billing, Stripe Radar และ Stripe Tax เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการชำระเงิน
  • รักษาการควบคุมไว้: ปรับแต่งรูปลักษณ์และความรู้สึกของหน้าการชำระเงินให้สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ และติดตามกิจกรรมการชำระเงินทั้งหมดในที่เดียว

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Payment Links สามารถช่วยให้คุณรับการชำระเงินออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ

Payment Links

สร้างหน้าการชำระเงินที่สมบูรณ์ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้งและแชร์กับลูกค้าของคุณ

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payment Links

รองรับการชำระเงินหลายฝ่ายและการเบิกจ่ายทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย