ส่วนแบ่งรายรับคืออะไร สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. วิธีการทํางานของการแบ่งรายรับ
    1. ตัวอย่างการแบ่งรายรับ
  3. ประเภทของการแบ่งรายรับ
    1. การแบ่งรายรับเท่ากัน
    2. ค่าลิขสิทธิ์
    3. ค่าบริการพร้อมค่าลิขสิทธิ์
    4. การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับขั้นต้น
    5. การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับสุทธิ
    6. จํานวนคงที่ต่อหน่วย
    7. การแบ่งรายรับตามระดับ
    8. การแบ่งรายรับแบบกำหนดเอง
  4. ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ใช้การแบ่งรายรับ
    1. เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์
    2. อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
    3. การค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ
    4. บริการเฉพาะทาง
    5. อุตสาหกรรมอื่นๆ
  5. ประโยชน์จากการแบ่งรายรับ
  6. ความท้าทายจากการแบ่งรายรับ
    1. ความยากในการกำหนดข้อตกลง
    2. ความไม่ไว้วางใจและความขัดแย้ง
    3. โฟกัสระยะสั้น
    4. เป้าหมายที่ขัดแย้งกัน
    5. การพึ่งพาพาร์ทเนอร์
    6. จำกัดอิสระ
    7. รายรับที่คาดการณ์ไม่ได้
    8. การแบ่งการขาดทุน
    9. ผลกระทบทางภาษี
    10. วิธีแก้ไข

ส่วนแบ่งรายรับคือวิธีการแจกจ่ายผลกําไรของธุรกิจให้กับพาร์ทเนอร์หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งพบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สื่อ ซอฟต์แวร์ และการตลาดแบบพันธมิตร เช่น ผู้สร้างเนื้อหาจะได้รับเปอร์เซ็นต์จากรายได้โฆษณาที่วิดีโอของตนสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม ส่วนแบ่งรายรับช่วยให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างเป็นสัดส่วนจากรายรับที่สร้างขึ้น ช่วยให้ผลประโยชน์ของทุกฝ่ายสอดคล้องกันและส่งเสริมความร่วมมือกัน

ในบทความนี้เราจะอธิบายถึงหลักการทํางานของการแบ่งรายรับ การแบ่งรายรับรูปแบบต่างๆ ประเภทธุรกิจที่ใช้โมเดลนี้ รวมถึงประโยชน์และความท้าทาย

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • วิธีการทํางานของการแบ่งรายรับ
  • ประเภทของการแบ่งรายรับ
  • ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ใช้การแบ่งรายรับ
  • ประโยชน์ของการแบ่งรายรับ
  • ความท้าทายจากการแบ่งรายรับ

วิธีการทํางานของการแบ่งรายรับ

ในช่วงเริ่มต้น คู่สัญญาทุกฝ่ายที่ยอมรับข้อตกลงการแบ่งรายรับจะกําหนดสัญญาที่แจกแจงข้อกำหนดดังต่อไปนี้

  • คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องและบทบาทของแต่ละฝ่าย

  • ประเภทของรายรับที่จะแบ่ง (เช่น ขั้นต้น สุทธิ สายผลิตภัณฑ์ที่เจาะจง)

  • วิธีการคํานวณ (เช่น เปอร์เซ็นต์ จํานวนเงินคงที่ แบ่งระดับ)

  • ความถี่ในการแจกจ่าย (เช่น รายเดือน รายไตรมาส รายปี)

  • ข้อกําหนดและเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นธุรกิจหรือโครงการจะสร้างรายรับผ่านการขาย บริการ การสมัครใช้บริการ หรือกระแสรายรับอื่นๆ ธุรกิจจะติดตามและบันทึกรายรับนี้ก่อนที่จะแบ่งระหว่างคู่สัญญาโดยอิงตามข้อกําหนดของสัญญา คู่สัญญาสามารถรับเงินผ่านการฝากบัญชีโดยตรง เช็คค่าลิขสิทธิ์ หรือค่าตอบแทนในรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้ พวกเขายังมักจะได้รับรายงานประจํารอบเวลาที่แสดงรายรับที่สร้าง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (หากเกี่ยวข้อง) และการแจกจ่ายเงิน

ตัวอย่างการแบ่งรายรับ

  • อุตสาหกรรมดนตรี: แพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Spotify และ Apple Music ใช้โมเดลการแบ่งรายรับเพื่อจ่ายค่าตอบแทนให้ศิลปินและค่ายเพลงตามยอดสตรีมเพลงที่ได้รับ

  • การตลาดแบบพันธมิตร: บริษัทต่างๆ สามารถแบ่งรายรับส่วนหนึ่งกับผู้ทำการตลาดแบบพันธมิตร ซึ่งจะโปรโมตผลิตภัณฑ์ของและกระตุ้นยอดขายผ่านลิงก์แนะนําเฉพาะ

  • ธุรกิจแฟรนไชส์: ผู้ทำธุรกิจแฟรนไชส์มักจะได้รับค่าลิขสิทธิ์ตามรายรับของแฟรนไชส์

  • กิจการร่วมลงทุน: บริษัทอย่างน้อย 2 แห่งอาจทํางานร่วมกันในโครงการหนึ่งๆ และแบ่งรายรับที่ได้จากการการลงทุนนั้นๆ

ประเภทของการแบ่งรายรับ

ต่อไปนี้คือการแบ่งรายรับประเภทต่างๆ ที่พบบ่อย

การแบ่งรายรับเท่ากัน

การแบ่งรายรับเท่ากันคือการกระจายรายรับในสัดส่วนเท่ากันระหว่างคู่สัญญา ซึ่งเป็นแนวทางที่เรียบง่าย ยุติธรรม เข้าใจได้ง่าย และสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจไม่เหมาะในกรณีที่แต่ละฝ่ายทุ่มเทหรือลงทุนในธุรกิจเป็นมูลค่าไม่เท่ากัน เพราะอาจทําให้เกิดข้อพิพาทขึ้นได้หากฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าสมควรได้รับส่วนแบ่งมากกว่า ข้อตกลงแบบนี้จึงเหมาะกับการร่วมมือกันระหว่างบุคคลที่ได้ลงทุนและมีส่วนร่วมในธุรกิจในสัดส่วนใกล้เคียงกัน หรือกิจการร่วมลงทุนที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงทุนในจำนวนเท่ากัน

ค่าลิขสิทธิ์

ในการแบ่งรายรับแบบค่าลิขสิทธิ์ ผู้อนุญาตและผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์จะแบ่งรายรับจากค่าลิขสิทธิ์กัน ข้อตกลงแบบนี้มอบช่องทางสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับผู้ได้รับใบอนุญาต จูงใจให้พวกเขาสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพสูง และช่วยให้พวกเขาสามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่แล้วได้โดยไม่ต้องชําระเงินล่วงหน้า แต่การกําหนดอัตราค่าลิขสิทธิ์ที่ยุติธรรมอาจไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจจะไม่สามารถคาดการณ์รายรับได้

การแบ่งรายรับรูปแบบนี้เหมาะกับข้อตกลงการออกใบอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า) ผลงานสร้างสรรค์ (เช่น ดนตรี หนังสือ) และเทคโนโลยี (เช่น ซอฟต์แวร์)

ค่าบริการพร้อมค่าลิขสิทธิ์

ในการแบ่งรายรับแบบค่าบริการพร้อมค่าลิขสิทธิ์ คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะได้รับชำระเงินในอัตราคงที่ พร้อมกับส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ ผู้ให้บริการจะมีหลักประกันทางการเงินจากค่าบริการ และมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้นจากค่าลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายสอดคล้องกันและมุ่งสร้างความสําเร็จ อย่างไรก็ตาม การกำหนดอัตราค่าบริการและค่าลิขสิทธิ์ให้ยุติธรรมอาจทําได้ยาก และค่าบริการอาจจะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของผู้ให้บริการอย่างครบถ้วน

ปกติแล้วแนวทางการแบ่งรายรับประเภทนี้จะไม่เหมาะกับโครงการที่มีผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน แต่เหมาะกับโครงการที่ไม่เพียงมีงานอยู่แล้วบางส่วน แต่ยังอาจมีแนวโน้มในการสร้างรายรับอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งกรณีหลังอาจรวมถึงบริการให้คําปรึกษา โครงการผลิตผลงานสร้างสรรค์ หรือแคมเปญการตลาด

การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับขั้นต้น

การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับขั้นต้นเป็นการมอบส่วนแบ่งจากรายรับขั้นต้นของบริษัทให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ วิธีนี้คํานวณง่ายและจูงใจให้พวกเขาพยายามเพิ่มยอดขาย แต่ไม่มีการพิจารณาค่าใช้จ่าย และอาจทําให้เกิดข้อพิพาทขึ้นได้หากรายรับผันผวนไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังอาจไม่ยุติธรรม หากฝ่ายหนึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก การแบ่งรายรับประเภทนี้เหมาะกับการจ่ายค่าคอมมิชชั่นการขาย โปรแกรมการตลาดพันธมิตร และในกรณีที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อยและคาดการณ์ได้

การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับสุทธิ

การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับสุทธิเป็นการมอบส่วนแบ่งจากรายรับสุทธิของบริษัทให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ของบริษัทกําหนดไว้ล่วงหน้า วิธีนี้จะสะท้อนผลกําไรของกิจการได้อย่างถูกต้องแม่นยํามากกว่าและจูงใจให้ทั้งสองฝ่ายควบคุมค่าใช้จ่าย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเองก็อาจมองว่าวิธีนี้ยุติธรรมมากกว่าในหลายกรณี แต่การคํานวณอาจทําได้ยากกว่า และหากตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อนุญาตก็อาจเกิดข้อพิพาทขึ้น และต้องมีความโปร่งใสเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย การแบ่งรายรับแบบนี้เหมาะกับห้างหุ้นส่วน กิจการร่วมลงทุน และกิจการที่เจ้าของธุรกิจจะแบ่งผลกำไรกัน

จํานวนคงที่ต่อหน่วย

ในการแบ่งรายรับแบบกำหนดจํานวนคงที่ต่อหน่วย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้รับเงินเป็นจํานวนคงที่ต่อหน่วยสินค้าและบริการที่ขายได้ วิธีนี้เรียบง่ายและคาดการณ์ได้สำหรับคู่สัญญาทัง้สองฝ่าย ติดตามตรวจสอบและคํานวณได้ง่าย อีกทั้งยังจูงใจให้คู่สัญญาพยายามขายสินค้าได้จำนวนมากขึ้น ข้อเสียคืออาจไม่สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของความทุ่มเทและการลงทุนของแต่ละฝ่าย และไม่ได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดหรือต้นทุนการผลิต การแบ่งรายรับรูปแบบนี้เหมาะสําหรับศิลปินและครีเอเตอร์ที่มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์หรือข้อตกลงการออกใบอนุญาตสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนการผลิตคงที่

การแบ่งรายรับตามระดับ

การแบ่งรายรับตามระดับเป็นการแบ่งรายรับให้แก่พาร์ทเนอร์เป็นเปอร์เซ็นต์ โดยพิจารณาจากเกณฑ์รายรับที่กําหนดไว้ล่วงหน้าที่บริษัททำได้ วิธีนี้จูงใจให้ทุ่มเททำงานด้วยประสิทธิภาพสูง มอบรางวัลตอบแทนแก่ผู้ที่ทำผลงานได้เป้าหมาย และปรับผลประโยชน์ให้สอดคล้องกันเมื่อเวลาผ่านไป ข้อเสียคือการนำไปใช้และการติดตามอาจมีความซับซ้อน และสร้างแรงกดดันว่าจะต้องทำให้ถึงเกณฑ์ที่กําหนดได้ วิธีนี้เหมาะกับฝ่ายขาย โปรแกรมการตลาดแบบพันธมิตร และกิจกรรมที่สามารถวัดผลการดำเนินงานได้ง่ายและเหมาะกับการมอบรางวัลจูงใจแบบหลายระดับ

การแบ่งรายรับแบบกำหนดเอง

การแบ่งรายรับแบบกำหนดเองคือข้อตกลงที่ปรับแต่งมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ข้อตกลงประเภทนี้จะทำให้เกิดเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์และการร่วมมือในแบบที่ไม่เหมือนใคร แต่ว่าการเจรจาและการร่างข้อตกลงอาจมีความซับซ้อนและอาจต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ส่วนการบังคับใช้ก็อาจทําได้ยากเช่นกัน การแบ่งรายรับแบบกำหนดเองเหมาะกับธุรกิจที่ซับซ้อน การลงทุนในกิจการร่วมลงทุน และโครงการความร่วมมือที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งโมเดลมาตรฐานอาจไม่ตอบโจทย์มากพอ

ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ใช้การแบ่งรายรับ

ธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมสามารถใช้การแบ่งรายรับได้ ต่อไปนี้เป็นธุรกิจประเภทต่างๆ ที่นิยมใช้การแบ่งรายรับ

เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์

  • บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS): บริษัท SaaS มักจะแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าที่ผู้แนะนําแต่ละรายสร้างขึ้น ให้แก่พันธมิตรหรือตัวแทนจําหน่ายที่โปรโมตผลิตภัณฑ์ของตน

  • นักพัฒนาแอป: นักพัฒนาแอปอาจแบ่งรายรับกับแอปสโตร์ แพลตฟอร์มโฆษณา หรือพาร์ทเนอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่และโปรโมตแอปของตน

  • ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส: โครงการโอเพนซอร์สบางโครงการใช้โมเดลการแบ่งรายรับกับการพัฒนาและการบํารุงรักษาซอฟต์แวร์ บริษัทหรือบุคคลทั่วไปที่มีส่วนร่วมในโครงการจะได้รับส่วนแบ่งจากรายรับเป็นค่าตอบแทน

อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

  • ดนตรีและความบันเทิง: บริษัทประเภทเหล่านี้ (เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิง ค่ายเพลง สํานักพิมพ์) แบ่งรายรับกับศิลปินในสังกัดของตน (เช่น ศิลปิน นักดนตรี นักแต่งเพลง) ตามเมตริกการใช้งานที่กำหนด (เช่น สตรีม การดาวน์โหลด ฯลฯ)

  • สำนักพิมพ์: สำนักพิมพ์มักจะแบ่งรายรับจากการขายหนังสือกับผู้เขียน ซึ่งอาจได้รับค่าลิขสิทธิ์อิงจากเปอร์เซ็นต์ของราคาขายหรือจํานวนเงินตายตัวต่อหนังสือแต่ละเล่ม

  • ภาพยนตร์และโทรทัศน์: ในการผลิตภาพยนตร์ ทั้งนักแสดง ผู้กํากับ และผู้ผลิตอาจได้รับส่วนแบ่งรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศหรือผลกําไรจากตลาดอื่นๆ อย่างเช่นการขายดีวีดีและสิทธิ์ในการสตรีม

การค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ

  • การตลาดแบบพันธมิตร: ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มักจะมอบค่ามิชชันจากการขายผ่านลิงก์แนะนำให้กับพันธมิตรการตลาดที่โปรโมตสินค้าบนเว็บไซต์หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของตน

  • มาร์เก็ตเพลส: มาร์เก็ตเพลสออนไลน์อย่าง Amazon และ Etsy มอบแพลตฟอร์มให้ผู้ขายประกาศขายผลิตภัณฑ์ของตน โดยผู้ขายจะแบ่งรายรับส่วนหนึ่งกับมาร์เก็ตเพลสเพื่อแลกกับความสะดวกในการทําธุรกรรม

  • ธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัทแฟรนไชส์ที่อนุญาตให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ดําเนินกิจการภายใต้แบรนด์และโมเดลธุรกิจของตนมักจะได้รับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากรายรับของผู้ซื้อแฟรนไชส์เพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์หรือค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์

บริการเฉพาะทาง

  • บริการให้คําปรึกษา: บริษัทให้คําปรึกษาอาจแบ่งรายรับให้กับที่ปรึกษา ขึ้นอยู่กับโครงการที่หามาให้บริษัทหรือลูกค้าที่ให้บริการ

  • บริษัทกฎหมาย: บริษัทกฎหมายบางแห่งใช้โมเดลการแบ่งรายรับเพื่อจ่ายค่าตอบแทนแก่พาร์ทเนอร์และทนายความโดยอิงจากรายได้ที่บุคคลเหล่านี้สร้างให้กับบริษัท

  • บริษัทลงทุน: บริษัทด้านการลงทุนอาจแบ่งผลกําไรให้กับพนักงานหรือลูกค้าตามผลประกอบการของพอร์ตการลงทุน

อุตสาหกรรมอื่นๆ

  • สื่อและการโฆษณา: ผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์และผู้สร้างเนื้อหามักจะจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับเครือข่ายโฆษณา ซึ่งได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณาอิงตามจำนวนการแสดงโฆษณา การคลิก หรือการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน

  • อสังหาริมทรัพย์: นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจแบ่งปันผลกําไรกับนักลงทุนที่จัดหาเงินทุนให้กับโครงการของนักพัฒนา

  • กีฬา: ลีคกีฬาและสโมสรกีฬามืออาชีพมักจะแบ่งรายรับจากการจําหน่ายตั๋ว สิทธิ์ในการออกอากาศ และสินค้าให้กับผู้เล่น โค้ช และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ

ประโยชน์จากการแบ่งรายรับ

ประโยชน์ของการแบ่งรายรับสําหรับธุรกิจมีดังนี้

  • ความสอดคล้องกันของผลประโยชน์: การแบ่งรายรับจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์ โดยค่าตอบแทนจะเชื่อมโยงกับความสําเร็จของธุรกิจหรือโครงการโดยตรง แรงจูงใจนี้ช่วยส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพยายามสนับสนุนเป้าหมายเดียวกัน

  • การกระจายความเสี่ยง: ข้อตกลงนี้จะกระจายความเสี่ยงทางการเงินในหมู่ทุกฝ่าย หากบริษัทร่วมลงทุนมีรายรับที่ต่ํากว่าที่คาดการณ์ไว้ ภาระด้านการเงินก็จะไม่ตกอยู่กับฝ่ายเดียว ในทางกลับกัน ทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์จากผลกําไรสูงขึ้น ซึ่งอาจทําให้โครงการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นที่ยอมรับและเป็นไปได้มากขึ้น

  • ประสิทธิภาพในแง่ของค่าใช้จ่าย: สําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพและธุรกิจรายย่อย การแบ่งรายรับจะให้สิทธิ์เข้าถึงบริการและการเป็นพาร์ทเนอร์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ธุรกิจต่างๆ สามารถนําเสนอการแบ่งรายรับแทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือเงินเดือนจํานวนมาก วิธีนี้จะช่วยจัดการกระแสเงินสดและลดภาระทางการเงินขั้นต้นได้

  • การทํางานร่วมกันและการพัฒนา: การแบ่งรายรับเชื่อมโยงรางวัลเข้ากับประสิทธิภาพ จึงสนับสนุนการทํางานร่วมกันและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พาร์ทเนอร์มีแนวโน้มที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่และปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งรายรับให้สูงสุด

  • การปรับขนาด: รายได้ที่เพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์ตามสัดส่วน แง่มุมนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษในสถานการณ์ที่มีการเติบโตสูง การแบ่งรายรับสามารถขจัดความจําเป็นในการต้องกลับมาเจรจาเรื่องข้อกำหนดการชําระเงินหรือการลงทุนเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นได้

  • การดึงดูดผู้มีความสามารถ: ในอุตสาหกรรมการขาย งานสร้างสรรค์ หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่คล้ายกันซึ่งบุคลากรที่มีความสามารถสูงสามารถสร้างผลลัพธ์ต่อรายรับได้อย่างมาก โมเดลการแบ่งรายรับสามารถช่วยดึงดูดและรักษาบุคคลหรือบริษัทที่ทํางานได้มีประสิทธิภาพสูงด้วยการมอบโอกาสให้พวกเขามีส่วนได้ส่วนเสียในความสําเร็จของธุรกิจโดยตรง

  • การขยายตลาด: บริษัทต่างๆ สามารถนําการแบ่งรายรับมาใช้ในการขยายเข้าสู่ตลาดหรือกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ได้ โดยการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจท้องถิ่นที่มีเครือข่ายการจัดจําหน่ายและความรู้เกี่ยวกับตลาดอยู่แล้ว วิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงในการเข้าสู่ตลาดได้

ความท้าทายจากการแบ่งรายรับ

ต่อไปนี้คืออุปสรรคของการแบ่งรายรับและวิธีแก้ปัญหา

ความยากในการกำหนดข้อตกลง

การกําหนดวิธีการแจกจ่ายผลกําไรอย่างยุติธรรมอาจมีความซับซ้อน และอาจเกิดความขัดแย้งในแง่ที่ว่าใครสมควรได้รับเปอร์เซ็นต์เท่าใด

วิธีแก้ไข

  • ระบุบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงินลงทุนของแต่ละฝ่ายเพื่อกําหนดส่วนแบ่งรายรับที่เป็นธรรม

  • ใช้ภาษาและสูตรที่แม่นยําเพื่อกําหนดวิธีการคํานวณและแจกจ่ายรายรับ รวมทั้งพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น เมตริกในแง่ของรายรับขั้นต้นหรือรายรับสุทธิ สายผลิตภัณฑ์เฉพาะ และตามประสิทธิภาพ

  • รวมข้อกําหนดในสัญญาเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง

ความไม่ไว้วางใจและความขัดแย้ง

ข้อมูลที่ไม่ตรงกันหรือไม่มีความโปร่งใสในการทําบัญชีอาจทําให้เกิดความขัดแย้งและส่งผลต่อความไว้วางใจกันได้

วิธีแก้ไข

  • จัดทํารายงานทางการเงินเป็นประจำโดยระบุละเอียดที่แสดงรายรับ ค่าใช้จ่าย และการคํานวณส่วนแบ่งของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย

  • ควรให้ผู้ตรวจสอบอิสระยืนยันข้อมูลทางการเงินและแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส

  • ส่งเสริมวัฒนธรรมในการสื่อสารแบบเปิดเผยที่บุคคลสามารถพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินและตอบข้อกังวลใดๆ ได้

โฟกัสระยะสั้น

บางครั้งการแบ่งรายรับอาจส่งเสริมให้มุ่งเน้นการเพิ่มรายรับให้สูงสุดในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตในระยะยาวหรือความยั่งยืน

วิธีแก้ไข

  • ใช้เมตริกประสิทธิภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวโมเดลการแบ่งรายรับ

  • ควรกําหนดระยะเวลามอบส่วนแบ่งรายรับ โดยที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับส่วนแบ่งส่วนหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ตามเงินลงทุนและผลประกอบการที่ต่อเนื่อง

เป้าหมายที่ขัดแย้งกัน

พาร์ทเนอร์อาจมีสิ่งที่ให้ความสําคัญหรือเป้าหมายที่แตกต่างกันสําหรับธุรกิจ ตัวอย่างเช่น พาร์ทเนอร์รายหนึ่งอาจให้ความสําคัญกับการเติบโตของรายรับอย่างรวดเร็ว และอีกรายหนึ่งอาจให้ความสําคัญกับความสามารถในการทํากําไร เป้าหมายที่ไม่ตรงกันเหล่านี้สามารถสร้างความตึงเครียดและเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจ

วิธีแก้ไข

  • ยืนยันว่าคู่สัญญาทุกฝ่ายมีวิสัยทัศน์ร่วมกันเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจ และเห็นพ้องกันในเรื่องเป้าหมายและสิ่งที่ให้ความสำคัญ

  • จัดการประชุมเป็นประจําเพื่อตรวจสอบความคืบหน้า พูดคุยเรื่องความท้าทาย และปรับเป้าหมายให้ตรงกัน หากจําเป็น

การพึ่งพาพาร์ทเนอร์

การจัดการการแบ่งรายรับอาจทําให้ความสําเร็จของธุรกิจขึ้นอยู่กับผลการดําเนินงานและการดําเนินการของพาร์ทเนอร์ ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยง หากพาร์ทเนอร์ไม่ปฏิบัติตามภาระหน้าที่หรือหากความสนใจของพาร์ทเนอร์เปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป

วิธีแก้ไข

  • ตั้งเกณฑ์เปรียบเทียบประสิทธิภาพสําหรับพาร์ทเนอร์แต่ละรายเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะมีส่วนร่วมตามที่คาดไว้

  • รวมข้อกําหนดในการบอกเลิกการเป็นพาร์ทเนอร์ หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขบางอย่าง หรือหากการเป็นพาร์ทเนอร์ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อีกต่อไป

จำกัดอิสระ

ธุรกิจบางแห่งอาจต้องสละอำนาจควบคุมการดําเนินงานหรือการตัดสินใจของตนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและผลประโยชน์ของพาร์ทเนอร์ ดังนั้น ธุรกิจที่ให้ความสําคัญกับความเป็นอิสระและการดำเนินงานด้วยตนเองอาจประสบปัญหาได้

วิธีแก้ไข

  • อธิบายอย่างชัดเจนว่าพาร์ทเนอร์แต่ละคนมีอํานาจในการตัดสินใจและอิสรภาพอย่างไรบ้าง

  • ส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิดเผยและการทํางานร่วมกัน เพื่อให้พาร์ทเนอร์ทุกคนต่างรู้สึกว่าตนเองได้รับการรับฟังและเคารพนับถือ

รายรับที่คาดการณ์ไม่ได้

การแบ่งรายรับอาจทำให้คาดการณ์รายรับได้ยากสําหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไป เนื่องจากผลกําไรจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการที่ผันผวนของกิจการ แง่มุมนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาในการวางแผนทางการเงินและการจัดทํางบประมาณ

วิธีแก้ไข

  • กันเงินสํารองเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดหรือการหยุดชะงักของรายรับ

  • กระจายกระแสรายรับเพื่อลดการพึ่งพาแหล่งรายได้เพียงแห่งเดียว

การแบ่งการขาดทุน

แม้โดยปกติแล้วการแบ่งรายรับมักจะเกี่ยวข้องกับการแบ่งกําไร แต่ก็อาจเป็นเรื่องของการขาดทุนได้เช่นกัน หากข้อตกลงไม่ได้แบ่งการขาดทุนอย่างยุติธรรมก็สามารถสร้างความไม่พอใจและปัญหาทางการเงินสําหรับพาร์ทเนอร์บางรายได้

วิธีแก้ไข

  • กําหนดข้อกําหนดเกี่ยวกับวิธีแบ่งการขาดทุนระหว่างพาร์ทเนอร์รายต่างๆ

  • ประเมินปัจจัย เช่น เงินลงทุนเริ่มแรก เงินลงทุนต่อเนื่อง และระดับการยอมรับความเสี่ยง

  • พิจารณาการสมัครประกันภัยเพื่อคุ้มครองการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น

ผลกระทบทางภาษี

การแบ่งรายรับอาจมีผลกระทบทางภาษีที่ซับซ้อนสําหรับทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไป

วิธีแก้ไข

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อทําความเข้าใจผลกระทบทางภาษีของการแบ่งรายรับ รวมทั้งเพื่อการรายงานและการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีที่เหมาะสม

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย