Refund fraud: What it is and how businesses can protect themselves

Radar
Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การฉ้อโกงการคืนเงินคืออะไร
  3. ประเภทการฉ้อโกงการคืนเงิน
  4. การฉ้อโกงการคืนเงินเทียบกับการฉ้อโกงการคืนสินค้า: สองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างไร
  5. ตัวอย่างการฉ้อโกงการคืนเงิน
  6. วิธีป้องกันการฉ้อโกงการคืนเงินและการฉ้อโกงการคืนสินค้า

การฉ้อโกงการคืนเงินกลายเป็นข้อกังวลที่สำคัญที่คุกคามทั้งต่อสถานะทางการเงินของธุรกิจและความไว้วางใจของลูกค้า ดังนั้นการทำความเข้าใจและการแก้ไขความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงการคืนเงินจึงกลายมาเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของธุรกิจ

ตามรายงานของสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติระบุว่า ในปี 2020 ผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ สูญเสียเงิน $2.53 หมื่นล้านจากการส่งคืนสินค้าที่เป็นการฉ้อโกง เมื่อยอดขายอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น การฉ้อโกงการคืนเงินก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่าการฉ้อโกงการคืนเงินคืออะไร กลวิธีหลอกลวงต่างๆ ที่ผู้ฉ้อโกงใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์จากนโยบายการคืนเงินและฉวยประโยชน์จากระบบการเงิน รวมทั้งพูดถึงขั้นตอนที่ธุรกิจสามารถดำเนินการเพื่อป้องกันและต่อสู้กับการฉ้อโกงประเภทนี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การฉ้อโกงการคืนเงินคืออะไร
  • ประเภทการฉ้อโกงการคืนเงิน
  • การฉ้อโกงการคืนเงินเทียบกับการฉ้อโกงการคืนสินค้า: สองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างไร
  • ตัวอย่างการฉ้อโกงการคืนเงิน
  • วิธีป้องกันการฉ้อโกงการคืนเงินและการฉ้อโกงการคืนสินค้า

การฉ้อโกงการคืนเงินคืออะไร

การฉ้อโกงการคืนเงินเป็นการฉ้อโกงการชําระเงินประเภทหนึ่งที่บุคคลทั่วไปหรือกลุ่มคนอ้างสิทธิ์ในการขอคืนเงินหรือเบิกเงินคืนจากบริษัท รัฐบาล หรือสถาบันการเงินอย่างไม่ถูกต้อง วัตถุประสงค์ของการฉ้อโกงนี้คือการหลอกให้องค์กรเป้าหมายออกเงินคืนหรือเบิกจ่ายเงินคืน แม้ว่าผู้ไม่ประสงค์ดีจะไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินดังกล่าว

โดยพื้นฐานแล้ว การฉ้อโกงการคืนเงินจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนหลอกบริษัทให้คืนเงินสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ไม่ได้ซื้อจริง หรือเมื่อพวกเขากล่างอ้างอย่างไม่ถูกต้องว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการที่พวกเขาได้รับมีปัญหา การฉ้อโกงประเภทนี้อาจทําให้ธุรกิจเสียค่าใช้จ่ายสูงมากและสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงกับลูกค้า

ประเภทการฉ้อโกงการคืนเงิน

การฉ้อโกงการคืนเงินไม่ได้จำกัดอยู่เพียงกลไกเดียวของกิจกรรมฉ้อโกงเท่านั้น แต่ยังเป็นหมวดหมู่ที่ครอบคลุมกลวิธีที่หลากหลายอีกด้วย การฉ้อโกงการคืนเงินมีหลายรูปแบบดังต่อไปนี้

  • การฉ้อโกงด้วยการคืนสินค้า
    การฉ้อโกงการคืนสินค้าเกิดขึ้นเมื่อบุคคลส่งคืนสินค้าไปยังผู้ค้าปลีกหรือร้านค้าออนไลน์ โดยอ้างว่าสินค้าได้รับความเสียหาย มีข้อบกพร่อง หรือไม่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าสินค้านั้นจะอยู่ในสภาพดี หรือถูกใช้แล้ว หรือถูกดัดแปลงก็ตาม

  • การฉ้อโกงด้วยการดึงเงินคืน
    ในการฉ้อโกงด้วยการดึงเงินคืน ลูกค้าโต้แย้งการเรียกเก็บเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายบนบัตรเครดิตของตน โดยอ้างว่าไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือการเรียกเก็บเงินนั้นไม่ได้รับอนุญาต เป้าหมายของผู้ไม่ประสงค์ดีก็คือการบังคับให้ธุรกิจหรือผู้ให้บริการคืนเงิน แม้ว่าพวกเขาจะได้รับและใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการไปแล้วก็ตาม

  • การฉ้อโกงการคืนเงินภาษี
    การฉ้อโกงประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีอันเป็นเท็จหรือฉ้อโกงเพื่อขอคืนภาษีซึ่งมิจฉาชีพไม่มีสิทธิ์ได้รับ มิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ขโมยมา สร้างเอกสารเท็จ หรือปรับเปลี่ยนระบบภาษีด้วยด้วยแนวทางอื่นๆ เพื่อขอรับเงินคืน

  • การฉ้อโกงเงินประกัน
    ในการฉ้อโกงเงินประกัน บุคคลทั่วไปหรือกลุ่มหนึ่งๆ ส่งคําขอเคลมประกันภัยที่เป็นเท็จหรือเกินจริง เพื่อรับเงินคืนหรือเงินชดใช้จากบริษัทประกันภัย กลวิธีที่มิจฉาชีพใช้ในการฉ้อโกงประกันภัยอาจรวมถึงการจัดฉากอุบัติเหตุ การสร้างความเสียหายเกินจริง หรือการสร้างความสูญเสียขึ้นมาเอง

  • ตู้เสื้อผ้าหรือซื้อใส่แล้วส่งคืน
    ในสถานการณ์นี้ ลูกค้าจะซื้อสินค้าต่างๆ เช่น เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้งานเป็นระยะเวลาสั้นๆ (เช่น สำหรับกิจกรรมพิเศษหรือโปรเจ็กต์งานเพียงครั้งเดียว) จากนั้นจึงนำมาคืนเพื่อขอรับเงินคืน โดยทำเหมือนกับการถือว่าร้านค้าแห่งนี้เป็นบริการให้เช่าฟรี

  • การฉ้อโกงใบเสร็จ
    มิจฉาชีพจะใช้ใบเสร็จปลอมหรือใบเสร็จที่แก้ไขเพื่อส่งคืนสินค้าที่ขโมยมา สินค้าที่ซื้อในช่วงลดราคา หรือสินค้าที่ซื้อจากร้านค้าอื่น เพื่อรับเงินคืนเต็มจำนวนหรือเครดิตของร้านค้า

  • การเปลี่ยนราคา
    มิจฉาชีพจะสลับป้ายราคาหรือบาร์โค้ดของสินค้าที่มีราคาสูงกับสินค้าที่มีราคาที่ต่ํากว่า จากนั้นจะส่งคืนสินค้าโดยใช้ใบเสร็จจริงที่มีราคาสูงกว่า เพื่อรับเงินคืนในปริมาณมาก

  • การฉ้อโกงโดยมีพนักงานช่วยเหลือ
    พนักงานที่ไม่ซื่อสัตย์ดำเนินการคืนเงินหรือส่งคืนสินค้าโดยหลอกลวงและไม่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว

กลยุทธ์ที่มิจฉาชีพใช้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามวิวัฒนาการของบริษัทค้าปลีก นอกจากนี้ด้านล่าง เราจะอธิบายว่าธุรกิจต่างๆ จะรักษาความคล่องตัวและรับมือกับช่องโหว่ที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้ได้อย่างไร

การฉ้อโกงการคืนเงินเทียบกับการฉ้อโกงการคืนสินค้า: สองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างไร

การฉ้อโกงการคืนเงินเทียบกับการฉ้อโกงการคืนสินค้าเป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งบางครั้งใช้แทนกันได้ แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันทุกประการ โดยสรุป การฉ้อโกงการคืนสินค้าเป็นส่วนย่อยของการฉ้อโกงการคืนเงินซึ่งมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมค้าปลีกโดยเฉพาะ โดยการใช้ประโยชน์จากนโยบายการคืนสินค้า การฉ้อโกงการคืนเงินเป็นคำศัพท์ทั่วไปที่ครอบคลุมถึงกิจกรรมฉ้อโกงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขอคืนเงินหรือค่าชดเชยที่ไม่สมเหตุสมผล

ต่อไปนี้คือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างที่สําคัญ

  • การฉ้อโกงการคืนเงินเป็นคำที่ครอบคลุมถึงการหลอกลวงประเภทต่างๆ ที่มุ่งหวังจะหลอกลวงบริษัท รัฐบาล หรือสถาบันการเงินให้คืนเงินหรือออกเงินชดเชยให้แก่มิจฉาชีพ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินดังกล่าว การฉ้อโกงการคืนเงินอาจเกิดขึ้นได้ในหลายๆ บริบท เช่น การคืนเงินภาษี การดึงเงินคืน การจ่าบค่าชดเชยประกันภัย และอีกมากมาย

  • การฉ้อโกงการคืนสินค้าเป็นการฉ้อโกงการคืนเงินประเภทหนึ่งที่มุ่งเป้าไปที่ทั้งร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมและออนไลน์ ในการฉ้อโกงการคืนสินค้า บุคคลหนึ่งจะส่งคืนผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ค้าปลีก โดยกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับความเสียหาย มีข้อบกพร่อง หรือไม่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะอยู่ในสภาพดี หรือถูกใช้แล้ว หรือถูกดัดแปลงก็ตาม เป้าหมายของมิจฉาชีพคือการหลอกให้ผู้ค้าปลีกออกเงินคืนหรือเปลี่ยนสินค้าทั้งๆ ที่ตนไม่มีสิทธิ์ได้รับ

ตัวอย่างการฉ้อโกงการคืนเงิน

ต่อไปนี้คือตัวอย่างการฉ้อโกงการคืนเงินในชีวิตจริงภายในสถานการณ์ต่างๆ

  • ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า: ลูกค้าซื้อกล้องระดับไฮเอนด์ ใช้กล้องในช่วงวันหยุด จากนั้นจึงส่งคืนไปที่ร้านโดยอ้างว่าสินค้าไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ร้านค้าดำเนินการคืนเงินโดยไม่รู้ว่าลูกค้าใช้ธุรกิจของตนเป็นบริการเช่าฟรี

  • ร้านค้าปลีกเสื้อผ้า: นักช็อปซื้อชุดราคาแพงมาใส่ไปงานพิเศษ แล้วส่งคืนพร้อมป้ายที่ยังติดอยู่ โดยอ้างว่าใส่ไม่พอดี ผู้ค้าปลีกจะคืนเงินให้ลูกค้า แม้ว่าชุดนี้จะถูกสวมใส่แล้วก็ตาม

  • มาร์เก็ตเพลสออนไลน์: ผู้ซื้อซื้อกระเป๋าถือดีไซเนอร์จากผู้ขายบุคคลที่สาม จากนั้นยื่นคำร้องขอคืนเงินกับบริษัทบัตรเครดิตของตน โดยอ้างว่ากระเป๋าถือดังกล่าวเป็นของปลอม ผู้ขายจําเป็นต้องคืนเงินแม้ว่ากระเป๋าถือนั้นเป็นของจริงและผู้ซื้อก็ยังคงมีสินค้าอยู่

  • ซูเปอร์มาร์เก็ต: มิจฉาชีพขโมยสินค้าหลายชิ้นมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วส่งคืนไปยังร้านค้าเดียวกันในภายหลังโดยแสดงใบเสร็จปลอม ร้านค้าคืนเงินตามมูลค่าของสินค้า โดยไม่ทราบว่าสินค้าถูกขโมย

  • ร้านขายสินค้าปรับปรุงบ้าน: ลูกค้าซื้อเครื่องมือไฟฟ้าราคาแพง เปลี่ยนสินค้าเดิมด้วยสินค้ามือสองราคาถูกกว่า และนำไปคืนที่ร้าน ร้านค้าดําเนินการคืนสินค้า ไม่ได้ตระหนักว่าสินค้าภายในกล่องไม่ใช่สินค้าที่ขายไป

สถานการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิธีการบางอย่างที่การฉ้อโกงการคืนเงินสามารถเกิดขึ้นได้ในอุตสาหกรรมและสถานการณ์การค้าปลีกที่แตกต่างกัน ธุรกิจต่างๆ ต้องคอยติดตามและนํากลยุทธ์และการป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพมาใช้เพื่อลดผลกระทบจากกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงดังกล่าวที่มีต่อการปฏิบัติงานและชื่อเสียงของพวกเขา

วิธีป้องกันการฉ้อโกงการคืนเงินและการฉ้อโกงการคืนสินค้า

ธุรกิจมีหลายขั้นตอนในการป้องกันและต่อสู้กับการฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงการทํางานร่วมกับโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงและการตรวจจับการฉ้อโกงที่ครอบคลุม เช่น Stripe Radar การนํากลยุทธ์ต่อไปนี้มาใช้จะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการฉ้อโกงประเภทนี้ได้

  • พัฒนานโยบายการคืนเงินที่ชัดเจน และสื่อสารนโยบายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
    กําหนดนโยบายการคืนเงินและการส่งคืนสินค้าที่ชัดเจนและกระชับ ซึ่งระบุว่าคุณจะยอมรับการคืนเงินหรือการคืนสินค้าภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง ทําให้ลูกค้าเข้าถึงและมองเห็นนโยบายเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งในร้านและทางออนไลน์

  • ยืนยันข้อมูลลูกค้าในการคืนเงิน
    ยืนยันตัวตนและข้อมูลติดต่อของลูกค้าที่ขอคืนเงิน ซึ่งอาจจะรวมถึงการตรวจสอบเอกสารประจําตัว ยืนยันประวัติการซื้อ หรือใช้วิธีการตรวจสอบสิทธิ์เพิ่มเติม

  • นําขั้นตอนการคืนสินค้าที่เข้มงวดมาใช้
    สร้างขั้นตอนที่เข้มงวดสําหรับการยอมรับและการประมวลผลการคืนสินค้า ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจสอบสินค้าที่ส่งคืนว่ามีสัญญาณของการดัดแปลงหรือไม่ ยืนยันสภาพสินค้า และติดตามคำขอส่งคืนจากลูกค้ารายบุคคลเพื่อระบุรูปแบบของพฤติกรรมที่น่าสงสัย เป้าหมายไม่ใช่การป้องกันลูกค้าไม่ให้คืนสินค้าโดยชอบด้วยกฎหมาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากสิ่งนี้อาจส่งผลให้เกิดการดึงเงินคืนเพิ่มขึ้น) แต่เพื่อให้แน่ใจว่ามีการรายงานการคืนสินค้าที่เป็นการฉ้อโกง ขั้นตอนนี้มีความละเอียดอ่อนและต้องสร้างสมดุล

  • ใช้โซลูชันป้องกันการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิง
    ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรืออัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมและตรวจจับรูปแบบการฉ้อโกงการคืนเงินที่อาจเกิดขึ้น อัลกอริทึมเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนเพื่อให้ตรวจพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย รวมถึงรายงานธุรกรรมหรือคําขอการคืนเงินที่ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมได้โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Stripe Radar ใช้แมชชีนเลิร์นนิงที่ได้รับการฝึกโดยใช้จุดข้อมูลจากบริษัทหลายล้านแห่งทั่วโลก นี่คือระดับของเทคโนโลยีที่พัฒนาเองซึ่งคุณต้องการใช้เพื่อขับเคลื่อนการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงของคุณ

  • ตรวจสอบธุรกรรม
    ตรวจสอบธุรกรรมที่มีกิจกรรมผิดปกติอยู่เป็นประจํา เช่น การคืนเงินหลายครั้งไปยังลูกค้ารายเดียวกัน การส่งคืนสินค้าที่มีมูลค่าสูงบ่อยครั้ง หรือคําขอคืนเงินที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ตรวจสอบรูปแบบที่น่าสงสัยทันที โซลูชันป้องกันการฉ้อโกงที่ใช้ไบโอเมตริกเชิงพฤติกรรมสามารถวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะด้านพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น รูปแบบการพิมพ์ การใช้งานอุปกรณ์ และการโต้ตอบกับอินเทอร์เฟซดิจิทัลเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้ได้ เมื่อนําข้อมูลไบโอเมตริกเชิงพฤติกรรมไปใช้ ธุรกิจจะสามารถตรวจจับมิจฉาชีพที่พยายามฉวยประโยชน์จากขั้นตอนการคืนเงินได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้ว เทคโนโลยีการตรวจจับการฉ้อโกงที่เหมาะสมรวมถึง Stripe Radar จะช่วยคุณได้

  • ตรวจสอบว่าพนักงานระบุและจัดการกับการฉ้อโกงได้
    เทคโนโลยีทั้งหมดในโลกไม่สามารถทดแทนทีมงานที่มีทักษะและได้รับการฝึกอบรมให้คอยเฝ้าระวังตัวบ่งชี้การฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น โปรดให้ความรู้ทีมของคุณเกี่ยวกับการฉ้อโกงการคืนเงินประเภทต่างๆ และฝึกให้พวกเขาระบุสัญญาณเตือนที่อาจเกิดขึ้น จากนั้น ให้ระบุแนวทางในการจัดการธุรกรรมหรือคําขอคืนเงินที่น่าสงสัย

  • ปรับปรุงกระบวนการเก็บบันทึก
    เก็บบันทึกธุรกรรมทุกรายการอย่างถูกต้อง แม่นยํา ทั้งการขาย การคืนเงิน และการคืนสินค้า วิธีนี้จะช่วยอํานวยความสะดวกในการตรวจสอบและช่วยให้คุณมีหลักฐานในกรณีที่มีการโต้แย้งการชําระเงิน

  • เสริมความแข็งแกร่งให้กับการรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์
    ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดสําหรับธุรกรรมออนไลน์ เช่น การเข้ารหัส SSL, การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย และเกตเวย์การชําระเงินที่ปลอดภัย วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงจากการดึงเงินคืนและการฉ้อโกงการคืนเงินรูปแบบอื่นๆ ได้ การใช้ผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงินเช่น Stripe ที่มีโซลูชันการชําระเงินที่มีระบบป้องกันในตัว เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษามาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือชั้นโดยสิ้นเปลืองทรัพยากรภายในน้อยที่สุด

  • มุ่งมั่นพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
    ตรวจสอบและอัปเดตกลยุทธ์การลดการฉ้อโกงการคืนเงินอยู่เป็นประจํา เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการพัฒนากลยุทธ์ด้านการฉ้อโกงที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขั้นตอนนี้อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบภายใน การติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการฉ้อโกงล่าสุด และการนําเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้

เมื่อใช้กลวิธีที่ซับซ้อนเหล่านี้ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงการคืนเงิน และสามารถปกป้องผลประโยชน์ทางการเงินของตนเองและลูกค้าได้ เนื่องจากไม่มีกลยุทธ์เดียวที่สามารถรับประกันการป้องกันการฉ้อโกงการคืนเงินได้อย่างสมบูรณ์ คุณจึงต้องเฝ้าระวัง ติดตามแนวโน้มการฉ้อโกงล่าสุด และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการป้องกันการฉ้อโกงและทีมงานภายในเพื่อปรับตัวให้เข้ากับกลวิธีและเทคนิคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของมิจฉาชีพ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Radar

Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

Stripe Docs เกี่ยวกับ Radar

ใช้ Stripe Radar เพื่อปกป้องธุรกิจจากการฉ้อโกง