การบันทึกบัญชีต้องมีใบเสร็จเป็นหลักฐานเสมอ นี่เป็นหลักการสําคัญสําหรับบริษัทในเยอรมนี ใบเสร็จเป็นรากฐานของการทําบัญชี บริษัทต่างๆ จะบันทึกธุรกรรมทางธุรกิจทุกรายการพร้อมใบเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นรายรับ ค่าใช้จ่าย การถอนเงิน และรายการสินค้าคงคลัง
นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 หน่วยงานด้านภาษีของเยอรมนีได้บังคับใช้ "ข้อกําหนดใบเสร็จ" ที่ระบุว่าบริษัททุกแห่งมีหน้าที่ออกใบเสร็จให้แก่ลูกค้า โดยมีข้อยกเว้นบางประการ (มาตรา 146a, วรรค 2 ของประมวลกฎหมายภาษี)
ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่าใบเสร็จคืออะไรและต้องประกอบด้วยข้อมูลอะไรบ้าง คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับใบเสร็จประเภทต่างๆ ความแตกต่างระหว่างใบเสร็จภายในและภายนอก และอื่น ๆ อีกมากมาย
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ใบเสร็จคืออะไร
- ใบเสร็จต้องมีข้อมูลใดบ้าง
- ใบเสร็จประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง
- ใบเสร็จภายในและใบเสร็จภายนอกแตกต่างกันอย่างไร
- ใบเสร็จกับใบแจ้งหนี้แตกต่างกันอย่างไร
ใบเสร็จคืออะไร
"ใบเสร็จ" เป็นคำที่ใช้เรียกเอกสารที่มีข้อมูลสําคัญเกี่ยวกับธุรกรรมและกระบวนการภายในบริษัท ใบเสร็จมีหลายประเภท ซึ่งรวมถึงใบแจ้งหนี้ใบเรียกเก็บเงิน และใบลดหนี้ คุณต้องออกใบเสร็จเสมอเมื่อสินทรัพย์ของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลง (เช่น รายรับหรือค่าใช้จ่าย) นอกจากนี้ยังต้องสร้างใบเสร็จสำหรับการเบิกสินค้าคงคลังหรือการถอนเงินของธุรกิจด้วย
ใบเสร็จมีความสําคัญเป็นพิเศษในการจัดทำเอกสาร การติดตามภาษี และการควบคุมภายในบริษัท ตามมาตรา 257 ของประมวลกฎหมายพาณิชย์ของเยอรมนี (HGB) บริษัทในเยอรมนีต้องเก็บรักษาใบเสร็จสำหรับการทำบัญชีไว้อย่างเหมาะสมเป็นระยะเวลา 10 ปี
หน้าที่ในการเก็บรักษาใบเสร็จ
ทุกบริษัทต้องจัดเก็บใบเสร็จทั้งหมดไว้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูล ตามมาตรา 6 ข้อ 3 ของคําสั่งว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยเครื่องลงทะเบียนเงินสด ทั้งใบเสร็จแบบดิจิทัลและใบเสร็จแบบกระดาษนั้นถือเป็นหลักฐานที่มีผลทางกฎหมาย บริษัทจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารดิจิทัลได้ และควรเก็บใบเสร็จนั้นไว้ในรูปแบบดั้งเดิมที่เคยจัดส่ง
Stripe ช่วยให้คุณเปลี่ยนใบเสร็จเป็นระบบดิจิทัลได้ บริษัทต่างๆ สามารถใช้ Stripe Invoicing ทำสิ่งต่างๆ เช่น สร้างใบแจ้งหนี้ดิจิทัลและส่งให้ลูกค้าได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่นาที Invoicing ช่วยให้ธุรกิจชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นธุรกรรมทั่วโลกก็ตาม ทั้งยังช่วยให้ธุรกิจปรับแต่ง ขยาย และปรับกระบวนการทําบัญชีให้เป็นอัตโนมัติได้
ใบเสร็จดิจิทัลแห่งอนาคต
ใบเสร็จแบบดิจิทัลเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นและมีข้อดีทั้งสําหรับบริษัทและผู้รับใบเสร็จดังต่อไปนี้
ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม: ใบเสร็จแบบดิจิทัลช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมกระบวนการทางธุรกิจที่ยั่งยืนเนื่องจากไม่ต้องใช้ใบเสร็จแบบกระดาษอีกต่อไป
ประหยัดค่าใช้จ่าย: ใบเสร็จแบบดิจิทัลลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ การจัดเก็บ และการจัดส่งได้อย่างมาก
การประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ: ใบเสร็จแบบดิจิทัลสามารถจัดเก็บ เก็บถาวร และค้นหาได้ง่ายกว่า จึงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทําบัญชีและการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
การบริการลูกค้าที่ดีขึ้น: ลูกค้าสามารถดูและเรียกดูใบเสร็จได้ง่ายๆ ผ่านทางอีเมลหรือพอร์ทัลลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นมิตรต่อผู้ใช้
การประมวลผลที่รวดเร็ว: บริษัทต่างๆ จะส่งใบเสร็จแบบดิจิทัลได้ทันที จึงลดเวลาในการทําธุรกรรมและช่วยให้ชําระเงินได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ใบเสร็จแบบดิจิทัลยังทำให้ธุรกิจใช้เครื่องมือต่างๆ อย่าง Stripe Revenue Recognition เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทําบัญชีแบบเกณฑ์คงค้างได้ด้วย โซลูชันของเราช่วยให้การทําบัญชีมีความถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น กําหนดค่าและปรับรายงานรายรับให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่ายๆ และตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางของมาตรฐานการรับรู้รายรับ IFRS 15 และ ASC 606
ใบเสร็จต้องมีข้อมูลใดบ้าง
เนื่องจากมีใบเสร็จหลายประเภท ข้อมูลที่จําเป็นจึงแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม คุณต้องรวมข้อมูลต่อไปนี้ไว้ในใบเสร็จเสมอ
- ชื่อและที่อยู่ของบริษัท
- หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของบริษัทที่ออกใบเสร็จ
- ชื่อกระบวนการ
- วันที่สร้าง
- ยอดเงิน
นอกจากนี้ คุณอาจต้องระบุข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เหตุผลในการรับรองสังสรรค์สำหรับใบเสร็จค่าใช้จ่ายด้านการรับรองสังสรรค์ หรือระยะไมล์เมื่อเริ่มต้นและสิ้นสุดการเดินทางในสมุดบันทึก
ใบเสร็จประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง
บริษัทต่างๆ ใช้ใบเสร็จเพื่อบันทึกธุรกรรมทางการเงินและกระบวนการภายในต่างๆ เนื่องจากประเภทของธุรกรรมและกระบวนการต่างกัน เอกสารที่ใช้บันทึกจึงแตกต่างกันไปด้วย ตัวอย่างเช่น คําว่า "ใบเสร็จ" จะหมายรวมถึงใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จการปรับคืน และข้อตกลงการเช่า ดังนั้น เนื้อหาภายในเอกสารจะแตกต่างกัน
เอกสารตัวอย่าง 4 แบบต่อไปนี้แสดงให้เห็นข้อมูลที่แตกต่างกันซึ่งต้องระบุไว้ในใบเสร็จแต่ละประเภท
ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสด
ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสดเป็นหลักฐานการซื้อผลิตภัณฑ์ และมักประกอบด้วยข้อมูล เช่น สินค้าที่ซื้อ ราคา และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสดมีบทบาททั้งในการทําบัญชีส่วนตัวและบัญชีองค์กร ลูกค้าควรเก็บใบเสร็จไว้เพื่อนําไปเบิกจ่ายหรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการรับประกัน สําหรับบริษัท ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสดเป็นหลักฐานสําคัญในการอ้างสิทธิ์ในค่าใช้จ่ายเพื่อจุดประสงค์ทางภาษีและเพื่อจัดทำเอกสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อหรือการขาย
ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสดควรประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย
- วันที่และเวลา
- รายละเอียดการบริการ รวมถึงจํานวน
- ยอดรวม
- อัตราภาษี
- หมายเลขใบแจ้งหนี้ที่เรียงตามลำดับ
- หมายเลขประจําเครื่องลงทะเบียนเงินสด
- เลขนับลายมือชื่อของระบบทะเบียนเงินสด
- ค่าทดสอบ
ใบส่งสินค้า
ใบส่งสินค้าบันทึกการส่งมอบสินค้าระหว่างซัพพลายเออร์กับลูกค้า ใบส่งสินค้ามีข้อมูลสําคัญเกี่ยวกับสินค้าที่จัดส่ง เช่น จํานวน ประเภท และคุณลักษณ์พิเศษต่างๆ และให้ภาพรวมของสินค้าที่ส่ง
บริษัทมักจะใช้ใบส่งสินค้าร่วมกับใบแจ้งหนี้เนื่องจากเอกสารทั้งคู่เป็นหลักฐานยืนยันว่าสินค้าส่งมาถึงตามที่สั่งแล้ว ซึ่งมีความสําคัญอย่างยิ่งสำหรับระบบโลจิสติกส์ทางธุรกิจในการติดตามคําสั่งซื้อและการจัดส่ง
ใบส่งสินค้าควรประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ขายและลูกค้า
- วันที่ออก
- วันที่นําส่ง
- รายละเอียดการบริการ รวมถึงจํานวน
- ลายเซ็นหรือตราประทับของลูกค้า (เพื่อยืนยันการรับสินค้า ถ้าเป็นไปได้)
ใบลดหนี้
ใบลดหนี้คือเอกสารสำคัญที่บริษัทใช้เพื่อคืนเงินหรือชดเชยให้กับลูกค้า บริษัทต่างๆ จะออกใบลดหนี้เมื่อจําเป็นต้องคืนเงิน มอบส่วนลด หรือแก้ไขยอดในใบแจ้งหนี้ต้นฉบับ
โดยปกติแล้วใบลดหนี้จะแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ข้อมูลระบุของใบลดหนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ
- หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม
- วันที่สร้าง
- หมายเลขใบแจ้งหนี้ที่เรียงตามลำดับ
- รายละเอียดบริการ
- อัตราภาษี
- ยอดรวม
รายการสินค้าคงคลัง
รายการสินค้าคงคลังคือรายการสินค้า วัสดุ และสินทรัพย์ทั้งหมดที่บริษัทเป็นเจ้าของ ณ เวลาหนึ่งๆ บริษัทจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อบันทึกสินค้าคงคลังปัจจุบันและประเมินมูลค่าจริงของสินค้าคงคลัง
รายการสินค้าคงคลังมักจะประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
- คําอธิบายรายการที่ไม่ซ้ำกัน
- หมายเลขรายการ
- หน่วยวัด
- จํานวนชิ้น
- สถานที่จัดเก็บ
ใบเสร็จภายในและใบเสร็จภายนอกแตกต่างกันอย่างไร
ใบเสร็จภายใน
ใบเสร็จภายในมาจากภายในบริษัทและบันทึกข้อมูลของกระบวนการภายใน ตัวอย่างเช่น สลิปการชําระเงินหรือสลิปการเบิกวัสดุ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ใบเสร็จภายในในกรณีที่ไม่มีใบเสร็จภายนอกด้วย
ใบเสร็จภายในมักจะมีความสําคัญอย่างมากต่อการควบคุมภายในและการบริหารธุรกิจเนื่องจากทําให้กระบวนการภายในสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทั้งยังใช้เป็นพื้นฐานในการทําบัญชีและการประสานงานภายในของธุรกรรมทางธุรกิจด้วย
ใบเสร็จภายใน ได้แก่
- ใบแจ้งหนี้ขาออก
- ใบเสร็จการถอนเงิน
- รายการสินค้าคงคลัง
- บัญชีเงินเดือน
- สมุดเงินสด
- บันทึกข้อมูล
- ใบเสร็จการปรับคืน
- ใบเสร็จค่าเสื่อมราคา
- ใบเสร็จ
- ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสด
ใบเสร็จภายนอก
ในทางตรงกันข้าม ใบเสร็จภายนอกจะมาจากภายนอกบริษัทและบันทึกข้อมูลธุรกรรมที่บริษัททำกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจภายนอก เช่น ซัพพลายเออร์หรือลูกค้า ตัวอย่างที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ ใบแจ้งหนี้ ใบเรียกเก็บเงิน หรือใบแจ้งยอดธนาคาร
ใบเสร็จภายนอกมีความสําคัญต่อการทำบัญชีเนื่องจากเป็นการบันทึกข้อมูลการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ และกฎหมายกําหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องใช้ใบเสร็จดังกล่าวเพื่อให้สามารถติดตามข้อมูลภาษีได้ ใบเสร็จภายในมักจะเกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น แต่ใบเสร็จภายนอกจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการสื่อสารกับหน่วยงานภายนอก เช่น สํานักงานภาษีหรือซัพพลายเออร์
ใบเสร็จภายนอก ได้แก่
- ใบแจ้งหนี้ขาเข้า
- ใบส่งสินค้าสําหรับสินค้าขาเข้า
- รายการเดินบัญชีธนาคาร
- สัญญาการเช่า
- ใบรับรองการส่งไปรษณีย์
- เช็ค
- ใบเสร็จการบริการ
- เอกสารประเมินภาษี
- ใบเสร็จ
- ใบเสร็จจากเครื่องลงทะเบียนเงินสด
ใบเสร็จฉุกเฉิน: ใช้เฉพาะในกรณีพิเศษ
นอกจากใบเสร็จภายในและภายนอกแล้ว ยังมี "ใบเสร็จฉุกเฉิน" หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ใบเสร็จทดแทน" บริษัทต่างๆ สามารถสร้างใบเสร็จเหล่านี้ได้หากหาใบเสร็จต้นฉบับไม่เจอ หรือหากรายการนั้นไม่มีใบเสร็จ (เช่น ทิปหรือการชำระเงินจากเครื่องรับจ่ายเงินอัตโนมัติ [ATM]) การสร้างใบเสร็จฉุกเฉินไม่ส่งผลเสียใดๆ สําหรับยอดขั้นต้นไม่เกิน 250 ยูโร
อย่างไรก็ตาม โปรดใช้ใบเสร็จประเภทนี้ด้วยความระมัดระวัง เพราะหากคุณนำมาใช้แทนใบเสร็จต้นฉบับบ่อยๆ อาจทําให้เกิดปัญหากับสํานักงานภาษีได้
ใบเสร็จกับใบแจ้งหนี้แตกต่างกันอย่างไร
ข้อแตกต่างระหว่างใบแจ้งหนี้กับใบเสร็จอยู่ในคําจํากัดความ หน้าที่ และขอบเขตการนำไปใช้ในการทําบัญชี แม้เอกสารทั้งคู่จะบันทึกกระบวนการและเป็นหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างที่สําคัญในแง่ของความสำคัญทางกฎหมาย โครงสร้าง และบทบาทในการทำบัญชี
ใบแจ้งหนี้
ใบแจ้งหนี้ถือเป็นใบเสร็จรูปแบบพิเศษ และสร้างขึ้นมาเพื่อขอให้ชําระเงินเมื่อมีการจัดหาสินค้าหรือบริการ เมื่อเปรียบเทียบกับใบเสร็จทั่วไป ใบแจ้งหนี้จะเป็นไปตามข้อกําหนดในแง่ของเนื้อหาและรูปแบบ ทั้งนี้เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายและถูกต้องตามข้อกําหนดทางกฎหมายด้านการทําบัญชี
ข้อมูลที่ต้องระบุในใบแจ้งหนี้และใบเสร็จจะแตกต่างกัน โดยใบแจ้งหนี้ต้องระบุข้อมูลบังคับที่เข้มงวดกว่าอย่างมาก นอกจากนี้ ใบแจ้งหนี้ยังทำหน้าที่นำเสนอบริการอย่างชัดเจน รวมทั้งแสดงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแตกต่างจากใบเสร็จ
ใบแจ้งหนี้ที่ออกอย่างถูกต้องจะเป็นเอกสารสําหรับการเรียกเก็บเงินระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ถือเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการทำธุรกรรมทางธุรกิจ และมีความสําคัญต่อการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์และข้อกําหนด
ใบเสร็จ
ในทางกลับกันใบเสร็จมีความสําคัญอย่างยิ่งในการบันทึกข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของบริษัทอย่างถูกต้องและสามารถใช้พิสูจน์ธุรกรรมทางธุรกิจทั้งหมดได้อย่างเหมาะสม ใบเสร็จช่วยยืนยันการชําระเงินและทําหน้าที่เป็นข้อมูลพื้นฐานในการทําบัญชี อีกทั้งยังช่วยสร้างความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับของขั้นตอนทางการเงินด้วย
ใบเสร็จเป็นข้อกําหนดพื้นฐานสําหรับการขอหักภาษีซื้อ สําหรับยอดเงินจำนวนน้อย แค่ส่งใบเสร็จให้สํานักงานภาษีก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งใบกํากับภาษี หากใบเสร็จมีข้อมูลทั้งหมดที่กำหนดไว้สำหรับใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จก็สามารถใช้ทดแทนใบแจ้งหนี้ได้
ผู้รับเงินจะต้องลงนามในใบเสร็จเสมอ หากคุณระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ว่าลูกค้าได้ชําระเงินแล้ว ใบแจ้งหนี้จะกลายเป็นหลักฐานการชําระเงิน และดังนั้นจึงเป็นใบเสร็จในตัว
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ