การชำระเงินในกรีซ: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สถานะของตลาด
  3. วิธีการชำระเงิน
    1. การใช้งาน
    2. แนวโน้ม
  4. ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
    1. ภาษี
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
    3. การชำระเงินระหว่างประเทศ
    4. การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  5. ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
  6. ประเด็นสำคัญ
    1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินที่นิยมในแต่ละพื้นที่
    2. ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
    3. ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอันรัดกุม

กรีซซึ่งเป็นประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและเป็นประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ใช้วิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมและแบบใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ในอดีตประเทศต้องพึ่งพาธุรกรรมเงินสดเป็นอย่างมาก แต่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นธนาคารกลางยุโรป (ECB) รายงานว่าสัดส่วนของการชำระเงินสดด้วยระบบบันทึกการขาย (POS) ในกรีซลดลงจาก 88% ในปี 2017 เหลือ 62% ในปี 2022 ในขณะเดียวกัน การปรับใช้ระบบดิจิทัลก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 มีบัตรเดบิตหมุนเวียนมากกว่า 15 ล้านใบ ในประเทศที่มีประชากรไม่ถึง 11 ล้านคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเลือกการชำระเงินของลูกค้าชาวกรีกอย่างชัดเจน

มาตรการสิ่งจูงใจของรัฐบาลกรีซมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันความโปร่งใสและลดการเลี่ยงภาษี การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ยังช่วยให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีแก่ลูกค้าได้ ซึ่งเป็นนโยบายที่มีส่วนทำให้ผู้คนเริ่มสบายใจกับการทำธุรกรรมดิจิทัลมากขึ้น แต่ประเด็นด้านความเชื่อมั่นยังคงเป็นสิ่งท้าทายอยู่ หลังเกิดวิกฤตการเงิน ความไว้วางใจที่สาธารณชนมีต่อระบบธนาคารและกลไกดิจิทัลก็ได้ลดลง ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมลูกค้ามาจนกระทั่งในปัจจุบัน ด้านล่างนี้เราจะกล่าวถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าสู่ตลาดการชำระเงินของกรีซ โดยประกอบด้วยดังนี้

  • การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินที่นิยมในแต่ละพื้นที่
  • การปฏิบัติตามข้อกำหนด:
  • การใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอันรัดกุม

สถานะของตลาด

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีส่วนทำให้การเลือกใช้การชำระเงินเปลี่ยนแปลงได้ แรงผลักดันอย่างหนึ่งคือการใช้เทอร์มินัล POS เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ พื้นที่จำนวนเทอร์มินัล POS เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าในช่วงปี 2015 ถึง 2018 โดยในปี 2018 มีเทอร์มินัลที่ใช้งานมากกว่า 690,000 เทอร์มินัล การพัฒนาเทคโนโลยีแบบไร้สัมผัสก็มีส่วนช่วยทำให้ขั้นตอนการชำระเงินมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้โมบายแบงก์กิ้งและการชำระเงินก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารรายใหญ่ของกรีซหลายแห่งก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มและแอปดิจิทัลต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ประชากรผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูกค้าเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ข้อมูลของ ECB เผยว่าในปี 2022 มีลูกค้าชาวกรีซเพียง 24% เท่านั้นที่ระบุว่าพวกเขาเลือกที่จะชำระเงินเป็นเงินสดอยู่ ลูกค้ากลุ่มนี้ยังคงพึ่งพาเงินสดในการทำธุรกรรมขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดท้องถิ่นและในหมู่ประชากรบางกลุ่ม แต่กลุ่มประชากรที่เพิ่มมากขึ้นเริ่มหันมาใช้วิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในการซื้อสินค้ามูลค่าสูงและในเขตเมือง

ธนาคารแห่งชาติกรีซมีบทบาทในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสั่งใช้นโยบายการเงิน และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนแห่งกรีซ (Hellenic Capital Market Commission) ทำหน้าที่กำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์เพื่อคุ้มครองนักลงทุนและสร้างความโปร่งใสในตลาด ทั้งสองหน่วยงานดำเนินงานภายใต้การกำกับของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังแห่งชาติ ซึ่งดูแลเรื่องกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจและนโยบายการคลังของประเทศ ในฐานะที่กรีซเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ประเทศจึงต้องปฏิบัติตามแนวทางระดับภูมิภาคของสหภาพยุโรปที่มีขอบเขตกว้างขวางขึ้นด้วย โดยข้อกำหนดเขตพื้นที่การชำระเงินที่ใช้สกุลเงินยูโร (SEPA) และข้อบังคับทั่วไปด้านการคุ้มครองข้อมูล (GDPR)

วิธีการชำระเงิน

แม้ว่าลูกค้าชาวกรีกจะชอบใช้วิธีการชำระเงินในท้องถิ่น แต่พวกเขาก็ใช้วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมในระดับสากลอยู่เป็นประจำ

การใช้งาน

ในกรีซ ธุรกรรมเงินสดเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอดีต โดย ECB รายงานว่าในปี 2022 ราว 62% ของการทำธุรกรรมที่จุดขาย (POS) ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยใช้เงินสด แม้ว่าสถานการณ์นี้จะเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าลูกค้ากรีซจำนวนมากรู้สึกสบายใจกับการชำระเงินด้วยเงินสด การรองรับความชอบนี้โดยการเสนอตัวเลือกการเก็บเงินสดปลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าส่วนสำคัญได้

การชำระเงินแบบไร้สัมผัสกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากกว่าและเน้นเรื่องความรวดเร็ว แนวโน้มนี้ยังสนับสนุนให้ลดการพกกระเป๋าเงินจริง การชำระเงินแบบไม่สัมผัสทั้งสะดวกและรวดเร็ว จึงทำให้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการซื้อสินค้าขนาดเล็กในประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นที่ซูเปอร์มาร์เก็ต คาเฟ่ หรือคีออสก์

การเติบโตของการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในกรีซสะท้อนถึงแนวโน้มทั่วโลก แต่ปัจจัยท้องถิ่นเป็นตัวเร่งให้เกิดการยอมรับมากขึ้น ในหมู่ลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มประชากรรุ่นใหม่ มักใช้การชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารท้องถิ่น ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือใช้กับเพื่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของเทคโนโลยีและเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่สำหรับการทำธุรกรรมมูลค่าสูง ผู้คนจำนวนมากในกรีซยังคงเลือกใช้วิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมอยู่

บัตรเครดิตเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับในกรีซ โดยเฉพาะในเขตเมืองและแหล่งท่องเที่ยว แม้ว่าสถานประกอบการขนาดเล็กหรือร้านอาหารพื้นเมืองบางแห่งจะเคยรับเฉพาะเงินสด แต่ปัจจุบันหลายแห่งก็เริ่มปรับใช้ระบบการชำระเงินด้วยบัตรแล้ว การก้าวผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลบวกกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ยังช่วยกระตุ้นการช้อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย และยังทำให้การชำระเงินผ่านบัตรออนไลน์เติบโตตามไปด้วย

วิธีการชำระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในกรีซ

วิธีการชำระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในกรีซ

  • การโอนเงินผ่านธนาคาร (เช่น การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA)
  • บัตรเครดิต

แนวโน้ม

เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน กรีซปรับตัวเข้าสู่การธนาคารแบบดิจิทัลและโซลูชันการชำระเงินออนไลน์ได้ช้ากว่า กระทรวงพัฒนารัฐบาลดิจิทัลถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2011 เพื่อช่วยให้กรีซก้าวทันโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงฯ ก็ได้เร่งผลักดันการให้บริการภาครัฐทางออนไลน์ แม้จะยังมีความท้าทายอยู่เพราะประชาชนจำนวนมากยังขาดความรู้ด้านดิจิทัล แต่การลงทุนด้านการเปลี่ยนผ่านเป็นดิจิทัลก็ถือเป็นแนวโน้มทางบวกที่น่าจับตามอง

การนำโซลูชันฟินเทคมาปรับใช้ในกรีซมีอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยสตาร์ทอัพและสถาบันที่จัดตั้งขึ้นต่างกำลังสำรวจช่องทางดิจิทัลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งความสนใจในระดับนี้ก็ใกล้เคียงกับประเทศต่างๆ อย่างเอสโตเนียและลิทัวเนีย ซึ่งขึ้นชื่อด้านแวดวงฟินเทคที่มีชีวิตชีวาและโซลูชันที่ล้ำสมัย

ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด

ในขณะที่คุณวางแผนการเข้าสู่ตลาดสำหรับกรีซ ให้ศึกษาผลกระทบด้านภาษีและกระบวนการของการโต้แย้งและการดึงเงินคืน

ภาษี

สำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่จะมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)ในกรีซคือ 24% สำหรับสินค้าที่เป็นอาหารส่วนใหญ่จะมีอัตราที่ลดลงคือ 13% และสำหรับยาบางชนิดจะมีอัตรา 6% ลูกค้าจะชำระค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในราคาสุดท้ายของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ในขณะที่ธุรกิจจะทำการเก็บและนำส่งภาษีให้แก่รัฐบาล ความผิดพลาดหรือการประพฤติมิชอบอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่างๆ ได้ เช่น มีการตรวจสอบและการปรับ

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน

แนวทางของกรีซต่อการจัดการ การดึงเงินคืน และการโต้แย้งการชำระเงินได้เป็นไปตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปและกฎเกณฑ์ด้านการค้าภายในประเทศ ธุรกิจที่ดำเนินงานในตลาดกรีซควรติดตามความเคลื่อนไหวของกฎระเบียบต่างๆ ทั้งในระดับยุโรปและท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าเพื่อลดข้อโต้แย้ง เพราะการทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันอย่างต่อเนื่องและการจัดการเชิงรุกนั้นก็คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

กรีซยึดมั่นในข้อตกลง คำสั่งด้านบริการการชำระเงิน (PSD2) ฉบับปรับปรุง ซึ่งเน้นการตรวจสอบสิทธิ์ของลูกค้า ข้อกำหนดนี้มักมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขข้อโต้แย้ง เพราะธุรกรรมที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ตาม PSD2 จะมีระดับการตรวจสอบความถูกต้องที่สูงกว่า ทำให้สามารถปกป้องธุรกรรมไม่ให้มีการดึงเงินคืนได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้กรีซยังปฏิบัติตามข้อบังคับของ SEPA ว่าด้วยการดึงเงินคืนที่เกี่ยวข้องกับการหักบัญชีอัตโนมัติ ภายใต้แนวทางเหล่านี้ ลูกค้ามีสิทธิ์ได้รับคืนเงินสำหรับธุรกรรมการหักบัญชีอัตโนมัติใดๆ หากส่งคำขอภายในแปดสัปดาห์

เนื่องจากการดึงเงินคืนและข้อพิพาทในกรีซจะเน้นดำเนินการกับผู้บริโภค ธุรกิจหลายแห่งจึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่มาตรการเชิงป้องกัน เช่น การใช้การสื่อสารที่ชัดเจนกับลูกค้า การเก็บบันทึกธุรกรรมอย่างละเอียด และการใช้ระบบตรวจสอบธุรกรรมขั้นสูงเพื่อลดข้อข้อโต้แย้ง นอกจากนี้ การทำงานร่วมอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการชำระเงินยังช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือที่จำเป็นในการจัดการและลดเหตุการณ์การดึงเงินคืนได้อีกด้วย

การชำระเงินระหว่างประเทศ

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตพื้นที่ยูโร กรีซใช้เงินยูโรเป็นสกุลเงินอย่างทางการของประเทศ แต่ธุรกิจก็ควรเตรียมพร้อมสำหรับปัจจัยบางประการเกี่ยวกับการชำระเงินระหว่างประเทศในประเทศด้วย โดยวิธีการชำระเงินระหว่างประเทศในกรีซมีดังนี้

  • การแปลงสกุลเงิน: กรีซเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในยุโรป นักเดินทางจากนอกภูมิภาคมักจะแปลงสกุลเงินของตนเป็นยูโร โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการนี้มักเกิดขึ้นผ่านสถาบันการเงิน สำนักงานแลกเปลี่ยนเงิน และตู้เอทีเอ็ม แม้ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนในร้านเหล่านี้อาจแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 1% ถึง 3% ของยอดธุรกรรม บางร้านคิดค่าบริการแบบคงที่ ซึ่งมักอยู่ระหว่าง 3 ถึง 7 ยูโรเป็นค่าบริการแลกเปลี่ยน ตู้เอทีเอ็ม ในกรีซบางแห่งยังให้บริการถอนเงินสกุลต่างประเทศโดยมีค่าธรรมเนียมบริการระหว่าง 1.50 ถึง 4 ยูโรต่อธุรกรรม นอกจากนี้ ประเทศยังมีบริการแปลงสกุลเงินของบริษัทภายนอกยอดนิยมอีกด้วย เช่น Viva Wallet, Wise (เดิมคือ TransferWise) และบริการครบวงจรจาก Piraeus Bank ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของกรีซ

  • พันธมิตรทางการค้าและความสัมพันธ์ทางการเงิน: เยอรมนี อิตาลี และไซปรัสต่างเป็นคู่ค้ารายสำคัญของกรีซ เยอรมนีเป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ เช่น เครื่องจักร ยานพาหนะ และผลิตภัณฑ์เคมี อิตาลีและกรีซมีการค้าร่วมกันในปริมาณสูง โดยเฉพาะสินค้าเช่น เชื้อเพลิงแร่ เครื่องจักร และยา ระหว่างกรีซและไซปรัสนั้น นอกจากจะมีความผูกพันทางวัฒนธรรมร่วมกันแล้ว ยังความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งอีกด้วย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์การขนส่ง และสินค้าที่ผลิตขึ้น ความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นเหล่านี้ทำให้จำเป็นต้องมีระบบการรับชำระเงินที่มีประสิทธิภาพระหว่างกรีซและคู่ค้ารายต่างๆ

  • รองรับหลายสกุลเงิน: ธุรกิจในกรีซที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้เริ่มนำความสามารถการรองรับหลายสกุลเงินมาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่รองรับลูกค้าทางไกลจากต่างประเทศ ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถดูราคาและชำระเงินในสกุลเงินที่ตนต้องการได้ โดยอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินถูกกำหนดตาม POS ของธุรกรรมนั้นๆ และมักมีค่าธรรมเนียม ซึ่งมีแนวโน้มอยู่ที่ 1% ถึง 3% ธุรกิจหรือลูกค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้หรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์

การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

เนื่องจากวิกฤตการเงินในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กรีซจึงได้เน้นด้านความโปร่งใส การคุ้มครองข้อมูล และโปรโตคอลความปลอดภัย ในขณะที่มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การดำเนินธุรกิจสำหรับองค์กรทั้งในและต่างประเทศ โดยตัวอย่างปัจจัยมีดังนี้

  • กฎหมายการคุ้มครองข้อมูล: กฎหมายระดับแนวหน้าของการคุ้มครองข้อมูลในกรีซคือ GDPR โดยกฎหมายนี้มีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อรับรองความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โดยให้บุคคลได้มีสิทธิส่วนบุคคลในข้อมูลของตนเอง ซึ่งรวมถึงการเข้าถึง การแก้ไข และสิทธิ์ในการส่งคำขอเพื่อลบ ซึ่งก็คือ "สิทธิที่จะถูกลืม"

  • ธนาคารแห่งชาติกรีซ: ธนาคารแห่งชาติกรีซจะควบคุมและดูแลสถาบันการชำระเงินและเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะกำหนดมาตรฐานสำหรับการจัดตั้งสถาบันเหล่านี้ เพื่อให้สถาบันปฏิบัติตามตามข้อกำหนดด้านเงินทุนและรักษาขั้นตอนการปฏิบัติงานที่โปร่งใสไว้ได้ ธนาคารแห่งชาติจะดำเนินการตรวจสอบและตรวจตราอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สถาบันต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้

  • การป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการต่อต้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย (CTF): เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรป กรีซปฏิบัติตามคำสั่ง AML และ CTF กฎระเบียบเหล่านี้กำหนดให้สถาบันการเงินต้องใช้การตรวจสอบข้อมูลที่ครบวงจร เฝ้าติดตามธุรกรรม และรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย ความมุ่งมั่นนี้ช่วยเสริมสร้าง ชื่อเสียงระดับนานาชาติของกรีซ และสร้างความสัมพันธ์กับตลาดการเงินอื่นๆ ได้

  • หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของกรีก: เป็นหน่วยงานอิสระที่คอยดูแลการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลในประเทศ มีอำนาจในการตรวจสอบการละเมิด กำหนดบทลงโทษทางปกครอง และคุ้มครองสิทธิ์ในข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน

ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ

แม้ว่ากรีซจะปรับปรุงระบบการชำระเงินให้ทันสมัยขึ้น แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายที่มีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ พฤติกรรมลูกค้า และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ การตระหนักถึงและการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ดำเนินงานภายในหรือดำเนินงานกับกรีซ ข้อควรพิจารณาบางประการที่ควรคำนึงไว้ในขณะที่วางแผนการเข้าสู่ตลาดของคุณมีดังนี้

  • การนำการชำระเงินดิจิทัลมาปรับใช้ในอัตราที่ช้ากว่า: แม้ว่าหลายประเทศในยุโรปจะนำวิธีการชำระเงินดิจิทัลมาใช้อย่างรวดเร็ว แต่กรีซยังคงมีความระมัดระวังอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ ECB ระบุว่ากว่า 50% ของประชากรต้องการชำระเงินด้วยบัตรหรือวิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดอื่นๆ ตัวเลือกทั้งสองแบบนี้ก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดความซับซ้อนของวิธีการทำธุรกรรม

  • ผลกระทบระยะยาวจากวิกฤตการเงิน: วิกฤตการเงินกรีซยังคงส่งผลกระทบต่อระบบธนาคารอย่างต่อเนื่องตลอดมา ความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินลดลง ซึ่งส่งผลต่อระบบการชำระเงิน ลูกค้าอาจระมัดระวังกับวิธีการใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย และมักเลือกใช้วิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมมากกว่า

  • การพึ่งพาเงินสด: แม้กรีซจะมีความก้าวหน้าในด้านการชำระเงินดิจิทัล แต่เงินสดก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในกรีซอยู่ การพึ่งพาสกุลเงินสดอย่างหนักนี้ก็ได้สร้างความท้าทายด้านการดำเนินงานให้แก่ธุรกิจที่ต้องการลดความซับซ้อนของกระบวนการชำระเงิน หรือต้องการรวมระบบกับแพลตฟอร์มระหว่างประเทศที่รองรับการทำธุรกรรมดิจิทัล

  • การชำระเงินระหว่างประเทศ: แม้ว่า SEPA จะลดความซับซ้อนในการทำธุรกรรมภายในสหภาพยุโรปไปได้ แต่การชำระเงินนอกพรมแดนสหภาพยุโรปก็ยังมีความท้าทายอยู่ ธุรกิจมักประสบปัญหาต่างๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ไม่เหมือนกัน และค่าธรรมเนียมธุรกรรมเพิ่มเติม

ประเด็นสำคัญ

การตระหนักถึงบริบทเฉพาะของระบบการชำระเงินในกรีซ พร้อมกับปรับตัวตามแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลง จะเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงกระบวนการชำระเงินของลูกค้าได้ ข้อสรุปสำคัญเกี่ยวกับการชำระเงินในกรีซมีดังนี้

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินที่นิยมในแต่ละพื้นที่

  • ใช้การชำระเงินแบบดิจิทัลและอุปกรณ์เคลื่อนที่: แม้ว่ายังคงใช้เงินสดอย่างแพร่หลาย แต่การนำการชำระเงินดิจิทัลมาปรับใช้ก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน การผสานรวมวิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เช่น บัตรเครดิตและกระเป๋าเงินดิจิทัล จะช่วยตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่กำลังเติบโตนี้ได้

  • จัดการข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการชำระเงินด้วยบัตร: เมื่อการชำระเงินด้วยบัตรและการชำระเงินออนไลน์เพิ่มขึ้น ยิ่งให้ความสำคัญกับการจัดการข้อโต้แย้งเกี่ยวกับธุรกรรมมากขึ้น แม้เปอร์เซ็นต์ข้อโต้แย้งอาจดูน้อย แต่เมื่อนับรวมปริมาณธุรกรรมจำนวนมากก็ถือว่าสูงมาก การจัดการข้อโต้แย้งเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีระบบเก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งก็จะยิ่งเพิ่มความซับซ้อนของการดำเนินงานของธุรกิจขึ้นไปอีก

  • การปรับอินเทอร์เฟซการชำระเงินให้เข้ากับท้องถิ่น: แม้ว่าชาวกรีกจำนวนมากจะพูดภาษาอังกฤษ แต่การให้บริการอินเทอร์เฟซการชำระเงินในภาษากรีกสามารถทำให้การประมวลผลการชำระเงินรู้สึกใช้งานง่ายและเป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น การปรับให้เข้ากับท้องถิ่นไม่ได้หมายถึงแค่การแปลภาษา แต่รวมถึงการผสมผสานความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมและลักษณะเฉพาะของภูมิภาค เพื่อให้กระบวนการทำธุรกรรมสัมพันธ์กับผู้ใช้มากขึ้น

ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

  • ปฏิบัติตาม GDPR: ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป กรีซปฏิบัติตามข้อบังคับของสหภาพยุโรปรวมถึง GDPR ซึ่งการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการคุ้มครองข้อมูลที่เข้มงวดนี้จำเป็นต้องให้ธุรกิจต้องลงทุนอย่างมากกับโครงสร้างพื้นฐาน ความท้าทายนี้จะมีความเด่นชัดเป็นพิเศษสำหรับแพลตฟอร์มการชำระเงิน เนื่องจากข้อมูลการเงินถือว่าเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดอาจส่งผลให้ถูกปรับเป็นเงินจำนวนมากถึง 20 ล้านยูโร หรือสูงสุด 4% ของรายได้รวมทั่วโลกต่อปีของธุรกิจ

  • เข้าใจบทบาทของ SEPA: ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตพื้นที่ยูโร กรีซมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับประเทศยุโรปอื่นๆ ผ่าน SEPA ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนเงินสกุลยูโร การเชื่อมโยงนี้ทำให้กรีซได้ใกล้ชิดกับประเทศอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์มากขึ้น ช่วยให้การทำธุรกรรมและการค้าข้ามพรมแดนดำเนินได้อย่างราบรื่นขึ้น

  • ตระหนักถึงความซับซ้อนข้ามพรมแดน: แม้ว่า SEPA จะลดความซับซ้อนในการชำระเงินภายในสหภาพยุโรปลงได้ แต่ธุรกิจควรตระหนักถึงความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมนอกสหภาพยุโรป เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน โดยโซลูชันที่มีการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์สามารถทำให้ธุรกรรมเหล่านี้โปร่งใสมากขึ้นสำหรับลูกค้า

ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอันรัดกุม

  • ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA): PSD2 กำหนดให้ผู้ให้บริการชำระเงินในกรีซต้องปรับใช้ SCA ซึ่งกำหนดว่าการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้องผ่านการยืนยันตัวตนอย่างน้อย 2 ใน 3 วิธี ได้แก่ สิ่งที่ลูกค้ารู้ สิ่งที่ลูกค้ามี และสิ่งที่ลูกค้าเป็น

  • เข้าใจบทบาทของผู้ให้บริการชำระเงิน: ธุรกิจที่ดำเนินงานในภาคการชำระเงินมักจะปฏิบัติตามและมักดำเนินการเกินกว่าข้อกำหนดด้านกฎระเบียบพื้นฐาน การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจะทำให้พวกเขาสามารถตรวจจับรูปแบบที่ผิดปกติได้ เพื่อปกป้องทั้งธุรกิจและลูกค้าจากการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น

  • สร้างความเชื่อมั่นด้วยความปลอดภัยไซเบอร์: หลังจากเหตุการณ์วิกฤตการเงิน ความเชื่อมั่นต่อธนาคารและการทำธุรกรรมดิจิทัลก็ลดลง การใช้เกตเวย์ชำระเงินที่มีชื่อเสียงในกรีซสามารถช่วยอุดช่องว่างด้านความเชื่อมั่นนี้ได้ การแสดงใบรับรองความปลอดภัยและใช้ผู้ให้บริการชำระเงินที่เป็นที่รู้จักยังช่วยบรรเทาความกังวลของลูกค้าได้อีกด้วย

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe