สตาร์ทอัพในเยอรมนีกว่า 38% ได้รับเงินทุนจากภายนอกอยู่แล้ว และประมาณ 24% ตั้งใจจะหาแหล่งเงินทุนจากนักลงทุนในอนาคตเพื่อเร่งการเติบโต อย่างไรก็ตาม การหานักลงทุนมักเป็นความท้าทายสำหรับผู้ก่อตั้งในเยอรมนี

ในบทความนี้ เราจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเลือกทางการเงินที่มีให้สำหรับสตาร์ทอัพในเยอรมนี รวมถึงวิธีที่คุณสามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ นอกจากนี้เรายังตรวจสอบช่องทางที่ใช้ในการระบุนักลงทุนและอธิบายวิธีการเตรียมตัวและนำเสนออย่างมืออาชีพด้วย

เนื้อหาหลักในบทความ

• สตาร์ทอัพในเยอรมนีมีตัวเลือกทางการเงินใดบ้าง
  
• วิธีเลือกแหล่งเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพของคุณ
  
• วิธีหานักลงทุน
  
• วิธีเตรียมการเสนอขายให้กับนักลงทุน
  
• วิธีสร้างภาพลักษณ์ที่ดูเป็นมืออาชีพระหว่างการนำเสนอ
  

สตาร์ทอัพในเยอรมนีมีตัวเลือกทางการเงินใดบ้าง

ข้อมูลจาก German Startup Monitor พบว่า 3 ใน 4 ของสตาร์ทอัพที่สำรวจในปี 2024 ตั้งใจที่จะแสวงหาเงินทุนภายใน 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากธุรกิจใหม่ต้องการเงินทุนจำนวนมาก ตัวเลือกการจัดหาเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพจึงมีความสำคัญ ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีหลักๆ ที่คุณสามารถใช้ในการหาเงินทุนได้

ทุนจดทะเบียน

ผู้ก่อตั้งสามารถจัดหาเงินทุนให้กับสตาร์ทอัพโดยใช้สินทรัพย์ของตนได้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า "การบูตสแตรป" อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกนี้กำหนดให้คุณต้องมีเงินออมส่วนตัวเพียงพอ หรือสามารถยืมเงินจากเพื่อนและครอบครัวได้ อีกทางหนึ่ง คุณสามารถทำธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ที่จะนำแรงงานและความเชี่ยวชาญมาสู่กิจการใหม่ของคุณได้

เงินทุนจากนักลงทุน

หากคุณมีทรัพยากรทางการเงินส่วนบุคคลไม่เพียงพอ อีกทางเลือกหนึ่งคือการจัดหาเงินทุนให้กับธุรกิจใหม่ผ่านเงินทุนจากนักลงทุน การหานักลงทุนสำหรับสตาร์ทอัพต้องใช้แนวคิดทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือและแผนธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผู้ที่มีโอกาสจะมาเป็นผู้ให้เงินทุนมักมองหาแนวคิดที่มีโอกาสในการเติบโต โมเดลธุรกิจที่ชัดเจน และทีมผู้ก่อตั้งที่มีส่วนร่วม

วิธีหนึ่งในการหานักลงทุนคือการเข้าร่วมงานกิจกรรมเสนอขายหรือการแข่งขันสตาร์ทอัพ แพลตฟอร์มและเครือข่ายออนไลน์เฉพาะทางยังเปิดโอกาสให้ค้นหาเงินทุนภายนอกได้โดยตรงด้วย นอกจากนี้ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการหานักลงทุนอาจขึ้นอยู่กับระยะของบริษัทด้วย ตัวอย่างเช่น นักลงทุนอิสระมักจะลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ โดยนำเงินทุน ความรู้ และเครือข่ายของตนมาด้วย ในทางตรงกันข้าม บริษัทร่วมลงทุน (VC) จะเน้นลงทุนกับธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและเสนอเงินทุนจำนวนมาก

การจัดหาเงินทุนล่วงหน้า

ตัวเลือกที่สามสำหรับการจัดหาเงินทุนนั้นมาจากผู้ให้บริการเฉพาะทาง นั่นคือ การจัดหาเงินทุนล่วงหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วในการได้มาซึ่งเงินทุน โดยอ้างอิงจากยอดขายปัจจุบันของบริษัทและรายรับที่คาดการณ์ไว้ เช่น Stripe Capital เสนอการจัดหาเงินทุนที่เชื่อมโยงการคืนเงินกับรายได้ ยิ่งคุณมีผลกำไรน้อย คุณก็ยิ่งจ่ายคืนน้อยลง โดย Capital ทำให้ผู้ประกอบการสามารถรับสินเชื่อหรือการจ่ายเงินสดล่วงหน้าให้กับผู้ค้าได้ภายในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องมีขั้นตอนการสมัครที่ยาวนานเหมือนการขอสินเชื่อ

สินเชื่อจากธนาคาร

ผู้ก่อตั้งบางรายมองหาเงินทุนจากธนาคารเพื่อใช้ในการจัดตั้งธุรกิจ การขอสินเชื่อจากธนาคารจำเป็นต้องมีเครดิตที่ดีและแผนธุรกิจที่น่าเชื่อถือ จากนั้นธนาคารจะตรวจสอบว่าผู้ขอสินเชื่อมีเครดิตดีหรือไม่ และประเมินศักยภาพของแนวคิดธุรกิจของผู้ขอ

เงินสนับสนุนจากภาครัฐ

ในเยอรมนี มีสินเชื่อจากธนาคารและหน่วยงานระดมทุนสาธารณะให้บริการ ตัวอย่างเช่น ผู้ก่อตั้งสามารถสมัครขอสินเชื่อโปรโมชันจากสถาบันสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู (KfW) หรือธนาคารเพื่อการลงทุนระดับรัฐ สถาบันเหล่านี้มีโครงการเงินสนับสนุนพิเศษและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่มุ่งช่วยเหลือผู้ก่อตั้งและบริษัทหน้าใหม่โดยเฉพาะในด้านการจัดหาเงินทุน

การระดมทุน

การระดมทุนจะช่วยให้นักลงทุนเอกชนระดมทุนจากผู้สนับสนุนรายบุคคลผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้ โดยผู้ก่อตั้งต้องนำเสนอและขายความคิดของตนทางออนไลน์ หากบรรลุเป้าหมายการระดมทุนที่กำหนดไว้ พวกเขาก็จะได้รับเงินทุนที่รวบรวมได้ ซึ่งมักจะต้องหักค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มด้วย

วิธีเลือกแหล่งเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพของคุณ

การเลือกแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมเริ่มต้นด้วยการประเมินสถานะสตาร์ทอัพของคุณ สตาร์ทอัพทุกแห่งมีความต้องการที่แตกต่างกัน ตัวเลือกทางการเงินจำนวนมากอาจเหมาะสมกับสตาร์ทอัพของคุณ โดยพิจารณาจากสถานะปัจจุบัน จำนวนเงินทุนที่ต้องการ และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์

แหล่งเงินทุนที่คุณเลือกควรขึ้นอยู่กับความต้องการทางการเงินของคุณ อย่างไรก็ตาม คุณควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ความยืดหยุ่นในการคืนเงิน การกระจายเงินทุนในธุรกิจ และการสนับสนุนจากบุคคลที่สาม ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยคุณในการตัดสินใจ

ชี้แจงความต้องการและความจำเป็น

ขั้นตอนแรกในการเลือกแหล่งเงินทุนคือการกำหนดจำนวนเงินทุนที่คุณต้องการ ผู้ก่อตั้งควรถามคำถามต่อไปนี้

• เป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวที่บริษัทต้องการบรรลุด้วยแหล่งเงินทุนนี้มีอะไรบ้าง
  
• ปัจจัยต้นทุนแต่ละรายการใดบ้างที่ต้องใช้เงินทุน
  
• เราต้องการเงินทุนทั้งหมดเท่าไหร่
  
• เราต้องการเงินทุนเร็วแค่ไหน
  
• การคืนเงินควรมีความยืดหยุ่นแค่ไหน
  
• เราจะให้หุ้นในบริษัทเพื่อแลกกับการลงทุนหรือไม่
  
• มีทรัพยากรใดบ้างสำหรับกระบวนการสมัครที่ซับซ้อน
  

คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้สามารถช่วยคุณระบุแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณได้ การมีแผนการที่ชัดเจนยังช่วยให้สื่อสารกับผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วย

ค้นคว้าข้อมูลและเลือกตัวเลือก

เมื่อคุณกำหนดเป้าหมายพื้นฐานและจำนวนเงินที่บริษัทต้องการอย่างชัดเจนแล้ว ให้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลือกทางการเงินที่เป็นไปได้ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าการจัดหาเงินทุนแต่ละประเภทเหมาะสมกับธุรกิจและจุดมุ่งหมายของคุณหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับรัฐจะอนุมัติสินเชื่อโปรโมชันเฉพาะธุรกิจที่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้นบางอย่างเท่านั้น

เปรียบเทียบตัวเลือกที่คุณเลือก และเลือกแหล่งเงินทุนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด ลองปรึกษากับผู้ประกอบการรายอื่นที่จัดตั้งหรือจัดการธุรกิจของตนเอง ประสบการณ์จริงมักให้มุมมองที่มีค่าและช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ที่ปรึกษาด้านภาษีและผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอื่นๆ ก็สามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน

บ่อยครั้งที่การรวมตัวเลือกทางการเงินหลายรูปแบบเข้าด้วยกันอาจเป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพอาจเริ่มต้นด้วยการจัดหาเงินทุนล่วงหน้าเพื่อสนองความต้องการพื้นฐาน และต่อมาก็เพิ่มทุนจากนักลงทุนอิสระเพื่อนำไปต่อยอดการเติบโต กลยุทธ์การจัดหาเงินทุนที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงและให้ความยืดหยุ่นที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่แตกต่างกัน

ติดต่อผู้ที่มีโอกาสจะลงทุน

เมื่อคุณระบุตัวเลือกทางการเงินที่เหมาะสมแล้ว ให้ติดต่อผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนแต่ละราย โดยอาจเป็นการโทรไปยังธนาคารหลักของคุณ นัดประชุมกับผู้ที่มีโอกาสจะลงทุน หรือการลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มระดมทุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งเงินทุนด้วย

วิธีหานักลงทุน

ต่อไปนี้เป็นวิธีที่สตาร์ทอัพในเยอรมนีสามารถติดต่อผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนได้

• งานกิจกรรมและการประชุม: ผู้ก่อตั้งสามารถพบปะผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนได้ในงานแสดงสินค้า การประชุมผู้ก่อตั้ง และงานกิจกรรมอื่นๆ นักลงทุนบางรายตัดสินใจตามความประทับใจส่วนตัว ดังนั้นการมีปฏิสัมพันธ์แบบเห็นหน้ากันจึงเป็นพื้นฐานในการสร้างความไว้วางใจ

• การแข่งขันและกิจกรรมการเสนอขาย: การแข่งขันของผู้ก่อตั้งสามารถช่วยเพิ่มโปรไฟล์ของสตาร์ทอัพได้ ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพนำเสนอแนวคิดเพื่อทำให้ผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนคล้อยตามได้

• เครือข่ายส่วนตัว: ผู้ก่อตั้งสามารถแสวงหาการลงทุนจากเพื่อน ครอบครัว และคนอื่นๆ ในเครือข่ายของตนได้ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหาผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ให้เงินทุน เครือข่ายของผู้ก่อตั้งยังช่วยแนะนำ มอบโอกาสในการพบปะ และทำให้มีเครือข่ายติดต่ออีกด้วย

วิธีเตรียมการเสนอขายให้กับนักลงทุน

การหาผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณต้องโน้มน้าวให้พวกเขาลงทุนด้วย ในการทำเช่นนั้น ผู้ก่อตั้งสามารถนำเสนอแนวคิดของตน โดยนำเสนอสั้นๆ แก่นักลงทุน แล้วตามด้วยการพูดคุยหรือถามตอบ การเสนอขายที่เตรียมมาอย่างดีจะทำให้คุณมีโอกาสได้รับการตอบรับในเชิงบวกมากขึ้น ด้านล่างนี้ เรามีขั้นตอนในการเตรียมการเสนอขายให้กับผู้ที่มีโอกาสจะลงทุน

สร้างแผนธุรกิจ

แผนธุรกิจเป็นรากฐานของการเสนอขาย ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ เช่น กลยุทธ์ ความต้องการทางการเงิน และการแข่งขัน คุณสามารถส่งแผนนี้ให้กับผู้ที่มีโอกาสจะลงทุนล่วงหน้าได้

ในระหว่างการนำเสนอ คุณควรนำเสนอแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณควรเข้าใจแผนธุรกิจของคุณอย่างถ่องแท้ เพื่อให้คุณสามารถตอบคำถามได้อย่างมั่นใจ

เตรียมการนำเสนอของคุณ

การเสนอขายเป็นการนำเสนอแผนธุรกิจในรูปแบบที่กระชับและดูดทางสายตา เป้าหมายคือการทำให้แนวคิดและโอกาสทางธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือที่สุดสำหรับนักลงทุน การเสนอขายที่มีโครงสร้างที่ดีจะถ่ายทอดข้อมูลที่จำเป็นโดยไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าได้รับข้อมูลมากเกินไป คุณควรนำเสนอให้กระชับและหลีกเลี่ยงการใส่ภาพที่ไม่จำเป็น

เมื่อคุณออกแบบการนำเสนอเสร็จแล้ว คุณก็ควรฝึกนำเสนอ โดยควรฝึกต่อหน้าผู้ชมที่น่าเชื่อถือ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณได้รับคำติชมและปรับปรุงการนำเสนอของคุณให้ดียิ่งขึ้น

เตรียมคำถามที่พบบ่อย

นักลงทุนจะถามคำถามเกี่ยวกับบริษัทของคุณและแผนการจัดหาเงินทุนหลังจากการนำเสนอ คุณสามารถเตรียมพร้อมสำหรับคำถามเหล่านี้ได้โดยคาดการณ์คำถามที่อาจมีคนถามและซ้อมตอบคำถามล่วงหน้า คุณสามารถจัดทำเอกสารคำถามที่พบบ่อยที่รวมคำถามที่อาจมีคนถามหรืออาจไม่มีคนถาม ซึ่งจะช่วยให้คุณเตรียมตัวสำหรับคำถามเกือบทุกข้อและดูเป็นมืออาชีพในช่วงถามตอบ

วิธีสร้างภาพลักษณ์ที่ดูเป็นมืออาชีพระหว่างการนำเสนอ

ความเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญในการหานักลงทุนและโน้มน้าวให้พวกเขาเห็นด้วยกับแนวคิดทางธุรกิจของคุณ บ่อยครั้งที่การตัดสินใจของนักลงทุนมักขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ตัวเลข และความประทับใจส่วนตัว ต่อไปนี้คือคำแนะนำบางประการที่จะช่วยให้คุณเป็นมืออาชีพในระหว่างการนำเสนอ

รูปลักษณ์

ชุดของคุณจะต้องสะอาด อยู่ในสภาพดี และเหมาะสมกับโอกาส ตัวเลือกที่เหมาะที่สุดคือชุดลำลองสำหรับธุรกิจเพราะให้ความรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพโดยไม่ดูทางการหรือลำลองมากเกินไป เสื้อผ้าจะต้องทำให้ความสามารถของคุณโดดเด่นมากกว่าจะดึงความสนใจไป นำเสนอภาพลักษณ์ที่แท้จริงของตัวคุณเองที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบริษัทคุณ

ภาษาพูดและภาษากาย

วิธีที่คุณพูดสำคัญไม่แพ้สิ่งที่คุณพูด การพูดให้ชัดเจนและนิ่งจะช่วยให้คุณสร้างความไว้วางใจและนำเสนอได้อย่างน่าเชื่อถือ นักลงทุนมักมองหาทีมผู้ก่อตั้งที่มีความมั่นใจและมีความสามารถ ดังนั้นคุณควรแสดงความมั่นใจผ่านภาษากายด้วยการสบตา แสดงท่าทางอย่างมีจุดมุ่งหมาย และใช้ภาษากายที่เปิดเผย

การเล่าเรื่อง

การเสนอขายควรนำเสนอข้อเท็จจริงและตัวเลข ตลอดจนบอกเล่าเรื่องราว ตัวอย่างเช่น อธิบายให้นักลงทุนของคุณทราบถึงปัญหาที่บริษัทของคุณแก้ไข มูลค่าเพิ่มที่นำเสนอ และศักยภาพในการเติบโตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ชมมองเห็นศักยภาพของสตาร์ทอัพและจะดึงดูดอารมณ์ของพวกเขา เรื่องราวที่มีโครงสร้างดีจะเป็นที่น่าจดจำและจะช่วยโน้มน้าวให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้

การมีปฏิสัมพันธ์

การเสนอขายเกี่ยวข้องกับการนำเสนอแนวคิด รวมถึงการรับฟังและตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น ให้ความสำคัญกับข้อกังวลอย่างจริงจัง และแสดงให้เห็นว่าคุณเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีจะสร้างความไว้วางใจและช่วยให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสนใจและความคาดหวังของผู้ที่มีโอกาสจะลงทุน บ่อยครั้งที่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการเสนอขายมักขึ้นอยู่กับว่าคุณตอบสนองต่อคำวิจารณ์อย่างไร