วิธีสร้างและดําเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในญี่ปุ่น

Checkout
Checkout

Stripe Checkout เป็นแบบฟอร์มการชำระเงินสำเร็จรูปที่คุณสามารถปรับแต่งให้เหมาะสำหรับเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้คุณยังผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังรับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สถานะปัจจุบันและอนาคตของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
  3. การเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
    1. สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในแบบของคุณเองในญี่ปุ่นที่ลูกค้าต่างประเทศเข้าถึงได้
    2. เปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้าอีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในญี่ปุ่นที่รองรับลูกค้าต่างประเทศ
    3. เปิดร้านค้าในห้างแบบผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) หรือห้างอีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในประเทศเป้าหมาย
    4. เปิดร้านค้าในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายของคุณโดยใช้คลังสินค้าทัณฑ์บน
    5. เปิดร้านค้าในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายของคุณโดยใช้คลังสินค้าทัณฑ์บน
    6. เปิดร้านค้าในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายของคุณโดยทำการค้าตามปกติ
    7. สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในแบบของคุณเองในประเทศเป้าหมาย
  4. ข้อควรพิจารณาสําหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
    1. เลือกผลิตภัณฑ์และศึกษาตลาดต่างประเทศ
    2. ทำความเข้าใจกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและการจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศให้ดี
  5. ปัจจัยความสำเร็จข้อสำคัญสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
    1. กลยุทธ์และโมเดลธุรกิจ
    2. ระบบกฎหมาย ภาษา ขนบธรรมเนียม และคุณค่าทางวัฒนธรรม
    3. โลจิสติกส์และการสนับสนุนลูกค้า
    4. ศุลกากร
    5. สภาพแวดล้อมการชําระเงิน
  6. การเตรียมธุรกิจของคุณให้พร้อมสําหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

ตลาดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกําลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นหนทางขยายฐานลูกค้าของธุรกิจ เจ้าของธุรกิจในญี่ปุ่นหันมาใช้โมเดลนี้กันมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย

ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณอาจสนใจที่จะใช้อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเพื่อเพิ่มโอกาสการขาย แต่ก็อาจไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นตรงไหน ในบทความนี้เราจะอธิบายวิธีเริ่มต้นทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน นอกจากนี้เราจะพิจารณาสถานการณ์ตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน โอกาสในอนาคต และปัจจัยสู่ความสำเร็จ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • สถานะปัจจุบันและอนาคตของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
  • การเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
  • ข้อควรพิจารณาสําหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
  • ปัจจัยความสำเร็จข้อสำคัญสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
  • การเตรียมธุรกิจของคุณให้พร้อมสําหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

สถานะปัจจุบันและอนาคตของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจําวันของเรา อีกทั้งการใช้งานสมาร์ทโฟนและเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ยังเติบโตขึ้น ทำให้คนสามารถซื้อขายผลิตภัณฑ์จากประเทศอื่นได้ง่ายกว่าที่เคย ความสนใจในสินค้าต่างประเทศของผู้บริโภคที่มากขึ้นก็ขับเคลื่อนให้อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเติบโตขึ้นอีกด้วย

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทําให้อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเติบโตแบบปีต่อปี สาเหตุเป็นเพราะคนอยู่บ้านกัน ทำให้มีการจับจ่ายออนไลน์มากกว่าปกติ แม้แต่ลูกค้าที่ชอบซื้อของที่หน้าร้านในช่วงก่อนโรคระบาดก็ยังเริ่มเพลิดเพลินที่สามารถซื้อของได้จากที่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสะดวกในการซื้อผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศทำให้ความต้องการใช้บริการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้น แม้ว่าข้อจำกัดต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดจะไม่มีแล้ว แต่ความสนใจสินค้าต่างประเทศของผู้บริโภคก็ยังคงสูงอยู่ โดยจำนวนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2024 กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่นได้เปิดเผยรายงานสถานะตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกซึ่งแสดงอันดับสัดส่วนตลาดแบบธุรกิจต่อผู้บริโภค (B2C) ในปี 2023 แบ่งตามประเทศดังนี้

  • อันดับที่หนึ่ง: จีน (51.3%)
  • อันดับที่ 2: สหรัฐอเมริกา (19.5%)
  • อันดับที่ 3: สหราชอาณาจักร (3.6%)
  • อันดับที่ 4: ญี่ปุ่น (3.4%)
  • อันดับที่ 5: เกาหลีใต้ (2.1%)

นอกจากนี้ รายงานยังคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนโลกจะมีขนาดถึง 7.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030

การเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกําลังเติบโต แต่คุณจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร ต่อไปนี้เราจะสํารวจโมเดลธุรกิจแบบต่างๆ ที่ช่วยคุณเริ่มต้นธุรกิจได้

สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในแบบของคุณเองในญี่ปุ่นที่ลูกค้าต่างประเทศเข้าถึงได้

หากต้องการจัดตั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในญี่ปุ่น คุณสามารถสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซใหม่หรือทําเว็บไซต์ปัจจุบันของคุณให้มีหลายภาษา ซึ่งจะเป็นการเปิดเว็บไซต์ของคุณสู่ลูกค้าต่างประเทศที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น

คุณสามารถสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในแบบของคุณเองได้ 2 วิธี ได้แก่การพัฒนาเว็บไซต์เองโดยไม่ใช้เทมเพลตที่มีอยู่ หรือใช้บริการภายนอกที่รองรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

เปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้าอีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในญี่ปุ่นที่รองรับลูกค้าต่างประเทศ

โมเดลธุรกิจอีกแบบหนึ่งก็คือการเปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้าอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นที่รองรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โมเดลธุรกิจนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่แนะนำในบทความนี้ และเหมาะสําหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นหาลูกค้าจากต่างประเทศ

ธุรกิจที่มีร้านค้าออนไลน์สำหรับลูกค้าในญี่ปุ่นอยู่แล้วสามารถสร้างหน้าเว็บเฉพาะเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าต่างประเทศได้ โดยไม่มีขั้นตอนอะไรที่ซับซ้อน ธุรกิจสามารถเปิดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนได้โดยการใช้ฟังก์ชัน "การขายระหว่างประเทศ" ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ตนมีร้านค้าอยู่แล้ว

ห้างอีคอมเมิร์ซบางแห่งมีฟังก์ชันที่สร้างหน้าผลิตภัณฑ์เวอร์ชันแปลโดยเครื่องอัตโนมัติเพื่อบริการลูกค้าในต่างประเทศ ในบางกรณีห้างอีคอมเมิร์ซอาจให้ธุรกิจเปิดร้านค้าในเว็บไซต์ต่างประเทศที่ห้างเป็นเจ้าของได้ ตัวเลือกเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น

เปิดร้านค้าในห้างแบบผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) หรือห้างอีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในประเทศเป้าหมาย

อีกทางเลือกหนึ่งคือการเปิดร้านค้าหรือแสดงผลิตภัณฑ์ในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศที่คุณต้องการขยายธุรกิจ (ซึ่งก็คือประเทศเป้าหมายของคุณ) อุปสรรคในการเข้าตลาดอาจอยู่ในระดับสูง เนื่องจากคุณจะต้องสื่อสารกับเจ้าของห้างอีคอมเมิร์ซในท้องถิ่นและทําข้อตกลงทางกฎหมายก่อนจึงจะเปิดร้านค้าหรือวางจำหน่ายสินค้าได้ หากคุณไม่คุ้นเคยกับการร่วมงานกับธุรกิจในต่างประเทศ การใช้ตัวแทนจะช่วยคุณได้

เปิดร้านค้าในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายของคุณโดยใช้คลังสินค้าทัณฑ์บน

เปิดร้านค้าในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายของคุณโดยใช้คลังสินค้าทัณฑ์บน

คลังสินค้าทัณฑ์บนคือคลังสินค้าที่ใช้จัดเก็บสินค้าที่มีพันธะทางศุลกากร ซึ่งเป็นสัญญาทางกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้นำเข้าจะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับทางศุลกากรของประเทศเป้าหมายเป็นการชั่วคราว โดยปกติแล้ว สินค้าที่นําเข้าจากต่างประเทศจะต้องเสียภาษีศุลกากร (เช่น ภาษีนําเข้า) แต่ในกรณีที่ใช้คลังสินค้าทัณฑ์บน สินค้าจะพักรออยู่ในคลังโดยเจ้าหน้าที่จะระงับการเก็บภาษีศุลกากรเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะการผ่านพิธีการศุลกากรจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้พื้นที่ที่กําหนดเป็น "เขตพื้นที่พันธะ" ซึ่งมีคลังสินค้าทัณฑ์บนอยู่ มักจะอยู่ใกล้ท่าเรือและสนามบิน

สำหรับโมเดลธุรกิจนี้ เจ้าของธุรกิจจะส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าทัณฑ์บนในประเทศเป้าหมายและจัดเก็บสินค้าไว้ที่นั่น เมื่อธุรกิจได้รับคําสั่งซื้อจากลูกค้าที่อยู่ในประเทศเป้าหมาย ธุรกิจจะส่งสินค้าดังกล่าวจากคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยตรง วิธีนี้ต่างจากอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนตรงที่ธุรกิจไม่ได้จัดส่งสินค้าจากญี่ปุ่นโดยตรง แต่จัดส่งสินค้าจากประเทศของลูกค้า ซึ่งช่วยลดค่าขนส่งให้ลูกค้าและลดระยะเวลาตั้งแต่ขั้นตอนการสั่งซื้อไปจนถึงการจัดส่ง

เปิดร้านค้าในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายของคุณโดยทำการค้าตามปกติ

สำหรับโมเดลธุรกิจนี้ คุณจะทําธุรกิจโดยใช้ผู้ส่งออกในญี่ปุ่นและผู้นําเข้าในประเทศเป้าหมาย และขายผลิตภัณฑ์ของคุณในห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศเป้าหมายนั้น การขายสินค้าดำเนินการโดยใช้ขั้นตอนการค้าตามปกติ ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าทั่วไป (ไม่ใช่คลังสินค้าทัณฑ์บน) ผ่านห้างอีคอมเมิร์ซในท้องถิ่น

สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบ B2C ในแบบของคุณเองในประเทศเป้าหมาย

โมเดลธุรกิจนี้ทำได้โดยที่คุณสร้างเว็บไซต์ของคุณเองในประเทศที่คุณขยายธุรกิจ ตัวเลือกนี้ทำได้ง่ายหากผลิตภัณฑ์ของบริษัทของคุณเป็นที่รู้จักกันดีในระดับสากลอยู่แล้ว คุณสามารถสร้างและบริหารจัดการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้ และมีคนที่พัฒนาธุรกิจของคุณในต่างประเทศได้ดี อย่างไรก็ตาม การสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้นและบริหารจัดการเว็บไซต์ในต่างประเทศต้องลงทุนมาก คุณต้องใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและพนักงานที่พูดได้หลายภาษา ซึ่งทําให้โมเดลนี้เหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่มีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอ

นอกจากนี้ เนื่องจากประเทศต่างๆ มีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านอีคอมเมิร์ซเป็นของตนเอง และยังต้องทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ในภาพรวมจึงนับว่าโมเดลนี้เป็นหนึ่งในโมเดลอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่ยากที่สุด

ข้อควรพิจารณาสําหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

มาดูกันว่าคุณต้องทําอะไรบ้างเพื่อเตรียมเปิดตัวธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

เลือกผลิตภัณฑ์และศึกษาตลาดต่างประเทศ

ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีในญี่ปุ่นอาจไม่ได้เป็นที่นิยมในต่างประเทศ รสนิยมและขนบธรรมเนียมแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน ความต้องการของลูกค้าจึงแตกต่างกันด้วย โปรดคํานึงถึงเรื่องนี้เมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะจําหน่าย และศึกษาตลาดในประเทศเป้าหมายของคุณเพื่อหาว่าอะไรที่ขายดี

การพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนให้ประสบความสําเร็จในประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ เช่น จีนหรือสหรัฐอเมริกา เพิ่มโอกาสในการสร้างผลกําไรได้สูงกว่าในประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม คุณควรทําความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในสถานที่ที่คุณวางแผนจะขยายธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อตลาดนั้นเป็นตลาดขนาดใหญ่

คุณควรทราบด้วยว่าวัตถุดิบบางอย่างอาจเป็นสิ่งต้องห้ามในประเทศเป้าหมายของคุณ และผลิตภัณฑ์บางอย่างก็ไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย ศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าเพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับในภายหลัง

ทำความเข้าใจกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและการจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศให้ดี

ความแตกต่างที่สําคัญระหว่างอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกับห้างอีคอมเมิร์ซในประเทศและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ คือ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนมีเรื่องภาษีศุลกากร การจัดส่งไปยังต่างประเทศ และกฎระเบียบทางกฎหมายของประเทศเป้าหมายเกี่ยวข้องด้วย

สิ่งของต้องห้ามส่วนใหญ่จะนำเข้าไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบระบบการนําเข้าและส่งออกพื้นฐานของ JETRO เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับการนําเข้าและส่งออกไปยังประเทศเป้าหมายของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้พยายามนําเข้าสินค้าต้องห้าม

หากต้องการดูตัวเลือกการจัดส่งไปยังต่างประเทศ สามารถดูรายการ "สิ่งของที่ไม่สามารถส่งไปรษณีย์ต่างประเทศ" ของ Japan Post

นอกจากนี้ คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีศุลกากรสําหรับการจัดส่งไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น คุณสามารถตรวจดูอัตราภาษีสําหรับสิ่งของที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่สนใจของผู้นําเข้าแต่ละรายได้ในเอกสารคำแนะนำเกี่ยวกับอัตราภาษีผลิตภัณฑ์ของศุลกากรของญี่ปุ่น

ปัจจัยความสำเร็จข้อสำคัญสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

ต่อไปนี้คือปัจจัยความสำเร็จข้อสำคัญและคำถามที่เกี่ยวข้องที่คุณควรถามตัวเองหากต้องการประสบความสำเร็จในการทําธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

กลยุทธ์และโมเดลธุรกิจ

  • กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์:

    • คุณต้องการขายผลิตภัณฑ์และบริการโดยอ้างอิงตลาดและความต้องการของลูกค้า หรือต้องการเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรากฐานจากวิสัยทัศน์และปรัชญาของบริษัท
  • กลยุทธ์ช่องทาง (กลยุทธ์การจัดจําหน่าย):

    • คุณได้กำหนดวิธีการซื้อและวิธีการส่งผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้าหรือยัง
  • กลยุทธ์การตลาด:

    • คุณสามารถวิเคราะห์แนวโน้มและพัฒนาการในตลาดอีคอมเมิร์ซต่างประเทศ รวมถึงสิ่งที่คู่แข่งของคุณกำลังทำอยู่หรือไม่
    • คุณได้กําหนดมาตรการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ และระบุปัจจัยการเพิ่มยอดขายหรือยัง
  • ระบบที่มั่นคง:

    • ก่อนจะเข้าสู่ตลาดในประเทศเป้าหมาย คุณจัดให้มีการวางระบบภายในของบริษัทอย่างครบถ้วนหรือยัง หากคุณจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถจากภายนอก (เช่น วิศวกรหรือนักพัฒนา) คุณได้สร้างความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์ของคุณเรียบร้อยหรือยัง
  • การจัดการรายรับและรายจ่าย:

    • คุณมีวิธีการระดมทุนเตรียมไว้หรือยัง
    • คุณจัดการกระแสเงินสดของคุณอยู่หรือไม่
  • กลยุทธ์ด้านราคา:

    • คุณจะขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณราคาเดียวกัน หรือขายในราคาที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดในประเทศเป้าหมายของคุณ
  • ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน:

    • คุณพร้อมรับมือกับอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนสูงเนื่องจากเหตุการณ์และการเมืองโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายหรือไม่

ระบบกฎหมาย ภาษา ขนบธรรมเนียม และคุณค่าทางวัฒนธรรม

  • การจัดหาใบรับรองต่างๆ:

    • คุณมีใบรับรองและใบอนุญาตที่จําเป็นสําหรับการขายผลิตภัณฑ์ในประเทศเป้าหมายของคุณหรือไม่
    • คุณติดป้ายแจ้งส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสมหรือไม่ สินค้าของคุณติดป้ายแจ้งประเภทที่มาของสินค้าหรือไม่
  • การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ:

    • คุณพร้อมรับมือกับระบบกฎหมายท้องถิ่นในประเทศเป้าหมายของคุณอย่างเต็มที่หรือไม่
    • กฎหมายท้องถิ่นหรือกฎหมายของประเทศเป้าหมายจะมีผลบังคับใช้หรือไม่ ประเด็นทางกฎหมายจะอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของประเทศใด
  • การรองรับหลายภาษา:

    • คุณสามารถให้บริการในภาษาที่ลูกค้าในประเทศเป้าหมายเข้าใจได้หรือไม่
  • การตอบสนองต่อหลักปฏิบัติทางธุรกิจและคุณค่าทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน:

    • คุณเข้าใจหรือไม่ว่าหลักปฏิบัติทางธุรกิจและภูมิหลังทางวัฒนธรรมในประเทศเป้าหมายอาจแตกต่างจากญี่ปุ่น และสามารถตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นได้หรือไม่

โลจิสติกส์และการสนับสนุนลูกค้า

  • โมเดลธุรกิจ: 

    • คุณเลือกโมเดลธุรกิจที่เหมาะกับบริษัทและได้คำนึงถึงโลจิสติกส์หรือไม่
    • คุณจะจัดการสินค้าคงคลังในประเทศเป้าหมายหรือจัดส่งโดยตรงจากญี่ปุ่น
  • การควบคุมคุณภาพ:

    • ศูนย์กระจายสินค้าที่คุณวางแผนจะใช้มีระบบปรับอากาศ แนวทางปฏิบัติด้านสุขอนามัย และการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับค่าขนส่ง:

    • คุณรู้เรื่องค่าขนส่ง และเข้าใจถึงความสมดุลระหว่างบริการกับค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ของคุณหรือไม่
  • จํานวนวันในการจัดส่ง:

    • คุณสามารถลดเวลาการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้หรือไม่
  • การจัดการการคืนและเปลี่ยนสินค้า:

    • คุณสามารถรับมือกับการยกเลิกคําสั่งซื้อ การส่งคืนและเปลี่ยนสินค้าได้หรือไม่
  • การสนับสนุนลูกค้า:

    • คุณมีคู่มือธุรกิจและมาตรการสนับสนุนลูกค้าหรือไม่

ศุลกากร

  • สิ่งของต้องห้าม:

    • คุณได้ตรวจสอบรายการต้องห้ามนำเข้าในประเทศเป้าหมายของคุณหรือยัง
  • ข้อติดขัดในขั้นตอนศุลกากร:

    • พิธีการศุลกากรมีข้อติดขัดใดหรือไม่ หากมี บริษัทของคุณสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ เช่น ความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าได้หรือไม่
  • มาตรการป้องกันการฉ้อโกง:

    • หากซัพพลายเออร์ระบุราคาในใบแจ้งหนี้ต่ำกว่าราคาจริงที่จ่ายไปเพราะอยากช่วยคุณประหยัดค่าภาษีศุลกากร สินค้าอาจมีการประเมินราคาต่ำกว่าจริงที่ศุลกากร ทำให้บริษัทของคุณจ่ายภาษีต่ำกว่าที่ควร คุณพร้อมที่จะปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวจากซัพพลายเออร์หรือไม่

โปรดทราบว่าการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ผิดกฎหมาย โดยธุรกิจจะสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าราคาจริงต่อศุลกากรเพื่อลดภาษีศุลกากรที่ต้องจ่าย

สภาพแวดล้อมการชําระเงิน

  • วิธีการชําระเงิน:

    • คุณเสนอวิธีการชําระเงินที่หลากหลายหรือไม่
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยด้านการชําระเงิน:

    • คุณมีมาตรการป้องกันการฉ้อโกงบัตรเครดิตหรือไม่
  • สกุลเงิน:

    • คุณจะช่วยให้ลูกค้าสามารถแปลงเงินเยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้หรือไม่ และรองรับสกุลเงินของประเทศเป้าหมายหรือไม่

Stripe Connect ทําให้การจัดการการชําระเงินกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจหลายรายเป็นเรื่องง่าย และยังมีฟังก์ชันต่างๆ รวมถึงการขาย การจัดจําหน่าย การเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการ และรองรับธุรกรรมระหว่างประเทศ หากคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพฟังก์ชันการชําระเงิน และลดความซับซ้อนของขั้นตอนการชําระเงินในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณเองหรือมาร์เก็ตเพลสที่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย เช่น ร้านค้าและลูกค้า คุณจะขยายธุรกิจได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการใช้ Stripe Connect

การเตรียมธุรกิจของคุณให้พร้อมสําหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

ในบทความนี้เราได้อธิบายวิธีเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน รวมถึงโมเดลธุรกิจและปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนขยายธุรกิจของคุณไปไกลกว่าตลาดในประเทศโดยนำไปสู่ตลาดต่างประเทศ ธุรกิจในญี่ปุ่นควรทราบด้วยว่าตลาดขาเข้า (เช่น นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวญี่ปุ่น) กําลังขยายตัว การหลั่งไหลเข้ามาของลูกค้าจากต่างประเทศเปิดโอกาสให้ธุรกิจในญี่ปุ่นได้นําเสนอแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครของตนให้โลกได้รู้จัก

ธุรกิจที่ขยายกิจการไปยังต่างประเทศจะต้องมีพนักงานที่ถูกต้องและทักษะทางภาษาที่เหมาะสมในการสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่เริ่มต้น นี่อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ยากจะเอาชนะ ดังนั้นผู้มาใหม่จึงมักเห็นว่าเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าจะเริ่มต้นด้วยการใช้ห้างอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นที่ดําเนินงานในต่างประเทศและให้ความสำคัญกับแนวโน้มการขายในต่างประเทศ

ผู้ที่กําลังพิจารณาเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ควรทําความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีบทบาทต่อความสำเร็จของธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน คุณจําเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องต่างๆ เช่น โลจิสติกส์ การสนับสนุนลูกค้า ภาษีศุลกากร และระบบการชําระเงิน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Checkout

Checkout

ผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe เพื่อให้รับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Checkout

สร้างแบบฟอร์มการชำระเงินที่เขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยและผสานรวมกับเว็บไซต์ของคุณหรือโฮสต์ไว้ในระบบของ Stripe