การชำระเงินแบบเรียลไทม์หรือทันทีคือการโอนเงินที่เกิดขึ้นโดยแทบไม่มีความล่าช้า วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้ทันทีและช่วยให้ธุรกิจได้รับกระแสเงินสดเร็วขึ้น ในขณะที่บริษัทหลายแห่งยังคงต้องรอหลายชั่วโมงหรือหลายวันเพื่อให้ได้รับเงิน แต่แนวโน้มดังกล่าวกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในปี 2025 ตลาดการชําระเงินทันทีคาดว่าจะมีมูลค่าเกือบ $3.5 หมื่นล้าน

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีการทำงานของระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในนิวซีแลนด์ เหตุใดจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจ และจะรักษาความปลอดภัยของระบบได้อย่างไร

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• การชําระเงินแบบเรียลไทม์คืออะไร
  
• การชําระเงินทันทีมีการทํางานอย่างไรในนิวซีแลนด์
  
• เหตุใดการชําระเงินแบบเรียลไทม์จึงสําคัญสําหรับธุรกิจ
  
• อุตสาหกรรมใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการชําระเงินแบบเรียลไทม์
  
• Stripe ช่วยให้ธุรกิจใช้การชําระเงินแบบเรียลไทม์ได้อย่างไร
  
• ธุรกิจต่างๆ ต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอะไรบ้างสําหรับการชําระเงินทันที
  

การชําระเงินแบบเรียลไทม์คืออะไร

การชําระเงินแบบเรียลไทม์จะรับส่งเงินจากบัญชีการเงินหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งเกือบจะทันทีตลอด 24 ชม. ซึ่งแตกต่างจากการโอนเงินแบบเดิมๆ ที่อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน บางครั้งการชําระเงินเหล่านี้ก็สามารถชําระได้ภายในไม่กี่วินาทีและจะทําให้เงินทุนพร้อมใช้ในทันที ไม่จำเป็นต้องรอเวลาทำการของธนาคารหรือการประมวลผลแบบเป็นกลุ่ม

การชําระเงินทันทีมีการทํางานอย่างไรในนิวซีแลนด์

การโอนเงินผ่านธนาคารในนิวซีแลนด์มักจะดําเนินการผ่านระบบการหักบัญชีทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่ม (BECS) ซึ่งประมวลผลรธุรกรรมเป็นกลุ่มแทนที่จะดําเนินการทันที ดังนั้น ประเทศนี้จึงยังไม่สามารถบรรลุถึงการชำระเงินแบบเรียลไทม์ที่แท้จริงได้ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวแบบวินาทีต่อวินาที ธุรกิจและลูกค้ายังคงต้องพึ่งพาการโอนเงินผ่านธนาคารแบบเดิม ตัวเลือกบัตร และวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ เช่น POLi สําหรับวิธีการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการชําระเงินในนิวซีแลนด์พยายามพัฒนาเครือข่ายแบบเรียลไทม์โดยได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรอย่าง Payments NZ โครงสร้างพื้นฐานนี้อาจทําให้การโอนเงินระหว่างบัญชีมีข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น ปรับปรุงความปลอดภัย และเพิ่มการเข้าถึงได้กว้างขึ้น

เหตุใดการชําระเงินแบบเรียลไทม์จึงสําคัญสําหรับธุรกิจ

การรอเงินเข้ามาอาจสร้างความไร้ประสิทธิภาพ ผู้ค้าปลีกไม่สามารถเติมสต็อกสินค้าได้จนกว่าจะได้รับเงิน แผนกเงินเดือนต้องวางแผนรอบเวลาทำการของธนาคาร และทีมการเงินต้องติดตามการเงินที่คาดหวัง การชําระเงินแบบเรียลไทม์จะชําระเงินทันที ไม่มีการดึงเงินคืน หรือความล่าช้าในการดําเนินการ จึงช่วยปรับปรุงกระแสเงินสดและลดการคาดเดาด้วยความล่าช้าของเงินทุน ทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวและมีความปลอดภัยทางการเงินมากขึ้น

ด้วยการชำระเงินทันที บริษัทต่างๆ สามารถทำธุรกรรมที่ต้องใช้เวลาจำกัดมากขึ้น เช่น การจัดส่งสินค้าให้กับซัพพลายเออร์ในวินาทีสุดท้าย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้การดำเนินงานที่ต้องอาศัยการหมุนเวียนสินค้าคงคลังอย่างรวดเร็วหรือการจ่ายเงินเร่งด่วน (เช่น ร้านอาหารและผู้รับเหมา) ได้รับเงินได้เร็วขึ้นมาก

การชำระเงินแบบเรียลไทม์ยังตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้ยุคใหม่ด้วย ร้านค้าออนไลน์สามารถส่งคำสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องรอรับเงิน และบริการเช่าก็สามารถยืนยันการจองได้เมื่อลูกค้าชำระเงิน ในขณะที่แผนการชำระเงินแบบเรียลไทม์จำนวนมากนั้นใช้ได้กับการชำระเงินเพียงครั้งเดียว แต่บางแผนยังรองรับการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สามารถช่วยให้ผู้ให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) ให้สิทธิ์การเข้าถึงได้ทันทีหลังจากซื้อการสมัครใช้บริการ

อุตสาหกรรมใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการชําระเงินแบบเรียลไทม์

การชําระเงินแบบเรียลไทม์จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจจัดการกระแสเงินสด โต้ตอบกับผู้ใช้ และดําเนินการแบบวันต่อวัน แม้ว่าอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทจะได้รับประโยชน์ แต่บางภาคส่วนจะได้รับผลลัพธ์มากที่สุดเมื่อมีการรับส่งเงินทันที

อีคอมเมิร์ซและร้านค้าปลีกออนไลน์

ความเร็วและความสะดวกสบายขับเคลื่อนการช็อปปิ้งออนไลน์ แต่การโอนเงินผ่านธนาคารแบบเดิมๆ ทำให้เกิดอุปสรรค การชําระเงินแบบเรียลไทม์ช่วยให้ธุรกิจรับการโอนเงินทันทีขณะชําระเงินได้ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาบัตร (และค่าธรรมเนียมของธุรกิจ) พร้อมทั้งให้การยืนยันทันที ธุรกรรมเหล่านี้ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วพอๆ กับการซื้อด้วยบัตร และธุรกิจต่างๆ ไม่จำเป็นต้องรอหลายวันเพื่อให้ได้รับเงินก่อนจึงจะจัดส่งสินค้าได้

การค้าปลีกและงานบริการ

การลดความล่าช้าในการชำระเงินและค่าธรรมเนียมบัตรให้เหลือน้อยที่สุดสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับธุรกิจที่มีอัตรากำไรต่ำ เช่น ธุรกิจค้าปลีก บริการอาหาร และธุรกิจต้อนรับ ในประเทศที่มีการชำระเงินแบบเรียลไทม์ ลูกค้าสามารถสแกนรหัส QR หรือใช้หมายเลขโทรศัพท์เพื่อชำระเงินโดยตรงจากแอปธนาคารของตน ช่วยหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมบัตรและความล่าช้าในการประมวลผล

เศรษฐกิจแบบรับจ้างชั่วคราวและบริการตามความต้องการ

ผู้ทำงานอิสระ คนขับรถร่วมโดยสาร และพนักงานส่งของ มักจะต้องรอเป็นวันหรือเป็นสัปดาห์จึงจะได้รับเงิน การชําระเงินแบบเรียลไทม์ช่วยให้คนงานนอกระบบเข้าถึงรายได้ของตัวเองได้ทันทีหลังจากทํางานเสร็จ ตัวอย่างเช่น ผู้ขับจะได้รับเงินหลังจากการขับขี่แต่ละเที่ยว

Stripe ช่วยให้ธุรกิจใช้การชําระเงินแบบเรียลไทม์ได้อย่างไร

หากคุณมีธุรกิจที่มีผู้ใช้ทั่วโลก คุณสามารถใช้ Stripe Payments เพื่อรับการโอนเงินผ่านธนาคารทันทีในภูมิภาคอื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น หากมีลูกค้าในออสเตรเลีย คุณสามารถเสนอให้ลูกค้าชําระเงินแบบเรียลไทม์ด้วย PayTo ได้ Stripe ช่วยให้คุณเพิ่มการชําระเงินแบบเรียลไทม์เหล่านี้รวมถึงวิธีการชําระเงินที่มีอยู่ได้ง่ายๆ เช่น บัตรและกระเป๋าเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังทำให้การกำหนดเส้นทาง การแปลงสกุลเงิน และการปฏิบัติตามกฎเป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่ายด้านเทคนิคสำหรับธุรกิจของคุณจะน้อยลง

Stripe ยังมาพร้อมฟีเจอร์เหล่านี้

• เครื่องมือป้องกันการฉ้อโกง เช่น Stripe Radar ซึ่งใช้ AI ในการตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์

• Webhook และการแจ้งเตือนอัตโนมัติเพื่อให้ธุรกิจสามารถดําเนินการกับการชําระเงินได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งคําสั่งซื้อหรือให้สิทธิ์เข้าถึงบริการ

• การรายงานแบบเรียลไทม์ในแดชบอร์ด Stripe เพื่อดูสถานะธุรกรรมได้ทันที

ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้องค์กรนําโซลูชันแบบเรียลไทม์มาใช้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

ธุรกิจต่างๆ ต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอะไรบ้างสําหรับการชําระเงินทันที

ก่อนที่จะยอมรับการชำระเงินแบบเรียลไทม์ ธุรกิจต่างๆ จะต้องพิจารณาป้องกันการฉ้อโกง ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และปกป้องข้อมูลผู้ใช้ เนื่องจากนิวซีแลนด์กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทันที นี่คือสิ่งที่ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องรู้

การป้องกันการฉ้อโกงและการรักษาความปลอดภัย

การชําระเงินแบบเรียลไทม์จะตัดบัญชีในไม่กี่วินาที และโดยปกติจะยกเลิกไม่ได้ เมื่อเงินได้รับการเคลื่อนย้ายแล้ว ก็จะหายไปจากบัญชี ธุรกิจต่างๆ ต้องใช้เครื่องมือป้องกันการฉ้อโกงในเชิงรุก เช่น

• ระบบตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะผ่านผู้ให้บริการชําระเงินหรือเครื่องมือตรวจสอบภายใน

• การแจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมที่น่าสงสัย (เช่น คําขอจํานวนมากหรือมีความผิดปกติ)

• การยืนยันตัวตนของลูกค้าสําหรับธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง

บริษัทต่างๆ จะต้องปฏิบัติต่อการชำระเงินทันทีเหมือนกับเงินสด และต้องแน่ใจว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะรับเงิน

การปฏิบัติตามข้อกําหนด

ธุรกิจที่ยอมรับการชำระเงินทันทีจะต้องปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนการก่อการร้าย (AML/CTF) และข้อกำหนดการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) แพลตฟอร์มที่จัดการขั้นตอนการดําเนินการแบบผู้ใช้ต่อผู้ใช้ต้องตรวจสอบกิจกรรมและระบุรูปแบบที่น่าสงสัย เหมือนกับที่ธนาคารดําเนินการ นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ จะต้องรับรู้และดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดธุรกรรมแบบเรียลไทม์ที่กำหนดโดยสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น Stripe สามารถช่วยในการปฏิบัติตามกฎหมายได้ แต่บริษัทต่างๆ จะต้องคอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับภาระผูกพันในการจัดทำบันทึกและการรายงานของตน

การคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัว

การชําระเงินทันทีมักจะมีข้อมูลธุรกรรมที่ละเอียดกว่าเดิม (เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้และข้อมูลอ้างอิงของผู้จ่าย) ซึ่งมีประโยชน์ต่อการกระทบยอด แต่ยังเพิ่มภาระในการคุ้มครองข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนด้วย ดังนั้น ธุรกิจจะต้องดําเนินการดังต่อไปนี้

• ปฏิบัติตามแนวทางและมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในท้องถิ่น เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) หากดําเนินธุรกิจระหว่างประเทศ

• เข้ารหัสและจํากัดสิทธิ์เข้าถึงรายละเอียดธนาคารและรหัสระบุการชําระเงินทั้งหมด

• ปรับปรุงนโยบายและการฝึกอบรมพนักงานให้สอดคล้องกัน

เมื่อการชําระเงินแบบเรียลไทม์พร้อมให้บริการในนิวซีแลนด์ ธุรกิจต่างๆ จะต้องติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางใหม่ๆ อยู่เสมอ โปรโตคอลความปลอดภัยที่รัดกุมจะทําให้การเปลี่ยนผ่านง่ายขึ้น