Embedded lending 101: What it is and how it’s changing financial services

Capital
Capital

Stripe Capital ให้คุณเข้าถึงการจัดหาเงินทุนที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วเพื่อการจัดการกระแสเงินสดและลงทุนกับการเติบโต

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การให้กู้แบบผสานรวมในตัวคืออะไร
  3. การให้กู้แบบผสานรวมในตัวทํางานอย่างไร
  4. ตัวอย่างการให้กู้แบบผสานรวมในตัว
  5. การให้กู้แบบผสานรวมในตัวมีผลกระทบอย่างไร
    1. ธุรกิจที่ไม่ใช่บริษัทการเงิน
    2. ผู้ให้กู้
    3. ลูกค้า

การให้กู้แบบผสานรวมในตัวเริ่มส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบริการทางการเงิน โดยช่วยให้แพลตฟอร์มดิจิทัลสามารถเสนอบริการทางการเงิน เช่น เงินกู้ โดยไม่ต้องส่งลูกค้าออกจากแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงบริการ และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อวิธีที่ธุรกิจโต้ตอบกับลูกค้าและสร้างรายได้จากการมีส่วนร่วม วิธีที่ลูกค้าจัดการธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงสถาบันที่เข้าร่วมการให้กู้ยืมแก่ผู้บริโภค

บริการให้กู้แบบผสานรวมในตัวคือตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของการเงินดิจิทัลในวงกว้าง คาดกันว่าตลาดการเงินที่ผสานรวมทั่วโลกจะมีมูลค่าเกือบ 385 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยรวมต่อปีอยู่ที่ 30% คำนิยามของผู้ให้บริการทางการเงินก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย แลผู้ให้กู้แบบดั้งเดิม ธุรกิจ และลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ จะได้รับผลกระทบแบบระลอกคลื่น ด้านล่างเราจะอธิบายวิธีการทํางานของการให้กู้แบบผสานรวมในตัวและสํารวจผลกระทบที่หลากหลาย

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การให้กู้แบบผสานรวมในตัวคืออะไร
  • การให้กู้แบบผสานรวมในตัวทํางานอย่างไร
  • ตัวอย่างการให้กู้แบบผสานรวมในตัว
  • การให้กู้แบบผสานรวมในตัวมีผลกระทบอย่างไร

การให้กู้แบบผสานรวมในตัวคืออะไร

การให้กู้แบบผสานรวมในตัว คือการผสานการทํางานของบริการเงินกู้ยืมเข้ากับแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ธุรกิจการเงิน ลูกค้าสามารถใช้บริการเหล่านี้ภายในแพลตฟอร์มได้ แทนที่จะต้องออกจากแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงข้อเสนอเงินกู้

วิธีนี้ใช้ข้อมูลและการมีส่วนร่วมของลูกค้าในแพลตฟอร์มโฮสต์ และมักจะใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการส่งมอบบริการที่รวดเร็ว การมอบบริการเงินกู้หรือเครดิตแบบผสานรวมนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นสําหรับภาคธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น อีคอมเมิร์ซ การโดยสารร่วมกัน และการให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) หรือบริการอื่นๆ เป้าหมายคือการเสนอโซลูชันการจัดหาเงินทุนตามบริบทได้ทันทีโดยไม่ต้องส่งลูกค้าไปที่อื่น

การให้กู้แบบผสานรวมในตัวทํางานอย่างไร

การให้กู้แบบผสานรวมในตัวทํางานด้วยการผสานฟังก์ชันการให้กู้ยืมเข้ากับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่มีอยู่แล้วโดยตรงผ่าน API เมื่อลูกค้าเลือกที่จะกู้เงิน ระบบจะประเมินความน่าเชื่อถือทางเครดิตเกือบจะในทันที อัลกอริทึมจะดึงข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง รวมถึงคะแนนเครดิตและพฤติกรรมลูกค้าในแพลตฟอร์ม เพื่อทำการตัดสินใจกู้ยืมได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากอนุมัติ ระบบจะโอนเงินทุนไปให้ลูกค้าหรือจัดสรรเงินทุนสําหรับการใช้งานเฉพาะภายในแพลตฟอร์ม เช่น การซื้อสินค้าหรือบริการ แพลตฟอร์มมีวิธีการชําระคืนที่สะดวก ซึ่งมักจะหักจากบัญชีที่ลิงก์โดยตรง ความรวดเร็วและความเกี่ยวข้องตามบริบทนี้ทําให้โซลูชันทางการเงินพร้อมใช้งานทันทีเมื่อลูกค้าต้องการโซลูชันเหล่านั้น

ตัวอย่างการให้กู้แบบผสานรวมในตัว

การให้กู้แบบผสานรวมในตัวสามารถผสานรวมเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้เนื่องจากมีความยืดหยุ่น และด้วย API การธนาคาร ธุรกิจหลายๆ ประเภทจึงสามารถนําเสนอทางเลือกการให้กู้แบบผสานรวมในตัวซึ่งปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการด้านการจัดหาเงินทุนของลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย

วิธีที่บริษัทต่างๆ ใช้การให้กู้แบบผสานรวมในตัวมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปตามการพัฒนาของตลาด ต่อไปนี้คือสถานที่บางส่วนที่เริ่มนำเสนอการให้กู้แบบผสานรวมในตัวเมื่อเร็วๆ นี้

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซค้าปลีก: ภายในอินเทอร์เฟซช้อปปิ้งออนไลน์ ลูกค้าสามารถเลือกใช้เงินกู้แบบทันทีเพื่อช่วยเหลือการซื้อของตนได้ การทำเช่นนี้จะเปลี่ยนขั้นตอนการชําระเงินในรถเข็นช้อปปิ้งอย่างง่ายให้เป็นธุรกรรมทางการเงินแบบหลายบริการ

  • บริการโดยสารร่วมกัน: เมื่อคนขับใช้แอปอย่าง Uber หรือ Lyft บางครั้งพวกเขาก็สามารถรับความช่วยเหลือทางการเงินจากการขับของตัวเองแล้วทยอยจ่ายคืนเมื่อเวลาผ่านไป การทำเช่นนี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจไม่มีเงินทุนสามารถมาทำงานนี้ได้

  • มาร์เก็ตเพลสออนไลน์สําหรับผู้ทํางานอิสระ: แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ทํางานอิสระกับงานชั่วคราวสามารถเสนอเงินกู้ระยะสั้นตามรายได้ที่คาดหวัง สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ทํางานอิสระจัดการช่องว่างทางรายได้ระหว่างรอลูกค้าใหม่

  • พอร์ทัลการดูแลสุขภาพ: แพลตฟอร์มการดูแลสุขภาพออนไลน์บางแพลตฟอร์มอนุญาตให้ผู้ป่วยรับความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการรักษาหรือผ่าตัดได้ทันที ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระในการจ่ายเงินล่วงหน้า

  • แพลตฟอร์มด้านการศึกษา: ผู้ให้บริการการศึกษาออนไลน์มักจะเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้กู้เพื่อเสนอสินเชื่อแก่นักเรียนโดยตรงในกระบวนการลงทะเบียน ทําให้นักเรียนสามารถมุ่งเรียนหลักสูตรหรือปริญญาได้ง่ายขึ้น

  • แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์: เว็บไซต์ที่แสดงบ้านสําหรับขายสามารถเสนอสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าซึ่งช่วยลดระยะเวลาระหว่างการตามหาบ้านกับการซื้อบ้านได้

  • เว็บไซต์การท่องเที่ยวและการจอง: แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะให้เงินกู้สําหรับแพ็กเกจวันหยุด เที่ยวบิน หรือการจองโรงแรม ซึ่งบางครั้งจะอยู่ที่จุดซื้อ

  • บริการสมัครสมาชิก: ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเนื้อหาระดับพรีเมียม ชุดซอฟต์แวร์ หรือแม้แต่การเป็นสมาชิกยิม แพลตฟอร์มการสมัครใช้บริการก็นําเสนอตัวเลือกการจัดหาเงินทุนโดยตรงภายในกระบวนการลงทะเบียน

  • แพลตฟอร์มขายรถยนต์: ธุรกิจขายรถยนต์ออนไลน์อาจมีตัวเลือกการจัดหาเงินทุนในเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าจัดหาสินเชื่อสำหรับรถยนต์ได้ขณะซื้อรถ

  • เทคโนโลยีการเกษตร: บางแพลตฟอร์มที่กําหนดเป้าหมายไปที่เกษตรกรเสนอเงินกู้สําหรับอุปกรณ์หรือเมล็ดพันธุ์ ช่วยให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรสำหรับซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการและคืนเงินหลังจากเก็บเกี่ยวได้

  • ภาคพลังงาน: ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ให้บริการแผงโซลาร์เซลล์สามารถมอบตัวเลือกการจัดหาเงินทุนภายในกระบวนการขายที่ทำให้ลูกค้าเพื่อเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

การให้กู้แบบผสานรวมในตัวมีผลกระทบอย่างไร

การเงินกู้แบบผสาานในตัวกําลังพลิกโฉมวิธีที่บริการทางการเงินทับซ้อนกับภาคธุรกิจที่ไม่ใช่การเงิน เช่น อีคอมเมิร์ซ และ SaaS ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ผสานการทํางานมากขึ้น แต่แม้ว่าโมเดลนี้จะเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัย และความรับผิดชอบทางการเงิน

นี่คือภาพรวมสั้นๆ เกี่ยวกับผลกระทบสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมแบบผสานในตัว รวมถึงธุรกิจที่ไม่ใช่การเงิน ผู้ให้กู้ และลูกค้า

ธุรกิจที่ไม่ใช่บริษัทการเงิน

  • เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า
    การให้บริการเงินกู้ภายในแพลตฟอร์มจะช่วยเพิ่มกิจกรรมของลูกค้าได้ ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะใช้แพลตฟอร์มบ่อยกว่าเมื่อมีฟังก์ชันหลายๆ อย่างในที่เดียว

  • กระจายรายรับ
    การแนะนําบริการทางการเงินอย่างการกู้ยืมจะเพิ่มแหล่งรายรับอีกทาง ค่าธรรมเนียมจากผู้ให้กู้หรือการแบ่งรายรับให้กับผู้ให้กู้สามารถปรับปรุงสภานภาพทางการเงินโดยรวมของธุรกิจได้

  • การใช้งานข้อมูล
    พาร์ทเนอร์ผู้ให้กู้ยืมสามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่ของแพลตฟอร์มเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการให้กู้ยืมได้ ความสัมพันธ์เชิงส่งเสริมนี้เป็นประโยชน์กับทั้งแพลตฟอร์มและพาร์ทเนอร์เงินกู้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการกู้ยืมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

  • โอกาสทำธุรกิจใหม่
    การเพิ่มบริการให้กู้ยืมอาจนำทางธุรกิจที่ไม่ใช่การเงินเข้าสู่ภาคธุรกิจใหม่และเสนอบริการที่หลากหลายมากขึ้น

ผู้ให้กู้

  • ฐานลูกค้าที่ขยายเพิ่มเติม
    ผู้ให้กู้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีโอกาสเป็นผู้กู้ซึ่งใช้แพลตฟอร์มที่ไม่ใช่การเงินอยู่แล้ว ซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะเกิดความเสี่ยงต่อการให้กู้ยืม เนื่องจากลูกค้าเหล่านี้เป็นบริษัทที่รู้จักกันดี

  • การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
    ผู้ให้กู้สามารถได้รับประโยชน์จากชุดข้อมูลที่ครบครันจากแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่การเงิน ทําให้สามารถเพิ่มความแม่นยําของการประเมินเครดิตและอาจลดอัตราการผิดสัญญาได้

  • ข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัย
    ผู้ให้กู้ต้องพิจารณาถึงผลกระทบของการจัดการข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนภายในสภาพแวดล้อมของบุคคลที่สาม การละเมิดข้อมูลหรือการใช้งานในทางที่ผิดเป็นภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องที่ต้องจัดการ

ลูกค้า

  • ความสะดวก
    ตัวเลือกในการเข้าถึงเงินกู้โดยไม่ต้องออกจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยของแพลตฟอร์มที่มีอยู่ทําให้กระบวนการให้กู้ยืมง่ายขึ้น ลูกค้าจะได้รับสิ่งที่ต้องการโดยมีขั้นตอนที่น้อยลง

  • ความเสี่ยงการยืมเงินเกิน
    การยืมที่สะดวกอาจทําให้ลูกค้าบางส่วนกู้เงินมากกว่าที่สามารถชำระคืน การให้ความรู้แก่ลูกค้าและข้อกําหนดที่โปร่งใสสามารถช่วยลดปัญหานี้ได้

  • ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    ลูกค้าควรทราบว่าพฤติกรรมของตนในแพลตฟอร์มอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทางเครดิตของตน ความรู้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจด้านเงินกู้อย่างไรเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้าควรเข้าใจ

การให้เงินกู้ยืมแบบผสานในตัวเป็นประโยชน์กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สําหรับธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในภาคธุรกิจการเงินแบบดั้งเดิม การให้กู้แบบผสานในตัวจะช่วยเปิดโอกาสทางรายได้ใหม่ๆ รวมถึงวิธีใหม่ๆ ในการมีส่วนร่วมกับลูกค้า สําหรับผู้ให้กู้แบบดั้งเดิม พวกเขาจะเข้าถึงกลุ่มผู้มีโอกาสเป็นผู้กู้ที่เต็มไปด้วยข้อมูล แต่ก็ยังได้รับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลบนแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามด้วย ลูกค้าก็ควรระมัดระวังเรื่องการยืมเงินเกินตัวและการตัดสินใจทางการเงินที่อาจนําไปสู่วงจรหนี้สิน ขณะที่การกู้ยืมแบบผสานในตัวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกฝ่ายจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบจากการเชื่อมต่อกันเหล่านี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Capital

Capital

Stripe Capital ให้คุณเข้าถึงการจัดหาเงินทุนที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วเพื่อการจัดการกระแสเงินสดและลงทุนกับการเติบโต

Stripe Docs เกี่ยวกับ Capital

ดูว่า Stripe Capital จะช่วยคุณพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างไร