ความท้าทาย
เมื่อ TicketSocket เปิดตัวแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วออนไลน์ในปี 2012 บริษัทต้องการแก้ไขปัญหาสำคัญที่อุตสาหกรรมอีเวนต์เผชิญมาโดยตลอด นั่นคือ อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินที่ต่ำ การเข้าร่วมอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็นมาราธอน คอนเสิร์ต หรือการประชุม มักต้องใช้ความพยายามสูงและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาตั๋ว เช่น ต้องลางาน มีค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้ผู้จัดอีเวนต์มักเผชิญกับอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินที่ต่ำ และมีต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ที่สูง
"อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินมีความสำคัญมากในธุรกิจอีเวนต์ ถ้าเราสามารถเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินได้ ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมนี้ มากกว่าธุรกิจอื่นๆ เสียอีก" Mark Miller CEO ของ TicketSocket กล่าว
TicketSocket เชื่อว่าการเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินสามารถทำได้โดยปรับปรุง ประสบการณ์การชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มที่ติดแบรนด์ของผู้จัดงานที่รองรับการชำระเงินทั่วโลกและทำให้การรับส่งเงินง่ายขึ้น แพลตฟอร์มแบบนี้จะช่วยลดสิ่งรบกวนสำหรับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า อีกทั้งยังช่วยให้ผู้จัดอีเวนต์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2016 ทาง TicketSocket พบว่าผู้ให้บริการระบบชำระเงินเดิมไม่สามารถสนับสนุนการมอบประสบการณ์แบบติดแบรนด์ผู้จัดงานได้อย่างแท้จริง เนื่องจากระบบไม่สามารถแบ่งการชำระเงินให้หลายฝ่ายพร้อมกันได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้ทุกธุรกรรมของลูกค้าต้องถูกแบ่งออกเป็นสองรายการแยกกัน โดยรายการแรกมาจากผู้จัดอีเวนต์ และอีกรายการมาจาก TicketSocket
เมื่อผู้ซื้อเห็นว่ามีการเรียกเก็บเงินครั้งที่สองจากแบรนด์ที่ไม่รู้จัก พวกเขามักจะโต้แย้งการชำระเงินของธุรกรรมนั้น
ด้วยเหตุนี้ TicketSocket จึงเริ่มมองหาผู้ให้บริการระบบชำระเงินใหม่ที่สามารถสนับสนุนโมเดลบริการแบบติดแบรนด์ผู้จัดงานในระดับโลก ช่วยให้สามารถแบ่งการชำระเงินได้อย่างง่ายดาย และรองรับการชำระเงินในหลายสกุลเงินทั่วโลก นอกจากนี้ ผู้ให้บริการรายใหม่ยังต้องมีเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรม จัดการกับการฉ้อโกง และรองรับวิธีการชำระเงินหลายวิธี เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอีเวนต์มีทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลายมากขึ้น
โซลูชัน
TicketSocket นำ Stripe Connect มาใช้เป็นระบบหลักของแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วใหม่ที่เป็นแบบติดแบรนด์ของผู้จัดงาน Connect ช่วยให้สามารถ เบิกจ่ายเงินและโอนเงินจากธุรกรรมเดียวไปให้หลายฝ่ายโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้ TicketSocket สามารถมอบประสบการณ์ที่ติดแบรนด์อย่างชัดเจนให้กับผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ โดยไม่ต้องมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากบุคคลที่สามที่ไม่รู้จัก และไม่ต้องใช้ระบบออกใบแจ้งหนี้ที่ยุ่งยาก นอกจากนี้ Connect รองรับการชำระเงินและการโอนเงินในสกุลเงินท้องถิ่น ทำให้ TicketSocket สามารถขยายบริการไปยังผู้จัดอีเวนต์ในหลายประเทศทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น Connect ยังมาพร้อมกับการผสานการทำงาน Stripe Payments สำหรับการประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการอนุมัติ เช่น Adaptive Acceptance, โทเค็นเครือข่าย และระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ TicketSocket ใช้ Stripe Radar เพื่อจัดการการฉ้อโกง โดย Radar จะใช้ AI เพื่อตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง ในขณะเดียวกันก็ลดจำนวนการบล็อกธุรกรรมอย่างไม่ถูกต้องด้วย
หลังจากเปลี่ยนมาใช้ Stripe แล้ว TicketSocket ก็เริ่มใช้ชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพ ที่ประกอบด้วย Stripe Elements ซึ่งเป็นชุดคอมโพเนนต์ UI แบบผสานรวมที่จะช่วยปรับปรุงขั้นตอนการชำระเงินและเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน Payment Element และฟีเจอร์วิธีการชำระเงินไดนามิกของ Payments ช่วยให้ TicketSocket สามารถเปิดใช้วิธีการชำระเงินแบบใหม่ๆ ได้โดยแทบไม่ต้องทำงานทางเทคนิค โดยจะให้ Stripe แสดงวิธีการชำระเงินที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าแต่ละคนมากที่สุดแบบไดนามิก
บริษัทได้เพิ่มวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยม 11 วิธี รวมถึง Affirm และ Klarna สำหรับลูกค้าที่ต้องการชำระค่าตั๋วได้อย่างยืดหยุ่นภายในระยะเวลานานขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าของ TicketSocket ยังสามารถใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Pay และ Google Pay เพิ่มเติมจากวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นอย่างเช่น iDEAL ได้ด้วย และเพื่อปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าแบบชำระเงินมากขึ้นไปอีก TicketSocket ยังได้นำ Link มาใช้ ซึ่งจะบันทึกและกรอกข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าให้โดยอัตโนมัติเพื่อมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัย รวดเร็ว และราบรื่น
ผลลัพธ์
การชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นช่วยประหยัดเวลาได้เดือนละ 100 ชั่วโมง
ความสามารถในการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของ Stripe ทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศง่ายขึ้น ช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงิน นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนการขยายตัวในระดับโลกของ TicketSocket การไม่ต้องทำการกระทบยอดธุรกรรมด้วยตัวเองทำให้ TicketSocket ประหยัดเวลาไปได้ 100 ชั่วโมงต่อเดือน
"การจัดการกับข้อกำหนดการรายงานและค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้นซับซ้อนมาก ดังนั้นการที่ Stripe สามารถทำการชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นได้จึงนับเป็นเรื่องใหญ่มาก" Miller กล่าว
ชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้ใช้แบบชำระเงินและลดการดึงเงินคืน
ฟีเจอร์ที่ทรงประสิทธิภาพของชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพช่วยให้ผู้จัดอีเวนต์ขายตั๋วได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ลงจำนวนธุรกรรมที่ถูกโต้แย้งลงด้วย ลูกค้าของ TicketSocket รายงานว่ามีอัตราการเปลี่ยนผู้ใช้แบบชำระเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 20% และการดึงเงินคืนลดลง 30%
วิธีการชำระเงินในตัวของ Stripe ช่วยประหยัดเวลาได้ 100 ชั่วโมงต่อวิธี
TicketSocket ประเมินว่าตนประหยัดเวลาได้ 100 ชั่วโมงต่อวิธีการชำระเงิน โดยสามารถเปิดใช้งานวิธีการชำระเงินเหล่านั้นได้เพียงแค่ใช้โค้ดบรรทัดเดียวผ่านวิธีการชำระเงินแบบไดนามิก
ยอดการสั่งซื้อเฉลี่ยของการซื้อผ่าน Klarna มากกว่า 800 ดอลลาร์
การเข้าถึงวิธีการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (BNPL) ให้ทางเลือกเพิ่มเติมแก่ผู้ซื้อตั๋วในการจ่ายเงินแลกกับประสบการณ์ โดย Klarna ซึ่งมีขีดจำกัดการใช้จ่ายแบบไดนามิก ได้รับความนิยมเป็นพิเศษสำหรับอีเวนต์ที่ตั๋วมีราคาสูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นในยอดการสั่งซื้อเฉลี่ยที่มากกว่า 800 ดอลลาร์สำหรับการซื้อผ่าน Klarna บนแพลตฟอร์ม TicketSocket ซึ่งเกือบจะเป็นสองเท่าของยอดการสั่งซื้อเฉลี่ยจากวิธีการชำระเงินอื่นๆ
Klarna ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในประเทศยุโรป โดยลูกค้ารายหนึ่งของ TicketSocket รายงานว่า BNPL คิดเป็น 7.6%–8.5% ของปริมาณธุรกรรม ขึ้นอยู่กับประเทศ
38% ของธุรกรรมทั้งหมดได้รับการประมวลผลผ่าน Link
เกือบสองในห้าของธุรกรรมทั้งหมดของลูกค้า TicketSocket ได้รับการประมวลผลผ่าน Link ประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็วของ Link ช่วยให้ผู้ซื้อตั๋วสามารถชำระเงินได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ใช้ Link ถึงสามเท่า ดังนั้น TicketSocket จึงเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้ใช้แบบชำระเงินได้ 10% เมื่อลูกค้าทำการชำระเงินผ่าน Link
ตั้งแต่เปิดใช้ผลิตภัณฑ์ Stripe อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินของเราก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และ Stripe ก็มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มทุกปี