ความท้าทาย
Tiller ซึ่งก่อตั้งในปี 2015 มอบบริการที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของตนด้วยการจัดการข้อมูลทางการเงินโดยอัตโนมัติและนำเสนอเทมเพลตสำหรับการจัดทำงบประมาณและติดตามการใช้เงินในสเปรดชีต และเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ บริษัทก็ได้เสนอช่วงทดลองใช้ฟรีเป็นเวลา 30 วันที่ก่อนที่จะสมัครใช้บริการในราคาปีละ $79 ทาง Tiller มีอัตราการลงทะเบียนทดลองใช้ที่สม่ำเสมอมาตลอดจนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2020 แม้ผู้คนจะต้องการจัดทำงบประมาณกันมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนเช่นนี้ แต่บริษัทกลับมีผู้ลงทะเบียนทดลองใช้น้อยลง
โซลูชัน
Tiller ได้ทดสอบการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อที่จะเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า ซึ่งรวมถึงการแก้ไขข้อความบนแอปพลิเคชันแบบหน้าเดียวและการพลิกโฉมขั้นตอนการชำระเงินใหม่ทั้งหมด ทีมเปลี่ยนจากการใช้แบบฟอร์มบัตรที่ออกแบบเองซึ่งฝังไว้ในหน้าเว็บของ Tiller มาใช้ Stripe Checkout ซึ่งเป็นหน้าการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพในระบบของ Stripe และออกแบบมาเพื่อให้ผสานการทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า ปัจจุบัน Checkout ช่วยให้ลูกค้าของ Tiller สามารถใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่คุ้นเคยกันดีอย่าง Apple Pay หรือ Google Pay รวมถึงเครื่องจัดการรหัสผ่านที่บันทึกไว้ เช่น LastPass เพื่อประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็วและราบรื่น
ผลลัพธ์
Tiller มีอัตราการลงทะเบียนทดลองใช้เพิ่มขึ้น 90% ตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ Checkout นอกจากนี้ยังช่วยย่นระยะเวลาตั้งแต่ที่ลูกค้าเข้าสู่ระบบครั้งแรกจนกระทั่งเริ่มทดลองใช้ฟรีได้เร็วขึ้นถึง 3 เท่า
เนื่องจาก Checkout มีกระบวนการติดตั้งและดูแลรักษาที่ง่ายกว่า ตอนนี้ Tiller จึงสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักและการเติบโต รวมถึงการมอบประสบการณ์การชำระเงินที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพและอัปเดตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่จะใช้ Stripe Checkout เรารู้สึกเหมือนกำลังเสียพลังงานไปกับการทำงานที่ยุ่งยาก ตอนนี้ไม่เพียงอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าจะสูงกว่าช่วงลงทะเบียนที่เป็นช่วงพีค แต่ยังช่วยให้เราปรับฐานโค้ดให้ง่ายมากขึ้นด้วย