เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิคืออะไร คู่มือสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก

Invoicing
Invoicing

Stripe Invoicing คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้สำหรับทั่วโลกที่สร้างมาเพื่อช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น สร้างใบแจ้งหนี้แล้วส่งให้ลูกค้าของคุณได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องใช้โค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิที่ใช้กันทั่วไป
  3. เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิเทียบกับบัตรเครดิต
    1. เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิ
    2. บัตรเครดิต
  4. ข้อดีและข้อเสียของการเสนอเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิ
    1. ข้อดี
    2. ข้อเสีย
  5. แพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิและการออกใบแจ้งหนี้
  6. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
  7. Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิ คือ เงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ ซึ่งจะระบุว่าเวลาที่ครบกำหนดชำระเงิน โดยมักแสดงในรูปแบบ "สุทธิ 30 วัน" "สุทธิ 60 วัน" หรือ "สุทธิ 90 วัน" คำศัพท์เหล่านี้หมายความว่าต้องชำระเงินเต็มจำนวนภายใน 30, 60 หรือ 90 วันตามลำดับ เงื่อนไขสุทธิมักจะนำวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในใช้ประกอบการคำนวณวันครบกำหนดด้วย เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิจะช่วยธุรกิจต่างๆ ในการจัดการกับกระแสเงินสดและทำให้ผู้ขายและผู้ซื้อรู้เวลาที่จะมีการชำระเงิน อุตสาหกรรมหรือบริษัทต่างๆ อาจกำหนดเงื่อนไขสุทธิแบบมาตรฐานที่แตกต่างกันไปตามความต้องการในการดำเนินงานและลักษณะความสัมพันธ์กับลูกค้า

ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงเงื่อนไขสุทธิที่ใช้กันทั่วไป ข้อดีและข้อเสียของการเสนอเงื่อนไขสุทธิ แพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดการเงื่อนไขสุทธิและการออกใบแจ้งหนี้ รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการเงื่อนไขสุทธิสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

เนื้อหาหลักในบทความ

  • เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิที่ใช้กันทั่วไป
  • เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิเทียบกับบัตรเครดิต
  • ข้อดีและข้อเสียของการเสนอเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิ
  • แพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิและการออกใบแจ้งหนี้
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
  • Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิที่ใช้กันทั่วไป

หลังธุรกิจออกใบแจ้งหนี้ เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิจะกำหนดเวลาที่ครบกำหนดชำระเงิน เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิแบบต่างๆ ก็จะให้ความยืดหยุ่นและความปลอดภัยกับผู้ซื้อและผู้ขายในระดับที่แตกต่างกันด้วย โดยในบางครั้ง ธุรกิจอาจต่อรองขอเงื่อนไขเป็นกรณีพิเศษที่เหมาะกับความต้องการของตน เช่น กำหนดการชำระเงินตามฤดูกาลหรือการชำระเงินตามความคืบหน้าของงานในโครงการ

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิที่ใช้กันบ่อยๆ

  • สุทธิ 0 วัน: เงื่อนไขการชำระเงินแบบสุทธิ 0 วันหรือที่เรียกว่า "Due Upon Receipt" (ต้องชำระทันทีที่ได้รับ) หรือ "Cash on Delivery" (การชำระเงินปลายทางหรือ COD) แสดงว่า ลูกค้าจะต้องชำระเงินทันทีเมื่อมีการส่งมอบสินค้าหรือบริการ

  • สุทธิ 10 วันหรือสุทธิ 15 วัน: การชำระเงินจะครบกำหนดภายใน 10 หรือ 15 วันนับจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ บางธุรกิจอาจเสนอระยะเวลาที่สั้นลง เช่น สุทธิ 10 วันหรือสุทธิ 15 วัน หากธุรกิจต้องรีบใช้กระแสเงินสด หรือหากสินค้าหรือบริการที่ส่งมอบไปมีการนำไปใช้หรือขายต่ออย่างรวดเร็ว

  • สุทธิ 30 วัน: การชำระเงินจะครบกำหนดภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ ธุรกิจมักใช้เงื่อนไขแบบสุทธิ 30 วัน เพราะช่วยให้ผู้ซื้อมีเวลามากพอในการประเมินสินค้าหรือบริการโดยไม่ได้ชำระเงินให้ผู้ขายช้าเกินไป

  • สุทธิ 60 วัน: การชำระเงินจะครบกำหนดภายใน 60 วันนับจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ เงื่อนไขแบบสุทธิ 60 วันอาจใช้กับการซื้อเป็นปริมาณมากหรือในวงการที่มักมีโครงการระยะยาว วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ชำระเงินมีเวลารวบรวมเงินที่จำเป็นได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่รายรับเป็นวงจรหรือผูกอยู่กับความคืบหน้าในช่วงต่างๆ ของโครงการ

  • สุทธิ 90 วัน: การชำระเงินจะครบกำหนดภายใน 90 วันนับจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ เงื่อนไขแบบนี้พบได้ไม่บ่อยนักและมักใช้ในวงการที่มีโครงการขนาดใหญ่หรือการซื้อจำนวนมากกันเป็นเรื่องปกติ การขยายระยะเวลาเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ซื้อมีเวลาจัดการกับกระแสเงินสดที่ต้องจ่ายออกไปเป็นจำนวนมากและปรับการชำระเงินให้เข้ากับแผนทางการเงินและรอบงบประมาณที่ครอบคลุมระยะเวลานานขึ้น

  • การทยอยชำระเงิน: ธุรกิจบางแห่งอาจเจรจาขอทยอยชำระเงินภายใต้เงื่อนไขต่างๆ เช่น สุทธิ 30/60/90 วัน ซึ่งช่วยให้แบ่งชำระเงินทีละส่วนในหลายๆ รอบได้ วิธีนี้จะช่วยจัดการใบแจ้งหนี้ที่มียอดสูง โดยทำให้ผู้ซื้อได้รับความยืดหยุ่นในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าผู้ขายจะได้รับการชำระเงินตามเวลาที่กำหนด

เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิเทียบกับบัตรเครดิต

เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิกับบัตรเครดิตล้วนช่วยให้สามารถซื้อสินค้าหรือบริการล่วงหน้าแล้วค่อยชำระเงินในภายหลังได้ ข้อเปรียบเทียบของตัวเลือกสินเชื่อทั้ง 2 แบบนี้มีดังนี้

เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิ

ผู้ซื้อจะได้รับสินค้าหรือบริการและมีกำหนดระยะเวลา (เช่น 30 วัน, 60 วัน) ที่ต้องชำระเงินให้ครบตามจำนวนในใบแจ้งหนี้ โดยเงื่อนไขสุทธิมักจะใช้กันระหว่างธุรกิจ โดยไม่ใช้กับการซื้อของผู้บริโภค และผู้ขายอาจประเมินเครดิตของผู้ซื้อก่อนที่จะขยายระยะเวลาในเงื่อนไขสุทธิ

เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • ผู้ซื้อสามารถใช้สินค้าหรือบริการที่ซื้อไปเพื่อสร้างรายรับก่อนครบกำหนดชำระเงิน

  • เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิมักไม่เก็บดอกเบี้ย (แม้ว่าอาจมีค่าธรรมเนียมล่าช้าในกรณีที่ชำระเงินล่าช้า) ซึ่งต่างจากบัตรเครดิต

  • การชำระใบแจ้งหนี้ตามเงื่อนไขสุทธิอาจช่วยเพิ่มความไว้วางใจและความนิยมชมชอบระหว่างธุรกิจได้

  • มักสามารถต่อรองเงื่อนไขกันได้และปรับให้เหมาะกับทั้งสองฝ่ายได้

บัตรเครดิต

ผู้ซื้อจะชำระค่าสินค้าหรือบริการในทันทีโดยใช้บัตรเครดิต แล้วค่อยชำระเงินให้บริษัทที่ออกบัตรเครดิตในภายหลัง ซึ่งอาจมีดอกเบี้ย บัตรบางใบจะมีค่าธรรมเนียมรายปี ค่าธรรมเนียมล่าช้า หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ และยอดใช้จ่ายก็จะต้องไม่เกินวงเงินเครดิตของบัตร หากไม่ได้ชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวนในแต่ละเดือน คุณอาจมีหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยสูง

บัตรเครดิตอาจให้ประโยชน์ได้ดังต่อไปนี้

  • บัตรเครดิตได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและใช้งานง่ายสำหรับธุรกรรมแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) และแบบธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C)

  • บัตรเครดิตหลายใบเสนอเงินคืน คะแนนสะสม หรือสิ่งจูงใจอื่นๆ

  • บัตรบางใบอาจให้ความคุ้มครองหรือการป้องกันการฉ้อโกงในการซื้อ

ข้อดีและข้อเสียของการเสนอเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิ

ธุรกิจสามารถตัดสินใจว่าจะเสนอเงื่อนไขสุทธิหรือไม่ โดยพิจารณาจากกระแสเงินสด มาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ความน่าเชื่อถือทางการเงินของฐานลูกค้า และขีดความสามารถในการบริหารจัดการเครดิต โดยสำหรับธุรกิจบางแห่ง โอกาสในการเพิ่มยอดขายและความพร้อมในการแข่งขันที่ได้จากเงื่อนไขสุทธิอาจให้ผลดีกว่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่บางธุรกิจก็อาจมองว่าความเสี่ยงสูงเกินไป

ข้อดีและข้อเสียของการเสนอเงื่อนไขสุทธิมีดังต่อไปนี้

ข้อดี

  • ยอดขายที่เพิ่มขึ้น: ธุรกิจต่างๆ อาจใช้เงื่อนไขสุทธิเพื่อดึงดูดลูกค้าที่อาจยังมีเงินไม่พอที่จะชำระได้ทันที วิธีนี้อาจใช้ได้ผลดีเป็นพิเศษในอุตสาหกรรมที่มียอดการซื้อสูงหรือการซื้อสินค้าพร้อมกันเป็นจำนวนมากๆ

  • ความได้เปรียบในการแข่งขัน: ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เงื่อนไขการชำระเงินที่ยืดหยุ่นอาจช่วยให้บริษัทโดดเด่นกว่าคู่แข่งได้ หากบริษัท 2 แห่งเสนอสินค้าหรือบริการที่คล้ายกัน บริษัทที่มีเงื่อนไขการชำระเงินที่น่าสนใจกว่าก็มักจะมียอดขายมากกว่า

  • ความภักดีของลูกค้า: การเสนอเงื่อนไขสุทธิอาจช่วยให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจและความนิยมชมชอบได้ ผู้ขายจะแสดงให้เห็นว่าตนยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ซื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ระยะยาวและการกลับมาใช้บริการซ้ำ

ข้อเสีย

  • ความเร็วทางการเงิน: การได้รับชำระเงินหลังจากการขายไปแล้วระยะหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวงจรค่าใช้จ่ายขาออก (เช่น เงินเดือน ค่าเช่า หรือวัสดุ) ยังคงคงที่ เมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทก็อาจต้องใช้วงเงินเครดิตหรือเงินกู้มารองรับความจำเป็นต้องใช้เงินในระยะสั้นนี้ก่อน ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นได้

  • ความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระ: การขยายระยะเวลาให้เครดิตจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระ ลูกค้าอาจชำระเงินล่าช้าหรือไม่ชำระเงินเลยเนื่องจากมีปัญหาด้านการเงิน การบริหารจัดการผิดพลาด หรือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ขายขาดทุนได้

  • การจัดสรรทรัพยากร: การจัดการเงื่อนไขสุทธิต้องใช้ทรัพยากรในการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า การติดตามใบแจ้งหนี้ และการเรียกเก็บเงิน รวมถึงอาจต้องติดตามการชำระเงินที่ล่าช้าหรือการทวงหนี้ งานบริหารจัดการนี้อาจจำเป็นต้องใช้เวลาและทรัพยากรที่น่าจะนำไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ของธุรกิจแทน

แพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิและการออกใบแจ้งหนี้

แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Stripe ได้พลิกโฉมการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิและการออกใบแจ้งหนี้ให้กับธุรกิจต่างๆ โดย Stripe มาพร้อมเครื่องมือและฟีเจอร์ต่อไปนี้เพื่อช่วยให้ขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้และการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิง่ายขึ้น

  • การจัดทำใบแจ้งหนี้: Stripe มาพร้อมระบบออกใบแจ้งหนี้ที่ธุรกิจใช้สร้างใบแจ้งหนี้แบบมืออาชีพโดยกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินได้เอง อาทิ เงื่อนไขการชำระเงินสุทธิที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยรองรับความต้องการกระแสเงินสดและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้

  • การแจ้งเตือนอัตโนมัติ: Stripe สามารถส่งการแจ้งเตือนให้ชำระเงินถึงลูกค้าโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งจะช่วยให้มีการชำระเงินตรงเวลาโดยไม่มีงานบริหารจัดการเข้ามาเพิ่ม

  • การประมวลผลการชำระเงิน: Stripe สามารถประมวลผลการชำระเงินได้หลายวิธี เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต และการโอนเงินแบบ ACH ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ รองรับความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันไปและเพิ่มโอกาสที่จะชำระเงินสำเร็จได้

  • การรายงานและการวิเคราะห์: Stripe มีรายงานและการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามผลการดำเนินงานทางการเงินและเห็นแนวโน้มต่างๆ ธุรกิจสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสินเชื่อและเงื่อนไขการชำระเงินได้

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการเงื่อนไขการชำระเงินสุทธิสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

ตัวอย่างแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการเงื่อนไขสุทธิสำหรับธุรกิจขนาดเล็กมีดังนี้

  • กำหนดเงื่อนไขไว้ตั้งแต่แรก: แจ้งเงื่อนไขการชำระเงินของคุณให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจนก่อนเริ่มงาน เช่น การระบุเงื่อนไขสุทธิ (เช่น สุทธิ 30 วัน) วันครบกำหนด ค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า และวิธีการชำระเงินที่รับ ให้บันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในสัญญาหรือข้อตกลง

  • ให้บริการตัวเลือกการชำระเงินหลายแบบ: รับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย (เช่น บัตรเครดิต การโอนเงินแบบ ACH) เพื่อช่วยให้ลูกค้าชำระเงินให้คุณได้ง่าย

  • จูงใจให้ชำระเงินก่อนกำหนด: อาจมอบส่วนลดเล็กน้อย (เช่น 1%–2%) ในกรณีที่ชำระเงินก่อนกำหนด

  • ใช้นโยบายค่าธรรมเนียมล่าช้า: การคิดค่าธรรมเนียมล่าช้าตามสมควร (เช่น 1.5% ต่อเดือน) อาจช่วยจูงใจให้ลูกค้าชำระเงินตามกำหนดเวลาได้ ให้ระบุนโยบายค่าธรรมเนียมล่าช้าของคุณไว้อย่างชัดเจนในข้อกำหนด

  • ออกใบแจ้งหนี้ทันที: ส่งใบแจ้งหนี้ทันทีที่งานเสร็จสมบูรณ์หรือจัดส่งผลิตภัณฑ์แล้ว ยิ่งส่งใบแจ้งหนี้เร็วขึ้น คุณก็อาจได้รับการชำระเงินเร็วขึ้นตามไปด้วย

  • ติดตามใบแจ้งหนี้ที่ส่งไปนานแล้ว: ตรวจสอบลูกหนี้การค้าของคุณเป็นประจำ เพื่อหาใบแจ้งหนี้ที่เลยกำหนดชำระและกำหนดลำดับการเรียกเก็บเงินตามระยะเวลานั้น

  • ติดตามผลในกรณีที่มีการชำระเงินล่าช้า: เริ่มจากการส่งอีเมลหรือโทรศัพท์แจ้งเตือนอย่างสุภาพ และยกระดับหากจำเป็น หากยังไม่ได้ผล ให้ใช้บริการจากเอเจนซีติดตามหนี้หรือดำเนินการทางกฎหมายเป็นทางเลือกสุดท้าย

  • ตรวจสอบและปรับเปลี่ยน: ตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงินของคุณเป็นประจำ และปรับเปลี่ยนตามความจำเป็นต้องใช้กระแสเงินสด มาตรฐานอุตสาหกรรม และความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณ

Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาด (ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก) รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ เช่น ระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถช่วยให้คุณรับการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Invoicing

Invoicing

สร้างและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าได้ในไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Invoicing

สร้างและจัดการใบแจ้งหนี้สำหรับการชำระเงินครั้งเดียวด้วย Stripe Invoicing