ลูกหนี้การค้า (AR) คือเงินที่ธุรกิจของคุณกําลังรอรับจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการด้วยเครดิต การมียอด AR คงค้างในสถานะที่ดี หมายความว่าคุณสามารถจ่ายบิล ลงทุนในโอกาสใหม่ๆ และดูแลให้ทุกอย่างดําเนินไปอย่างราบรื่นได้ แต่ AR ที่มีการจัดการไม่ถูกต้องอาจทําให้เกิดความขัดข้องในการปฏิบัติงาน การชําระเงินล่าช้าหรือข้อผิดพลาดในการออกใบแจ้งหนี้ซึ่งอาจทําให้มีหนี้ค้างชําระ และบังคับให้คุณดึงเงินทุนสำรองมาใช้หรือก่อหนี้สิน การทำเช่นนี้อาจทําให้เกิดค่าใช้จ่ายโดยตรงและส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์และลูกค้า
โดยเฉลี่ยแล้ว การทำงานซ้ำๆ ที่หลีกเลี่ยงได้ในแผนกบัญชีอาจกินเวลาของพนักงานแบบเต็มเวลาถึง 30% ระบบอัตโนมัติช่วยลดการใช้เวลาดังกล่าวโดยการขจัดความซับซ้อนของกระบวนการ AR ทั้งหมด ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และเร่งขั้นตอนการเรียกเก็บเงิน เครื่องมืออัตโนมัติด้านการเงินจะจัดการการออกใบแจ้งหนี้ การแจ้งเตือนการชําระเงิน และการกระทบยอด ซึ่งจะช่วยรักษากระแสเงินสดที่มั่นคง ทําให้คาดการณ์การวางแผนทางการเงินได้มากขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ธุรกิจของคุณ
ด้านล่างนี้ เราจะสำรวจวิธีที่เครื่องมืออัตโนมัติจะช่วยอำนวยความสะดวกในด้าน AR รวมถึงประโยชน์ต่างๆ และวิธีที่เครื่องมือเหล่านั้นจะช่วยให้คุณย้ายโฟกัสจากงานด้านการบริหารไปมุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจได้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ลูกหนี้การค้าคืออะไร
- อะไรคือบทบาทของลูกหนี้การค้าในการเงินของธุรกิจ
- ความท้าทายในการจัดการ AR แบบเดิม
- เครื่องมืออัตโนมัติด้านการเงินคืออะไร
- ฟีเจอร์ของเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
- ประโยชน์ของระบบอัตโนมัติด้านการเงินต่อลูกหนี้การค้า
- ความท้าทายในการใช้ระบบอัตโนมัติสําหรับลูกหนี้การค้า
- วิธีเลือกเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
- วิธีใช้เครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
ลูกหนี้การค้าคืออะไร
ลูกหนี้การค้า หมายถึงเงินที่ลูกค้าต้องชําระค่าสินค้าหรือบริการที่จัดส่งไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ชําระเงินแก่ธุรกิจ เมื่อบริษัทขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนด้วยเครดิต บริษัทจะบันทึกจํานวนเงินที่ครบกําหนดชําระจากลูกค้าไว้เป็นลูกหนี้การค้าในงบดุลของบริษัท
ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าที่มีระยะเวลาการชําระเงินภายใน 30 วัน คุณจะบันทึกจํานวนเงินที่เรียกเก็บเป็น AR จนกว่าลูกค้าจะชําระเงินตามใบแจ้งหนี้ดังกล่าว แนวทางนี้เป็นเรื่องธรรมดาในหลายๆ อุตสาหกรรม เนื่องจากช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการชำระเงินภายหลัง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อปริมาณมากและกลับมาใช้บริการซ้ำ
อะไรคือบทบาทของลูกหนี้การค้าในการเงินของธุรกิจ
ต่อไปนี้คือผลกระทบของลูกหนี้การค้าที่มีต่อการเงินโดยรวมของธุรกิจ
กระแสเงินสด: AR เป็นแหล่งที่มาสําคัญของกระแสเงินสดเข้า เมื่อลูกค้าชำระเงินตามภาระหน้าที่ บริษัทจะสามารถนําเงินทุนเหล่านี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายโดยตรง ลงทุนในโอกาสการเติบโต และรักษายอดเงินสดคงเหลือให้อยู่ในระดับที่ดี
เงินทุนหมุนเวียน: AR เป็นเงินทุนหมุนเวียนส่วนที่สําคัญของบริษัท ยอด AR คงค้างที่มั่นคงช่วยให้แน่ใจว่าบริษัทจะมีสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องเพียงพอ (เงินสดและสินทรัพย์ซึ่งแปลงสภาพคล่องเป็นเงินสดได้ง่าย) เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางการเงินระยะสั้น เช่น การจ่ายเงินให้แก่ซัพพลายเออร์และพนักงาน รวมทั้งต้นทุนการดําเนินงานอื่นๆ
การรับรู้รายรับ: AR อนุญาตให้ธุรกิจรับรู้รายรับจากยอดขายที่เป็นเครดิต ณ เวลาของธุรกรรม ก่อนที่จะได้รับการชำระเงินจริงๆ การทำเช่นนี้จะปรับรายรับให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่ได้รับเงินและให้ภาพรวมที่แม่นยําและที่ครอบคลุมมากขึ้นของประสิทธิภาพทางการเงินในงบการเงิน
อัตราการหมุนเวียนการซื้อขาย: อัตราการหมุนเวียนการซื้อขายของ AR ซึ่งวัดความรวดเร็วในการเรียกเก็บลูกหนี้การค้า จะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานและสถานะทางการเงิน อัตราการหมุนเวียนการซื้อขายที่สูงขึ้น สะท้อนถึงการเรียกเก็บเงินที่รวดเร็วและการจัดการเครดิตที่มีประสิทธิภาพ
ความเสี่ยงด้านเครดิต: AR มีความเสี่ยงในแง่ที่ลูกค้าอาจไม่สามารถปฏิบัติตามภาระหน้าที่ในการชําระเงิน การจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตที่ดีหมายถึงการประเมินความน่าเชื่อถือทางเครดิตของลูกค้าก่อนการให้สินเชื่อ การกำหนดวงเงินเครดิตที่เหมาะสม และการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการชําระเงิน
ต่อไปนี้คือวิธีที่การจัดการ AR อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงสถานการณ์ทางการเงินของธุรกิจได้
ความยืดหยุ่นทางการเงิน: บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ความยืดหยุ่นทางการเงินได้ผ่านการจัดการ AR ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยรับรองเสถียรภาพของกระแสเงินสดขาเข้า การทำเช่นนี้จะช่วยลดผลกระทบจากหนี้เสียและสร้างเกราะป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจที่คาดไม่ถึง
ความสามารถในการทํากําไร: การจัดการ AR ที่มีประสิทธิภาพจะลดหนี้เสีย (ใบแจ้งหนี้ที่เรียกเก็บเงินไม่ได้ซึ่งเป็นผลมาจากการผิดชำระของลูกค้า) ด้วยการใช้นโยบายเครดิตที่เข้มงวด การตรวจสอบเครดิตอย่างละเอียด การดําเนินการเรียกเก็บเงินอย่างตรงเวลา และลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากหนี้เสีย บริษัทจะสามารถปกป้องผลกําไรของตนได้
การคาดการณ์และการจัดการด้านการเงิน: การจัดการ AR ที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยการติดตามใบแจ้งหนี้ที่ค้างชําระ การคาดการณ์รูปแบบการเรียกเก็บเงิน และการใช้กลยุทธ์เพื่อเร่งกระบวนการชําระเงินให้เร็วขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้บริษัทสามารถคาดการณ์กระแสเงินสดได้อย่างแม่นยำ ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และใช้มาตรการแก้ไขเพื่อคงความต่อเนื่องของเงินสดที่มี
นโยบายเกี่ยวกับเครดิต: เมื่อมีการจัดการ AR บริษัทจะกำหนดและใช้นโยบายเครดิตที่สร้างสมดุลระหว่างความต้องการเพิ่มยอดขายและความเสี่ยงของการผิดชําระเงิน นโยบายเหล่านี้จะระบุวงเงินเครดิต เงื่อนไขการชําระเงิน และบทลงโทษเมื่อมีการชําระเงินล่าช้า นอกจากนี้ ยังมอบกรอบการทำงานสําหรับการขายแบบใช้เครดิตอย่างยั่งยืนด้วย
ประสบการณ์ของลูกค้า: การออกใบแจ้งหนี้ที่แม่นยําและตรงเวลา การสื่อสารอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับความคาดหวังในการชําระเงิน และตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่นจะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ลูกค้าที่พึงพอใจมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำ แนะนําบริษัทให้ผู้อื่น และกลายเป็นผู้สนับสนุนในระยะยาว
ความท้าทายในการจัดการ AR แบบเดิม
ต่อไปนี้เป็นความท้าทายเกี่ยวกับการจัดการลูกหนี้การค้า
รอบการชําระเงินที่ช้าและความล่าช้าในการเรียกเก็บเงิน: การชําระเงินที่ล่าช้าอาจเป็นปัญหายืดเยื้อซึ่งสร้างความหยุดชะงักของกระแสเงินสดและเพิ่มความต้องการด้านเงินทุนหมุนเวียน
กระบวนการที่ต้องทําด้วยตัวเอง: การจัดการ AR แบบเดิมมักจะต้องอาศัยการป้อนข้อมูล การออกใบแจ้งหนี้ และการประมวลผลการชําระเงินด้วยตนเอง ซึ่งนําไปสู่ข้อผิดพลาด ความไร้ประสิทธิภาพ และความล่าช้า
การเข้าถึงข้อมูลและการรายงานที่จํากัด: หากไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูล AR แบบเรียลไทม์ก็อาจทําให้การติดตามใบแจ้งหนี้ที่ค้างชําระ ระบุหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้น และทําการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเป็นเรื่องยาก
การแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงิน: การแก้ไขปัญหาการโต้แย้งการชําระเงินและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องกับลูกค้าอาจเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและใช้ทรัพยากรมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าและกระแสเงินสดได้
ความยากลําบากในการขยายระบบไปพร้อมกับการเติบโต: เมื่อธุรกิจขยายตัว การจัดการ AR ก็จะยากขึ้น กระบวนการที่ต้องทําด้วยตัวเองอาจขยายระบบได้ยาก ซึ่งนําไปสู่การเพิ่มภาระและปัญหาติดขัด
ไม่มีระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่อการทํางาน: ระบบ AR แบบเดิมๆ มักไม่มีฟังก์ชันการทํางานอัตโนมัติและการผสานการทํางานกับระบบการเงินอื่นๆ ซึ่งทําให้เกิดขั้นตอนการทํางานที่แยกส่วนและการเก็บข้อมูลแยกจากกัน
นโยบายเครดิตและการจัดการความเสี่ยงที่ไม่เพียงพอ: นโยบายเครดิตที่ไม่เหมาะสมและการประเมินความเสี่ยงเครดิตที่ไม่เพียงพอจะเพิ่มหนี้เสียและการสูญเสียทางการเงิน
การเรียกเก็บเงินที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง: การเรียกเก็บเงินจากใบแจ้งหนี้ที่เลยกําหนดชําระอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ทรัพยากรด้านการสื่อสาร การดำเนินการทางกฎหมาย และอาจต้องลงบัญชีเป็นหนี้สูญ
ความยากลําบากในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ: ระเบียบข้อบังคับทางการเงินและข้อบังคับในการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เปลี่ยนแปลงไปอาจก่อให้เกิดความท้าทายสําหรับแนวทางการจัดการ AR แบบเดิมๆ
เครื่องมืออัตโนมัติด้านการเงินคืออะไร
เครื่องมืออัตโนมัติด้านการเงินคือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อทําให้การปฏิบัติงานทางการเงินของบริษัทเป็นอัตโนมัติ โดยจะช่วยลดความผิดพลาด ปรับปรุงการดําเนินงาน รวมทั้งเพิ่มการควบคุมทางการเงินและการเข้าถึงข้อมูล
ต่อไปนี้เป็นหมวดหมู่หลักและฟังก์ชันของเครื่องมืออัตโนมัติด้านการเงิน
ซอฟต์แวร์การทําบัญชี: ซอฟต์แวร์นี้จะบันทึกธุรกรรมทางการเงินและสร้างงบการเงินโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยในการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีด้วย ตัวอย่างเช่น QuickBooks, Xero และ Sage
ระบบใบแจ้งหนี้และการเรียกเก็บเงิน: เครื่องมือเหล่านี้จะดําเนินการขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้แบบอัตโนมัติ โดยจะส่งใบเรียกเก็บเงินไปให้ลูกค้า ติดตามการชําระเงิน และจัดการ AR นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการการเรียกเก็บเงินตามรอบและการชําระเงินตามรอบบิลได้อีกด้วย
การจัดการค่าใช้จ่าย: ซอฟต์แวร์นี้ช่วยธุรกิจต่างๆ ติดตามค่าใช้จ่ายของพนักงาน อนุมัติค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติ และผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์การทําบัญชีเพื่อกระทบยอด เครื่องมืออย่าง Expensify และ Concur ทําให้กระบวนการรายงานค่าใช้จ่ายและการปฏิบัติตามนโยบายง่ายขึ้น
ระบบบัญชีเงินเดือน: ระบบเหล่านี้จะคํานวณค่าแรง การจ่ายเงินเดือน และการยื่นภาษีโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังปรับปรุงความถูกต้องแม่นยำและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานด้วย ตัวอย่างเช่น ADP และ Paychex
เครื่องมือจัดทำงบประมาณและการคาดการณ์: เครื่องมือเหล่านี้มีแพลตฟอร์มสําหรับตั้งเป้าหมายทางการเงิน การเตรียมงบประมาณ และการคาดการณ์ประสิทธิภาพทางการเงินในอนาคต
การจัดการการจัดซื้อและการใช้จ่าย: ซอฟต์แวร์นี้จะดําเนินกระบวนการจัดซื้อแบบอัตโนมัติ ตั้งแต่การสร้างใบสั่งซื้อไปจนถึงการประมวลผลการชําระเงิน โดยช่วยให้ธุรกิจจัดการการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเจรจากับซัพพลายเออร์ได้ดียิ่งขึ้น
การรายงานและการวิเคราะห์ด้านการเงิน เครื่องมือ เช่น Tableau หรือ Microsoft Power BI สามารถแสดงภาพข้อมูลทางการเงิน สร้างรายงานแบบอินเทอร์แอกทีฟ และช่วยทำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ผ่านข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ
ซอฟต์แวร์จัดเตรียมข้อมูลภาษี: ซอฟต์แวร์นี้ดําเนินการจัดเตรียมแบบแสดงรายการภาษีโดยอัตโนมัติ และทําให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความยุ่งยากในการยื่นภาษี โดยลดข้อผิดพลาดและทำการลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุด
ระบบการบริหารด้านการเงิน: ระบบเหล่านี้จะจัดการสภาพคล่องของบริษัท ดูแลเงินสดและการลงทุน รวมทั้งแนะนําการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการปรับปรุงสถานะทางการเงินขององค์กร
การจัดการเครดิต: เครื่องมือเหล่านี้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิต จัดการนโยบายด้านเครดิต และทําให้การให้คะแนนเครดิตและการอนุมัติเป็นระบบอัตโนมัติ
ฟีเจอร์ของเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
นี่คือตัวอย่างฟีเจอร์ของเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
การจัดการใบแจ้งหนี้ เครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR สร้าง ส่ง และติดตามใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติ โดยสามารถปรับแต่งใบแจ้งหนี้ตามความต้องการของลูกค้า ติดตามสถานะแบบเรียลไทม์ และจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อมีการเปิดดู ถึงกำหนดชําระ หรือเลยกําหนดชําระ
การประมวลผลการชําระเงิน: เครื่องมือสำหรับ AR ช่วยอํานวยความสะดวกในการรับชําระเงินผ่านช่องทางต่างๆ และจะกระทบยอดการชําระเงินเหล่านี้กับใบแจ้งหนี้ที่ค้างชําระโดยอัตโนมัติ
การจัดการเครดิต: คุณสามารถใช้เครื่องมือสำหรับ AR เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกค้า และทำการตัดสินใจเกี่ยวกับวงเงินและเงื่อนไขได้อย่างมีข้อมูล นอกจากนี้ยังสามารถติดตามรูปแบบการชําระเงินของลูกค้าและช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตในเชิงรุกได้ด้วย
การคาดการณ์กระแสเงินสด: เครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR สามารถใช้ข้อมูลประวัติเพื่อคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้ ฟีเจอร์นี้จะช่วยคุณยืนยันว่ามีเงินทุนเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่กําลังจะถึงกําหนด
การจัดการการติดตามหนี้: คุณสามารถส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติให้ลูกค้าเกี่ยวกับวันที่ครบกําหนดชําระเงินได้ ขั้นตอนการติดตามหนี้นี้ปรับแต่งได้ และคุณสามารถส่งต่อเรื่องโดยอิงตามระยะเวลาที่การชําระเงินที่เลยกําหนด
การรายงานและการวิเคราะห์ เครื่องมือสำหรับ AR จะจัดทํารายงานและการวิเคราะห์อย่างละเอียดที่ช่วยให้คุณเข้าใจสถานะของ AR ระบุแนวโน้ม และทําการตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ซึ่งอาจรวมถึงรายงานอายุหนี้ รายงานการเรียกเก็บเงิน และแดชบอร์ดประสิทธิภาพ
ฟังก์ชันการผสานการทํางาน: เครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR ส่วนใหญ่สามารถผสานการทํางานกับระบบธุรกิจอื่นๆ ได้ เช่น ซอฟต์แวร์การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ซอฟต์แวร์การทําบัญชี และระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ซึ่งจะแสดงภาพรวมการเงินและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของธุรกิจ
ประโยชน์ของระบบอัตโนมัติด้านการเงินต่อลูกหนี้การค้า
ต่อไปนี้คือวิธีที่เครื่องมืออัตโนมัติด้านการเงินจะช่วยเหลือคุณในแง่ของลูกหนี้การค้า
การประมวลผลใบแจ้งหนี้และรอบการชําระเงินที่รวดเร็วขึ้น
การสร้าง การส่งใบแจ้งหนี้ และการติดตามอัตโนมัติจะช่วยลดการดำเนินการด้วยตนเองและเวลาในการประมวลผล
การแจ้งเตือนการชําระเงินอัตโนมัติและอีเมลติดตามหนี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าชําระเงินทันเวลา
การผสานการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงินออนไลน์จะช่วยอํานวยความสะดวกในการมอบตัวเลือกการชําระเงินที่รวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้นให้แก่ลูกค้า
กระแสเงินสดที่ดีขึ้นและลดระยะเวลาเก็บหนี้ (DSO)
วงจรการชําระเงินที่รวดเร็วขึ้นช่วยให้มีกระแสเงินสดขาเข้าที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องและลดเวลาโดยเฉลี่ยในการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้การค้า
ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติช่วยจัดการการชําระเงินที่ล่าช้าได้อย่างทันท่วงทันที ซึ่งจะช่วยลดหนี้เสียและเพิ่มการเก็บเงินให้ได้สูงสุด
ข้อผิดพลาดลดลงและมีความแม่นยํามากขึ้น
ระบบอัตโนมัติช่วยลดข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งนําไปสู่การออกใบแจ้งหนี้และข้อมูลการชําระเงินที่แม่นยํายิ่งขึ้น
กระบวนการกระทบยอดอัตโนมัติจะจับคู่การชําระเงินกับใบแจ้งหนี้ เพื่อป้องกันข้อมูลคลาดเคลื่อนและช่วยประหยัดเวลา
การเข้าถึงข้อมูลและการรายงาน
แดชบอร์ดและรายงานแบบเรียลไทม์จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้ที่ยังค้างชําระ สถานะการชําระเงิน รายงานอายุหนี้ และพฤติกรรมการชําระเงินของลูกค้า
ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้จะช่วยให้เกิดการตัดสินใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับนโยบายด้านเครดิต กลยุทธ์การเรียกเก็บเงิน และความสัมพันธ์กับลูกค้า
ประสิทธิภาพการทำงาน
การปรับงานที่ทำซ้ำๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย AR มีเวลาไปมุ่งเน้นกับกิจกรรมเชิงกลยุทธ์ เช่น การวิเคราะห์เครดิต, CRM และการยุติการโต้แย้งการชําระเงิน
ขั้นตอนการทำงานที่ดีขึ้นช่วยให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง ลดปัญหาติดขัด และปรับปรุงกระบวนการ AR โดยรวม
การจัดสรรทรัพยากร
ระบบอัตโนมัติช่วยลดการใช้พนักงาน ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน
มีข้อผิดพลาดน้อยลงและประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นเนื่องจากระบบอัตโนมัติ จึงทำให้มีเวลาและทรัพยากรต่างๆ ไว้ใช้สำหรับการจัดสรรพนักงานได้ดีขึ้น
ความพึงพอใจของลูกค้า
การออกใบแจ้งหนี้ที่ถูกต้องและรวดเร็ว การสื่อสารอย่างโปร่งใส และตัวเลือกการชําระเงินที่สะดวกช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
พอร์ทัลบริการตัวเองช่วยให้ลูกค้าดูใบแจ้งหนี้ ทําการชําระเงิน และจัดการบัญชีของตนเองได้อย่างอิสระ
ความสามารถในการปรับขนาดและปรับตัว
โซลูชัน AR อัตโนมัติสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและปริมาณธุรกรรมที่สูงขึ้นได้อย่างง่ายดาย
โซลูชันอัตโนมัติด้านการเงินสามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการทางธุรกิจและข้อกําหนดทางกฎหมายเพื่อประสิทธิภาพในระยะยาว
การปฏิบัติตามข้อกําหนดและการจัดการความเสี่ยง
ระบบอัตโนมัติช่วยในการปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินและการควบคุมภายใน
เครื่องมือตรวจสอบเครดิตและการประเมินความเสี่ยงอัตโนมัติจะช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตและลดหนี้เสียให้เหลือน้อยที่สุด
แนวทางการตรวจสอบบัญชีมีความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบย้อนหลัง
ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
กระบวนการ AR ที่มีประสิทธิภาพและปรับปรุงให้ดีขึ้นสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด
การชําระเงินที่รวดเร็วขึ้นและบริการลูกค้าที่ดีขึ้นช่วยให้บริษัทมีความแตกต่างจากคู่แข่ง
ความท้าทายในการใช้ระบบอัตโนมัติสําหรับลูกหนี้การค้า
นี่คือความท้าทายบางส่วนของระบบอัตโนมัติสำหรับ AR
การนำไปใช้งาน: การติดตั้งซอฟต์แวร์อัตโนมัติสำหรับ AR จะต้องมีการลงทุนล่วงหน้าจำนวนมากในด้านใบอนุญาตซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และการฝึกอบรม ธุรกิจขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจํากัดอาจไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายขั้นต้นนี้ได้ นอกจากนี้ การผสานการทํางานเครื่องมืออัตโนมัติใหม่ๆ เข้ากับระบบและกระบวนการที่มีอยู่ก็อาจมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน
การจัดการการเปลี่ยนแปลง: ระบบอัตโนมัติสำหรับ AR มักจะอาศัยการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการทํางานและบทบาทงานที่มีอยู่ ซึ่งอาจนําไปสู่การต้านทานจากพนักงานที่คุ้นเคยกับวิธีการแบบเดิมๆ ธุรกิจจะต้องฝึกอบรมและสื่อสารกับพนักงานเพื่อให้มั่นใจว่าจะนําไปใช้ได้สําเร็จ
คุณภาพข้อมูลและการผสานรวม: ระบบอัตโนมัติต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและสอดคล้องกัน ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์สามารถสร้างข้อผิดพลาดและส่งผลต่อประสิทธิภาพในกระบวนการอัตโนมัติ การเชื่อมต่อการทํางานระบบอัตโนมัติสำหรับ AR เข้ากับระบบการเงินอื่นๆ อย่างแพลตฟอร์ม ERP หรือ CRM ก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องมีการวางแผนอย่างถี่ถ้วน
โซลูชันที่เหมาะสม: ตลาดนำเสนอเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR จํานวนมากที่มีฟีเจอร์และฟังก์ชันแตกต่างกันไป บริษัทอาจมีปัญหาในการเลือกโซลูชันที่สอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณเฉพาะของตน
ความท้าทายทางเทคนิค: ปัญหาทางเทคนิค เช่น ข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์ ช่วงเวลาหยุดทํางานของระบบ และปัญหาความเข้ากันได้อาจทําให้เกิดปัญหาขัดข้องในกระบวนการ AR และทําให้เกิดความล่าช้าได้
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: ข้อมูลเกี่ยวกับ AR มักประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า ข้อมูลนี้จะต้องถูกเก็บเป็นส่วนตัวและปลอดภัย เพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือการละเมิดโดยไม่ได้รับอนุญาต
เทคโนโลยีและระเบียบข้อบังคับที่เปลี่ยนแปลงไป: เทคโนโลยีอัตโนมัติสำหรับ AR มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นธุรกิจต่างๆ จึงต้องอัปเดตและปรับการทํางานให้เข้ากับฟีเจอร์และฟังก์ชันใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับทางการเงินหรือข้อกําหนดในการปฏิบัติตามกฎต่างๆ ยังส่งผลให้ต้องมีการปรับกระบวนการอัตโนมัติด้วย
ข้อยกเว้นและสถานการณ์ที่ซับซ้อน: แม้ระบบอัตโนมัติจะสามารถจัดการงานตามกําหนดเวลาได้อย่างง่ายดาย แต่สถานการณ์หรือข้อยกเว้นที่ซับซ้อนก็อาจทำให้ต้องมีการแทรกแซงโดยพนักงาน ธุรกิจจะต้องกําหนดขั้นตอนการส่งต่อเรื่องและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการจัดการข้อยกเว้นต่างๆ
คุณค่าที่แสดงให้เห็น: การคํานวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของระบบอัตโนมัติสำหรับ AR อาจเป็นเรื่องซับซ้อน ธุรกิจจะต้องติดตามตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) และระบุผลลัพธ์ของระบบอัตโนมัติที่มีต่อประสิทธิภาพ การประหยัดต้นทุน และความพึงพอใจของลูกค้าออกมาเป็นตัวเลขเพื่อระบุคุณค่า
วิธีเลือกเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
การเลือกเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR ที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ต่อไปนี้คือวิธีดำเนินการ
ประเมินความต้องการและสิ่งที่คุณให้ความสําคัญ
ระบุความท้าทายเฉพาะที่คุณต้องการแก้ไขด้วยระบบอัตโนมัติสำหรับ AR คุณประสบปัญหากับรอบการชําระเงินที่ล่าช้า ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการดำเนินการด้วยตัวเอง หรือการเข้าถึงข้อมูลด้าน AR ที่จํากัดหรือไม่
จัดลําดับความสําคัญให้กับฟีเจอร์ที่สําคัญสําหรับคุณมากที่สุด โดบอิงตามปัญหาของคุณ คุณต้องการการประมวลผลใบแจ้งหนี้ การแจ้งเตือนการชําระเงิน หรือฟังก์ชันการรายงานแบบผสานการทํางานอัตโนมัติหรือไม่
กําหนดงบประมาณของซอฟต์แวร์อัตโนมัติสำหรับ AR งบประมาณของคุณอาจเป็นตัวกําหนดโซลูชันที่มีให้บริการ
ศึกษาตัวเลือกที่มี
ประเมินผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อัตโนมัติสำหรับ AR รายต่างๆ และเปรียบเทียบข้อเสนอ พิจารณาผู้ให้บริการที่มีประวัติการทำงานที่พิสูจน์ได้และรีวิวในเชิงบวกจากลูกค้า
อ่านรีวิวออนไลน์และกรณีศึกษาเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ของธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้ซอฟต์แวร์นั้น
เข้าร่วมการสัมมนาผ่านเว็บหรือขอรับผลิตภัณฑ์สาธิตจากผู้ให้บริการเพื่อลองใช้ซอฟต์แวร์และถามข้อสงสัย
ประเมินฟีเจอร์และฟังก์ชันการทํางานหลัก
ค้นหาฟังก์ชันการสร้างใบแจ้งหนี้ การจัดส่ง และการติดตามแบบอัตโนมัติ
ค้นหาซอฟต์แวร์ที่รองรับตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายและเชื่อมต่อกับระบบการทําบัญชีของคุณได้
พิจารณาฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การแจ้งเตือนให้ชําระเงิน อีเมลติดตามหนี้ และขั้นตอนการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
ค้นหาแดชบอร์ดและรายงานที่ปรับแต่งได้ที่มอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ AR ของคุณ
ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์สามารถผสานการทํางานกับระบบที่คุณมีอยู่ เช่น แพลตฟอร์ม ERP หรือ CRM
พิจารณาความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่น
เลือกโซลูชันที่จะเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณ
ค้นหาซอฟต์แวร์ที่ให้คุณปรับแต่งขั้นตอนการทํางานและฟีเจอร์ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตัวเองได้
พิจารณาว่าโซลูชันบนระบบคลาวด์หรือในระบบของธุรกิจนั้นเหมาะสมกับข้อกําหนดด้านโครงสร้างพื้นฐานและการรักษาความปลอดภัยของบริษัทมากกว่า
รับคำติชมและความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขอความคิดเห็นจากทีม AR เกี่ยวกับความจำเป็นและความต้องการของทีม
ปรึกษาแผนกไอทีของคุณเพื่อยืนยันว่าซอฟต์แวร์นั้นเข้ากันได้กับระบบที่คุณมีอยู่และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
ขอคำอนุมัติจากฝ่ายบริหารเพื่อให้โครงการมีทรัพยากรและการสนับสนุนที่จําเป็น
ส่งคําขอใช้ผลิตภัณฑ์สาธิตหรือการทดลองใช้
ขอใช้ผลิตภัณฑ์สรสาธิตหรือทดลองใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทดสอบฟังก์ชันและความสะดวกในการใช้งาน
สอบถามผู้ให้บริการเกี่ยวกับฟังก์ชัน กระบวนการติดตั้งใช้งาน และการสนับสนุนลูกค้าของซอฟต์แวร์
เปรียบเทียบค่าบริการจากผู้ให้บริการแต่ละรายและเจรจากับข้อเสนอที่ดีที่สุดสําหรับบริษัทของคุณ
ตัดสินใจและติดตั้งใช้งาน
เลือกเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR ที่ตรงกับความต้องการ งบประมาณ และเป้าหมายในอนาคตของคุณมากที่สุด
ทํางานร่วมกับผู้ให้บริการเพื่อพัฒนาแผนการติดตั้งใช้งานและลําดับเวลา
วิธีติดตั้งใช้งานเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR
ต่อไปนี้คือคําแนะนําทีละขั้นตอนเกี่ยวกับการติดตั้งใช้เครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR ให้ธุรกิจของคุณ
กําหนดวัตถุประสงค์: ระบุเป้าหมายในการใช้ระบบอัตโนมัติสำหรับ AR และเมตริกที่คุณต้องการปรับปรุง
ก่อตั้งทีมสำหรับโครงการ: ระบุผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักจากทีม AR, การเงิน, ไอที และแผนกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มอบหมายบทบาทและความรับผิดชอบให้กับสมาชิกทีมแต่ละคน
จัดทำแผนโครงการ: จัดทําแผนโครงการโดยละเอียดพร้อมลําดับเวลา เป้าหมายระหว่างทาง และการจัดสรรทรัพยากร
จัดระเบียบข้อมูล AR ของคุณ: ตรวจสอบข้อมูล AR ที่มีอยู่เพื่อให้มีความถูกต้องและสมบูรณ์ ลบความไม่สอดคล้องหรือข้อผิดพลาดก่อนที่จะย้ายข้อมูลไปยังระบบใหม่
กําหนดค่าระบบ: ปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับขั้นตอนการทํางานและกฎทางธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ กําหนดการตั้งค่าสําหรับเทมเพลตใบแจ้งหนี้ เงื่อนไขการชําระเงิน กลยุทธ์การติดตามหนี้ และการรายงาน
เชื่อมต่อการทํางานกับระบบที่มีอยู่: ผสานการทํางานเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับ AR เข้ากับระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น ซอฟต์แวร์การทําบัญชีของคุณ ระบบ ERP และแพลตฟอร์ม CRM
การทดสอบ: ทดสอบระบบที่ผสานการทํางานอย่างครอบคลุมเพื่อให้การส่งข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น มีการคํานวณที่ถูกต้องแม่นยํา และฟังก์ชันที่เรียบง่าย ทดสอบสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการประมวลผลใบแจ้งหนี้ แอปพลิเคชันการชําระเงิน และการรายงาน
ฝึกอบรมผู้ใช้ ฝึกผู้ใช้งานทุกคนให้คุ้นเคยกับระบบใหม่ โดยครอบคลุมทุกแง่มุมของซอฟต์แวร์ ตั้งแต่การใช้งานขั้นพื้นฐานไปจนถึงฟีเจอร์ขั้นสูง
แก้ไขข้อกังวลของพนักงาน: สื่อสารถึงประโยชน์ของระบบอัตโนมัติสำหรับ AR กับทีมของคุณ และจัดการกับข้อกังวลหรือการต่อต้าน กระตุ้นให้ผู้ใช้นําไปใช้งาน โดยเน้นให้ทราบถึงผลลัพธ์ในเชิงบวกต่อขั้นตอนการทํางาน
เริ่มการเปิดตัวโดยแบ่งเป็นระยะ: พิจารณาการเปิดตัวโดยแบ่งเป็นระยะเพื่อลดความติดขัด เริ่มด้วยกลุ่มนําร่องหรือทีม AR ก่อนที่จะขยายไปยังทั้งแผนก
ให้การสนับสนุน: ให้การสนับสนุนอย่างเพียงพอในช่วงที่มีการใช้งานจริง เพื่อแก้ไขปัญหาหรือตอบข้อสงสัยใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ตรวจสอบประสิทธิภาพ: ติดตาม KPI เพื่อวัดผลลัพธ์ของระบบอัตโนมัติสำหรับ AR ที่มีต่อเป้าหมายของคุณ ตรวจสอบเมตริก เช่น DSO, อัตราการเรียกเก็บ, อัตราข้อผิดพลาด และความพึงพอใจของลูกค้า
ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: วิเคราะห์ข้อมูลเป็นประจําเพื่อระบุส่วนที่ต้องการปรับปรุง รวบรวมคําติชมจากผู้ใช้และทําการปรับเปลี่ยนที่จําเป็นในส่วนของขั้นตอนการทำงานและการกำหนดค่า
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ