หากคุณมีธุรกิจที่ดําเนินการในอิตาลีซึ่งอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณอาจพบว่าคุณมีเครดิตภาษีเมื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอะไร คุณจะใช้เครดิตนี้ได้อย่างไร ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงความหมายของเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม วิธีการใช้เงินยอดนี้เป็นค่าชดเชย และวิธีการขอคืนภาษี
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การได้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอย่างไร
- ภาษีมูลค่าเพิ่มฝั่งภาษีซื้อและภาษีขายแตกต่างกันอย่างไร
- การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
การได้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอย่างไร
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มคือจํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่บุคคลที่ต้องเสียภาษีจ่ายเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ โดยชําระทั้งค่าสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชําระไปถือเป็นเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากผู้มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ชำระภาษีนั้นแล้ว จึงได้เครดิตภาษีจากรัฐ
ต่อไปนี้คือตัวอย่างเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณซื้อเครื่องจักรในราคา 24,400 ยูโร โดย 4,400 ยูโรคือภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้คุณได้รับเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มจํานวน 4,400 ยูโร
ภาษีมูลค่าเพิ่มฝั่งภาษีซื้อและภาษีขายแตกต่างกันอย่างไร
ภาษีซื้อคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณจ่ายตามใบแจ้งหนี้จากการซื้อ ส่วนภาษีขาย คือภาษีที่คุณเรียกเก็บเมื่อขายสินค้าหรือบริการ
ตัวอย่างเช่น หากคุณขายตู้ลิ้นชักในราคา 350 ยูโร บวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 22% (77 ยูโร) คิดเป็นยอดรวม 427 ยูโร ภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 77 ยูโรคือภาษีที่คุณจะต้องนำส่งให้รัฐ นับเป็นหนี้ที่คุณมีต่อรัฐและคุณจะต้องจ่ายเงินจำนวนนั้นเข้าคลัง
การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในช่วงการรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณสามารถชดเชยภาษีซื้อได้ด้วยหักลบกับภาษีขายที่อยู่ในรายการแสดงภาษีของคุณ วิธีนี้จะลดจํานวนเงินที่คุณต้องชําระ หรือในบางกรณีคุณจะได้เครดิตที่นำมาใช้ได้ โดยเราจะสาธิตวิธีการคํานวณเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ด้านล่างนี้
วิธีคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในการคํานวณเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณต้องหายอดภาษีซื้อและภาษีขาย สําหรับภาษีซื้อ คุณต้องคูณมูลค่าการซื้อรวมด้วยอัตราอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้อง หากยอดภาษีซื้อสูงกว่าภาษีขาย ธุรกิจของคุณก็ไม่จําเป็นต้องชําระค่าภาษีและสามารถขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มจากรัฐได้ในมูลค่าตามส่วนต่างของทั้งสองยอด ถ้าเป็นในทางตรงข้าม คุณก็ต้องชำระภาษี
ต่อไปนี้คือตัวอย่าง คุณซื้อสินค้าในราคารวมทั้งสิ้น 30,000 ยูโร โดยจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 22%
30,000 ยูโร x 22% = 6,600 ยูโร
ภาษีซื้อเท่ากับ 6,600 ยูโร ในช่วงเวลาเดียวกัน คุณขายสินค้ารวมทั้งหมด 15,000 ยูโร โดยเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 22% ภาษีขายคือ
15,000 ยูโร x 22% = 3,300 ยูโร
ดังนั้นภาษีขายคิดเป็น 3,300 ยูโร ในขณะที่ภาษีซื้อเท่ากับ 6,600 ยูโร ในตัวอย่างนี้ ภาษีมากกว่าภาษีขาย ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงอยู่ในสถานะที่ได้เครดิต
ภาษีซื้อรวม – ภาษีขายรวม = เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในตัวอย่างนี้ เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 3,300 ยูโร
6,600 ยูโร – 3,300 ยูโร = 3,300 ยูโร
สามารถใช้ยอดนี้หักลบหนี้ภาษีได้
การชดเชยแนวนอนและการชดเชยแนวตั้ง
การชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มมีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ แนวตั้งและแนวนอน
การชดเชยแบบแนวตั้ง: วิธีนี้เกิดขึ้นเมื่อเครดิตภาษีอยู่ในหมวดเฉพาะที่ใช้สำหรับชำระหนี้ภาษีแบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น สามารถใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มชําระหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้
การชดเชยแบบแนวนอน: วิธีนี้เปิดให้คุณใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มชําระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับภาษีอื่นๆ นอกเหนือจากภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล (IRPEF) หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล (IRES)
วงเงินสําหรับค่าชดเชยแบบแนวนอน
คุณควรทำความเข้าใจประเภทของการชดเชยเพื่อให้ทราบว่าเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นสามารถใช้ได้อย่างอิสระหรือมีข้อจำกัดอยู่ ที่จริงแล้วการชดเชยแบบแนวตั้งไม่มีข้อจำกัดใดๆ แต่กับการชดเชยแบบแนวนอน คุณสามารถใช้เครดิตได้อย่างอิสระได้ไม่เกิน 5,000 ยูโร โดยวงเงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ยูโรสำหรับกิจการสตาร์ทอัพที่เป็นนวัตกรรม นอกจากวงเงินที่กำหนด ยังต้องพิจารณาถึงกฎต่อไปนี้ด้วย
สามารถใช้เครดิตที่เกิน 5,000 ยูโรเป็นค่าชดเชยได้ตั้งแต่วันที่ 10 หลังจากส่งแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายปี และในกรณีที่การรายงานภาษีได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเท่านั้น หรืออาจให้มีการลงนามในแบบแสดงรายการภาษีโดยหน่วยงานตรวจสอบ
ตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติของหน่วยงานสรรพากรอิตาลี วันที่ 27 เมษายน 2023 ผู้เสียภาษีที่มีคะแนนดัชนีความน่าเชื่อถือสรุป (ISA) ในรอบภาษีปี 2023 ขั้นต่ำเท่ากับ 8 (หรืออีกทางหนึ่งคือมีคะแนนเฉลี่ยในรอบภาษีปี 2023 และปีก่อนหน้าเท่ากับ 8.5) จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีสำหรับการหักลบภาษีจำนวนไม่เกิน 50,000 ยูโร ในกรณีที่มีคะแนน ISA ขั้นต่ํา 9 คะแนน การยกเว้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ยูโร ตามกฤษฎีกาว่าด้วยการลดความซับซ้อนในการปฏิบัติตามข้อกําหนดภาษี (กฤษฎีกาฉบับที่ 1, 8 มกราคม 2024)
การใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชดเชยผ่านแบบฟอร์ม F24 จะต้องดําเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ไว้เท่านั้น (เช่น Fisconline, Entratel) โดยไม่อนุญาตให้ใช้ระบบธนาคารทั่วไป
ต่อไปนี้คือสรุปวิธีการใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นค่าชดเชย
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มไม่เกิน 5,000 ยูโร |
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ 5,000-50,000 ยูโร |
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ 5,000-50,000 ยูโร* |
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ 5,000-70,000 ยูโร** |
|
---|---|---|---|---|
แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มประจําปี |
ไม่จําเป็น |
จำเป็น |
จำเป็น |
จำเป็น |
วีซ่าการปฏิบัติตามข้อกําหนด |
ไม่จําเป็น |
จำเป็น |
จำเป็น |
จำเป็น |
การใช้เครดิต |
1 มกราคมของปีถัดไป |
วันที่ 10 หลังจาก |
วันที่ 10 หลังจาก |
วันที่ 10 หลังจาก |
*ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA อย่างน้อย 8 หรือคะแนน ISA เฉลี่ยระหว่างปีภาษี 2023 และปีก่อนหน้า 8.5 คะแนน
**ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA อย่างน้อย 9 คะแนน
การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีและรายไตรมาส
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำมาใช้ชดเชยได้มีอยู่สองประเภท ดังนี้
- เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปี
- เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส
เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีมาจากการยื่นแบบแสดงรายการภาษีที่ทำในแต่ละปี ซึ่งสามารถใช้ชดเชย
- หนี้ภาษีมูลค่าค้างจ่ายในรอบต่อๆ ไป
- ภาษีอื่นๆ ของรัฐ เช่น IRPEF หรือ IRES
- เงินสมทบประกันสังคมและสวัสดิการ
ในขณะที่เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาสเกิดจากการชําระภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส สามารถใช้เครดิตภาษีประเภทนี้เพื่อหักหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มค้างจ่ายในเดือนต่อๆ ไปเท่านั้น
การติดตามกฎระเบียบด้านภาษีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ทันการณ์อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสําหรับธุรกิจของคุณ เครื่องมืออย่าง Stripe Tax จะช่วยให้คุณสามารถคํานวณ เรียกเก็บภาษี และยื่นแบบแสดงรายการภาษีจากการชําระเงินทั้งหมดได้ในการผสานการทำงานระบบเพียงที่เดียว
การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
อีกวิธีหนึ่งในการใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชดเชยคือการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ใครบ้างที่มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
บริษัทที่จดทะเบียนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถส่งคําขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โดยเฉพาะ
ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ
ผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศซึ่งมีสถานประกอบการถาวรในอิตาลี ได้แต่งตั้งตัวแทนภาษี หรือดำเนินการภาษีด้วยตนเอง
ข้อกําหนดในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
สิทธิในการขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มประจำปีจะได้รับการรับรองในกรณีที่เข้าเงื่อนไขอย่างน้อยหนึ่งข้อตามที่ระบุไว้ในมาตรา 30 วรรค 3 ของรัฐกำหนดประธานาธิบดี เลขที่ 633/1972
กิจกรรมที่มีธุรกรรมที่เก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและการนําเข้า
มีธุรกรรมที่ไม่ต้องเสียภาษีมากกว่า 25% ของยอดรวมธุรกรรมทั้งหมด
การนำเข้าสินค้าและบริการที่เสื่อมราคาได้ที่ใช้เพื่อการวิจัยและพัฒนา
ธุรกรรมส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเนื่องจากไม่มีสภาพอาณาเขตตามมาตราที่ 7 ของรัฐกำหนดประธานาธิบดีเลขที่ 633/1972
การขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มมีหลักการทํางานอย่างไร
หากต้องการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณต้องมีเครดิตอย่างน้อย 2,582.28 ยูโร ทั้งนี้ไม่มีข้อจำกัดเฉพาะใดๆ สำหรับยอดเครดิตที่ไม่เกิน 30,000 ยูโร อย่างไรก็ตาม สําหรับยอดที่เกิน 30,000 ยูโร จะต้องใข้วีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี และในบางกรณีจะต้องมีการรับประกันอื่นเพิ่มเติมด้วย
สิ่งสําคัญที่ควรทราบคือเกณฑ์ 30,000 ยูโรจะต้องคำนวณยอดชดเชยกับยอดขอคืนแยกกัน ซึ่งหมายความว่า ในกรณีเช่น จำนวนเงินเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำมาชดเชยคือ 5,000 ยูโร และจำนวนภาษีที่ขอคืนคือ 28,500 ยูโร ก็ไม่จําเป็นต้องใช้เอกสารรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี แม้ว่าผลรวมของเครดิตทั้งสองแบบจะเกินเกณฑ์ 30,000 ยูโรก็ตาม
การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนมากกว่า 30,000 ยูโร
สิ่งสำคัญประการแรกคือการแยกให้ได้ระหว่างผู้เสียภาษีที่ได้รับพิจารณาว่ามีความเสี่ยงกับผู้ที่ไม่ถือว่ามีความเสี่ยง ในความเป็นจริงกฎหมายระบุว่าผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยงที่ระบุไว้ในมาตรา 38-bis ของรัฐกำหนดประธานาธิบดี 26/10/1972 เลขที่ 633 ไม่มีสิทธิ์ขอวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี จึงต้องแสดงการค้ำประกันที่สามารถใช้ได้ ซึ่งประกอบด้วย
บุคคลที่ต้องเสียภาษีซึ่งดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจยังไม่ถึง 2 ปี (นอกเหนือจากบริษัทสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมที่กล่าวถึงในมาตราที่ 25 ของรัฐกำหนด 18/10/2012, เลขที่ 179)
บุคคลที่ต้องเสียภาษีซึ่งใน 2 ปีก่อนหน้าการขอคืนภาษี ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินหรือได้รับแจ้งให้แก้ไขส่วนต่างระหว่างจํานวนที่ประเมินและยอดภาษีที่ต้องชําระหรือเครดิตภาษีที่รายงานเกินกว่า
- 10% ของยอดที่รายงานในกรณีที่ไม่เกิน 150,000 ยูโร
- 5% ของยอดที่รายงานในกรณีที่เกิน 150,000 ยูโร แต่ไม่เกิน 1,500,000 ยูโร
- 1% ของยอดที่รายงาน หรือ 150,000 ยูโรในทุกกรณี ในกรณีที่ยอดที่รายงานเกิน1,500,000 ยูโร
- 10% ของยอดที่รายงานในกรณีที่ไม่เกิน 150,000 ยูโร
สําหรับผู้เสียภาษีรายอื่นๆ การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีมูลค่าเกิน 30,000 ยูโรไม่ต้องมีการค้ำประกัน แต่ต้องมีคำแถลงแทนหนังสือรับรองแนบท้ายแบบยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 47 ของรัฐกำหนดประธานาธิบดี 445/2000) คําแถลงจะต้องรับรองว่าไม่มีการเกินเงื่อนไขเกี่ยวกับสินทรัพย์ของผู้เสียภาษีและการดําเนินงานทางธุรกิจ เช่น
ความมั่นคงของมูลค่าสุทธิและอสังหาริมทรัพย์เทียบกับรอบภาษีก่อนหน้า ลดลงไม่เกิน 40% และไม่มีเลิกหรือลดกิจกรรมทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่มีการขายหุ้นหรือโควตาหุ้นในมูลค่ามากกว่า 50% ของทุนก่อนหน้าปีที่มีการขอคืนภาษีสำหรับบริษัทที่มีการถือหุ้นร่วมที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการชําระเงินสมทบประกันสังคมและประกันภัย
หากไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้ ก็จำเป็นต้องมีคุณต้องมีการค้ำประกัน รูปแบบการค้ำประกันที่สามารถใช้ได้ ประกอบด้วย พันธบัตรของรัฐบาลหรือหลักทรัพย์ที่รัฐบาลค้ำประกัน หนังสือค้ำประกันของธนาคาร หรือกรมธรรม์ประกันภัยค้ำจุน
วิธีขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
สามารถส่งคําขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ดังนี้
ยื่นพร้อมการยื่น(แบบฟอร์มภาษีมูลค่าเพิ่ม TR)รายไตรมาสสําหรับ 3 ไตรมาสแรกของปี
การขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มและการขอชดเชย สามารถทำได้โดยไม่ต้องแนบวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีในกรณีต่อไปนี้
ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA ขั้นต่ำเท่ากับ 8 คะแนน (หรือมีคะแนนเฉลี่ยระหว่างรอบปีปีภาษี 2023 กับรอบก่อนหน้ามากกว่า 8.5 คะแนน) จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีสำหรับการชดเชยเครดิตไม่เกิน 50,000 ยูโร
ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA ขั้นต่ำ 9 คะแนนจะได้รับการยกเว้นถึง 70,000 ยูโร
คุณสามารถขอคืนภาษีได้โดยการระบุข้อมูลลงในช่องที่ในแบบฟอร์มยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแบบฟอร์ม TR ให้ถูกต้อง ข้อมูลนี้รวมถึง ยอดเครดิต ข้อกําหนดในการขอคืนเงิน และสิทธิได้รับยกเว้นจากการยื่นเอกสารค้ำประกัน
วันครบกําหนดในการขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มประจําปีซึ่งคุณสามารถขอคืนภาษีประจําปีได้ จะต้องส่งคําขอคืนภาษีประจําปีระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 30 เมษายน ของแต่ละปี การยื่นคำขอประจําไตรมาสจะต้องส่งภายในวันครบกําหนดต่อไปนี้
- ไตรมาสที่ 1: ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 30 เมษายน
- ไตรมาสที่ 2: ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 กรกฎาคม
- ไตรมาสที่ 3: ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 31 ตุลาคม
ภาษีมูลค่าเพิ่มมีการคืนให้อย่างไร
หลังจากยื่นคำขอแล้ว หน่วยงานด้านภาษีจะต้องคืนภาษีให้ภายในสามเดือนนับจากวันที่ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีที่เกิดความล่าช้า ผู้เสียภาษีจะได้รับดอกเบี้ยในอัตรา 2% ต่อปีนับจากวันที่ครบกำหนด 90 วัน
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ