เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอิตาลี: วิธีการใช้เป็นค่าชดเชยหรือเงินคืน

Tax
Tax

Stripe Tax จะทำให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลกเป็นไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้คุณไปมุ่งเน้นกับการขยายธุรกิจ โดยจะระบุภาระหน้าที่ทางภาษีของคุณ จัดการการจดทะเบียน คำนวณและเรียกเก็บภาษีด้วยจำนวนที่ถูกต้องทั่วโลก และช่วยในการยื่นภาษี ทั้งหมดนี้ทำได้ในที่เดียว

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การได้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอย่างไร
  3. ภาษีมูลค่าเพิ่มฝั่งภาษีซื้อและภาษีขายแตกต่างกันอย่างไร
  4. การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
    1. วิธีคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
    2. การชดเชยแนวนอนและการชดเชยแนวตั้ง
    3. วงเงินสําหรับค่าชดเชยแบบแนวนอน
    4. การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีและรายไตรมาส
  5. การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    1. ใครบ้างที่มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    2. ข้อกําหนดในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    3. การขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มมีหลักการทํางานอย่างไร
    4. การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนมากกว่า 30,000 ยูโร
    5. วิธีขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
    6. วันครบกําหนดในการขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
    7. ภาษีมูลค่าเพิ่มมีการคืนให้อย่างไร

หากคุณมีธุรกิจที่ดําเนินการในอิตาลีซึ่งอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณอาจพบว่าคุณมีเครดิตภาษีเมื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอะไร คุณจะใช้เครดิตนี้ได้อย่างไร ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงความหมายของเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม วิธีการใช้เงินยอดนี้เป็นค่าชดเชย และวิธีการขอคืนภาษี

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การได้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอย่างไร
  • ภาษีมูลค่าเพิ่มฝั่งภาษีซื้อและภาษีขายแตกต่างกันอย่างไร
  • การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

การได้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มหมายความว่าอย่างไร

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มคือจํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่บุคคลที่ต้องเสียภาษีจ่ายเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ โดยชําระทั้งค่าสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชําระไปถือเป็นเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากผู้มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ชำระภาษีนั้นแล้ว จึงได้เครดิตภาษีจากรัฐ

ต่อไปนี้คือตัวอย่างเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณซื้อเครื่องจักรในราคา 24,400 ยูโร โดย 4,400 ยูโรคือภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้คุณได้รับเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มจํานวน 4,400 ยูโร

ภาษีมูลค่าเพิ่มฝั่งภาษีซื้อและภาษีขายแตกต่างกันอย่างไร

ภาษีซื้อคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณจ่ายตามใบแจ้งหนี้จากการซื้อ ส่วนภาษีขาย คือภาษีที่คุณเรียกเก็บเมื่อขายสินค้าหรือบริการ

ตัวอย่างเช่น หากคุณขายตู้ลิ้นชักในราคา 350 ยูโร บวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 22% (77 ยูโร) คิดเป็นยอดรวม 427 ยูโร ภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 77 ยูโรคือภาษีที่คุณจะต้องนำส่งให้รัฐ นับเป็นหนี้ที่คุณมีต่อรัฐและคุณจะต้องจ่ายเงินจำนวนนั้นเข้าคลัง

การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม

ในช่วงการรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณสามารถชดเชยภาษีซื้อได้ด้วยหักลบกับภาษีขายที่อยู่ในรายการแสดงภาษีของคุณ วิธีนี้จะลดจํานวนเงินที่คุณต้องชําระ หรือในบางกรณีคุณจะได้เครดิตที่นำมาใช้ได้ โดยเราจะสาธิตวิธีการคํานวณเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ด้านล่างนี้

วิธีคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

ในการคํานวณเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณต้องหายอดภาษีซื้อและภาษีขาย สําหรับภาษีซื้อ คุณต้องคูณมูลค่าการซื้อรวมด้วยอัตราอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้อง หากยอดภาษีซื้อสูงกว่าภาษีขาย ธุรกิจของคุณก็ไม่จําเป็นต้องชําระค่าภาษีและสามารถขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มจากรัฐได้ในมูลค่าตามส่วนต่างของทั้งสองยอด ถ้าเป็นในทางตรงข้าม คุณก็ต้องชำระภาษี

ต่อไปนี้คือตัวอย่าง คุณซื้อสินค้าในราคารวมทั้งสิ้น 30,000 ยูโร โดยจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 22%

30,000 ยูโร x 22% = 6,600 ยูโร

ภาษีซื้อเท่ากับ 6,600 ยูโร ในช่วงเวลาเดียวกัน คุณขายสินค้ารวมทั้งหมด 15,000 ยูโร โดยเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 22% ภาษีขายคือ

15,000 ยูโร x 22% = 3,300 ยูโร

ดังนั้นภาษีขายคิดเป็น 3,300 ยูโร ในขณะที่ภาษีซื้อเท่ากับ 6,600 ยูโร ในตัวอย่างนี้ ภาษีมากกว่าภาษีขาย ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงอยู่ในสถานะที่ได้เครดิต

ภาษีซื้อรวม – ภาษีขายรวม = เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม

ในตัวอย่างนี้ เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 3,300 ยูโร

6,600 ยูโร – 3,300 ยูโร = 3,300 ยูโร

สามารถใช้ยอดนี้หักลบหนี้ภาษีได้

การชดเชยแนวนอนและการชดเชยแนวตั้ง

การชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มมีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ แนวตั้งและแนวนอน

  • การชดเชยแบบแนวตั้ง: วิธีนี้เกิดขึ้นเมื่อเครดิตภาษีอยู่ในหมวดเฉพาะที่ใช้สำหรับชำระหนี้ภาษีแบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น สามารถใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มชําระหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้

  • การชดเชยแบบแนวนอน: วิธีนี้เปิดให้คุณใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มชําระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับภาษีอื่นๆ นอกเหนือจากภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล (IRPEF) หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล (IRES)

วงเงินสําหรับค่าชดเชยแบบแนวนอน

คุณควรทำความเข้าใจประเภทของการชดเชยเพื่อให้ทราบว่าเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นสามารถใช้ได้อย่างอิสระหรือมีข้อจำกัดอยู่ ที่จริงแล้วการชดเชยแบบแนวตั้งไม่มีข้อจำกัดใดๆ แต่กับการชดเชยแบบแนวนอน คุณสามารถใช้เครดิตได้อย่างอิสระได้ไม่เกิน 5,000 ยูโร โดยวงเงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ยูโรสำหรับกิจการสตาร์ทอัพที่เป็นนวัตกรรม นอกจากวงเงินที่กำหนด ยังต้องพิจารณาถึงกฎต่อไปนี้ด้วย

  • สามารถใช้เครดิตที่เกิน 5,000 ยูโรเป็นค่าชดเชยได้ตั้งแต่วันที่ 10 หลังจากส่งแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายปี และในกรณีที่การรายงานภาษีได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเท่านั้น หรืออาจให้มีการลงนามในแบบแสดงรายการภาษีโดยหน่วยงานตรวจสอบ

  • ตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติของหน่วยงานสรรพากรอิตาลี วันที่ 27 เมษายน 2023 ผู้เสียภาษีที่มีคะแนนดัชนีความน่าเชื่อถือสรุป (ISA) ในรอบภาษีปี 2023 ขั้นต่ำเท่ากับ 8 (หรืออีกทางหนึ่งคือมีคะแนนเฉลี่ยในรอบภาษีปี 2023 และปีก่อนหน้าเท่ากับ 8.5) จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีสำหรับการหักลบภาษีจำนวนไม่เกิน 50,000 ยูโร ในกรณีที่มีคะแนน ISA ขั้นต่ํา 9 คะแนน การยกเว้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ยูโร ตามกฤษฎีกาว่าด้วยการลดความซับซ้อนในการปฏิบัติตามข้อกําหนดภาษี (กฤษฎีกาฉบับที่ 1, 8 มกราคม 2024)

การใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชดเชยผ่านแบบฟอร์ม F24 จะต้องดําเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ไว้เท่านั้น (เช่น Fisconline, Entratel) โดยไม่อนุญาตให้ใช้ระบบธนาคารทั่วไป

ต่อไปนี้คือสรุปวิธีการใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นค่าชดเชย

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มไม่เกิน 5,000 ยูโร

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ 5,000-50,000 ยูโร

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ 5,000-50,000 ยูโร*

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ 5,000-70,000 ยูโร**

แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มประจําปี

ไม่จําเป็น

จำเป็น

จำเป็น

จำเป็น

วีซ่าการปฏิบัติตามข้อกําหนด

ไม่จําเป็น

จำเป็น

จำเป็น

จำเป็น

การใช้เครดิต

1 มกราคมของปีถัดไป

วันที่ 10 หลังจาก
การส่งแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม

วันที่ 10 หลังจาก
การส่งแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม

วันที่ 10 หลังจาก
การส่งแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม

*ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA อย่างน้อย 8 หรือคะแนน ISA เฉลี่ยระหว่างปีภาษี 2023 และปีก่อนหน้า 8.5 คะแนน

**ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA อย่างน้อย 9 คะแนน

การชดเชยเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีและรายไตรมาส

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำมาใช้ชดเชยได้มีอยู่สองประเภท ดังนี้

  • เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปี
  • เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส

เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีมาจากการยื่นแบบแสดงรายการภาษีที่ทำในแต่ละปี ซึ่งสามารถใช้ชดเชย

  • หนี้ภาษีมูลค่าค้างจ่ายในรอบต่อๆ ไป
  • ภาษีอื่นๆ ของรัฐ เช่น IRPEF หรือ IRES
  • เงินสมทบประกันสังคมและสวัสดิการ

ในขณะที่เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาสเกิดจากการชําระภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส สามารถใช้เครดิตภาษีประเภทนี้เพื่อหักหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มค้างจ่ายในเดือนต่อๆ ไปเท่านั้น
การติดตามกฎระเบียบด้านภาษีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ทันการณ์อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสําหรับธุรกิจของคุณ เครื่องมืออย่าง Stripe Tax จะช่วยให้คุณสามารถคํานวณ เรียกเก็บภาษี และยื่นแบบแสดงรายการภาษีจากการชําระเงินทั้งหมดได้ในการผสานการทำงานระบบเพียงที่เดียว

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

อีกวิธีหนึ่งในการใช้เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชดเชยคือการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครบ้างที่มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

บริษัทที่จดทะเบียนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถส่งคําขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โดยเฉพาะ

  • ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ

  • ผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศซึ่งมีสถานประกอบการถาวรในอิตาลี ได้แต่งตั้งตัวแทนภาษี หรือดำเนินการภาษีด้วยตนเอง

ข้อกําหนดในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

สิทธิในการขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มประจำปีจะได้รับการรับรองในกรณีที่เข้าเงื่อนไขอย่างน้อยหนึ่งข้อตามที่ระบุไว้ในมาตรา 30 วรรค 3 ของรัฐกำหนดประธานาธิบดี เลขที่ 633/1972

  • กิจกรรมที่มีธุรกรรมที่เก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและการนําเข้า

  • มีธุรกรรมที่ไม่ต้องเสียภาษีมากกว่า 25% ของยอดรวมธุรกรรมทั้งหมด

  • การนำเข้าสินค้าและบริการที่เสื่อมราคาได้ที่ใช้เพื่อการวิจัยและพัฒนา

  • ธุรกรรมส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเนื่องจากไม่มีสภาพอาณาเขตตามมาตราที่ 7 ของรัฐกำหนดประธานาธิบดีเลขที่ 633/1972

การขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มมีหลักการทํางานอย่างไร

หากต้องการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณต้องมีเครดิตอย่างน้อย 2,582.28 ยูโร ทั้งนี้ไม่มีข้อจำกัดเฉพาะใดๆ สำหรับยอดเครดิตที่ไม่เกิน 30,000 ยูโร อย่างไรก็ตาม สําหรับยอดที่เกิน 30,000 ยูโร จะต้องใข้วีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี และในบางกรณีจะต้องมีการรับประกันอื่นเพิ่มเติมด้วย

สิ่งสําคัญที่ควรทราบคือเกณฑ์ 30,000 ยูโรจะต้องคำนวณยอดชดเชยกับยอดขอคืนแยกกัน ซึ่งหมายความว่า ในกรณีเช่น จำนวนเงินเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำมาชดเชยคือ 5,000 ยูโร และจำนวนภาษีที่ขอคืนคือ 28,500 ยูโร ก็ไม่จําเป็นต้องใช้เอกสารรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี แม้ว่าผลรวมของเครดิตทั้งสองแบบจะเกินเกณฑ์ 30,000 ยูโรก็ตาม

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนมากกว่า 30,000 ยูโร

สิ่งสำคัญประการแรกคือการแยกให้ได้ระหว่างผู้เสียภาษีที่ได้รับพิจารณาว่ามีความเสี่ยงกับผู้ที่ไม่ถือว่ามีความเสี่ยง ในความเป็นจริงกฎหมายระบุว่าผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยงที่ระบุไว้ในมาตรา 38-bis ของรัฐกำหนดประธานาธิบดี 26/10/1972 เลขที่ 633 ไม่มีสิทธิ์ขอวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี จึงต้องแสดงการค้ำประกันที่สามารถใช้ได้ ซึ่งประกอบด้วย

  • บุคคลที่ต้องเสียภาษีซึ่งดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจยังไม่ถึง 2 ปี (นอกเหนือจากบริษัทสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมที่กล่าวถึงในมาตราที่ 25 ของรัฐกำหนด 18/10/2012, เลขที่ 179)

  • บุคคลที่ต้องเสียภาษีซึ่งใน 2 ปีก่อนหน้าการขอคืนภาษี ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินหรือได้รับแจ้งให้แก้ไขส่วนต่างระหว่างจํานวนที่ประเมินและยอดภาษีที่ต้องชําระหรือเครดิตภาษีที่รายงานเกินกว่า

    • 10% ของยอดที่รายงานในกรณีที่ไม่เกิน 150,000 ยูโร
    • 5% ของยอดที่รายงานในกรณีที่เกิน 150,000 ยูโร แต่ไม่เกิน 1,500,000 ยูโร
    • 1% ของยอดที่รายงาน หรือ 150,000 ยูโรในทุกกรณี ในกรณีที่ยอดที่รายงานเกิน1,500,000 ยูโร

สําหรับผู้เสียภาษีรายอื่นๆ การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีมูลค่าเกิน 30,000 ยูโรไม่ต้องมีการค้ำประกัน แต่ต้องมีคำแถลงแทนหนังสือรับรองแนบท้ายแบบยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 47 ของรัฐกำหนดประธานาธิบดี 445/2000) คําแถลงจะต้องรับรองว่าไม่มีการเกินเงื่อนไขเกี่ยวกับสินทรัพย์ของผู้เสียภาษีและการดําเนินงานทางธุรกิจ เช่น

  • ความมั่นคงของมูลค่าสุทธิและอสังหาริมทรัพย์เทียบกับรอบภาษีก่อนหน้า ลดลงไม่เกิน 40% และไม่มีเลิกหรือลดกิจกรรมทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

  • ไม่มีการขายหุ้นหรือโควตาหุ้นในมูลค่ามากกว่า 50% ของทุนก่อนหน้าปีที่มีการขอคืนภาษีสำหรับบริษัทที่มีการถือหุ้นร่วมที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

  • ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการชําระเงินสมทบประกันสังคมและประกันภัย

หากไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้ ก็จำเป็นต้องมีคุณต้องมีการค้ำประกัน รูปแบบการค้ำประกันที่สามารถใช้ได้ ประกอบด้วย พันธบัตรของรัฐบาลหรือหลักทรัพย์ที่รัฐบาลค้ำประกัน หนังสือค้ำประกันของธนาคาร หรือกรมธรรม์ประกันภัยค้ำจุน

วิธีขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม

สามารถส่งคําขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ดังนี้

การขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มและการขอชดเชย สามารถทำได้โดยไม่ต้องแนบวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีในกรณีต่อไปนี้

  • ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA ขั้นต่ำเท่ากับ 8 คะแนน (หรือมีคะแนนเฉลี่ยระหว่างรอบปีปีภาษี 2023 กับรอบก่อนหน้ามากกว่า 8.5 คะแนน) จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซารับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีสำหรับการชดเชยเครดิตไม่เกิน 50,000 ยูโร

  • ผู้เสียภาษีที่มีคะแนน ISA ขั้นต่ำ 9 คะแนนจะได้รับการยกเว้นถึง 70,000 ยูโร

คุณสามารถขอคืนภาษีได้โดยการระบุข้อมูลลงในช่องที่ในแบบฟอร์มยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแบบฟอร์ม TR ให้ถูกต้อง ข้อมูลนี้รวมถึง ยอดเครดิต ข้อกําหนดในการขอคืนเงิน และสิทธิได้รับยกเว้นจากการยื่นเอกสารค้ำประกัน

วันครบกําหนดในการขอคืนเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม

การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มประจําปีซึ่งคุณสามารถขอคืนภาษีประจําปีได้ จะต้องส่งคําขอคืนภาษีประจําปีระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 30 เมษายน ของแต่ละปี การยื่นคำขอประจําไตรมาสจะต้องส่งภายในวันครบกําหนดต่อไปนี้

  • ไตรมาสที่ 1: ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 30 เมษายน
  • ไตรมาสที่ 2: ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 กรกฎาคม
  • ไตรมาสที่ 3: ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 31 ตุลาคม

ภาษีมูลค่าเพิ่มมีการคืนให้อย่างไร

หลังจากยื่นคำขอแล้ว หน่วยงานด้านภาษีจะต้องคืนภาษีให้ภายในสามเดือนนับจากวันที่ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีที่เกิดความล่าช้า ผู้เสียภาษีจะได้รับดอกเบี้ยในอัตรา 2% ต่อปีนับจากวันที่ครบกำหนด 90 วัน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Tax

Tax

ช่วยให้คุณทราบพื้นที่ที่ต้องจดทะเบียน เรียกเก็บภาษีในจำนวนที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเข้าถึงรายงานที่ใช้สำหรับยื่นเงินคืนภาษี

Stripe Docs เกี่ยวกับ Tax

เรียกเก็บภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST รวมทั้งสร้างรายงานธุรกรรมทั้งหมดของคุณแบบอัตโนมัติ พร้อมเชื่อมต่อระบบโดยเขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยหรือไม่ต้องเขียนโค้ดเลย