ทุกธุรกิจในเยอรมนีต้องปฏิบัติตามตามกำหนดเวลาตามกฎหมายเมื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้า อย่างไรก็ตามธุรกิจส่วนใหญ่สามารถขยายกำหนดเวลานี้ได้ ด้านล่างนี้เราจะอธิบายว่าข้อกำหนดสำหรับการขยายกำหนดเวลามีอะไรบ้าง วิธีการยื่นคำขอทำอย่างไร และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับมีอะไรบ้าง
เนื้อหาหลักในบทความ
- การขยายกำหนดเวลาคืออะไร
- การขยายกำหนดเวลามีผลอย่างไรต่อการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้า
- ใครสามารถยื่นขอขยายกำหนดเวลาได้บ้าง
- คุณจะยื่นขอขยายกำหนดเวลาสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร
- กำหนดเวลาสำหรับการยื่นคำขอคืออะไรบ้าง
- การขยายกำหนดเวลาสำหรับการชำระเงินรายเดือน และรายไตรมาสมีฟีเจอร์อะไรบ้าง
- กฎเกณฑ์ใดบ้างที่ใช้บังคับกับการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว
การขยายกำหนดเวลาคืออะไร
ในเยอรมนี ธุรกิจต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าแบบเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาสภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจะมีเวลา 10 วันในการจัดการใบแจ้งหนี้ และใบเสร็จรับเงิน เพื่อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องสำหรับรอบระยะเวลานั้น (รายเดือนหรือรายไตรมาส) และยื่นแบบแสดงรายการไปยังสำนักงานภาษี หากเกินเวลาที่กำหนด ธุรกิจอาจต้องเสียค่าปรับจากการชำระเงินล่าช้า อย่างไรก็ตามกฎหมายโดยสภานิติบัญญัติได้กำหนดให้สามารถขยายเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้า และการชำระภาษีที่เกี่ยวข้องออกไปได้อีกหนึ่งเดือน โดยสิทธิ์นี้ถูกกำหนดไว้ใน[มาตรา 18 (6) UStG](https://www.gesetze-im-internet.de/ustg1980/_18.html "gesetze-im-internet.de | Bundesministerium des Justiz, Umsatzsteuergesetz (UStG) § 18 Besteuerungsverfahren (พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ธุรกิจยังสามารถยื่นขอขยายกำหนดเวลาแบบถาวรได้ด้วย แต่การขยายเวลานี้จะไม่มีผลกระทบต่อการยื่นแบบภาษีประจำปี ไม่ว่าธุรกิจจะยื่นขอขยายกำหนดเวลาหรือไม่ก็ตาม จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระต่อปีจะยังคงเท่าเดิม
การขยายกำหนดเวลามีผลอย่างไรต่อการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้า
การขยายกำหนดเวลาเปิดโอกาสให้ธุรกิจในเยอรมนีมีตัวเลือกในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าได้ช้ากว่าเดิมหนึ่งเดือน ซึ่งหมายความว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ครบกำหนดชำระสำหรับเดือนหรือไตรมาสก่อนหน้า ไม่จำเป็นต้องชำระทันที ซึ่งจะช่วยลดความกดดันในเรื่องของเวลาให้กับฝ่ายบัญชี ที่สำคัญการขยายกำหนดเวลายังช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ และธุรกิจขนาดเล็ก อีกทั้งยังช่วยรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าแบบรายเดือน เมื่อใช้สิทธิ์ขยายกำหนดเวลาจะสามารถรอจนถึงวันที่ 10 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ในการยื่นแบบแสดงรายการสำหรับเดือนมกราคม
ใครสามารถยื่นขอขยายกำหนดเวลาได้บ้าง
ธุรกิจใดๆ ในเยอรมนีที่ถูกกำหนดให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้า สามารถยื่นขอขยายกำหนดเวลาได้ กล่าวคือครอบคลุมถึงทุกธุรกิจ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และฟรีแลนซ์
ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ธุรกิจขนาดเล็กจะไม่รวมอยู่ในสิทธิ์นี้ เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ในทำนองเดียวกันธุรกิจที่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่มในปีก่อนหน้าน้อยกว่า 1,000 ยูโร ก็จะได้รับการยกเว้น และไม่จำเป็นต้องยื่นขอขยายกำหนดเวลา
ผู้ที่ยื่นขอขยายกำหนดเวลาต้องมีคุณสมบัติหรือเงื่อนไขเบื้องต้นอะไรบ้าง
เมื่อยื่นขอขยายกำหนดเวลา จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้:
- ต้องมีความชัดเจนว่าสำนักงานภาษีใดมีเขตอำนาจศาลในการดูแลธุรกิจของผู้ยื่นคำขอ และต้องยื่นคำขอไปที่สำนักงานนั้น
- ผู้ยื่นคำขอต้องยื่นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของข้อบังคับที่กำหนดเรื่องการนำส่งข้อมูลทางภาษี (StDÜV)
คุณจะยื่นขอขยายกำหนดเวลาสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร
ธุรกิจที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายไตรมาสจำเป็นต้องยื่นขอขยายกำหนดเวลากับสำนักงานภาษีที่ดูแลเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ธุรกิจที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายเดือนจะต้องยื่นขอใหม่ทุกปี ในกรณีหลังนี้ธุรกิจยังต้องทำการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว โดยคิดเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดส่วนของภาระภาษีมูลค่าเพิ่มของปีก่อนหน้า ทั้งนี้การยื่นขอขยายกำหนดเวลาในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มไม่จำเป็นต้องมีการให้เหตุผลประกอบ
การโอนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
การขอขยายกำหนดเวลาสามารถยื่นขอได้ทางออนไลน์ผ่านทาง ELSTER ซึ่งเป็นสำนักงานภาษีออนไลน์สำหรับธุรกิจในเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2011 เป็นต้นมา การยื่นขอขยายกำหนดเวลา และการลงทะเบียนการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว จะต้องดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาการยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (UStAE) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จะต้องยื่นทางออนไลน์ (มาตรา 18.4 (2) UStAE) ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่ไม่สมควร ไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคคลหรือทางการเงิน สำนักงานภาษีสามารถยกเว้นข้อกำหนดสำหรับการนำส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ (มาตรา 18.1 (1) UStAE) ในกรณีดังกล่าวธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะต้องยื่นคำขอขยายกำหนดเวลาโดยใช้แบบฟอร์มทางการ USt1H นอกจากนี้ธุรกิจยังสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าในรูปแบบเอกสารกระดาษได้ หากได้รับการอนุมัติคำขอจากสำนักงานภาษี
เมื่อกรอกใบยื่นคำขอออนไลน์เพื่อขอขยายกำหนดเวลาผ่านพอร์ทัล ELSTER ของสำนักงานภาษี ธุรกิจจะต้องระบุจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในรอบปีปฏิทิน ธุรกิจที่ยื่นขอขยายกำหนดเวลาเป็นครั้งแรกสามารถใช้ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระในปีก่อนหน้ามาเป็นแนวทางได้ ส่วนธุรกิจสตาร์ทอัพต้องประมาณการภาระภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อยื่นขอขยายกำหนดเวลาสำหรับปีแรกของการดำเนินงาน การชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียวตามข้อกำหนดจะคำนวณโดยอัตโนมัติตามจำนวนเงินที่ระบุโดยโปรแกรม ELSTER
โดยปกติแล้ว ที่ปรึกษาด้านภาษีของธุรกิจจะเป็นผู้รับผิดชอบในการยื่นขอขยายกำหนดเวลา คำนวณการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว และแจ้งให้ธุรกิจทราบถึงกำหนดเวลาที่เกี่ยวข้องจากการขยายเวลาอย่างทันท่วงที ในการใช้ ELSTER ธุรกิจยังสามารถยื่นส่งข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับยอดขายประจำปีของตนได้ด้วยตนเองเช่นกัน
การอนุมัติคำขอขยายกำหนดเวลา
เมื่อธุรกิจยื่นคำขอขยายกำหนดเวลา จะถือว่าคำขอนั้นได้รับการอนุมัติจากสำนักงานภาษีที่เกี่ยวข้องโดยปริยาย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วสำนักงานภาษีจะปฏิเสธคำขอดังกล่าวเฉพาะในกรณีที่ธุรกิจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ชำระภาษีล่าช้าหรือไม่ชำระเลย ในทุกกรณีอื่นๆ สำนักงานภาษีจะอนุมัติคำขอ แต่จะไม่มีการออกหนังสือแจ้งผลการพิจารณา หากสำนักงานภาษีไม่ได้ปฏิเสธคำขอโดยชัดแจ้ง ก็จะถือว่าคำขอนั้นได้รับการอนุมัติแล้ว ซึ่งหมายความว่าธุรกิจสามารถใช้สิทธิ์ขยายกำหนดเวลาได้ทันทีที่สำนักงานภาษีได้รับคำขอ
การยื่นคำขอขยายกำหนดเวลานั้น ถือเป็นเพียงขั้นตอนตามระเบียบ และสามารถทำได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม การขยายเวลาจะไม่มีผลย้อนหลัง แต่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลาที่ยื่นคำขอเป็นต้นไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามธุรกิจยังต้องใส่ใจ และปฏิบัติตามกรอบเวลาที่กำหนดเพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ขยายกำหนดเวลาได้ทันทีหลังจากที่ยื่นคำขอ
การขยายกำหนดเวลามีผลบังคับใช้นานเท่าใด
เว้นแต่จะถูกปฏิเสธโดยชัดแจ้ง การขยายกำหนดเวลาจะถือว่าได้รับอนุมัติและมีผลบังคับใช้จนกว่าจะถูกเพิกถอนโดยสำนักงานภาษี หรือโดยธุรกิจเอง การขยายกำหนดเวลานี้ยังมีผลครอบคลุมไปถึงปีปฏิทินถัดๆ ไป ตราบใดที่ยังไม่ถูกเพิกถอน (มาตรา 18.4 (3) วรรค 1 UStAE)
กำหนดเวลาสำหรับการยื่นคำขอคือเมื่อใด
ธุรกิจที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายเดือนและต้องการยื่นขอขยายกำหนดเวลาสำหรับทั้งปีปฏิทิน จะต้องดำเนินการภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ของปีนั้น ส่วนธุรกิจที่ชำระแบบรายไตรมาส จะต้องยื่นคำขอขยายกำหนดเวลาสำหรับทั้งปีปฏิทินภายในวันที่ 10 เมษายนของปีที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสามารถยื่นขอขยายกำหนดเวลาได้ทุกเมื่อ กล่าวคือ แม้ในระหว่างปีปฏิทิน ตามข้อกำหนดทางกฎหมาย (มาตรา 18 (1) และ 2a UstG) ธุรกิจจะต้องยื่นคำขอขยายกำหนดเวลาก่อนถึงกำหนดยื่นแบบแสดงรายการภาษีล่วงหน้าครั้งแรกที่จะได้รับผลจากการขยายกำหนดเวลา
ตัวอย่างสำหรับธุรกิจที่ชำระแบบรายเดือน
ธุรกิจของคุณชำระภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าแบบรายเดือน และคุณต้องการให้การขยายกำหนดเวลามีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 ในการดำเนินการนี้ คุณต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2023 หลังจากยื่นคำขอแล้ว การชำระล่วงหน้าของคุณไม่จำเป็นต้องทำภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2023 แต่จะสามารถชำระได้ถึงวันที่ 10 กันยายน 2023 แทน
ตัวอย่างสำหรับธุรกิจที่ชำระแบบรายไตรมาส
ธุรกิจของคุณชำระภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าแบบรายไตรมาส และคุณต้องการให้การขยายกำหนดเวลามีผลตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ในการดำเนินการนี้ คุณต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 10 มกราคม 2024 หลังจากยื่นคำขอแล้ว การชำระล่วงหน้าของคุณไม่จำเป็นต้องทำภายในวันที่ 10 มกราคม 2024 แต่จะสามารถชำระได้ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2024 แทน
การขยายกำหนดเวลาสำหรับการชำระเงินรายเดือน และรายไตรมาสมีฟีเจอร์อะไรบ้าง
ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจจำเป็นต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส ซึ่งเงื่อนไขในการใช้สิทธิ์ขยายกำหนดเวลาก็จะแตกต่างกันออกไป
สำหรับธุรกิจที่ชำระแบบรายเดือน
ธุรกิจที่ยื่น และจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายเดือนจะต้องชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียวเป็นจำนวนหนึ่งในสิบเอ็ดส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งปี แม้ว่าสิทธิ์ขยายกำหนดเวลาจะไม่จำเป็นต้องสมัครใหม่ทุกปี แต่การชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียวนั้น ต้องชำระในทุกปีปฏิทินที่มีการใช้สิทธิ์ขยายกำหนดเวลา และจะต้องคำนวณ ยื่น และชำระภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ (ตามมาตรา 18.4 (3) วรรค 1 UStAE)
สำหรับธุรกิจที่ชำระแบบรายไตรมาส
ธุรกิจที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายไตรมาสไม่จำเป็นต้องชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว อย่างไรก็ตามธุรกิจที่ชำระแบบรายไตรมาสจะได้รับสิทธิ์ให้ขยายกำหนดเวลาได้เพียงหนึ่งเดือน ไม่ใช่ทั้งไตรมาส ซึ่งหมายความว่า ตัวอย่างเช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มของไตรมาสแรกของปีจะต้องยื่นภายในวันที่ 10 พฤษภาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 10 เมษายน
คุณสามารถเปลี่ยนจากการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายเดือนมาเป็นรายไตรมาสได้หรือไม่
ธุรกิจที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายไตรมาสมีข้อได้เปรียบมากกว่าธุรกิจที่ชำระแบบเป็นรายเดือนในเรื่องของการขยายกำหนดเวลา ตัวอย่างเช่น ไม่จำเป็นต้องทำการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่แต่ละธุรกิจจะต้องทำความเข้าใจกับเงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงจากการชำระแบบรายเดือนมาเป็นรายไตรมาสให้ชัดเจน
โดยทั่วไปธุรกิจจะถูกจัดประเภทโดยสำนักงานภาษีว่าต้องชำระเป็นแบบรายเดือนหรือรายไตรมาส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณยอดขายที่ธุรกิจบันทึกไว้ และระดับภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องที่ได้ชำระในปีก่อนๆ ในปีแรกทุกธุรกิจจะต้องรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือน การเปลี่ยนไปชำระแบบรายไตรมาสสามารถทำได้ตั้งแต่ปีที่สามของการดำเนินงานเท่านั้นเมื่อสำนักงานภาษีทราบยอดขายประจำปีของธุรกิจในปีแรกแล้ว หากภาระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อปีสูงกว่า 7,500 ยูโร ธุรกิจจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าแบบรายเดือนต่อไป หากเมื่อสิ้นปีที่สอง ธุรกิจชำระภาษีมูลค่าเพิ่มน้อยกว่า 7,500 ยูโร ก็สามารถเปลี่ยนจากการชำระแบบรายเดือนมาเป็นรายไตรมาสได้ในปีที่สาม ทั้งนี้ธุรกิจที่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่มรายปีต่ำกว่า 1,000 ยูโร สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายปีได้
มีกฎเกณฑ์ใดบ้างที่ใช้บังคับกับการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว
การชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว จะคำนวณโดยอิงตามยอดในเดือนสุดท้ายของปีที่เกี่ยวข้อง (เช่น ธันวาคม) ในกรณีของธุรกิจที่ดำเนินการในปีแรก จำนวนเงินชำระล่วงหน้าครั้งเดียวนี้จะถูกสำนักงานภาษีประเมินจากข้อมูลที่ธุรกิจได้แจ้งไว้เกี่ยวกับประมาณการยอดขายประจำปี
เว้นแต่การขยายกำหนดเวลาจะถูกเพิกถอน การชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียวต้องทำภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ของปีปฏิทินถัดไป หากการชำระเงินครั้งเดียวล่าช้า สำนักงานภาษีสามารถเรียกเก็บค่าปรับการชำระล่าช้าได้ ทั้งนี้กฎเดียวกันนี้ยังใช้บังคับกับทุกครั้งที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าล่าช้า
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงินและดูข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่มีให้สำหรับธุรกิจในเยอรมนี หากต้องการใช้ประโยชน์จากข้อเสนอด้านการพัฒนาของเรา โปรดติดต่อทีมงานฝ่ายขายของ Stripe
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ